ความคิดเห็นที่ 1 ตงฟานปุ๊ป้าย ตระหนกในใจทันที มันเผลอตัวทำผิดหลักการ แห่งการสนทนาไป ด้วยมันนึกไม่ถึงว่า  พลประจำการเล็กๆผู้ที่มีหน้าที่เพียงนั่งเฝ้ายามคนนี้ จะมีความรอบรู้เรื่องราวในยุทธจักรพอสมควร มันเสแสร้ง เป็น เปลี่ยนเรื่อง  มันเริ่มต้นความเขี้ยว ตามนิสัยถาวรมันทันที มันพูดขึ้นว่า " แหมะ แหมะ แหมะ แหม....ท่านพลยามประจำค่าย ท่านมีความรอบรู้เรื่องราว ในยุทธจักรไม่เบา  ไม่ทราบว่าท่านมีที่มาอย่างไร พื้นเพเป็นคนกังหนำ หรือ เสฉวน หรือลกเอี๊ยง  ? " ตงฟานปุ๊ป้าย ปรายตาแวววาวเลียบเคียงสอบถาม พอได้ยินคำถามนี้  พลตระเวนค่ายยามนาม แอ้ก ก็หน้าสลดลงทันที พูดแผ่วเบาว่า " ข้าพเจ้าเป็นกำพร้า ตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่ทราบด้วยซ้ำว่า หน้าบิดา มารดา เป็นอย่างไร ตั้งแต่แบเบาะจำความได้  ก็ได้อาศัยท่านตา ที่ชนบทคอยเลี้ยงดู  อบรมสั่งสอนตลอดมา " แหมะ แหมะ แหมะ แหม....น่าสงสาร แต่ความจริง หากท่านพลยาม ต้องการทราบ ที่มาที่ไป หน้าตาของบิดา มารดา ก็ไม่ยาก " " ท่านผู้สูงวัย ท่านมีวิธีใดเหรอ กรุณาให้คำแนะนำข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจะไม่ลืมพระคุณท่านเลย " ดวงตาตงฟานปุ๊ป้าย เป็นประกายแวววาว ในคลองจักษุ มีภาพสะท้อนของกองไฟที่ลุกโชน  มันพูดเน้นเสียงอย่าง เหี้ยมเกรียมว่า " ไม่ยาก เพียงแต่ท่านลงเล่นการเมืองสิ  รับรองว่าศักราช โค...เหง้าของเจ้า กี่สาแหรก กี่สาแหรก จะมีคนขุดมาประจาน จนหมดสิ้น นี่แหละคือ ความดีของการเมือง " ( ฮา ) " ท่าน ก็เล่นการเมือง ? " จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 3 เม.ย. 52 22:50:46 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตงฟานปุ๊ป้าย หรี่ตามองพลยามประจำค่าย อย่างใคร่ครวญ มันเจ้าเล่ห์พอที่จะไม่ตอบคำถามนี้    ความจริงข้อนี้มันก็สงสัยมานาน  เพราะเหตุใดสังคมต่างเรียกร้อง ให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ ให้อาสาเสียสละ ลงมาเล่นการเมือง   และเพราะเหตุใด กลับยังมีข้อห้าม กีดกันคนบางกลุ่ม ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หากคนกลุ่มนี้ไปเล่นการเมือง แล้วการเมืองจะเป็น อย่างไร ? ........... ...ตงฟานปุ๊ป้าย  มันไม่รู้ว่า ขนาดมัน " แอบ " ขนาดนี้ บ้านเมืองยังเละตุ้มเปะ ( ฮา )   แล้วหากมันลงมาเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว บ้านเมือง จะเละขนาดไหน ( ฮา ) .......... แต่ตงฟานปุ๊ป้าย ก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่า เพราะเหตุใด ทำไมถึงรู้สึกถูกชะตากับพลยามตระเวนค่ายที่มีนามว่า แอ้ก ผู้นี้ มันจึงตอบไปว่า " ข้าไม่จำเป็นต้องเล่นการเมืองตรงๆ แบบออกหน้า  ก็สามารถที่จะบรรลุผล ตามที่ต้องการได้ " " ข้าถามท่านหน่อยว่า มีปณิธานอย่างไร ในการเป็นทหาร " ตงฟานปุ๊ป้ายเปลี่ยนเรื่อง " ปณิธานของข้าคือ ได้ติดปีกหรืออาร์ม  " เสือคาบดาบ " ได้ผ่านการฝึกหลักสูตร " รีคอน "  UDT/ SEAL  หรือแม้แต่ปีก " ฉลามคู่ทะยานเหนือเกลียวคลื่น "     สิ่งเหล่านี้คือความภาคภูมิใจของทหารกล้า มันบ่งบอกถึงขีดความสามารถของคน  ข้าพเจ้ามีปณิธานอย่างนี้ " " แหมะ แหมะ แหมะ แหม....