http://thaienews.blogspot.com/2009/03/blog-post_6074.html
(ขออภัยข้อความยาวมาก ถ้าอ่านครบทั้ง3ข้อแล้ว รับรองว่ากระจ่างจิตเลยครับ
จึงขออนุญาตเจ้าของข้อมูลบทความ มาแค่ข้อเดียวคือตอนสรุป ขอให้ตามไปอ่านที่ ลิ้งค์ข้างบนครับ)
1. ........
2. ........
3. ทฤษฎีสมคบคิดใหม่ ว่าด้วยการสนทนาของบุคคลทั้งเจ็ด
วิเคราะห์ความสำคัญของคนทั้งเจ็ดในแง่ตัวแทนกลุ่มบุคคล
อัคราทร + ชายชัย + จรัญ = ตัวแทนศาล
สุรยุทธ = องคมนตรี
ปราโมทย์ = ตัวแทนกลุ่มผู้จัดการและพธม.
พัลลภ = จปร. 7
วิเคราะห์ผลตอบแทนของบุคคลทั้งเจ็ดหลังเหตุการณ์รัฐประหาร
อัคราทร = candidate นายกหลังรัฐประหาร ปัจจุบันประธานศาลปกครองสูงสุด (http://th.wikipedia.org/wiki/อักขราทร_จุฬารัตน)
ชาญชัย = รมต.ยุติธรรม สมัย สุรยุทธ์ ปัจจุบัน องคมนตรี (http://th.wikipedia.org/wiki/ชาญชัย_ลิขิตจิตถะ)
จรัล = ปลัด ยุติธณรม ปัจจุบัน ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ
สุรยุทธ์ = นายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน องคมนตรี
ปราโมทย์ = คอลัมนิสต์
พัลลภ = รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.
หาก ทั้งเจ็ดคนได้มีการวางแผนล้มล้างรัฐบาลจริง เชื่อได้ว่าบุคคลเกือบทั้งหมดได้รับการสมนาคุณทั้งทางตรงและทางอ้อม คนที่ดูจะได้รับผลตอบแทนน้อยที่สุดน่าจะเป็นพัลลภเพราะตำแหน่งที่ได้ไม่ได้ มีความแตก
ต่างจากสมัยทักษิณอยู่เลย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่พัลลภจะออกมาแฉเรื่องนี้ ส่วนปราโมทย์นั้นด้วยความเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้จัดการดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า ผลตอบแทนน่าจะไปตกอยู่ที่สนธิมากกว่า แต่ก็อย่างที่ปรากฎเป็นความจริงต่อมาว่า สนธิโดนหักหลังเรื่องสถานีโทรทัศน์ ให้วิเคราะห์จากเหตุการณ์ทั้งหมดตามลำดับ
- เกิดการประชุมกันของบุคคลทั้งเจ็ด
- มีการตีพิมพ์บทความปฏิญญาฟินแลนด์
- มีการใช้อำนาจศาลสั่งจำคุกกกต.ล้มการเลือกตั้ง
- มีการคาร์บอมบ์ทักษิณ
- มีการปฏิวัติ
- สุรยุทธ์ขึ้นเป็นนายกหลังการปฏิวัติ
แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 52 19:38:53
จากคุณ :
sangkang
- [
29 มี.ค. 52 19:13:57
A:125.27.238.197 X:
]