หลังการสลายการชุมนุม ม๊อบเสื้อแดง แม้ว่า อภิสิทธิ เวชชาชีวะ จะได้รับเสียงชื่นชมในทางบวก จากสื่อในประเทศและสื่อต่างชาติมากกว่าเสียงวิจารณ์ในทางลบ ส่วนหนึ่งเพราะเมื่อเทียบความรุนแรงระหว่าง ทหาร ที่สลายการชุมนุมกับปฏิกิริยาต่อต้านจาก ม๊อบเสื้อแดง ท่าทีของม๊อบเสื้อแดงรุนแรงมากกว่า ทั้งเผารถเมล์ ปาระเบิดเพลิง และนำรถแกสมาเป็นด่านสกัด ความรุนแรงที่ปรากฏเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ม๊อบเสื้อแดง เสียมวลชนและพ่ายแพ้ทางการเมือง
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ม๊อบเสื้อแดงค่อนข้างโดดเด่นจากแนวคิด สงบ อหิงสา มาโดยตลอด อย่างไรก็ตามการปฏิบัติตามหลักนิติรัฐ ของรัฐบาลและกองทัพในการสลายการชุมนุมและดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดง กลับได้รับข้อครหา 2 มาตรฐาน เด่นชัดมากขึ้น และกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่สื่อต่างชาติ หยิบมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
เพราะมีความแตกต่างที่ชัดเจนจนสัมผัสได้ระหว่าง ม๊อบเสื้อแดง กับม๊อบเสื้อเหลือง
ในบทความของ นิวยอร์คไทม์ มีความพยายามอธิบายปรากฏการณ์ ของม๊อบเสื้อแดงด้วย
การเสนอความเห็นของคนที่เข้าร่วมชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล และความเห็นในห้องราชดำเนินของเวปไซด์พันทิพ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความไม่พอพอใจที่รัฐบาลที่เขาเลือกมาล้มไป
และเรื่อง 2 มาตรฐาน
นิวยอร์คไทม์ ยกคำพุดขอเดวิด สเตรคพัสล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของไทยทีเขียนในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ การดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ค่อยคืบหน้าและดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วผู้นำพันธมิตรก็คงถูกฟ้องด้วยข้อหาเล็กน้อย ถ้าไม่ถูกยกฟ้องไปเลย
รัฐบาลไทยปิดเวปไซด์ที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายเสื้อแดงไปหลายเวปไซด์ รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดการประท้วงผ่านดาวเทียม ในทางตรงกันข้าม ASTV สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่บริหารโดยสน ลิ้มทองกุล กลับไม่เคยถูกปิดเลย
นิวยอร์คไทม์ ปิดท้ายด้วยคำพูดของ สมชาย หลวงตัน อาชีพขายเสื้อครุยที่เข้าร่วมการชุมนุมทักษิณเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยในความคิดของผม ประเด็นใหญ่คือประชาธิปไตยต่างหาก ทุกคนควรรู้ว่าประชาชนไทย ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่อยากที่เรามีอยู่ในตอนนี้
บีบีซี เป็นอีกสำนักข่าวหนึ่งที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาในบทความเรื่อง ไม่มีผู้ชนะในวิกฤตประเทศไทย
โจนาธาน เฮด พูดเรื่อง 2 มาตรฐานหลายครั้งในบทความชิ้นนี้ การตัดสินใจของกองทัพในการปราบปรามผู้ประท้วงเหล่านี้ ขณะที่ไม่ทำอะไรเลยกับการกระทำที่สร้างความเสียหายเท่า ๆ กันของกลุ่มพันธมิตร เมื่อปีที่แล้ว ทำให้เกิดเสียงเย้ยหยันต่อการกล่าวอ้างเรื่องความเป็นกลางของกองทัพ และ ความรู้สึกที่พวกเขาถูกปล้นนั้นสืบเนื่องต่อมามาถึงปีที่แล้ว เมื่อพวกเขาเห็นรัฐบาลที่เขาเลือกถูกทำลายโดยกลุ่มพันธมิตร และจากนั้นถูกตัดสิทธิโดยคำพิพากษาที่แปลกประหลาด และพวกเขารู้สึกมากเมื่อนักกิจกรรมฝ่ายพันธมิตรตอกย้ำอยู่เสมอว่า เหตุผลเดียวที่คนจนลงคะแนนให้ทักษิณ เพราะรับสินบน ความคับแค้นยังคงกลัดหนอง และฝังลึกลงในรอยแยกของสังคมไทย
โจนาธาน สรุปตอนท้ายว่า เมื่อไปที่การชุมนุมของคนเสื้อแดง คุณจะได้ยินเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเราเป็นประชาชนคนรากหญ้า กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านชนชั้นปกครอง