ท่านพลยามน้อย ท่านช่างมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก  ท่านอย่าลืมสิว่า ท่านคือคนธรรมดาสามัญ และอีกอย่างคือ ท่านไม่ทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่ เป็นโต  มีอำนาจในการจัดซื้ออาวุธราคามากมายมหาศาลหรอกหรือ " " ท่านอย่าลืมสิว่า เล่าปี่เป็นคนทอเสื่อกกถักรองเท้าปอขายมาก่อน  เตียวหุยก่อนหน้านั้นก็ประกอบอาชีพฆ่าสุกรขาย  ส่วนกวนอู ก็เป็นคนร้ายหนีคดีฆ่าคน ก่อนหน้าที่ท่านจูกัดเหลียงจะแสดงศักยภาพทางสติปัญญาจนชื่อเสียงขจรไกล ท่านทำไร่ไถนามาก่อน  ข้าพเจ้าไม่เห็นว่า ความเป็นคนธรรมดาสามัญ จะเป็นสิ่งกีดขวางการทำคุณงามความดีตรงไหน ! " จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 3 เม.ย. 52 22:56:28 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 แก้วตาตงฟานปุ๊ป้ายหดเล็กลง  มันตระหนกใจยิ่งกว่าเดิม ในคารมที่คมคายของพลตระเวนยามผู้นี้   มันพูดขึ้นว่า " ท่านอย่าลืมสิว่า  ข้ออ้างในการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธ ราคามากมายมหาศาล ก็อ้างว่าเพื่อเอาไว้ ให้ต่างชาติเกรงขาม  ชาติเรา " " ข้อนี้ข้าพเจ้ายิ่งเถียงตรรกะของท่าน   ข้าพเจ้ามีความคิดเห็นว่า ต่างชาติจะยำเกรงชาติเรา ก็ตรงตัวท่านผู้นำ  ว่าท่านผู้นำท่านนั้น ว่าความสามารถ มีความรอบรู้  เป็นที่เชื่อถือของต่างชาติเพียงได้  ท่านอย่าลืมสิว่า สงครามสมัยใหม่นี้  สงครามที่น่ากลัวที่สุดคือสงครามทางเศรษฐกิจ   ข้าพเจ้าจะยกตัวอย่าง  เฉกเช่นทางสหรัฐฯผู้มีอาวุธยุทโธปกรณ์ ยังพ่ายทัพกองโจรที่เวียดนามได้ นี่แสดงให้เห็นว่า อาวุธราคาแพงๆ  ก็ไม่น่ากลัวเท่าสติปัญญาและขีดความสามารถของนักรบ ! " " แหมะ แหมะ แหมะ แหม  ....ท่านพลยามตระเวนค่าย   ทางกองทัพจำเป็น ต้องได้งบมากมาย ยามรบทัพจับศึกกับเพื่อนบ้าน " " ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย ตามความคิดข้าพเจ้า  ภาวะการตัดสินใจสถานการณ์บ้านเมือง ขึ้นอยู่กับผู้นำที่มีความสามารถ สุดยอดการชิงชัยคือสลายศัตรูเป็นมิตร รองลงมาคือใช้การฑูตเจรจาต่อรอง สุดท้ายจริงๆถึงต้องใช้กองกำลังประจัญหน้า  แต่ สงครามใดๆก็ดี  การเคลื่อนทหารปะทะเข่นฆ่าเสียเลือด เสียเนื้อ ถือว่าต่ำสุด แย่สุด  ไร้ความสามารถที่สุด    หากต้องการชัยชนะ ต้องใช้ยุทธวิธีพลิกแพลง  ในคัมภีร์พิชัยสงคราม ไม่เคยมีฉบับใดบอกว่ารบซึ่งหน้าจะชนะ ... จงหักศัตรู ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ได้เตรียมพร้อม และไม่ทันตั้งตัว ........ จงหักศัตรู ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ได้เตรียมพร้อม และไม่ทันตั้งตัว ! " ตงฟานปุ๊ป้าย อ้าปากค้างทันที ! .............................................................. จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 3 เม.ย. 52 23:01:50 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพ็ญบ้อเกี่ยม ตอใสเกื้อ เลี๊ยบคิมฮวง  มีสีหน้าเคร่งเครียด   นกพิราบจำนวนมากมายมหาศาล บินเข้า บินออกที่พักเป็นว่าเล่น ข่าวต่างๆมากมาย โดนส่งมาถึง มีทั้งข่าวปล่อย ข่าวลวง ข่าวจริง   หลังจากผ่านการกลั่นกรองข่าว ขย้ำสาห์นทิ้งลงพื้นจำนวนมาก สุดท้ายได้ข่าวจริงสองข่าวใหญ่   เป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนฟ้า สะเทือนดิน ! วันที่ 8  นับเป็นศึกครั้งแรก ที่บอกฝ่ายตรงข้ามให้รู้ตัวก่อน ทำไมต้องบอกให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวก่อน...