ขอออกตัวว่าผมวิเคราะห์โดยมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ไม่เห็นด้วยอย่างใด ให้แย้งในหลักการและเหตุผลนะครับ อย่าเอาอารมณ์มาถล่มใส่กัน
เริ่มแรกขอย้อนเหตุการณ์เพื่อให้เข้าใจได้ตรงกันก่อน
1. เหตุการณ์ลอบสังหารเกิดขึ้นในเวลาเช้ามืดประมาณตี4-5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สนธิจะเข้าไปจัดรายการเป็นประจำทุกวัน (ชี้ให้เห็นว่าต้องมีการวางแผนมาในระดับหนึ่ง)
2. สถานที่ใกล้สี่แยกบางขุนพรหม ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสถานที่ราชการสำคัญในบริเวณนั้นเยอะมาก เช่นธนาคารแห่งประเทศไทยที่อยู่ตรงสี่แยก กองบัญชาการทหารบกที่อยู่ตรงราชดำเนินไม่ไกลนัก และห่างออกไปเพียงสองแยกก็เป็นแยกสี่เสาเทเวศน์บ้านประธานองคมนตรี (ชี้ให้เห็นว่าเป็นบริเวณที่ควรมีการตั้งด่านตรวจสอบอย่างหนาแน่น และยากที่รถต้องสงสัยจะขับเพ่นพ่านไปมาได้)
3. เหตุเกิดในช่วงที่มี พรก.ฉุกเฉิน และมีทหารอยู่ในบริเวณนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ เสียงปืนดังในเช้าที่เงียบสงบ ต้องปลุกทหารให้ตื่นขึ้นมารับเหตุการณ์แน่นอน แต่ก็ไม่มีรายงานว่าด่านใดตรวจพบรถต้องสงสัย ตีความได้สองกรณี
3.1 คนร้ายตรวจสอบจุดตั้งด่าน และเส้นทางหลบหนีไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงหลบรอดไปได้โดยไม่ถูกตรวจจับ
3.2 คนร้ายขับรถเข้าไปยังสถานที่บางแห่ง ที่ตำรวจและทหารจะไม่สามารถตามเข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งคงไม่ใช่บ้านตาสีตาสาแน่นอน
4. กล้องวงจรปิดในบริเวณนั้นไม่สามารถตรวจจับภาพได้ในเวลานั้น และกล้องในบริเวณอื่นๆไกลออกไปก็จับได้เพียงกล้องเดียว ซึ่งถ้าคนร้ายขับหนีไปไกลๆ ย่อมต้องมีกล้องในสี่แยกอื่นในกรุงเทพฯบันทึกภาพได้แน่ ผมจึงสงสัยว่ารถคนร้ายหนีไปไม่ได้ไกลนักและหายไปอย่างไร้ร่องรอย (สังเกต: กล้องวงจรปิดในกรุงเทพฯอยู่ในความดูแลของตำรวจ ไม่ใช่ทหาร แต่การทำให้กล้องเสียหายนั้น ผู้มีความรู้ทางกล้อง CCTV ไม่ว่าใครก็อาจทำได้ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในการเตรียมการ)
5. การลงมือใช้อาวุธสงครามหลายชนิด รวมทั้งเครื่องยิงระเบิดM79 ซึ่งดูแล้วมีเจตนาฆ่าให้ตายมากกว่าการข่มขู่ เพราะถล่มยิงไปร้อยกว่านัดและยิงระเบิดไปอีกลูกหนึ่ง(แต่ด้านไม่ระเบิด) คงไม่หวังให้แค่เจ็บเล็กน้อย เพียงแต่ในช่วงเวลาที่ปฏิบัติการณ์มีเวลาสั้น และไม่มีเวลาซ้ำให้ตาย เพราะมีรถของการ์ดขับตามมาและยิงสวนกัน ผู้ลงมือตัดสินใจถอยทันที (ชี้ให้เห็นว่าคนลงมือมีความเป็นมืออาชีพ เชี่ยวชาญการใช้อาวุธสงคราม และดำเนินการอย่างมีแผนการและขั้นตอน ผมจึงตัดประเด็นชาวบ้านทั่วไป หรือซุ้มมือปืนออกไป)
6. จากข้อ5 ก็ทำให้หลายฝ่ายออกมาให้ความเห็นว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนมีสี แม้แต่แกนนำพันธมิตรเองก็ยังตั้งข้อสงสัยเดียวกันว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบ
==========================
จากทั้ง 6 ข้อคงเดาได้แล้วว่าผมคิดถึงใครอยู่ ถ้ายังนึกไม่ออก ผมขอเสนอแรงจูงใจในการกำจัดสนธิดังนี้ครับ
1. ตั้งแต่เหตุการณ์คนเสื้อแดงลุกขึ้นชุมนุมสู้กับรัฐบาล คนเสื้อเหลืองก็อยู่ในที่มั่นมาตลอด ไม่ได้ออกมาแสดงพลังโต้ตอบเท่าที่ควร เคยมีครั้งหนึ่งที่สุริยใสออกมาประกาศว่าเสื้อเหลืองจะออกมาถ้าเสื้อแดงไม่หยุด แต่ไม่นานสนธิก็ออกมาพูดว่าเป็นความเห็นของสุริยใสคนเดียว
