ความคิดเห็นที่ 1 - จากคุณ : * (ลมเปลี่ยนทิศ) - [ 12 เม.ย. 52 14:46:20 A:114.128.68.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 แวะมาแจกกิ๊ฟครับ ชอบใจๆ จากคุณ : Bigshow - [ 12 เม.ย. 52 14:58:41 A:124.120.143.206 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเป็นลมเปลี่ยนทิศตัวจริง ฝากดูกระทู้คุณ พาชื่นหน่อยค่ะ ผมขออนุญาตเตือนความจำคุณสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ หรือ"ใต้ฝุ่น-ลม เปลี่ยนทิศ"คนดี คนเปี่ยมจริยธรรม สื่อมวลชนคนเก่งสักหน่อย ขอลำดับเหตุการณ์เรื่องที่คุณสันติได้สงเคราะห์โรงเรียนาธิต ม.ก.เขียนต่อว่าอัยการสุมาลี ผู้ใช้สิทธิความเป็นแม่ที่รักลูกขอดูคะแนนสอบเข้า ดังนี้- 3 เม.ย. 41 นางสุมาลี ลิมปโอวาท มารดาและผู้ปกครอง ด.ญ.ณัฐนิช ลิมปโอวาท ผู้สมัครสอบคัดเลือกเข้าชั้นป.1ร.ร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ปีการศึกษา 2541 ขอตรวจดูและถ่ายสำเนากระดาษคำตอบและบัญชีคะแนนของลูก และนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน120 คน 19 มิ.ย.41 มก.ปฏิเสธว่าไม่มีเหตุผล สมควร 25 มิ.ย.41 นางสุมาลี ร้องเรียนว่า มก.ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 25 ก.ย.41 คณะกรรมการข้อมูล ข่าวสารของราชการมีหนังสือถึง มก.เพื่อทราบข้อเท็จจริง และขอเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่ผู้ร้องทุกข์ร้องขอ 21 ต.ค.41 มก. มีหนังสือถึง คณะกรรมการข้อมูลฯ พร้อมได้ส่งคำชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับร.ร.สาธิตฯและบัญชีเอกสารตามที่คณะกรรมการร้องขอจำนวน 10 แฟ้ม 11 พ.ย.41 คณะกรรมการวินิจฉัย การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารด้านสังคม ได้แจ้งคำวินิจฉัยให้เปิดเผยกระดาษคำตอบและบัญชีคะแนนของด.ญ.ณัฐนิช และนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกทั้ง 120 คนให้นางสุมาลี ตรวจดูและถ่ายเอกสาร 25 พ.ย.41 มก. หารือกับคณะกรรมการ ข้อมูลฯ ทบวงฯและอัยการสูงสุด ถึงขั้นตอนและผลกระทบในการดำเนินการ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติซึ่ง มก.ได้ตอบรับว่าจะเป็นผู้นัดหมายให้มาดูข้อมูล 3-6 ธ.ค. 41 ประชาชาติธุรกิจเปิดเผยคำชี้แจงเกี่ยวกับสาธิตเกษตรต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยในเอกสารระบุว่ามีการรับเด็กกรณีพิเศษจำนวน 38 คนจากนักเรียน 120 คน (31%%) 25 ธ.ค.41 ผู้ปกครองนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกทำหนังสือขอคัดค้านการดูกระดาษคำตอบกล่าวว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล 13 ม.ค.42 กลุ่มผู้ปกครอง ได้มีหนังสือถึงอธิการฯมก. เพื่อขอให้ระงับการเปิดเผยกระดาษคำตอบของนักเรียนทั้งหมด จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยเป็นที่สุด 19 ม.ค.42 นายเชิดชัย จินตสุเมธ ผู้ปกครอง ด.ญ.ชลิตา จินตสุเมธ ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อมูลฯ อ้างว่าคำตอบของเด็กแต่ละคนเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล โดยมีจำเลย 8 คนคือคณะกรรมการวินิจฉัย 7 คนและอธก.มก. 1 คน 25 ม.ค.42 มก.