ว่าเราจะเดินหมากใด ? สุดยอดฝีมือพิสูจน์ผลแพ้ชนะ ด้วยกระบวนท่าเดียว แต่ไม่เคยมีมาก่อน  ที่จะบอกฝ่ายตรงข้าม ว่า จะใช้กระบวนท่าใด ! " เมยิน " เซียนหมากล้อม ( โก๊ะ ) ท่านหนึ่งเคยพูดเอาไว้ว่า ....หมากล้อม  เม็ดทุกเม็ดเหมือนทรัพยากรอันมีค่า ในใต้หล้านี้ วัตถุร้อยวิเศษ พันวิเศษ ไม่เทียบเท่าบุคลากรวิเศษ  ผู้เดินหมากต้อง คำนึงถึงความจำเป็นและประสิทธิภาพของหมากแต่ละเม็ดที่จะวางลง   ....หมากแต่ละเม็ดจะเปล่งศักยภาพสูงสุด หากวางลงประสานกับหมากเม็ดอื่นๆ อย่างชาญฉลาด  และเมื่อนั้น   การเดินหมากเพียงตาเดียว   สามารถพลิกสถานการณ์  เป็นได้ชัยชนะทั้งกระดาน ! "  "  ยามนี้  ท่านผู้นำอ้อก๊ก  เป็นฝ่ายเดิน  หรือตงฟานปุ๊ป้าย เป็นฝ่ายเดิน " เพ็ญบ้อเกี่ยม ถามขึ้น ! .................. .................. จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 3 เม.ย. 52 23:07:12 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 " หากเป็นการเดินหมากฮอส   ไม่ว่าจะเป็นรูปหมาก นางปุ้มออกศึก  สามตัวเรียง   หมากมาตรฐาน  ตัดหน้า  ตัดข้าง  หรือรูปหมากใดๆ   เป็นที่รับรู้กันว่า   คนเดินก่อนจะชนะ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นรูปแบบหมาก กระดานนี้มาก่อนเลย  เซียนหมากโก๊ะจำนวนมาก  มองการเดินหมากของท่านผู้นำอ้อก๊กว่า  เหมือนการตั้งค่ายกล 3 ดาว " " ค่ายกล 3 ดาว ? "  ตอใสเกื้อ โพล่งขึ้นทันที " ใช่  ค่ายกล 3 ดาว  " เลี๊ยบคิมฮวง ยืนยัน   ตอนนี้ท่านผู้นำอ้อก๊ก เปล่งคำว่า  " อะตาริ " แล้ว !! "  เพ็ญบ้อเกี่ยม  เน้นเสียงกร้าว   ..................... ( อะตาริ   มีความหมาย คล้าย คนเล่นหมากรุก ที่พูดคำว่า  รุก!  .......  อาร์ต ) จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 3 เม.ย. 52 23:20:01 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 เช้าตรู่ที่ตงฟานปุ๊ป้ายสนทนากับพลยามตระเวนค่าย  เนวินเอี๊ยก็ตื่นนอนเพื่อแต่งตัว เวลานี้มันยืนสวมเสื้อผ้า ต่อหน้ากระจกบานใหญ่ ในห้องส่วนตัว   มันเป็นบุรุษหนุ่ม ที่กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์  รูปร่างมันผอมสูง สัดส่วนต่างๆในร่างกายมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ดีดสะท้อน แต่ที่สร้างเสน่ห์เย้ายวนใจต่อเพศตรงข้าม ถึงกับเป็นริมฝีปากมัน ริมฝีปากมันห้อยสวยได้รูปยิ่งนัก ( ฮา ) เวลานี้มันยืนเอียงซ้ายที ขวาที ต่อหน้ากระจก  มันกำลังมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน   ภายในวันสองวันนี้ มันจะเป็นชาวประมง ที่ยืนแอบดูนกกระสากัดกัน  สุดท้ายมีแต่มันได้ประโยชน์สูงสุด ระหว่างการต่อสู้แย่งชิง " อำนาจ " ของ ท่านผู้นำอ้อก๊ก และสี่สาวก๊ก  เนวินเอี๊ยฉวยโอกาส กุมสถานการณ์ สร้างก๊กที่ สามขึ้นมาทันที ! มันกำลังเลียนแบบซุนกวน แห่งง่อก๊ก   สังคมต่างเกรงขาม " มือที่มองไม่เห็น " แต่ลืมสังเกต " หมากที่มองไม่เห็น " ทั้ง 111 หมาก และมันคิดว่า มันคือหมากที่มองไม่เห็น ที่น่ากลัวที่สุด  กะล่อนที่สุด และเอี๊ยที่สุด ( ฮา ) เนวินเอี๊ย ! จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 3 เม.