2. เรื่องคดีความของเสื้อเหลืองกลายเป็นชนักปักอกรัฐบาล เพราะไม่สามารถดำเนินการอะไรมากได้ ในขณะเดียวกันก็ถูกสังคมและต่างชาติถามถึงแนวทางที่จะจัดการ แต่ดูรัฐบาลจะยังเกรงใจกลุ่มเสื้อเหลืองที่เคยมีบุญคุณกันมา
3. รมต.กษิต กลายเป็นเป้าที่ฝ่ายค้านใช้โจมตีรัฐบาลได้หนักหน่วงที่สุด นับตั้งแต่อภิปรายไม่ไว้วางใจ และถูกนำไปเป็นเงื่อนไขในการเจรจากับกัมพูชา ก็เหมือนไทยต้องเสียเปรียบในหลายๆประเด็น แต่ทางรัฐบาลก็ยังไม่สามารถปรับออกได้ แม้ว่าจะมีสมาชิก ปชป.บางคนถึงกับออกมาแสดงความเห็นว่าน่าจะปรับออก แต่ก็ยังไม่กล้าทำ เพราะยังเกรงใจคนเสื้อเหลือง
4. เหตุการณ์ที่พัทยาทำให้รัฐบาลเสียหน้า แต่แทนที่สนธิจะออกมาช่วยรัฐบาลสู้กับเสื้อแดง กลับออกแถลงการณ์ขอให้อภิสิทธิ์ปรับสุเทพออกจากตำแหน่ง แสดงให้เห็นถึงความร้าวลึกระหว่างกลุ่มเสื้อเหลืองและรัฐบาลอย่างชัดเจน เพราะเหมือนว่าสนธิกล้าพูดกล้าสั่งรัฐบาลอย่างไม่เกรงใจใคร ทั้งๆที่น่าจะออกมาช่วยกัน
5. การที่ทักษิณออกมาแฉว่าใครอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร และพล.อ พัลลภ ออกมาแฉว่าใครไปกินข้าวที่บ้านคุณปีร์ ก็ทำให้สังคมส่วนใหญ่ได้รับรู้ภาพที่ชัดมากขึ้น แต่ยังขาดน้ำหนักที่ชัดเจน มีเพียงไม่กี่คนในประเทศนี้ที่ถ้าออกมาพูดแล้วคนส่วนใหญ่จะปักใจเชื่อทันที และสนธิก็เป็นหนึ่งในคนๆนั้น และเป็นคนที่ควบคุมได้ยากที่สุดด้วย
6. ถ้าผมสังเกตไม่ผิด การแถลงการของแกนนำพันธมิตรในวันนี้ ผมมองไม่เห็นภาพพล.ต จำลอง ซึ่งทุกคนรู้ว่าเขาทำงานใกล้ชิดกับใครอยู่ แล้วทำไมในสถานการณ์ที่ร้ายแรงถึงชีวิตแกนนำเช่นนี้ กลับไม่ปรากฏภาพของพล.ต จำลองอยู่ร่วมกับแกนนำเลย จำลองได้หายตัวไปอยู่หลังฉากเงียบๆ และเหมือนจะตัดขาดตัวเองจากกลุ่มพันธมิตรไปทีละน้อยตั้งแต่เลิกการชุมนุม
7. แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่เหตุการณ์ลอบสังหารองคมนตรีชาญชัย ก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่นาน และผู้จ้างวานก็เป็นนายทหารที่รับราชการอยู่ในกองทัพ และยังย้อนความสัมพันธ์กลับไปถึงผู้ยิ่งใหญ่บางคนอีกด้วย (ผมผูกปมเองว่ามีความพยายามที่จะตัดตอนคนที่อยู่นอกวงให้มากที่สุด เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีใครเหลือเป็นพยานให้ฝ่ายตรงข้ามดึงตัวไปใช้ได้)
8. คดีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกจับ และกำลังถูกดำเนินคดี กำลังถูกสังคมตั้งข้อสงสัยว่าจะมีการทำสองมาตรฐานเมื่อเทียบกับเสื้อเหลืองหรือไม่ แต่ถ้าสนธิหายไปซักคน กลุ่มเสื้อเหลืองย่อมต้องอ่อนแอลง เพราะแกนนำที่เหลืออยู่ไม่มีใครสามารถมาแทนที่ได้แน่นอน ถ้าจะดำเนินคดีไปพร้อมๆกับเสื้อแดง ก็จะไม่มีคนแบบสนธิที่จะออกมาแฉอะไรอีกต่อไป หรือถึงจะมีก็จะไม่มีน้ำหนักเท่ากับสนธิอีกด้วย
9. เมื่อกำจัดสนธิได้สำเร็จ ย่อมยิงได้นกอีกสามตัว คือสามารถโยนบาปให้ฝ่ายตรงข้ามได้หนึ่ง ขู่ให้แกนนำเสื้อเหลืองที่เหลือหวาดกลัวและอยู่นิ่งๆได้สอง และทำให้ทหารสามารถมีบทบาทในการควบคุมสถานการณ์ได้ต่อไปเพราะมีความรุนแรงเกิดขึ้น
=================
เนื่องจากว่าผมได้รวมเอาบทวิเคราะห์ของท่านอื่นๆหลายคน และจากข้อมูลข่าวมารวมกัน ก็เลยยาวอย่างนี้ ถ้าใครขี้เกียจอ่านก็ขออภัยด้วยครับ ประเด็นใดที่ผิดพลาดและอ่อนด้อยไปก็ช่วยกันวิจารณ์ ก็อย่างที่บอกเพราะผมตั้งธงไว้แล้วจึงวิเคราะห์ออกมาแบบนี้ครับ เพราะผมลองตั้งธงว่าถ้าเสื้อแดงเป็นคนทำจะเป็นยังไง ก็ปรากฏว่าเหตุผลมันดูไปกันไม่ได้ครับ
จากคุณ :
omega.
- [
17 เม.ย. 52 23:48:40
A:58.8.111.121 X:
]