แถลงข่าวข้อเท็จจริง การรับนักเรียนโรงเรียนสาธิตเกษตร โดยอาจารย์ใหญ่นางจงรักษ์ ไกรนาม แจ้งว่ากำลังรอคำแนะนำจากฤษฎีกาและอัยการสูงสุด เพื่อจะได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง และยอมรับว่ามีเด็กฝากจริง 28 ม.ค.42 ศาลแพ่งมีคำสั่งยกคำร้อง ฉุกเฉินของนายเชิดชัย จินตสุเมธ โดยวินิจฉัยว่ามีเหตุผลสมควรรับฟังเหตุผลและ คำร้องของจำเลย แต่ไม่มีเหตุฉุกเฉินจึงให้ยกคำร้องของนายเชิดชัย 29 ม.ค.42 คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ ทำหนังสือถึงมก.ให้ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการวินิจฉัยฯ 30 ม..ค. 42 ผศ. เกื้อกูล ทาพิสิทธิ เข้าดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ร.ร.สาธิต มก.แทนอาจารย์จงรักษ์ซึ่งครบวาระ 1 ก.พ.42 นายธีระ สูตะบุตร อธิกการ.มก. ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าจะเปิดเผยข้อมูลกระดาษคำตอบและบัญชีคะแนนเด็กทั้ง 120 คน เพราะถือว่าการสั่งการดังกล่าวเป็นที่สิ้นสุดตามกฎหมาย 4 ก.พ.42 เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ร.ร.สาธิต มก. โดย ด.ญ.กมลมาศ วรรณพาหุกับพวกรวม 109 คนได้ยื่นฟ้องนายชูเชิด รักตะบุตร์ ประธานคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารด้านสังคม 7 คนกับอธิกการบดีมก. 1คน เป็นจำเลยต่อศาลแพ่งในฐานความผิดขอให้เพิกถอนมติและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยฯ ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลของโจทก์ทั้ง 109 คน ทั้งเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกม. และเป็นการกระทำที่ผิดกม.ต่อโจทก์ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยที่ 8 (อธก.มก.) ระงับการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว 5 ก.พ.42 โจทก์ชุดเดิมเข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองฉุกเฉินเพื่อไม่ให้ทาง อธก.มก.และสาธิตมก.ต้องเปิดเผยข้อมูล 6 ก.พ. 42 อธก.มก.บอกว่าเปิด เฉพาะเลขที่สอบและคะแนนเด็ก 120 คน แต่ไม่เปิดเผยรายชื่อวันที่ 15 ก.พ. 8 ก.พ.42 ศาลนัดไต่สวนคำร้องฉุกเฉิน พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นเอกสารทางราชการ ไม่ใช่ส่วนบุคคลเปิดเผยได้ นายเชิดชัย จินตสุเมธ บิดาเด็กฝ่าโจทก์กล่าวว่ายื่นอุทธรณ์ต่อไป และหากต้องเปิดเผยจริงก็จะฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อนางสุมาลี และวันเดียวกันนี้ทบวงมหาวิทยาลัยเรียกประชุมผู้บริหาร โรงเรียนสาธิต 8 แห่งในสังกัด เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อความโปร่งใสในการสอบเข้า ป.1 9 ก.พ.42 อธก.มก.แถลงข่าวว่า ร.ร.สาธิต มก.จะเปิดเผยข้อมูลเฉพาะตัวให้ นางสุมาลีไปดูได้ในวันที่ 15 ก.พ.42 โดยให้ดูคนเดียว 10 ก.พ.42 ด.ญ.กมลมาศ วรรณพาหุ กับพวก 109 คน มอบให้ทนายความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำพิพากษาศาลแพ่งที่ยกฟ้องคณะกรรมการวินิจฉัย และอธก.มก. ศาลรับอุทธรณ์แต่ไม่รับคำร้องให้ไต่สวนฉุกเฉิน 15 ก.พ.42 นางสุมาลี ไม่ได้เดิน ทางไปดูกระดาษคำตอบและบัญชีคะแนน เพราะยังไม่ได้รับจดหมายแจ้งอย่างเป็นทางการจาก ร.ร. ซึ่งทางร.ร.บอกว่าส่งมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.