Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เหตุที่เสื้อแดงไม่ชอบประชาธิปัตย์

    ตอนที่ 1
    9 พฤศจิกายน 2540 นายชวน หลีกภัยได้นำพลพรรคเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลภาพพจน์ “ความซื่อสัตย์” บวกกับทีมงานด้านเศรษฐกิจสังคมที่ประกอบไปด้วยบุคคลที่มีชื่อเสียง ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีชวน 2 เป็นความหวังในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาทุจริต คอรัปชั่น

    จาก วันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 3 ปี ในยุครัฐบาลชวน 2 ความคาดหวัง ความฝันของประชาชนที่ฝากไว้กับคณะรัฐมนตรีของนายชวน หลีกภัย กลับมิได้เป็นไปตามที่ฝัน รัฐบาลดรีมทีมไม่เพียงแต่จะซ้ำเติมความเสียหายแก่ประเทศชาติด้วยการสร้าง ความหายนะทางเศรษฐกิจให้เลวร้ายยิ่งขึ้น แต่ยังปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชันอย่างมโหราฬในหลายๆ ระดับของรัฐ

    รัฐบาล “กินเมือง”
    การ โกงกินภาใต้การบริหารงานของรัฐบาลชวน 2 ประเดิมกันด้วยเหตุการณ์ “ประวัติ ถนัดค้า” รองอธิปดีกรมป่าไม้หอบเงินสด 5 ล้านบาท ที่ได้จากการรับสินบนตัดไม้สักจากป่าสาละวินเข้าไปให้นายกรัฐมนตรีเพื่อ บริจาคให้กองทุนไทยช่วยไทย เมื่อ กุมภาพันธ์ 2541 บทสรุปก็คือ ประวัติ ถนัดค้า ถูกปลดจากรองอธิบดีกรมป่าไม้ แต่ไม่สามารถสืบค้นและจับกุมผู้บงการตัดไม้ป่าสาละวินที่แท้จริงได้

    SDH ฮั้วเพื่อพรรคพวกตน
    จาก นั้นเดือนมิถุนายน 2541 รัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์โชว์ผลงานผลาญงบประมาณชาติ ในกรณีโครงการสื่อสัญญาณความเร็วสูงหรือ SDH มูลค่าหมื่นล้านบาทขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการฯ เตรียมการ “อั้ว” การประมูลของเอกชน 8 ราย ไว้ล่วงหน้า แต่บังเอิญคนในพรรคทนความอดสูไม่ไหว ทวี ไกรคุปต์ หนึ่งในสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จึงขุดคุ้ยก่อนจะถูงสาวไส้ต่อด้วยฝีมือพรรค ฝ่ายค้าน
    ภายหลังหลักฐานต่างๆ ออกมายืนยันว่า สุเทพ เทือกเทพสุบรรณ มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการ “ฮั้ว” ในฐานะผู้เซ็นต์อนุมัติ ทำให้สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องระงับโครงการดังกล่าวไว้ชั่วคราว
    ไม่เพียงไม่มีการตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นในโครงการเท่านั้น แต่ปัจจุบัน SDH อยู่ระหว่างนำมารีไซเคิลใหม่อีกครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อจาก SDH เป็นโครงการ TNEP หรือโครงการขยายข่ายทศท. พ.ศ.2538-2541 ซึ่งเป็นที่เคลือบแคลงและสงสัยว่าเป็นโครงการที่จะเก็บเกี่ยวหาเงินเข้าพรรค ไว้เป็นทุนสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่
    เสี้ยวนาที่สุดท้ายในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543 ก่อนที่จะนายกฯชวนจะประกาศยุบสภาเพียง 5 ชั่วโมง องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยในยุคที่ สุเทพ เทือกสุบรรณเป็น รมต.คมนาคม ได้เปิดไฟเขียวให้ สมบัติ อุทัยสาง ประธานคณะกรรมการ ทศท. และสุธรรม มลิลา ผอ.ทศท. ทายาท สุเทพ เทือกสุบรรณ เซ็นสัญญาพร้อมจัดหา และติดตั้งอุปกรณ์โครงการขยายโครงการข่ายสัญญาณความเร็วสูงทั่วประเทศ (เอสดีเอช.หรือที่แปลงโฉมเป็น TNEP. นั่นเอง) มูลค่าถึง 7,500 ล้านบาท

