PANTIP.COM : P7681520 แฉโกหกคำโต "ปีย์ มาลากุล" ผู้หยั่งรู้อนาคต อย่างแม่นยำล่วงหน้า 2 อาทิตย์ ถึง 3 เดือน []

ความคิดเห็นที่ 46

28 เมษายน 2549
ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งระงับการเลือกตั้งซ่อม ที่กำหนดจะให้มีใน 14 เขตเลือกตั้ง ของ 9 จังหวัดภาคใต้ ในวันเสาร์ ที่ 29 เมษายน

6 พฤษภาคม 2549
---- เกิดการประชุมกันของบุคคลทั้ง 8
---- ปีย์ มาลากุล(สื่อ) +(อัคราทร + ชายชัย + จรัญ)ตัวแทนศาล+ สุรยุทธ์(องคมนตรี) + ปราโมทย์(พธม)+ พัลลภ(จปร. 7)

8 พฤษภาคม 2549
นายอุระ หวังอ้อมกลาง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าที่ประชุมลงมติให้การเลือกตั้ง 2 เม.ย. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 6 เสียง

----- มีการอัดเทปลับว่าจะ ดำเนินการ-ต่อ-อย่างไร (คลิปเสียง เทปลับ betrayers.zip (33.22 MB)
----- http://www.mediafire.com/?dvmn2nown23
----- ***(บทวิจารณ์)เทปลับ....บอกอะไรมากกว่าที่เราคิด***
----- http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2007/06/P5541834/P5541834.html
----- พล.ต.อ. วาสนา มีความลับอะไร ที่มอบให้ลูกสาวเก็บไว้พิมพ์แจกตอนงานศพ
----- http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2006/05/P4356355/P4356355.html

17 พฤษภาคม 2549
----- พลเอกจารุภัทร เรืองสุวรรณ ที่ลาออกจากการเป็น กกต. เมื่อวันที่ 16 พ.ค. (สำนักข่าวไทย)
----- 3 ศาลตะเพิด! “>>>>วาสนา-ปริญญา-วีระชัย<<<<<” ห้ามคุมเลือกตั้ง
----- http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2006/05/P4373643/P4373643.html
----- ประธาน สว ส่งหนังสือ ให้ศาลฎีกา เลือก กกต ที่ขาดตาม รธน2540
----- ประธานศาลฎีกา(ชาญชัย) ทำหนังสือตอบปฎิเสธ ที่จะคัดสรร กกต ที่ขาดหายไป
-----http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2008/04/P6529156/P6529156.html#36

22 พฤษภาคม 2549
รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ปฏิเสธแผนการปกครองประเทศที่เรียกว่าปฏิญญาฟินแลนด์ ว่าเป็นการสร้างข่าวที่เป็นความเท็จ สร้างความเสื่อมเสียให้กับพรรคและหัวหน้าพรรค พร้อมขู่ว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายโสภณ สุภาพงษ์

25 พฤษภาคม 2549
การประชุมร่วมระหว่าง กกต. กับพรรคการเมือง 22 พรรค ที่ประชุมมีมติ 8 พรรคเห็นพ้องเลื่อนวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 15 ต.ค. (กปส.)

23 มิถุนายน 2549
นายกฯ ระบุว่าการลาออกของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. (กปส.)

25 กรกฎาคม 2549
ศาลอาญา มีคำพิพากษาจำคุก กกต. 3 คน คนละ 4 ปี และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง คนละ 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณี กกต.ออกหนังสือเวียนถึง กกต.เขตที่จัดให้มีการเลือกตั้งรอบใหม่ ในวันที่ 22 เม.ย.
ว่าสามารถรับผู้สมัครที่ย้ายมาจากเขตอื่นได้ เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้มีการเวียนเทียนผู้สมัคร

10 สิงหาคม 2549
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาลงมติคัดเลือกผู้สมควรเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งจำนวน 10 คน เพื่อให้วุฒิสภาคัดเลือกให้เหลือ 5 คน

24 สิงหาคม 2549
ตรวจพบวัตถุระเบิดในรถต้องสงสัยใกล้บ้านรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร โดยสามารถกู้ระเบิดได้ โดยผู้เชี่ยวชาญบอกว่าถ้าเกิดระเบิดจะมีรัศมีทำลาย 1 ก.ม. (มติชน)
--------- http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=28727

26 สิงหาคม 2549
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เขียนจดหมายเปิดผนึก ระบุให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุให้ชัด ๆ
ถึงเหตุผลการปลด พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พ้นจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)
เนื่องจากเห็นว่า ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชนะ ผู้ต้องหา เคยเป็นคนขับรถของ พล.อ.พัลลภ (มติชน)