แล้ว ต่อมาบอกว่าได้รับจดหมายเลย 12.00 น. ซึ่งเลยเวลากำหนดนัดหมายในวันเดียวกัน แม้จะได้รับก่อนก็จะไม่ไปเพราะมีเงื่อนไขมาก  โดยเฉพาะข้อ 3 ระบุว่า นางสุมาลีต้องลงลายมือชื่อรับเอกสารและรับทราบเงื่อนไขของมก. ที่จะไม่นำเอกสารไปเผยแพร่แก่บุคคลอื่น หรือไปใช้ประโยชน์ในทางที่เสียหายแก่มก.หรือนักเรียนที่ผ่านการทดสอบ ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวไม่เป็นไปตามมติของคณะกรรมการวินิจฉัยที่ให้เปิดเผยโดยไม่มีเงื่อนไข 16 ก.พ. 42 นางสุมาลีทำหนังสือแจ้ง ไปยังคณะกรรมการข้อมูลฯกรณีที่มก.ระบุว่าไม่ยอมใช้สิทธิไปดูผลสอบ 4 มี.ค.42 สำนักงานอัยการสูงสุด ตั้งกรรมการสอบนางสุมาลี ลิมปโอวาท ที่ใช้พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ขอดูผลการสอบเข้าโรงเรียนสาธิต มก. ตามบัตรสนเท่ห์ในนามผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสาธิตมก. ร้องเรียนมา ซึ่งนางสุมาลีบอกว่าใช้สิทธิในแง่ผู้ปกครองไม่ได้ใช้ในฐานะพนักงานอัยการ 15 มี.ค.42 หนังสือนายดิเรก สุนทรเกตุ รองอัยการสูงสุด ส่งหนังสือความเห็นให้ยุติการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่ออัยการสูงสุด หนังสือดังกล่าวในเบื้องต้นนายเสรี หิรัญทรนัย อธิบดีกรมอัยการฝ่ายคดีแพ่งในฐานะผู้บังคับบัญชานางสุมาลี เสนอความเห็นผ่านไปยังนายดิเรกว่า การกระทำ ของนางสุมาลีเป็นการใช้สิทธิส่วนตัวตามรัฐธรรมนูญและทำในฐานะผู้ปกครองเด็กนักเรียน ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎหมาย จึงไม่มีเหตุผลที่จะดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้ต่อไป ปัจจุบันท่านผู้นี่เป็นอดีตอัยการโดยโอนย้ายไปในหน้าที่การงานอื่นแล้ว ลูกสาวของท่านก็น่าจะเรียนอยู่ชั้น ม.6 รร.สาธิต มศว  ปทมวัน ประมาณนี้ล่ะครับ เรียกความหลังมาใหอ่านกันเพื่อให้รู้ว่า คุณสันติ  วิริยะรังสฤษฎ์ แห่ง นสพ.ไทยรัฐ ทำบาปไว้กับครอบครัวหนึ่งและสังคมไทย แล้วยังกล้ามาเสนอหน้าวิจารณ์ผู้อื่นอีกหรือ??? จากคุณ : พาชื่น  - [ 29 ก.ค. 51 16:18:57 A:58.8.9.238 X: ] จากคุณ : MAFEUNG - [ 12 เม.ย. 52 15:00:38 A:124.121.37.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก็เพราะอย่างนั้นแหละ กดทับให้รู้สึก ก็เลยต้องลุกมาหาความชอบธรรม ที่ควรได้ด้วย 1 สมอง 2 มือ แทนที่จะต้องยอมรับระบบอุปถัมป์ไปชั่วนาตาปี เหมือนทาสทั้งหลายที่ยังอยากใช้ระบบเส้นสายอย่างเดิม และไม่ซึ้ง เพราะชีวิตนี้ยังไม่เคย มีความสามารถจน เคยรู้สึกว่า ความเก่งของกูจ ธุรกิจที่อยากจะทำจะไม่ถึงดวงดาว ถ้ากูเข้าไม่ถึงเส้น เคยรู้สึกอยากจะทำธุรกิจอะไร แล้วจบลงด้วยความรู้สึกแบบนี้ไหมละ ทั้งๆที่คิดได้ก่อนคนอืน หรือไม่เคย เพราะ ไม่เคยคิดออกเลย ก็เลยไม่ต้องกดดันแบบเขาไง จากคุณ : MAFEUNG - [ 12 เม.ย. 52 15:02:02 A:124.121.37.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยว่าคุณทักษิณ ไม่ได้เก่ง แบบคนรวยๆ คนไทยอื่นๆ เพราะเค้าใหญ่มาจากการ ล็อบบี้ ตั้งแต่ธุรกิจคอมพิวเตอร์แล้ว   มีบริษัทไหนบ้างที่ โตขึ้นมาแบบปกติ มีแต่ lobby ทั้งนั้น เลยเคยตัวมาใช้ในการเมืองด้วย จากคุณ : zq-JZA80 - [ 12 เม.ย. 52 15:35:58 A:58.8.195.70 X: ]