ย. 52 23:25:18 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 มันยืนมองริมฝีปากที่ห้อย  มันครุ่นคิดว่า นักการเมืองแต่ละคน ย่อมมีชื่อเสียงทาง " ปาก " เช่น ท่านผู้นำอ้อก๊ก เล่าลือกันว่า  " ปากไว " ส่วนผู้นำคนก่อนๆ    เรียกกันว่า  " เตมีย์ใบ้ "   นั่นคือนานๆดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากที ส่วนช้วนป๋วยปี่แป่กอ มีฉายาว่า ปากใบมีดโกน จิ๋วแป๊ะทง ( เท่า ) ทารก มีฉายาว่า  จิ๋วปากหวานเจี๊ยบ ( ฮา ) แม้แต่เสนาบดีต่างประเทศล่าสุด   กากสิดก็มีฉายาว่า  ปากปีจอ ( ฮา ) สำหรับมัน เนวินเอี๊ย มันเคยได้รับฉายาว่า ...ยี้ห้อย ร้อยยี่สิบ ! แต่กาลเวลา ไม่อาจคาดคำนวณคนในวันก่อน  ในโลกนี้แม้ในความฝัน จะมีชีวิตจริง แต่ในชีวิตจริง น้อยคนที่จะเจอความฝัน เนวินเอี๊ย ได้อัฟเกรดตัวเองจาก ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ เปลี่ยนแปลงขึ้นเป็น ห้าร้อย ทุกวันนี้มันมีความภูมิใจ  ที่มีความเรียกกันทั้งบ้าน ทั้งเมืองว่า อ้ายห้าร้อย  อ้ายห้าร้อย  ! ( ฮา ) เนวินเอี๊ย อ้าย 500 ( ฮา ) ....................... เทพเทือกทมึน  รายงานต่อม่อย้งมาร์ค อย่างเดือดดาลว่า " ทางฝ่ายเราได้ตัว เนวินเอี๊ยมา แต่ทางฝ่ายท่านผู้นำอ้อก๊ก ก็ได้ตัวเจียงกุน ( แม่ทัพ ) พังลบและซือหม่ามะนูงกิก ไป  " " แล้วจะเป็นอย่างไร "  ม่อย้งมาร์ค แบสองมือออก ยักไหล่ แสยะยิ้ม แต่เทพเทือกทมึน  หน้าดำกว่าเดิมทันที  มันคิดเห็นภาพ ที่น่ากลัว ในอนาคต  ที่ มีสีแดง เต็มไปหมด  แดงทั้งแผ่นดิน ! .......................................................... จบ ฤทธิ์หมากสะท้านภพ ภาค ที่ 6  ตอนที่ 2 ครับ พี่ๆที่ระลึกถึงเสมอมาทุกๆท่าน  และขอขอบคุณ เวบมาสเตอร์ด้วยครับ    สวัสดีครับ  .... จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 3 เม.ย. 52 23:33:17 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 หวัดดีจ๊ะคุณอาร์ต หายหน้าไปนานเลยน๊ะคะ มาให้กำลังใจนะคะสู้ๆๆคะ^^ จากคุณ : พิงค์นคร49 - [ 4 เม.ย. 52 00:47:44 A:118.172.61.93 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอน้อมคารวะครับคุณ พิงค์นคร49 ขอขอบคุณมากครับที่ทักทายครับ ผมขอหยุดค่อยไปวันที่ 7อีกทีครับ มาเขียนหนังสือได้ สองตอน วานนี้โพสต์ไป ท่านเวบมาสเตอร์ก็ลบไปในยามวิกาลครับ ขอมอบภาพนี้ให้คุณพิงค์นคร 49 ครับ ถ่ายป้ายติด  ในงานเคารพศพท่าน รงค์   ศิลปินแห่งชาติ  คืนที่ 21 ที่วัดพระสิงห์ เชียงใหม่ครับ ขอให้คุณพิงค์นคร 49 มีความสุข มากๆครับ สวัสดีครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 4 เม.ย. 52 02:02:07 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขออนุญาต ลง ตอนที่ 1 คืนวานนี้ สัดนิดบางส่วน ที่ขัดเกลาแล้วนะครับ  เพราะอาจมีข้อความ ที่ ไม่ผ่าน หรือ ไม่ดีจนเกินไป ต้องขอโทษด้วยครับ...อาร์ต ) ....................... สายฝนซาในยามวิกาล ของวันหนึ่งในต้นเดือนสาม   วันที่ในปฏิทินจีนที่ห้อยข้างฝาห้อง   มีกากบาททับวันที่ 8 ด้วยหมึกสีแดง วันที่ 8 คือวันสำคัญอะไร ! วันที่ 8 คือหมายกำหนดการใด ! จากการบอกเล่าของชาวยุทธจักร ว่ากันว่า .....วันที่ 8 คือวันแห่งแผนการใหญ่ แผนการหนึ่ง   เป็นแผนการที่สะเทือนฟ้า สะเทือนดิน ! ไม่ใช่ลิขิตของฟ้า แต่เป็นแผนการจาก       คนคำนวณ! ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ครั้งนั้นในอดีต   ต่างเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า " ประชาธิปไตย " แตกหน่อ ชูช่อใบอ่อน อย่างสวยสดงดงามแล้ว ในแผ่นดิน ! ในยุคสมัยที่แผ่นดิน แบ่งแยกออกเป็นสี่สาวก๊ก และ อ้อก๊กนั้น วันเกิดของประชาธิปไตย ไม่มีใครรู้ ทราบแต่เพียงว่าวันตายของประชาธิปไตยคือวันที่ 19 กันยายน  ! ฝ่ายหนึ่งต้องการให้ประชาธิปไตย ตายไป แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้ประชาธิปไตยดำรงอยู่ ! ...แผ่นดินแห่งสยามประเทศ อุดมสมบูรณ์พอที่จะให้ยอดอ่อนของประชาธิปไตยชูช่อได้หรือไม่ ? มีแต่คนไทยเท่านั้น ที่ตอบได้ ! มีแต่คนไทย เท่านั้น ที่ตอบได้.......... ....................................................... จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 4 เม.ย. 52 02:09:08 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 พระพิรุณพร่างพรายปานสายแก้ว  ผ่านจากการตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหู ลืมตา ในยามวิกาล สุดท้ายสายฝนก็เริ่มซายามเช้ามืด นี่เป็นฝนแรกของวสันตฤดู    ในคืนที่พิรุณพร่างพรม ท่ามกลางราตรีที่มืดมิดและหนาวเหน็บยาวนานนั้น ชาวบ้านเรียกฝนนี้ว่า ....ฝนชะช่อมะม่วง อันเป็นสัญญาณจากธรรมชาติว่า ในยามนี้แผ่นดินเริ่มเข้าสู่คิมหันต์และวสันตฤดูแล้ว ชาวบ้านที่สมถะบางครัวเรือน นั่งอยู่ข้างหน้าต่างกระท่อมมุงหญ้าแฝก  ท่ามกลางแสงโคมไฟวอมแวบ  สายตาเพ่งมองไปยังเบื้องนอก กลิ่นโคลน กลิ่นดินระเหย อบอวลไปทั่ว  กอปรกันขึ้นเป็นกลิ่นชนบทที่มีเสน่ห์อย่างยิ่ง  แสงแรกแห่งยามรุ่งอรุณของวันพรุ่งที่จะมาเยือนนั้น  คงไล้ฉาบสรรพสิ่งด้วยแสงสีส้ม  หยาดน้ำค้างที่เกาะตามยอดหญ้าสะท้อนแสงแดดอุ่นๆแวววาววาบวับ   ยอดอ่อนของไผ่คงแทงเสียดพื้นดินขึ้นมาเป็นหน่อไม้  ยอดบวบ เถาตำลึง และกระถิน คงชูยอดอ่อน   ....เสียงโขกครกตำพริกยามเช้าในครัว ทำแกงส้มปลากรอบ หรือน้ำพริกปลาทู  แจกจ่ายบ้านใกล้เรือนเคียง สู่กันกิน ไถคราดเท่าไหร่   ได้ผลเท่านั้น  ชาวบ้านที่สมถะ ต่างยึดคือสุภาษิตบทนี้ แม้ไม่ต้องมีการศึกษาถึงขั้นสอบจอหงวน แต่ชาวบ้านต่างก็รู้สัจธรรมของชีวิตที่ว่า เมื่อแกงจืด ก็จะได้แกงจืด ไม่มีทางเป็นแกงเผ็ดไปได้ ( ฮา ) ไม่มีกลิ่นไอดินใด ผูกพันจิตใจเท่ากลิ่นของมาตุภูมิแผ่นดินเกิด ไม่มีอะไรทำร้ายดวงใจให้ทุกข์ทรมานจิตใจเท่า ความถวิลหาบ้านเกิดเมืองนอน และคนที่เรารัก   คนที่พลัดพรากจากแผ่นดินไปยังที่ห่างไกล...แสนไกล     จะเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ลึกซึ้งเป็นอย่างดี จากการบอกเล่าของชาวยุทธจักร .........ว่ากันว่า ท่านผู้นำอ้อก๊ก ยามเมื่อย่างเท้าลงสัมผัสแผ่นดินแม่ ท่านทรุดร่างลงกราบแผ่นดินทอง ( สุวรรณภูมิ ) อย่างตื้อตันใจ  น้ำตาคลอเบ้า ทันที !   .................... ............... จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 4 เม.