จดหมายเปิดผนึกถึงพี่น้องประชาชนชาวไทยและนานาอารยประเทศ
“ประชาธิปไตยเพื่อคนไทยทุกคน”
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์ที่น่าสลดใจเกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย
การประท้วงโดยสันติของกลุ่มประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยถูกรัฐบาลใช้กำลังอย่างรุนแรง
โดยใช้กองกำลังทหารติดอาวุธทั้งในเครื่องแบบและที่แต่งกายในชุดพลเรือน
ผู้ประท้วงนับร้อยคนได้รับบาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งซึ่งยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด
ผมมีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย และขอแสดงความเสียใจต่อบรรดาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของรัฐบาลในครั้งนี้ทุกคน
รวมทั้งทหาร ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บด้วย
แม้ผมจะประณามการใช้กำลังทำร้ายประชาชน แต่ ทหาร ตำรวจก็เป็นพี่น้องชาวไทยของพวกเราเช่นเดียวกัน
และผมก็ตระหนักดีว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจเหล่านี้เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับ
ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการทำร้ายประชาชนในครั้งนี้คือบรรดาเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจระดับสูงและรัฐบาล
หลังจากที่มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยโดยพี่น้องประชาชนผ่านไปหลายวัน
ผมได้เป็นแรงใจในการสนับสนุนกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผมได้เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยผ่านทางวิดีโอและทางโทรศัพท์
ผมได้ย้ำตลอดมาว่า การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ต้องเป็นไปด้วยสันติและกระบวนการต่อสู้ของประชาชนจะไม่ใช้ความรุนแรง
พี่น้องประชาชนนับหมื่น นับแสนได้ตอบสนองข้อเรียกร้องและได้พากันชุมนุมประท้วงอย่างสงบและสันติเป็นเวลาหลายสัปดาห์
เพื่อเรียกร้องให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย
ผมมีความภาคภูมิใจและซาบซึ้งใจในความมุ่งมั่นของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศในการเรียกร้อง “ประชาธิปไตยเพื่อคนไทยทุกคน”ในครั้งนี้
บรรดาพี่น้องที่เข้าร่วมในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยไม่ได้มีเพียงแค่ผู้สนับสนุนผมเท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม พี่น้องประชาชนที่อดทนตากแดด ตากฝนทำไปเพื่อเรียกร้องการมีสิทธิมีเสียงของพวกเขาตามระบอบประชาธิปไตยนั้น
มีทั้ง นิสิตนักศึกษา นักวิชาการ แม่บ้าน พ่อค้า นักธุรกิจ หรือแม้แต่ข้าราชการตำรวจ และข้าราชการพลเรือน
ที่ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะปฏิเสธการแทรกแซงทางการเมืองจากกองทัพ
บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พี่น้องข้าราชการจะปฏิเสธคำสั่งทางการเมืองที่ขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน
และบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเรียกร้องให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน
โดยมีความเสมอภาค เสรีภาพ และความยุติธรรมสำหรับพี่น้องชาวไทยทุกคน
เป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่กลุ่มอภิสิทธิ์ชนทางการเมืองในกรุงเทพได้ทำการเกินสมควรในการรวบอำนาจไว้ที่ตน
โดยไม่คำนึงถึงพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ
บรรดาอภิสิทธิ์ชนทางการเมืองเหล่านี้ได้ทำลายความเป็นประชาธิปไตยทุกอย่างในประเทศไทยลง
คนกลุ่มนี้ได้ใช้อำนาจเป็นธรรมในการประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ทำการและให้การสนับสนุนการทำรัฐประหาร บังคับใช้รัฐธรรมนูญที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย
ทำการยุบพรรคการเมือง (และเลือกกระทำเฉพาะพรรคการเมืองที่สนับสนุนหรือมีความเกี่ยวพันกับผม)
ให้ท้ายการปิดถนนประท้วงจนนำไปสู่การเข้าบุกรุก ยึดครองที่ทำการของรัฐบาล
หรือแม้แต่ให้ท้ายการยึดสนามบินหลักของประเทศเพื่อทำลายล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
และกลุ่มอภิสิทธิ์ชนทางการเมืองเหล่านี้ก็สนับสนุนการเข้าแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์โดยกองทัพ