28 สิงหาคม 2549
ทีมสอบสวนคดีคาร์บอมบ์ เปิดวีซีดีคำสารภาพของ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารช่วยราชการ กอ.รมน. ที่ยอมรับผิด-ขอโทษ ระบุสาเหตุมาจากการแย่งชิงอำนาจ
ด้าน สตช. เตรียมออกหมายจับผู้ต้องสงสัยเพิ่ม ยืนยันว่าจะสาวถึงต้นตอได้ภายใน 10 วัน ส่วนพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และ
รมต.ยุติธรรม ยืนยันว่าไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ตามที่ผลสำรวจระบุว่า คน กทม.ส่วนใหญ่ไม่คิดว่ามีแผนการลอบสังหารผู้นำ (มติชน)

8 กันยายน 2549
ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติคัดเลือกกกต.ชุดใหม่ ประกอบด้วย นายประพันธ์ นัยโกวิท, นายสุเมธ อุปนิสากร, นายอภิชาต สุขัคคานนท์,
นายสมชัย จึงประเสริฐ และนางสดศรี สัตยธรรม ส่วนนายแก้วสรร อติโพธิ ที่ไม่ได้รับเลือก กล่าวว่าจะขอสมัครเป็นเลขาธิการ กกต.

16 กันยายน 2549
คนร้ายลอบวางระเบิดในย่านชุมชนอย่างน้อย 3 แห่ง ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้
โดยใช้วิธีซุกระเบิดไว้ในรถจักรยานยนต์แล้วนำไปจอดทิ้งไว้ เกิดระเบิดในเวลาประมาณ 21.30 น. ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และบาดเจ็บร่วม 30 คน (มติชน)

19 กันยายน 2549
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โทรศัพท์ทางไกลจากสหรัฐอเมริกา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขตกรุงเทพมหานคร และ ปลดพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.
และมีรายงานการเคลื่อนกำลังทหารออกจากที่ตั้ง (เบื้องต้น)
เกิดรัฐประหาร นำโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน โดยมีการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนหน้านี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้วประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร

25 กันยายน 2549
นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่าได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (กปส.)

1 ตุลาคม 2549
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549 (ต้นฉบับ)
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็น นายกรัฐมนตรี
----------------------
แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 15:22:52

จากคุณ : mcu51 - [ 30 มี.ค. 52 14:59:50 A:192.168.0.17 X:124.120.12.22 ]

ความคิดเห็นที่ 51

บิ๊กแอ้ด รับ ไปหารือที่บ้านปีย์จริง แต่หารือเรื่องปัญหาบ้านเมือง เพราะองคมนตรีมีหน้าที่รับฟังความคิดเห็นรอบด้าน โต้ไม่เคยตกปากให้ฟรีทีวีสนธิ แต่เคยโทรไปให้กำลังใจสนธิในการต่อสู้

คลิปเสียง ฟัง นาที ที่ 6.30
http://www.mediafire.com/?gguhozdykmo
หรือ
mms://tv.manager.co.th/videoclip/radio/1026/1026-2596.wma
----------------

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7677427/P7677427.html

ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการทำการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปวางแผนในการทำรัฐประหาร ถ้าตนจำไม่ผิดที่ได้มีการพบปะกันครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณต้นเดือน พ.ค. 49 โดยที่ นายปีย์ มาลากุล เป็นคนเชิญไปพบ ซึ่งไม่ได้มีการเตรียมการอะไรมากมาย เพราะในช่วงนั้นเป็นเรื่องที่หลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไป สิ่งที่ตนอยากเรียนคือในฐานะที่ตนเป็นผู้ที่ติดตามคราวข่าวในเรื่องต่าง จำเป็นที่จะต้องพบปะพูดคุยกับบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในช่วงนั้นหากท่านทั้งหลายติดตามสถานการณ์จะเห็นว่า เป็นช่วงเวลาที่อาจจะเรียกว่า เป็นเรื่องของฝ่ายตุลาการที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาบ้านเมืองในวันนั้นตนมีความตั้งใจเพียงแต่ว่าจะได้มีโอกาสฟัง ข้อคิดเห็นจากทางฝ่ายตุลาการในระดับสูง ตนรู้จักท่านเดียวคือ นายอักขราทร จุฬารัตน์ อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด เพราะตนรู้จักกับท่านตอนที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนท่านอื่นไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีได้รับฟังข้อคิดจากท่านทั้งหลาย การพูดีคุยกันเป็นการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นมิได้มีการกระทำการใด ๆ ซึ่งตนคงพูดได้ว่าถ้าตนไปพูดเรื่องการทำรัฐประหารกับผู้พิพากษา หรือ ตุลาการมันไม่สมเหตุผล ถ้าตนพูดกับ ผบ.เหล่าทัพ น่าจะสมเหตุผลมากกว่า

