PANTIP.COM : P7698820 คนเสื้อแดงช่วยเสนอแผนกู้วิกฤติเศรษฐกิจที่ดีกว่าแผนของรัฐบาลอภิสิทธิ์ (ซึ่งรวมถึงการกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ) หน่อยครับ []

ความคิดเห็นที่ 17

อยากให้เลิกโจมตีเรื่องการกู้แล้วหันมาจับตาแผนการใช้เงินกู้ดีกว่าครับ ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนเข้าผิดแล้วว่าการสร้างหนี้สาธารณะในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ผิด ควรให้ความรู้แก่ประชาชนมากกว่าให้เขาเชื่อผิดๆ ครับ
^
^
ผมให้ give เพราะประโยคนี้ครับ และผมก็ไม่ทราบเช่นเดียวกับคุณว่า give เอาไปใช้อะไรได้บ้าง

จะว่าหรือจะชมรัฐบาลต้องไม่ว่าหรือชมที่เขากู้ แต่ต้องดูแผนบริหารการใช้จ่ายเงินกู้ของเขาว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ (Performance, Time, Cost) เพียงไร
^
^
เนื่องจากตอนนี้เงินกู้ขนาดใหญ่กำลังรอการพิจารณาแหล่งเงินกู้ซึ่งจะสรุปได้ในเดือนพฤษภาคม ตามที่ รมช.ประดิษฐ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ส่วนแผนการบริหารการใช้จ่ายเงินกู้นั้น ผมไม่สงสัยเลยว่า เงินกู้หลักจะเป็นเงินกู้ระยะยาวเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน แต่วิกฤตในตอนนี้มันเป็นวิกฤตของภาคการค้านะครับ ไม่ใช่ด้านการพัฒนา เช่นการลงทุนระยะยาวอย่างโครงการรถไฟฟ้าซึ่งมีแต่ประชาชนผู้อยู่อาศัยในเมืองได้ใช้บริการนั้น มันเป็นการกระจายทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพหรือครับในยามที่เกิดปัญหาการชะลอการผลิตเนื่องจากการบริโภคโดยรวมของโลกหดตัวลง ถ้าให้ผมเสนอ ผมเสนอให้รัฐบาลทำรถไฟรางคู่จะเป็นประโยชน์ต่อการปรับต้นทุนการขนส่งซึ่งจะช่วยให้การค้ามีประสิทธิภาพคือมีต้นทุนลดลง และยังช่วยลดปัญหาการขนส่งทางถนน จะไม่เป็นการดีกว่าหรือครับ เพราะเป็นการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และประเทศโดยรวมก็ได้ประโยชน์ ภาคเมือง ภาคชนบท ได้ใช้ประโยชน์นั้นร่วมกัน อันนี้ผมขอยกเป็นตัวอย่าง

การเก็บภาษีก็เพื่อช่วยส่วนรวมหรืออะไรที่เป็นกิจการสาธารณะเพื่อสาธารณะ เป็นธรรมก็มีไม่เป็นธรรมก็มาก และผมมองว่า นโยบาย 2,000 บาท นี้ ไม่ได้มุ่งเน้นช่วยปัจเจกบุคคลและ/หรือกลุ่มบุคคลเลยครับ ผมว่าเขามุ่งแค่กระจายเงินสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อช่วยส่วนรวมครับ และแหล่งเงินที่ใช้กระจายลงระบบเศรษฐกิจโดยผ่านคนกลุ่มนี้ไม่ได้มาจากงบประมาณแผ่นดินแต่เพียงอย่างเดียวแต่มาจากกองทุนประกันสังคมด้วยไม่ใช่หรือครับ
^
^
เจตนารมณ์ในการกำหนดนโยบายของรัฐบาลโดยทั่วไปแล้วไม่มีใครจงใจให้นโยบายไปเอื้อประโยชน์ให้ใครหรอกครับ แต่การที่เราเอาแต่มองที่ result โดยละเลยการพิจารณา outcome นั้น ก็ไม่ได้ครับ การแจกเงินสองพันนั้นแ้ม้ result จะเกิดเป็นการกระจายเงินสู่ภาคสาธารณะอย่างที่คุณว่าก็จริง แต่ outcome หรือผลที่ตามมาไม่มีประสิทธิภาพมาก เพราะเป็นการแจกเงินเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งก็คือกระตุ้นการบริโภค แต่ด้วยดัชนีผู้บริโภคที่ต่ำลง (ปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในอนาคต) และการดำเนินนโยบายที่ขัดกันอย่างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่ม ถ้าประชาชนบริโภคเพิ่มขึ้นจริง นโยบายนี้จะมีส่วนเทเงินมาช่วยทำให้เงินเฟ้อจากการบริโภคด้วย แต่ถ้าประชาชนไม่บริโภคเพิ่มขึ้น (จากปัจจัยจิตวิทยา) นโยบายนี้จะเป็นเพียงการคืนเงินสองพันให้แก่ผู้เสียภาษีอากรเท่านั้น ส่วนประเด็นที่ว่าจะเอื้อต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดหรือไม่ ผมว่าไม่มีรัฐบาลไหนบอกหรอกครับว่าเขามุ่งกำหนดนโยบายเอื้อให้คนนั้นคนนี้ แต่ externalities หรือผลภายนอกนั้นกลับเป็นประโยชน์แก่เอกชนอย่าง ธ.กรุงเทพ เพราะการตัดสินใจเลือกวิธีการนำนโยบายไปปฏิบัติย่อมเชื่อมโยงและสะท้อนความสามารถของรัฐบาลด้วย (government capacity) ซึ่งการเลือกใช้เช็ค (ซึ่งผมเห็นว่าสภาพคล่องหรือการหมุนเวียนต่ำว่าเงินสด) มีกระบวนการเคลียร์ริ่งกันยาวเหยียดกว่าการแจกเงินสด ส่อให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังประสบปัญหาเรื่อง Cash flow (ก่อนหน้านี้นายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล สมาชิกพรรคเดียวกันก็ออกมาเตือนเรื่องนี้) ประกอบกับยอดการจัดเก็บภาษีที่ไม่ตรงตามเป้าหมาย และตามมาด้วยการออกอาการดิ้่นเพื่อหารายได้จากภาษีสารพัดอย่างและการกู้เงิน ยิ่งเป็นการซ้ำเติมข้อสังเกตข้างต้นให้ชัดเจนเข้าไปอีก และแม้ว่านโยบายดังกล่าวรัฐบาลจะโยกเงินจากกองทุนประกันสังคมมาใช้ร่วมด้วย ซึ่งผมเข้าใจว่า จขกท. พยายามสื่อให้เห็นว่างบประมาณไม่ได้รับผลกระทบมากนักนั้น ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นหนักไปอีกว่ารัฐบาลกำลังหมุนเงินอย่างหนัก จนต้องแทรกแซงการบริหารเงินในระบบประกันสังคม ซึ่งควรจะมีความเป็นอิสระในการบริหาร ยังไม่นับว่าการแทรกแซงนี้ยังนำมาซึ่งการจัดสรรทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรมอีกด้วย เพราะการดึงเงินจากประกันสังคมเพื่อมาแจกให้แก่ผู้มีงานทำ (อย่างที่คุณวณิพกว่าไว้) นั้น เท่ากับเป็นการดึงเอาความสามารถในการช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ตกงานและกำลังจะตกงานของกองทุนประกันสังคมออกมาอีกด้วยครับ ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ

จากคุณ : Winnie The PeeH - [ 3 เม.ย. 52 18:52:59 A:114.128.40.106 X: ]