กระทู้เก่าตกเร็ว ก็ขอย้ายมา
แล้วประเด็นที่จะเถียงเป็นหลัก ก็จะเป็นประเด็นที่ต่างจากเดิม
คุณ +:Non Media:+ บอกว่า
"เอาล่ะ ถ้าคิดตามหน่อยนึง และคิดว่ามันเป็นคดีที่ผิดจริยธรรม เอาล่ะถ้ายอมตาม คดีผิดจริยธรรมที่ไหน มีโทษติดคุก !?
ผิดจริยธรรม ถ้าให้มันเป็นธรรม อย่างมากก็ปลดออกสิเฟ้ย หรือเสียค่าปรับ อะไรก็ว่ากันไปสิ อันนี้คิดตาม แบบไม่ได้ต่อรองราคาแล้วนะ มันก็ยังไม่ถูกต้องชอบธรรมอยู่ดี นานาชาติ ก็ไม่ยอมรับ ในระบบศาลเดียวด้วยนะ ศาลเดียวแล้วติดคุกมันจะยุติธรรมได้อย่างไร
และจากที่คุณคิดมาโดยใช้ข้อด้อย หรือข้อจำกัดของศาล เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขกำหนดระบบของศาล คิดอย่างนี้ ผมว่ารู้ถึงไหน มันน่าอายถึงนั้นนะครับ
นี่มัน"ระบบยุติธรรม" นะคุณ ไม่ใช่ "ระบบสวัสดิการของศาล" จึงจะได้อ้างภาระหรือข้อจำกัด อุปสรรคของศาลในเรื่องจำนวนการดัดสินคดี มาเป็นตัวกำหนดระบบศาลเดี่ยว หรือศาลคู่ คิดอย่างนี้ เอาไรคิดนี่ มันไม่ได้ยึดหลักของความยุติธรรมเอาซะเลยนะ
นี่ไม่ได้ยินที่นายกฯทักษิณว่าไว้เหรอ แกไปมาทั่วโลกแล้ว ไม่มีประเทศไหนยอมรับ ระบบศาลเดียว เพราะมันได้ทำให้เกิดความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง
นานาชาติเค้าพิสูจน์มาแล้วว่า ระบบศาลเดียวเพื่อเอาคนติดคุกนั้น มันไม่ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลย นี่มันจะย้อนยุคไปถึงยุคเปาบุ้นจิ้นเลยนะครับ
ระบบศาลที่มี 3 ศาล นั้นเค้าเอา ความยุติธรรม เป็นที่ตั้ง เพื่อให้เกิดยุติ ในความเป็นธรรมแก่ผุ้ถูกกล่าวหา ไม่ใช่ ใช้วิธีคิดแบบมั่ว ๆ แบบคุณที่ สงสารศาลฯ จะทำงานหนัก
โห ถ้าตัดสินผิด นี่ ศาลไม่ได้เป็นคนติดนะ ผู้ต้องหา ที่ศาลตัดสิน ต่างหากเล่า เป็นคนติด ดังนั้นจะเอาศาลเป้นที่ตั้งได้อย่างไรเค้าไม่ทำกัน !