ย. 52 02:10:42 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 สายฟ้าแลบแปลบ สว่างจ้าขึ้นแล้ววูบหายไป ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องปานจะถล่มทลาย สายฟ้าแลบสว่างจ้าหลายครั้งติดต่อกัน ทำให้เห็นภาพเบ้บ๊วนตึ๊ง ( ตึกหมื่นม้า ) ตกอยู่ท่ามกลางละอองสายฝนที่ยังรินปรอยๆ ป้ายไม้คำขวัญของ เบ๊บ้วนตึ๊งที่ห้อยแขวนบนตัวตึก ถึงกับเปียกชุ่มโชกจากสายฝน หยดหยาดน้ำซึมเข้าสู่เนื้อไม้ จนแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้ม แต่ยามที่แสงสว่างวาบจ้าวูบขึ้น ยังพออ่านข้อความบนป้ายคำขวัญนั้นได้ ข้อความนั้นจารึกบนเนื้อไม้ไว้ว่า " ตีกอล์ฟเถอะทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มภัย " ( ฮา ) ด้านหลังของเบ๊บ้วนตึ๊ง ( ตึกหมื่นม้า ) ถึงกับเป็นป่าไผ่ มีสวนดอกไม้ สวนดอกไม้ถึงกับมีเหล่าภมรผีเสื้อบินว่อนดอมดมเกษรดอกไม้ ด้านข้างสวนมีขุนเขา ด้านข้างขุนเขาถึงกับมีธารโตรกน้ำตกเล็กๆ คล้ายสวรรค์วิมานในแดนดินก็ไม่ปาน หากที่นี่คือสรวงสวรรค์ ผู้ที่พำนักอาศัย ไยมิใช่เทพยดา ? ละอองพิรุณยังคงโปรยปรายเป็นฝอย คล้ายหว่านลงมาจากฟากฟ้า เงาร่างสายหนึ่งพุ่งวาบราวเหินบินออกจากตึกหลังเขา ไปหยุดยืนนิ่งบน หินใหญ่กลางน้ำตกที่เชี่ยวกราก หากมีทารกทาริกาพบเห็น คงปากอ้า ตาค้าง ตกตะลึงในท่าร่างวิชาตัวเบานี้ คนธรรมดาไยเหินบินได้ ? มันผมขาวโพลนทั้งศรีษะ เส้นผม ขนคิ้ว ต่างขาวเงินยวงทั้งสิ้น รูปร่างสัดทัด สวมชุดคลุมที่ผ่านการพิถีพิถันตัดพอดีตัว มันเอียงคอเล็กน้อย มุมปากตกเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตาคล้ายก้อนน้ำแข็งผนึกตัวขึ้น โหนกแก้มนูน จมูกมน ใบหน้าปราศจากรอยยิ้ม ผิวกายมันซีดขาวราวปลาตาย เค้าใบหน้าชาเฉย แฝงด้วยแววทรนงสามส่วน ตุ้งติ้งแต๋วจ๋าเจ็ดส่วน ( ฮา ) ชายสูงวัยผู้ยืนบนหินใหญ่ ท่ามกลางน้ำตกที่แท้ก็คือ ผู้ควบคุมบังเหียนของเจียงกุน ( แม่ทัพ ) ม้าทั้งหมดใน เบ้บ้วนตึ๊ง ( ตึกหมื่นม้า ) ตงฟานปุ๊ป้ายนั่นเอง ! ยามนี้ทั่วร่างมันปกคลุมด้วยรังสีอำมหิต มันเป็นเทพยดา หรือ ซาตาน ! ..................................................... จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 4 เม.ย. 52 02:11:59 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 " มันเป็น " บัณเฑาะห์ ” ( ฮา ) " มันคือ เพศที่ 3 บวชไม่ได้ พวกที่ตัดอัณฑะ ก็บวชไม่ได้ ..." ( ฮา ) เสียงคนโต้แย้งสนทนากันโฉมงโฉงเฉงลั่นโรงเตี๊ยม เสียงจอกสุรากระทบจอก เสียงเล่นทายนิ้วมือ เสียงช้อนตะเกียบกระทบชาม เสียงร้องเพลง โยกส่ายหัวตามทำนอง เสียงทอดกะทะผัดผักจากห้องครัว ดังอื้ออึงผสมผสานในโรงเตี๊ยม ยามนี้ข่าวใหญ่ในยุทธจักรถึงกับแพร่กระจาย ดังไฟลามทุ่ง หัวข้อซุบซิบของชาวยุทธจักร ถึงกับเป็นภาพวาดภู่กันปริศนาภาพหนึ่ง ! บนผืนผ้า วาดด้วยภู่กันจีน เป็นภาพหญิงงาม ยืนอ่อนช้อย แก้มแดง เอียงคอ..เอียงอาย ( ฮา ) นอกจากแม่นางไซซี แม่นางเตียวเสี้ยน แม่นางหวางเจาจวิน แม่นางหยางกุ้ยเฟย แม่นางบูเชคเทียน ที่มีความงามล่มเมืองแล้ว อิสตรีในภาพวาด ก็มีความงามไม่แพ้กัน บุรุษที่พบเห็นภาพวาดต่างพากันทอดถอนหายใจ อดยอมรับไม่ได้ว่า นางงามพอที่จะล่มเมืองจริงๆ แต่น่าเสียดาย เมืองที่นางล่ม คือเมืองของนางเอง ( ฮา ) นางในภาพวาดคือผู้ใด ? คือเพศใด ? มีบ้างบางคนบอกว่า นางคือจอมโจรสองเพศ เป็นภาพวาดของนักฆ่า ฉายา นักฆ่าจากลุ่มแม่น้ำฮวงโห อันลือนามในอดีต แต่มีบ้างบางคนบอกว่า นางในภาพวาดคือตัวตนอดีตของตงฟานปุ๊ป้าย !! " หากคนในภาพวาดนี้ คือ ตงฟานปุ๊ป้าย เราควรจะเรียกมันว่าอย่างไร ? " เปาเปียว ( ผู้คุ้มกันสินค้า ) ของสำนักคุ้มกันแห่งหนึ่ง สาดสุราเข้าลำคอแล้ว ตบโต๊ะ หัวเราะกับสหายร่วมโต๊ะลั่น สร้างความครื้นเครงต่อโต๊ะข้างเคียงยิ่งนัก " ข้าพเจ้าเห็นสมควร เรียกมันว่า.... " อาเพ้งจับกังแบกข้าวสาร กระแอมไอ พูดขึ้นว่า " เรียกมันว่ากระไร หากไม่เรียกนามมันว่าตงฟานปุ๊ป้าย " คนในโรงเตี๊ยม ตะโกนถามเซ็งแซ่ " ข้าพเจ้าเห็นสมควรเรียกมันว่า แต๋วฟานปุ๊ป้าย " ( ฮา ) เสียงปรบมือดังเกรียวกราว ในโรงเตี๊ยม ท่ามกลางเสียงโห่ฮาป่าของชาวบ้าน ชาวยุทธจักร ....