    ผักสวนครัว รั้ว “กิน” ได้
    เดือน กันยายน 2541 มีการขุดคุ้ยให้สาธารณชนรับรู้ถึงความผิดปกติของโครงการผักสวนครัวรั้วกิน ได้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของ วิรัช รัตนเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จากพรรคชาติไทย ที่นำเงินงบประมาณ 500 ล้านบาทมาจัดซื้อเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว เช่น มะเขือเปราะ พริกขี้หนู บวบ เป็นต้น เพื่อนำไปให้ชาวบ้านปลูกไว้กินเอง โครงการนี้ถูกตรวจสอบพบว่าใช้วิธีพิเศษในการจัดซื้อเมล็ดพันธุ์พืชกล่าวคือ เมล็ดพันธุ์ที่จัดซื้อภายใต้วิธีพิเศษมีราคาที่แพงกว่าเมล็ดพันธุ์พืชชนิด เดียวกันที่ขายอยู่ตามท้องตลาดอย่างต่ำ 2 เท่า เป็นผลให้ต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดินหลายร้อยล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์
    ใน ที่สุด วิรัช รัตนเศรษฐ์ ในฐานะรัฐมนตรีที่เซ็นอนุมัติโครงการ ต้องจำนนต่อหลักฐานและข้อเท็จจริง แต่รัฐบาลทำได้เพียงกดดันให้ วิรัช รัตนเศรษฐ์ ลาออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยทั้งน้ำตา และถึงวันนี้ยังไม่สารถหาผู้ทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และไม่ได้รับการเอาใจใส่ติดตามจากผู้นำรัฐบาลแม้แต่น้อย
    “ทุจริตยา” การหากินบนคราบน้ำตาของผู้ยากไร้
    เดือน พฤศจิการยน 2541 โครงการของงบประมาณจัดซื้อยาให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศวงเงิน 1,400 ล้านบาท โดยการอนุมัติ รักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีชาวยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พรรคกิจสังคม ถูกเปิดโปรงออกมา โดยที่นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย “ผู้ซื่อสัตย์” ออกมาปกป้องอย่างออกหน้าออกตา
    ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฎทั้งราคาในการจัดซื้อยาเวชภัณฑ์ที่แพงกว่าปกติ และผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานกดดันให้ “รักเกียรติ สุขธนะ” ต้องยอมลาออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีไปอีกคนอย่างไม่ค่อยเต็มอกเต็มใจนัก
    รวม ไปถึงการปลด นพ.ปรากรม วุฒิพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้นออกจากตำแหน่ง เพราะมีข้อมูลพัวพันกับขบวนการจัดซื้อยาแพง ตลอดจนการลงโทษข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุขอีก 3-4 คน รวมทั้งการขึ้นบัญชีดำรายชื่อบริษัทขายยาและเวชภัณฑ์ของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.)
    ส่วนนักการ เมืองอย่าง “จิรายุ จรัสเสถียร” ที่ปรึกษา “ธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์” อดีตรมช. สาธารณสุขที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการทุจริต เพราะมีเงิน 31 ล้านบาทมาจากการเล่นพนัน เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวออสเตรเลีย


    ตอนที่ 2

    ปล่อย “คนโกง” ให้ลอยนวล
    คน ในรัฐบาลชวนคดโกงงบประมาณแผ่นดินยังไม่พอ กระทั่งการเลือกตั้งก็มีเรื่องฉาวโฉ่ไม่แพ้กันซึ่งมีทุกระดับ ตั้งแต่โครงการสร้างระดับบนจนถึงระดับล่าง
    กลางปี 2542 ปฎบัติการ “โกง” ครั้งมโหราฬในการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลนคร จังหวัดสมุทรปราการ ถึงขั้นต้องให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ สูญเสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะผลที่ออกมาไม่สามารถหาคนโกงมาลงโทษได้ เนื่องจากนายวัฒนา อัศวเหม เป็นบิดาของหัวหน้าผู้สมัครทีมหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้มีบุญคุณต่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลชวน 2 เป็นผลสำเร็จ บุญคุณย่อมต้องทดแทน เป็นเหตุให้ข่าวการปฏิบัติการโกงเลือกตั้งหายเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง

    ยืมหลังบ้านนายกฯเป็นแหล่งค้า “ซีดีเถื่อน”
    ตุลาคม 2542 มีการเปิดโปรงขบวนการค้าซีดีเถื่อน ซึ่งคนของรัฐบาลได้ใช้ “บ้านพิษณุโลก” อันเป็นบ้านพักของนายกรัฐมนตรี เป็นสถานที่เก็บซีดีเถื่อนก่อนกระจายสู่ท้องตลาด จนขยายผลสู่การทลายแหล่งผลิตซีดีเถื่อนแหล่งใหญ่ในบริเวณท่านน้ำเมืองนนท์ ร้านที่ตรวจพบซีดีเถื่อนเป็นของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล สังกัดกลุ่มงูเห่า และ ตรวจสอบพบว่าเครื่องมือผลิตซีดีเถื่อนถูกนำเข้ามาโดยผิดกฎกรมศุลกากร
    ใน กรณีซีดีเถื่อน รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้แสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญในการจัดการทำให้เรื่องเงียบหาย อยู่ในฐานะของรัฐบาลที่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างเห็นได้ชัด
    เงินกู้ไร้ที่มา 45 ล้านบาท / ปฏิบัติการรุกอุทยาน
    เอามาสร้างเป็นบ้าน 3 หลัง
    นอก จากนี้พิจารณาของคณะกรรกมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีกู้เงิน 45 ล้านบาทจากบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า เป็นการจงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่เป็นเท็จ เพราะไม่มีที่มาที่ไปของเงินชัดเจน ก็สะท้อนถึงการทุจริตคอรัปชันที่กลาดเกลื่อนในรัฐบาลชวน 2 ได้อย่างแจ่มชัด ทว่าการตัดสินลงโทษไม่ได้มาจากการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
    กรณีของพล. ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ยังมีเรื่องคฤหาสน์ 3 หลังในพื้นที่ป่าเมืองกาญจนบุรี เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ ที่กรมป่าไม่ตรวจสอบพบว่าบุรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นการจับจองที่ดิน สาธารณะโดยมิชอบที่เกี่ยวโยงกับ ประหยัด เวสสบุตร ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี และ ดิเรก อุทัยผล อดีตผู้ว่าราชการกาญจนบุรี ซึ่งล้วนเป็นคนไกล้ชิดของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ กระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปนำผู้กระทำผิดกฎหมายมาลงโทษได้ ล่าสุดอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คน คือปราจีน เวสสบุตร จุฑามาศ เวสสบุตร ธวัช ศรีกรวิไล
    แตกต่างจากกรณีซื้อขายตำแหน่งสำนักงานรพช. ที่ถูกเปิดโปงในเดือนกันยายน 2541 เริ่มต้นจาการจับกุม น.อ.ธาตรา ธารบุญ จากนั้นขยายผลสู่การจับกุม จ.ส.ต.สุวิทย์ มลธุรัช คนขับรถของเสธ.หนั่น และ สันติ เกรียงไกรสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เพราะผลตรวจสอบพบว่ามีการอ้างชื่อ ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ภรรยา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เข้าไปเกี่ยวข้อง
    กรณีผืนป่าท่าชนะ จังหวัดสุราษฏร์ธานี พบว่าป่าได้ถูกทำลายไป422 ไร่ ต้นไม่ถูกตัดโค่น 1,293 ต้น เมื่อเดือนมีนาคม 2543 จนข้าราชการกรมป่าไม้ด้วยกันทนไม่ไหว พยายามนำข้อเท็จจริงของการทำลายป่าครั้งนี้ออกมาเปิดเผย เรื่องจริงร้อนถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เพิ่งรอดจากการไม่ถูกสั่งฟ้องในความผิดฐานไม่สั่งเพิกถอนสัมปทานพื้นที่ ป่าสงวนป่าท่าชนะ และเปลี่ยนพื้นที่สัมปทานโดยไม่ได้นำเสนอรับอนุมัติจาก ครม. ซึ่งพื้นที่เปลี่ยนแปลงเกิน 2,000 ไร่ ความผิดครั้งนั้นถ้า ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ไม่เล่นบทอีแอบให้นิพนธ์ พร้อมพันธ์ไปวิ่งเต้นกับอัยการสูงสุดในขณะนั้นให้ออกคำสั่งไม่ฟ้องสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็คงถูกดำเนินคดีอาญาอย่างแน่นอน
    การบุกรุกตัดไม้เมื่อเดือน มีนาคม 2543 สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงกับออกมาแก้ตัวว่าเป็นการพยายามนำเรื่องป่าท่าชนะมาเป็นประเด็นการเมือง เพื่อหวังให้ตนตายทางการเมือง แต่ข้อเท็จจริงแล้ว สุเทพ เทือกสุบรรณได้สั่งการลับผ่านอธิบดีกรมป่าไม้ ให้ข้าราชการผู้รู้ข้อมูลฉาวของตนมากที่สุดในกรมป่าไม้ยุติการเปิดเผยข้อมูล ป่าท่าชนะเด็ดขาด
    เบื้องหลังการตัดไม่ครั้งนี้ ในทางการสิบสวนสอบสวนต้องดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่อธิบดีกรมป่าไม้ที่ซึ่งเป็นคนของสุเทพ เทือกสุบบรณ ได้ดำเนินการเพียงแค่ยึดไม้เท่านั้น โดยไม่มีการสืบสาวหาผู้กระทำผิดใดๆ ทั้งที่รู้ว่ากลุ่มผู้ที่ลักลอบตัดไม้ครั้งนี้เป็นกลุ่มนายทุนท้องถิ่นที่มี สายสืบพันธ์ทางผลประโยชน์กับสุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างลึกซึ้ง และถ้าสืบสวนไปมากกว่านี้ก็จะเป็นการนำไปสู่การเรื้อฟื้นคดีป่าท่าชนะ ซึ่งจะได้ตัวผู้กระทำผิดซ้ำสองถัดจากกรณี สปก.4-01 คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ

    จากคุณ : adireksp - [ วันจักรี 14:15:19 A:222.123.141.201 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป


Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com