วัตถุประสงค์ส่วนบุคคลของคุณทักษิณ คือ
เปิดโต๊ะเจรจาเพื่อนำไปสู่การนิรโทษกรรม
วัตถุประสงค์ขององค์กร1(กลุ่มเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย) คือ
ทวงคืนความยุติธรรม นำประชาธิปไตยกลับคืนมา อาทิ เช่น
- มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ นำ รธน.40 กลับมาใช้
- มีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เสมอภาค เท่าเทียมกัน
วัตถุประสงค์ขององค์กร2(กลุ่มเสื้อแดงรักทักษิณ) คือ
ทวงคืนความยุติธรรม นำประชาธิปไตยกลับคืนมา อาทิ เช่น
- มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ นำ รธน.40 กลับมาใช้
- มีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เสมอภาค เท่าเทียมกัน
+ มีการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง รวมทั้งอดีตนายกฯทักษิณ
สิ่งที่คุณทักษิณโฟนอินมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 22 ณ สนามกีฬาเชียงใหม่
น่าจะมีนัยยะสำคัญพุ่งไปที่ การส่งสัญญาณ(กดดัน)เพื่อเปิดโต๊ะเจรจาต่อรอง
เพื่อมุ่งไปสู่การนิรโทษกรรม สร้างความสมานฉันท์ปรองดอง
อย่าลืมว่า ขบวนการรัฐประหารที่มี "..." เป็นหัวหน้าขบวนการ
และเป็นคนที่ทักษิณจะเปิดเผยวันที่ 27 นี้ ต่อจากการเปิดเผยในวันที่ 22 นั้น
ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในกลุ่มเสื้อแดง ที่มีการรับรู้มาตั้งนานแล้ว
มิเช่นนั้น สมัยนปก.ทำการต่อสู้ขับไล่คมช.คงไม่ยกขบวนไปหน้าบ้านสี่เสา
และนำไปสู่การถูกล้อมปราบ แต่ไม่สำเร็จ เพราะมีการถอนทัพกลับสนามหลวงก่อน
อย่าลืมว่า การทำรัฐประหารนั้นก่อการโดยสำเร็จ
ที่สำคัญมีการนิรโทษกรรมคณะผู้ก่อการและร่วมขบวนการไว้แล้ว
ตราเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ ม. 309
การโฟนอินดังกล่าวจึงไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้
ทำได้เพียงแค่เปิดเผยให้สังคมรับรู้และสร้างกระแสในการกดดันเท่านั้น
ฝ่ายที่ถูกเผยชื่ออาจมีการตอบโต้บ้างแต่คงไม่ใช่สาระเท่าใด
เพราะการโฟนอินนี้สาระ ไม่ได้ต้องการคำตอบว่าจริงหรือไม่
แต่พุ่งเป้าไปที่การสร้างความกดดันเพื่อใช้ในการเจรจาต่อรองเป็นหลัก
ดังนั้นกลุ่มเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย จึงจะต้องสร้างความกดดันต่อรัฐบาล
เรียกร้องให้รัฐบาลรับข้อเสนอที่เป็นเงื่อนไขนำไปสู่การปฏิบัติหวังผลได้จริง
โดยแกนนำจะไม่หาเหตุอื่นใดเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการยุติการชุมนุมกลางครัน
ทั้งๆ ข้อเรียกร้องที่ตั้งไว้ไม่ได้รับการตอบสนอง หรือ บรรลุผลเลย
เงื่อนไขที่ว่าอาจจะยังไม่ต้องบรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์กร ที่จะต้องใช้ระยะเวลา
แต่อาจตั้งเงื่อนไขที่สามารถชี้นำแสดงให้เห็นจุดเปลี่ยนแปลง ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในอนาคต
อาทิ เช่น ปลดนายกษิต มีการดำเนินคดีความกับพันธมิตรและกลุ่มเสื้อแดงอย่างเป็นธรรม
และสิ่งที่ต้องระวังสำหรับทั้งฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มเสื้อแดงที่ไม่สมควรให้เกิดคือ
การสูญเสียเลือดเนื้อของประชาชนกับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่เกิดจากการปะทะกัน
ซึ่งอาจส่งผลลุกลามบานปลายไปถึงขั้นจราจลและกลายเป็นสงครามกลางเมือง ฯลฯ
เพราะมองมุมไหน การชุมนุมโดยสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ไร้ความรุนแรง
คงไม่สามารถสร้างความกดดันเพื่อให้รัฐบาลรับข้อเสนอนำไปปฏิบัติได้
และจากอดีต ตัวอย่างการชุมนุมยึดทำเนียบ ปิดสนามบินของพันธมิตร
ก็ไม่สามารถล้มล้างหรือขับไล่รัฐบาลสสมัคร-สมชายได้เลย
นอกจากใช้พลังเทวดามาช่วยแล้ว สุดท้ายตัดสินชี้ขาดกันที่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น
การหวังผลที่เกิดจากการปะทะอาจแบ่งได้เป็น 3 แนวทางคร่าวๆ ดังนี้
1. ปะทะ เพื่อสร้างเงื่อนไขให้ทหารหรือประชาชนอีกกลุ่มทำการปฏิวัติรัฐประหาร
2. ปะทะ เพื่อสร้างเงื่อนไขปูทางไปสู่การนิรโทษกรรม สร้างความสมานฉันท์ปรองดอง
3. ปะทะ เพื่อนำไปสู่การล้อมปราบ และกำจัดศัตรูทางการเมืองให้สิ้นซาก
*แม่น้ำร้อยสายไหลรวมเป็นหนึ่งที่กรุงเทพ*
จากคุณ :
สิงห์สนามหลวง
- [
24 มี.ค. 52 13:30:29
A:58.8.199.117 X:
]