เวลานี้ ตงฟานปุ๊ป้ายเสนาบดี ถึงกับแทบไม่ต่างจากตัวตลกในคณะงิ้วเลย ! จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 4 เม.ย. 52 02:14:27 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ชายสูงวัย พุ่งวาบราวเหินบิน จากหลังเบ๊บ้วนตึ๊ง ( ตึกหมื่นม้า ) ทะยานเผ่นโผนไปด้านลึกของรั้วค่ายเบ๊บ้วนตึ๊งอย่างเงียบเชียบ คืนนี้มันลุกจากที่นอนแต่เช้ามืด เพราะความไม่สบายใจ ยามที่มันไม่สบายใจ มันมักจะออกตรวจเยี่ยมเหล่าเจียงกุนม้าๆของมัน ( ฮา ) เช้ามืดนี้มันตึงเครียด จนรอถึงยามสายไม่ไหว มันจึงออกมาเดินตามค่ายเหล่าเจียงกุน ( แม่ทัพ ) ด้านหลังตึก หลังค่าย เป็นที่รกร้าง ตงฟานปุ๊ป้าย เดินเอาสองมือไพล่ด้านหลัง เดินเหยียบใบไม้แห้งดังกรอบแกรบอย่างปล่อยตัว จะอย่างไรมันชรามากแล้ว ....... ศึกครั้งนี้ อาจเป็นศึกสุดท้าย ในชีวิตมัน หลังจากศึกครั้งนี้ มันตกลงใจวางกระบี่ ล้างมือในอ่างทองคำ ตลอดเวลาหลายสิบปีที่มันประมือกับศัตรู มันมีความเชื่อมั่นเสมอมาว่ามันจะต้องชนะ แต่กับคนๆนี้ ...ท่านผู้นำอ้อก๊ก มันถึงกับขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ! อานุภาพระบบเสียงดอลบี้สเตริโอเซอร์ราวน์ของท่านผู้นำอ้อก๊ก มันปฏิเสธไม่ได้ว่าร้ายกาจสมคำร่ำลือจริงๆ และยิ่งเวลานี้ ท่านผู้นำอ้อก๊กอัฟเกรดมีทั้งภาพและเสียงที่คมชัด ใสแจ๋ว ( ฮา ) ตงฟานปุ๊ป้ายเริ่มทราบชะตาชีวิตมันแล้ว มันเริ่มเดินสายปลุกปลอบม้ามันอีกครั้ง ! ....................... ด้านหลังค่าย ถึงกับยังมีทหารหนุ่มคนหนึ่ง นั่งอ่านจดหมายอยู่หน้ากองไฟอย่างเงียบงัน เสียงกรอบแกรบจากหลังค่าย ทำให้พลทหารหนุ่มพับจดหมายซุกเก็บไว้ในอก หยัดร่างลุก ผงาดตัวขึ้น มือกุมด้ามดาบ มันตวาดเสียงดังออกไปว่า " ที่ด้านหลังค่ายคือใคร ประกาศนามออกมา อย่ามัวทำตัวเป็นแอบ " ( ฮา ) ตงฟานปุ๊ป้าย ชะงักเท้า เหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ในไม่กี่วันมานี้ มันได้ยินคำว่า " แอบ " นี้ ไม่ต่ำกว่าพันครั้ง คาดคิดไม่ถึงว่า ตื่นเช้ามาในวันนี้ ก็ได้ยินคำๆนี้  ครั้งที่หนึ่งพันหนึ่งครั้ง แต่เช้ามืด ( ฮา ) จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 4 เม.ย. 52 02:16:33 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 " แหมะ แหมะ แหมะ แหม...... " ตงฟานปุ๊ป้าย ขบกรามจนนูนเป็นสัน มันกำลังสะกดความโกรธที่คุ กรุ่น เมื่อพลทหารเห็นชัดตาว่า ร่างที่เคลื่อนมาช้าๆคือชายชรา มือที่กุมด้ามดาบก็คลายออก มันพูดขึ้นว่า " ท่านทราบหรือไม่ว่า ที่นี่คือเขตหวงห้ามของตึกหมื่นม้า ภายใต้การนำของท่านเจียงกุนเถิก อย่าได้ไปเดินเพ่นพล่านตามใจ มิฉนั้น จะมีเพทภัย " . ตงฟานปุ๊ป้าย แค่นเสียงดัง เฮอะ อย่างเหยียดๆ เมื่อได้ยินนามเจียงกุนเถิก มันมองไล่สายตาจากพื้นขึ้นมาอย่างไว้ตัว มันยืนยืดอก เอาสองมือไพล่ด้านหลัง มันมองไต่ขึ้นมาจากช่วงล่าง จนถึงแผงอก จนมองสบดวงตาพลทหาร ฉับพลัน มันก็ใจเต้นระรัว ตุ้มๆ ต่อมๆ ราวใครไปตีกลองเพลในอก ในแววตามันเต้นระริก สั่นไหว ..... มันหรี่ดวงตา เงยหน้า สูดลมหายใจยาวนาน มือทั้งสองเหยียดออกด้านข้าง กำมือเกร็ง ( ฮา ) ..