ผมว่า ระบบคิดของคุณมีปัญหา จับประเด็นไม่เป็น และคิดเอง เออเองไม่มีหลักยึด จึงทำให้ความคิดเห็นของคุณมันสับสน และขัดแย้งกับคนที่มีหลักยึดอย่างพวกผม ซี่งอีงต่อหลักประชาธิปไตย สากล ! "
ประเด็นใหม่หลักๆที่จะเถียง คือ
ศาลฏีกาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ควรมีศาลเดียวไหม
ผมขอตอบดังนี้
สิ่งที่เป็นความจริง แต่ไม่พูดกันตรงๆ คือคณะผู้พิพากษาในศาลฎีกา เป็นผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์ มากกว่าคณะผู้พิพากษาในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์
เถียงกันแบบเดียวกัน ศาลฎีกาอาจตัดสินต่างจากศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ซึ่งทุกฝ่ายต้องยอมรับ นำคำตัดสินมาเป็นตำราไว้อ้างอิงต่อไป
การที่ไม่สามารถให้คดีทุกเรื่องกระโดดไปตัดสินที่ศาลฎีกาได้ ส่วนหนึ่งที่มักพูดกัน คือเพื่อความเป็นธรรม ตอนแรกคู่คดีอาจเตรียมตัวมาไม่พร้อม เจอทนายไม่เก่ง ก็จะได้มีโอกาสแก้ตัว
แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่ไม่พูดตรงๆ คือต้องการลดภาระงานศาลฏีกา หลายคดีจบลงที่ศาลชั้นต้น หรือศาลอุทธรณ์ เมื่อคู่ความพอยอมรับคำตัดสินได้ทั้ง ๒ ฝ่าย ไม่คุ้มต่อการสู้ถึงฎีกา เสียเวลา เสียเงิน
แต่การที่กฏหมายไทยกำหนดให้ศาลฎีกานักการเมือง มีแค่ศาลเดียว ก็เพราะเล็งเห็นผลดีมากกว่าผลเสีย
คดีแบบนี้ตัดสินให้เร็วเท่าไร ก็จะเป็นผลดี
คนผิดรับโทษเร็ว
คนถูกก็เป็นผู้บริสุทธิ์เร็ว
ข้อสำคัญ จะเป็นกี่ศาล หรือศาลเดียว คณะผู้พิพากษาที่จะตัดสินเป็นคณะสุดท้ายมันก็คือศาลฎีกานักการเมือง ซึ่งหลักการแล้วก็ประกอบด้วยคนชุดเดียวกัน ซึ่งคำตัดสินโอกาสผิดเพี้ยนแทบเป็นไปไม่ได้
คิดหรือครับ ว่าถ้าเป็นสามศาลสิบศาล แล้วสุดท้ายถึงฎีกาเหมือนกัน ผู้ตัดสินคณะเดิม คำตัดสินมันจะต่างจากเดิม ยังไงมันก็ต้องออกมาเป็น ๕ ต่อ ๔
จะรอซื้อเวลา ๓ ศาล หรือ กี่สิบศาลไปทำไม
หลายเรื่องที่พ่วงข้าราชการไปด้วย อย่างหวยบนดิน กล้ายาง ข้าราชการเหล่านั้นเวลานี้ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เงินเดือนไม่ได้ขึ้น แม้ภายหลังพ้นผิดก็ย้อนหลังได้แค่ปีละ ๑ ขั้น ต่ำกว่าที่ควรได้จริง
ที่อ้างทั่วโลก ไม่อายหรือครับ ชาติอื่นเขาไม่มีหรอกครับ
นายกทำกับข้าว รัฐบาลตั้งสปอนเซอร์หลักเจ้าของโรงงานพริกไทย เป็นบอร์ดสายการบินแห่งชาติ
นายกปล่อยให้ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาที่มีสารระเบิดร้ายแรงRDXผสม(ไม่มีในอเมริกา ยุโรป) จนบาดเจ็บแล้วไม่สั่งหยุด
นายกรับรู้ว่าเมียประมูลที่ดินรัฐจะเอามาสร้างบ้าน ไม่สนใจว่าใครจะเกรงใจไม่แข่งประมูลเต็มที่
ถ้าเป็นอังกฤษ ๓ กรณีนี้นายก ลาออก
ถ้าเป็นญี่ปุ่น นายกคว้านท้องตายไปนานแล้ว ไม่มีโอกาสเป็นผู้ร้ายหนีคดีข้ามโลกออกเทเลคอนเฟอร์เรนซ์เป็นจางซูเหลียงหรอก
ส่วนกรณีกฎหมายจริยธรรม ถ้าผิดแค่ปลดออก หรือเสียค่าปรับ
คงมีคนยอมเสี่ยงทำผิดกันจม
ต่อไปคงเห็นเจ้าหน้าที่รัฐรับของขวัญเกิน ๓ พัน เป็นรับ ๓ ล้าน ๓๐ ล้าน ถ้าจับไม่ได้ว่าทุจริตยังไงชัดๆ ก็คุ้มที่จะถูกไล่ออก ไม่ต้องติดคุก ๓ ปี
แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 52 11:47:53
แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 52 11:43:32
จากคุณ :
Pom.com 
- [
28 มี.ค. 52 11:40:56
A:124.120.228.63 X:
]
นายกฯทักษิณบอกว่าไม่มีประเทศไหนยอมรับระบบศาลเดียว{แตกประเด็นจาก P7671283}
... เข้ามาดู