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า แม้กระทั่ง นายปีย์ ที่อยู่ในวงการสื่อสารมวลชน และได้เป็นผู้บริหารบริษัทแปรซิฟิก คอมมูเนเคชั่น จำกัด และได้เกี่ยวข้องกับ จส.100 ซึ่งตนได้คุ้นเคยกับ นายปีย์มานานพอสมควร ซึ่งนายปีย์ ถือว่าอยู่ในสื่อจึงยืนยันได้ว่า หากท่านทั้งหลายอยากได้รับทราบข้อมูลคงจะสอบถามได้จากนายปีย์ได้ เรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำวีดีโอลิงค์มาเมื่อคืนวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีการพูดถึงประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2545 ซึ่งอยากจะเรียนว่าตนได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน หมายถึงแผนการในการเคลื่อนย้ายกำลังที่จะไปฝึกบริเวณชายแดนในการพิทักษ์ พื้นที่ส่วนหลัง โดยได้รับการอนุมัติจากรมว.กลาโหม คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จากนั้น เมื่อทางรัฐบาลเห็นว่าไม่มีความเหมาะสมเราจึงได้ถอนกำลังกลับประมาณวันที่ 20 กว่า ของเดือน พ.ค. 2545

“ส่วนเรื่อง พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต. ที่มองได้สองแง่ ผมไปพบกับ พล.อ.จารุภัทร โดยที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้โทรศัพท์มาขอให้ช่วยพูด เพราะว่าโอกาสที่คณะ กกต.ทั้งหมดจะถูกฟ้องศาลมีมาก และโอกาสที่พาดก็มีสูง จึงได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้ พล.อ.จารุภัทร ยังมาขอบคุณตนว่า หาก พล.อ.จารุภัทร ไม่ฟังผมปานนี้คงจะถูกศาลตัดสินลงโทษ ซึ่งถือเป็นมุมมองจากสองด้าน ทั้งนี้จากการที่ผมได้ข้อคิดเห็นไปก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.จารุภัทร เองว่าจะเลือกทางเดินทางไหน เลือกทางเดินที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองที่ดีสุดคือทางเลือกที่ทุกคนจะสามารถ เลือกได้ ผมเพียงให้ข้อคิดเห็นไม่ได้ไปสั่งใคร หรือให้ใครทำสิ่งใดได้ ผมเคารพในความคิดเห็นของบุคคลอื่น ขณะเดียวกันข้อคิดเห็นของผมเป็นเพียงข้อพิจารณา” พล.อ.สุรุยทธ์

พล.อ.สุรยุธท์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ปรากฏจากสื่อมวลชนเป็นข้อมูลที่คาดเคลื่อน ไม่ได้เป็นข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนก็เสนอในสิ่งที่เป็นมุมมองข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งเพื่อให้ทุกท่านำไป พิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจของแต่ละท่านเอง ท่านควรจะเชื่อในสิ่งที่ตนพูด หรือเชื่อในข่าวที่ออกมาอย่างนั้น ส่วนที่ตนไปบ้านนายปีย์มีการพูดคุยมีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์บ้านเมือง แต่ไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิวัติ แต่พูดคุยสถานการณ์ของบ้านเมืองว่าเรามีปัญหาจะมีทางออกกันอย่างไรจากมุมมอง ของแต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตาม ได้เจอ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รอง ผอ.กอ.รมน.ที่โต๊ะทานข้าว โดยมีข้อสรุปคือมุมมองจากฝ่ายตุลาการว่า สิ่งที่เราเคยพูดว่าตุลาการภิวัฒน์จะมีทางออกหรือไม่ ก็เป็นเรื่องข้อสรุปในวันนั้น เมื่อถามว่า ข้อสรุปมีการพูดถึงเรื่องการปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี การพูดกับผู้พิพากษาว่า ควรจะทำอย่างโน้นอย่างนี้ในการใช้กำลัง ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล

เมื่อถามว่า ปฏิเสธได้หรือไม่ว่า การคุยกันกับผู้ใหญ่ในวงอาหารไม่ได้มีการวางแผนปฏิวัติ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนยืนยัน และคิดว่ามีอีกหลายท่านที่จะตอบคำถามอันนี้ได้ เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ที่มีการกล่าวพาดพิงตัวท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ฟ้อง ซึ่งหากจะวางแผนปฏิวัติจริงน่าจะไปคุยกับผู้นำทางทหารมากกว่า เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.พัลลภ ระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ บอกว่าจะไม่รับตำแหน่งใด ๆ หากมีการทำปฏิวัติ พล.อ.สุรยทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดสิ่งเหล่านั้นเลย ทั้งนี้สิ่งที่ พล.อ.พัลลภ พูดออกมาคงเกิดความคาดเคลื่อน เมื่อถามว่า การพูดคุยกันวันนั้นได้มีการพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า วันนั้นไม่ได้มีเรื่องของการหมิ่นสถาบัน แต่เป็นเรื่องที่พูดแนวทางในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ซึ่งอยู่ในสภาวะวิกฤตในช่วงนั้นว่ามีทางออกอย่างไร ส่วนการทีพ.ต.ท.ทักษิณ พุ่งเป้ามาที่ตน ตนไม่ทราบ เพียงตนจะชี้แจงในด้านที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม ตนก็ไม่ทราบ

เมื่อถามว่า พล.อ.พัลลภ เรียกร้องให้ท่านลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า อย่างที่ได้บอกไปแล้ว เป็นข้อคิดตนรับไว้พิจารณาได้ แต่ว่าก็คงจะประกอบการตัดสินใจของตน และคงจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เมื่อถามว่า องคมนตรีมีหน้าที่ไปหารืออย่างนี้ด้วยหรือ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า หน้าที่ของที่ปรึกษา ถ้านั่งอยู่ในห้องเฉย ๆ จะมีข้อมูลหรือไม่ เพื่อว่าท่านเรียนถามจะตอบได้หรือไม่ว่าอะไรมันเกิดขึ้น จะมีคนเขียนจดหมายให้กับท่านหรือไม่ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นคือหน้าที่ของที่ปรึกษาในการรวบรวมข้อมูล มีหน้าที่ที่จะต้องฟังความคิด แต่ไม่ได้มีหน้าที่จะไปปฏิบัติ

เมื่อ ถามว่า โดยส่วนตัวท่านกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โกรธแค้นกันหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความรู้สึกที่ถือว่าจะมีโมโห หรือมีความโกรธ แต่อย่างใด ตนเข้าใจดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังประสบปัญหาอะไร เพียงแต่อยากให้ประชาชนได้รับทราบว่าอย่าฟังเพียงด้านเดียว ควรฟังอีกด้านหนึ่งด้วย และพิจารณาว่าสิ่งใดมีเหตุมีผลมากน้อยอย่างไร

“ผมคงไม่สามารถประเมินสถานการณ์นับจากนี้ไปว่าจะเป็นอย่างไร มันยังมีความต่อเนื่องของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ่นต่อไป ผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่ผมคิดว่าคงจะต้องมีความต่อเนื่องต่อไป เพราะสิ่งที่เราคงจะต้องเตรียมรับฟัง และพิจารณาให้รอบคอบ สิ่งใดควรรับฟังได้ หรือสิ่งใดที่ไม่น่ามีเหตุผลที่เหมาะที่ควร ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาขึ้นอยู่กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย” พล.อ.พัลลภ กล่าว

เมื่อถามว่า ท่านเคยให้สัญญาณกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าหากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะให้ฟรีทีวีหนึ่งช่อง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยให้สัญญากับนายสนธิ ในเรื่องฟรีทีวี ตนไม่ได้คุยกับนายสนธิ เรื่องนี้แน่นอน ตอนที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ เคยให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน ที่เคยมาพูดกับตนสามครั้ง และจำคำพูดของ พล.อ.สนธิ ได้ว่า พี่ครับผมไม่มีใครแล้วต้องขอร้องให้พี่ช่วย นั่นคือสิ่งที่ได้ตัดสินใจ ซึ่งก็ฟืนจากความรู้สึกของตัวเอง เพราะตนเคยพูดกับครอบครัวว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งก็ฝืนเป็นอย่างมาก ต้องไปพูดกับทางครอบครัว ทั้งภริยา และลูก ต้องตัดสินใจทำ อย่างไรก็ตามตนเคยพูดทางโทรศัพท์กับนายสนธิ ว่าตนให้กำลังใจ ว่าต้องอดทน ต่อสู้ต่อไป เมื่อถามว่าแสดงว่าสนับสนุนพธม. พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้สนับสนุน เพีงแต่ตนให้กำลังใจว่า ขอให้ต่อสู้ในทิศทาง ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าทำไมต้องให้กำลังใจนายสนธิด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ถึงกับมีสีหน้าไม่สบายใจก่อนจะตอบว่า คนที่ทำในสิ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดปัญหามาง่ายๆ ตนก็ควรจะให้กำลังใจเขา