โดยมีเจตนาที่ปิดไม่มิดว่านี่คือการทำ “รัฐประหารเงียบ” ของกองทัพ
กระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยของ “พี่น้องเสื้อแดง” เกิดขึ้นจากความไม่ยุติธรรมที่ได้รับครั้งแล้วครั้งเล่า
และกระบวนการเคลื่อนไหวนี้ก็จะเติบโตต่อไปจนกว่าระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงจะกลับคืนมาสู่ประเทศไทย
การกระทำแบบปากว่าตาขยิบของรัฐบาลชุดนี้ ที่หนุนให้กองทัพใช้กำลังรุนแรงเข้าปราบปรามการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของ “พี่น้องเสื้อแดง”
แต่กลับทำท่าเหมือนวางเฉยแต่ในความเป็นจริงกลับให้ท้ายและยุยงส่งเสริมต่อการเคลื่อนไหวเรียกร้องอำมาตยาธิปไตยของกลุ่มเสื้อเหลือง
จนมีการบุกรุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินแห่งชาติ จะทำให้พี่น้องเสื้อแดงมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ต่อไป
ผมขอเรียนย้ำต่อพี่น้องชาวไทยว่าการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของเราจะต้องไม่ใช้วิถีของความรุนแรง
เราต้องสร้างอนาคตของพวกเราผ่านความเข้มแข็งทางความคิดและหลักการอันถูกต้องของพวกเรา
และพวกเราต้องอดทนและวางเฉยต่อการยั่วยุต่างๆจากทางภาครัฐ เป็นที่ทราบกันดีในหมู่พี่น้องที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยว่า การกล่าวร้ายเรื่องเผารถเมล์
หรือการก่อความรุนแรงต่างๆนั้น กระทำโดยผู้ไม่หวังดีต่อระบอบประชาธิปไตยเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของการต่อสู้ของคนเสื้อแดง
มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่จะใส่เสื้อแดงและออกไปก่อความวุ่นวายตามท้องถนน
แต่พี่น้องคนไทยจะไม่เขลาพอที่จะเชื่อกลลวงของรัฐบาลเช่นนี้
เราขอปฏิเสธการใช้กำลังและจะไม่ยอมรับความพยายามของฝ่ายตรงข้ามที่จะทำลายล้างหลักการที่พวกเรายืนหยัดต่อสู้
เพื่อที่จะกล่าวหาว่าพวกเราเป็นเพียง “ม็อบ” เพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้กำลังเข้าทำร้ายประชาชน
และนี่คือเหตุผลที่ผู้นำที่กล้าหาญของการเรียกร้องประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง
ได้ร้องขอต่อพี่น้องชาวไทยนับหมื่นที่รวมตัวอยู่ด้านนอกของทำเนียบรัฐบาลและที่อื่นๆในกรุงเทพให้สลายตัวในวันที่ ๑๔ เมษายน
การตัดสินใจของผู้นำท่ามกลางการเผชิญหน้ากับรถถัง ทหารหลายพันคนพร้อมอาวุธสงครามครบมือ
และการนำเสนอข้อมูลที่จงใจบิดเบือนจากฝ่ายรัฐบาลว่าตนดำเนินการเพื่อรักษากฎหมาย รักษาความสงบ
จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพื่อมิให้พี่น้องประชาชนทั้งเสื้อแดงและบรรดาผู้บริสุทธิ์ต้องถูกทำร้ายกลางท้องถนน
การตัดสินใจของผู้นำการเรียกร้องประชาธิปไตยเหล่านี้เป็นไปโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
และผมของแสดงความชื่นชมในการตัดสินใจของพวกเขาเหล่านั้น
มีพี่น้องคนไทยของเราต้องเสียชีวิตในเงื้อมมือของรัฐเผด็จการมามากพอแล้ว
เราต้องร่วมกันที่จะบอกว่า ครั้งนี้ เราจะไม่ยอมให้พี่น้องประชาชนต้องมาพลีชีพเพื่อประชาธิปไตยอีก
ครั้งนี้ เราต้องมีความอดทนและอดกลั้นต่อการยั่วยุที่จะนำไปสู่การใช้กำลังกวาดล้างประชาชนเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
และเราต้องอดทน อดกลั้นต่อความเกลียดชังที่เป็นเสมือนยาพิษทำลายล้างการเมืองของเรามาเป็นเวลานาน
เราต้องปฏิเสธการใช้กำลังและอาวุธของรัฐบาล เหมือนกับที่เรายังคงตั้งมั่นที่จะปฏิเสธการพยายามปล้นอำนาจประชาชนของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนทางการเมืองในกรุงเทพ
และในวันนี้ เราได้ถอยหลังจากการเผชิญหน้าไปหนึ่งก้าว
และเราจะไม่ยอมยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยของไทย
แม้เราถูกหยุดยั้งโดยภาครัฐ งานของพวกเราก็จะไม่หยุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นคือการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง
และในท้ายที่สุดนี้ ผมมีความมั่นใจว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะต้องชนะและมีชัยด้วยแนวทางสันติ
ทักษิณ ชินวัตร
๑๕ เมษายน ๒๕๕๒
จากคุณ :
ขอคุยด้วยคน
- [
16 เม.ย. 52 00:30:06
A:117.47.60.20 X:
]