กลิ่นสาปสางของบู๊ตที่อับชื้น กลิ่นเหงื่อที่เปียกชุ่ม ตามแผงอก ขนอกที่รุงรัง รอยเหงื่อเข้มใต้วงแขนเสื้อพลทหาร หนวดเคราสาก เป็นปื้นเขียว ตามใบหน้า กอปรกันขึ้น เป็นกลิ่นอันเย้ายวนใจตงฟานปุ๊ป้ายอย่างประหลาด ท่าทีมันอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แทบบ่งบอกความรวดเร็วของท่าร่างไม่ได้ ฉับพลัน มันยืนห่างจากพลทหารไม่ถึงก้าว ( ฮา ) " แหมะ แหมะ แหมะ แหม....รู้จักใช้โรลออน บ้างนะตะเอง..( ฮา ) " พลทหารขมวดคิ้ว แต่ไม่ถือสา มันทรุดร่างลงนั่งหน้ากองไฟ มันเงยหน้ามองชายสูงวัย หากประสาทสัมผัสการรับรู้มันไม่ผิดปรกติ มันแทบไม่เชื่อสายตามันว่า ชายสูงวัยเบื้องหน้า กำลังส่งสายตา หยาดเยิ้ม เล่นหู เล่นตากับมัน ( ฮา ) " " ท่านมาเป็น ทหาร นานเท่าไหร่แล้ว ในเบ๊บ้วนตึ๊ง แห่งนี้ ? " " ข้าพเจ้าเป็นทหารเกณฑ์ ผลัด 1 ผ่านการเกณฑ์ทหาร ตามหน้าที่ " ลูกผู้ชาย " ของแผ่นดิน อีกไม่กี่เดือน ข้าพเจ้าก็ถึงวาระ ปลดประจำการแล้ว " " แหมะ แหมะ แหมะ แหม....." ตงฟานปุ๊ป้าย เอามือหยิกปมชายเสื้อ บิดเล่นไปมา ( ฮา ) " ท่านมีนาม มีชื่อเล่นว่ากระไร ท่านพลทหารน้อย..." พลทหารน้อยเอาไม้เขี่ยเถ้าไฟ จนแตกสะเก็ดลุกโชน มันเงยหน้าตอบว่า " ข้าพเจ้ามีนาม มีชื่อเล่น ชื่อเล่นข้าพเจ้า คือ..แอ้ก " " อา...! " ตงฟานปุ๊ป้าย อุทาน เอามือทาบอก .................................. ( อ่านต่อ ภาค 2 เริ่มจากด้านบนครับ  ขอขอบคุณมากครับพี่ๆทุกๆท่าน   ...อาร์ต ) จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 4 เม.ย. 52 02:19:31 A:58.136.217.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณอาร์ต เกมส์นี้ สนุกมาก อย่าหายไปนานนะ อยากรู้ว่าจะจบอย่างไร จากคุณ : แสนเบื่อ (แสนเบื่อ) - [ 4 เม.ย. 52 05:25:26 A:211.31.11.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากครับ รออ่านต่ออย่าห่างหายไปนานเช่นกัน จากคุณ : มีดบินกรีดจันทร์ - [ 4 เม.ย. 52 06:02:18 A:58.9.104.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 เยี่ยมจริงๆตอนนี้คุณ อาร์ต  โดยเฉพาะวลีที่โดนใจมากคือ จงหักศัตรู ในขนะที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ใด้เตรียมพร้อม และไม่ทันตั้งตัว จากคุณ : เฮโรด (Youth In Asia) - [ 4 เม.ย. 52 06:23:01 A:124.157.136.154 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีคุณ อาร์ตหายไปนานสบายดีไหมเอย จากคุณ : Onion the thief* - [ 4 เม.ย. 52 07:07:03 A:1.1.1.166 X:124.120.90.227 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เยี่ยมมาก เอากิ๊ฟไปเลย จากคุณ : ศาลายา - [ 4 เม.ย. 52 09:21:57 A:10.106.38.191 X:122.154.11.67 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สุโค่ย..... เอาไปหนึ่งกิ๊บ จากคุณ : WhiteDove - [ 4 เม.ย. 52 15:04:09 A:125.26.67.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอน้อมคารวะครับพี่ๆทุกๆท่าน ขอขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน - [ 19 เม.ย. 52 07:10:02 A:58.136.217.232 X: ]