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ท่านเคยเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อกราบบังคมทูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จงรักภักดี พล.อ.สุรุยทธ์ กล่าวว่า ไม่จริงตนคงไม่บังอาจที่จะไปกราบบังคมทูลในลักษณะเช่นนั้น เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล และตนไม่เคยไปปรักปรำ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่อยู่ดี ๆ จะไปบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จงรักภักดี เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีการระบุว่า ท่านจะถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการล้มรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยิ่งไม่มีใหญ่ ผมคิดว่าไม่มีใครกล้าไปกราบบังคมทูลในลักษณะเช่นนั้น

เมื่อถามว่า แสดงว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเป็นการโกหกทั้งหมด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนตอบได้ในมุมมองของตนว่าไม่ได้ทำอะไร คงไม่สามารถบอกว่าคำพูดของท่านอีกคนเป็นอย่างไร เพียงแต่บอกท่านทั้งหลายว่าขอให้ท่านพิจารณาว่าเมื่อฟังสองด้านแล้วคิดอย่าง ไร เมื่อถามว่า รู้สึกอึดอัดกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ถึงกับอึดอัด อย่างที่ตนได้ติดตามอยู่สิ่งใดที่พาดพิงมาถึงตน ตนก็คงจะต้องออกมาชี้แจงเพื่อให้เกิดภาพที่ชัดเจน ทั้งตนคงไม่ไปวิจารณ์คนอื่น ๆ เมื่อถามว่า ตอนนี้สายสัมพันธ์ระหว่างท่านกับ พล.อ.พัลลภ เป็นอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ท่านเป็นรุ่นพี่ เพราะว่าเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ก็เป็นเรื่องช่วงระยะเวลาเราก็ใกล้ถึงวันอวสาน ไม่มีประโยชน์ทำให้เกิดความโกรธ โทสะขึ้นมา ทุกคนก็จะต้องลงหลุมกันทุกคน

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว่า ไม่ได้ติดต่อมา เคยคุยกันล่าสุดในงานศพของคุณแม่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เมื่อถามว่า เหมือนเป็นวิบากกรรมที่หนักที่สุด พล.อ.สุรยุทํธ์ กล่าวว่า คงไม่มาก ตนเคยเจอมามากกว่านี้ แต่ก็ผ่านมาถึงปัจจุบัน ถึงอย่างไรเราก็จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาว่ามีสิ่งใดที่จะเป็นทางออกที่ดีที่ สุด มีเหตุผลมากที่สุด ส่วนการที่วิทยุชุมนุมมีการพาดพิงโจมตีอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นเรื่องของวิทยุชุมชน ตนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะรู้ว่ามีจุดมุ่งหมายอะไร ที่จะใช้ถ้อยคำเหล่านั้น ต้องการที่จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นเรื่องของประชาสัมพันธ์อีกระดับ หนึ่ง ก็คงไม่ต้องไปให้ความสนใจอะไรมากนัก

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่มีอะไรจะฝาก เพราะว่าเดี๋ยวท่านก็คงฟังทางสื่อ ทั้งนี้ตนไม่สามารถที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดได้ ทั้งนี้ตนไม่เบื่อสถานการณ์ แต่ทุกคนจะต้องช่วยกัน เมื่อถามว่า การที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ได้เป็นเรื่องของการตัดสินใจที่ดีนัก เมื่อย้อนกลับมาคิดในตอนหลัง เมื่อถามถึงความมีสัจจะในตัวของท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถบอกได้ว่าตนเป็นคนที่มีสัจจะ แต่ท่านคงพิสูจน์ได้ เพราะรู้จักตนมานานพอสมควร เมื่อถามว่า พล.อ.เปรม ให้กำลังใจกับท่านอย่างไรบ้าง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการให้กำลังใจกัน เพียงแต่ขออนุญาตท่านในการออกมาแถลงข่าวเท่านั้น

..

จากคุณ : mcu51 - [ 30 มี.ค. 52 15:43:12 A:124.120.12.22 X: ]