เมื่อไปที่การชุมนุมของคนเสื้อเหลืองคุณจะได้ยินเสียงที่แตกต่างว่า พวกเราเป็นคนมีการศึกษา กำลังต่อสู้เพื่อขับไล่นักการเมืองทุจริต ทำลายประชาธิปไตย
การขาดสิ่งสำคัญที่สุด โอบามาเหมือนกับบุคคลหลายคนในประเทศไทยที่สามารถได้รับความนับถือจากทั้งสองฝ่าย แต่แน่นอน ไม่ใช่นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ เห็นอยู่บ่อยครั้งว่าอึดอัดกับการอยู่ในชนบทที่เป็นพื้นที่ของคนเสื้อแดงในทั้งภาคเหนือและอีสาน
วิธีที่เขารับมือแกนนำของกลุ่มเสื้อแดงที่ลุกขึ้นสู้ เปรียบเทียบกับการปฏิบัติอย่างไรต่อกลุ่มเสื้อเหลืองที่ลุกขึ้นสู้ เมื่อปีที่แล้วนั้นจะเป็นบททดสอบที่สำคัญของคำมั่นสัญญาของเขาที่บอกว่าจะยึดหลักนิติรัฐอย่างยุติรรม
ส่วนดิอีโคโนมิคส์ เขียนบทความเรื่อง ความสงบชั่วคราวบนท้องถนนอาจไม่ใช่สันติภาพทางการเมืองที่ยั่งยืน ตอนหนึ่งของบทความนี้สรุปชัดเจนถึงเรื่อง 2 มาตรฐาน เป็นธรรมดาที่ชาวเสื้อแดงจะมองเหตุการณ์นี้ต่างไป พวกเขากล่าวหาว่าทหารยิง และทำให้ผู้ประท้วงเสียชีวิตหลายราย และมีการซ่อนศพไว้ (กองทัพฯได้ปฏิเสธข่าวนี้) พวกเขาอ้างว่าการก่อจลาจลเป็นฝีมือของฝ่ายติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาล และทหารนอกเครื่องแบบ เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของขบวนการคนเสื้อแดงในอดีต
ในคู่มือของทหาร มีการระบุถึงยุทธวิธีแบบนี้ แต่วิธีการจัดการกับผู้ประท้วงเสื้อแดงคราวนี้แสดงถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นมืออาชีพพอสมควร ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า เหตุใด
ทหารจึงปฏิเสธที่จะใช้อำนาจในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อปีที่แล้ว เพื่อขับไล่ผู้ประท้วงออกจากสนามบินที่กรุงเทพ
ซึ่งการประท้วงของกลุ่มพันธมิตร ดูจะส่งผลกรทบต่อความมั่นคงมากยิ่งกว่าการประท้วงของสามัญชนแบบม้วนเดียวจบแบบนี้ การปฏิบัติการสองมาตรฐานยังเกิดขึ้นกับผู้นำการประท้วงผู้นำ นปช. สองคนได้ถูกจับกุมและตั้งข้อหาและมีการออกหมายจับผู้ที่ยังไม่ยอมมอบตัว ในขณะที่การดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้นำกลุ่มพันธมิตร ยังชะงักงันในรัฐบาลนายอภิสิทธิ
แม้แต่คนไทยที่ชิงชังผู้ใส่สีเสื้อทั้งสองฝ่ายกังรู้สกฉงนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชาวเสื้อแดงซึ่งเชื่อมั่นว่าพวกอำมาตยาธิปไตย รวมหัวกันกดขี่พวกเขายังคงใช้เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานยืนยันข้อกล่าวหา ความโกรธเกรี้ยวของพวกเขาคงไม่จางหายไปง่าย ๆ และอาจปะทุขึ้นได้ไม่ยากและรวดเร็วเช่นเดียวกับครั้งที่ผ่านมา
อย่าลืมว่าคนต่างชาตินั้นไม่รู้เรื่องเมืองไทยอย่างละเอียดเท่ากับคนไทย ภาพที่เขาเห็น เรื่องราวที่เขารับรู้ ก็คงเหมือนกับคนไทยรับข่าวเมืองจีน หรืออังกฤษ จากข่าวต่างประเทศในหนังสือพิมพ์ไทยหรือในจอโทรทัศน์ ดังนั้นเมื่อสำนักข่าวใหญ่ของโลกนำเสนอเรื่องความขัดแย้งของเมืองไทย และสรุปว่าประเทศไทยบริหารเป็นระบบ 2 มาตรฐาน
ชาวต่างชาติรับรู้เรื่องนี้จากข่าวที่ตีพิมพ์ในสื่อของประเทศเขา และมีโอกาสสูงที่จะเชื่อ นี่คือปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งของเมืองไทย
ไม่แปลกที่อภิสิทธิ เวชชาชีวะ จะลงแรงมากขึ้นกับเรื่องนี้ เพราะรู้ดีว่านอกจากเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่สามารถทำให้ม๊อบเสื้อแดง ปะทุขึ้นอีกครั้งแล้ว
ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อสายตาของนักลงทุนชาวต่างชาติ
โดยเฉพะอย่างยิ่งนักลงทุนที่ถือมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะถ้ากระบวนการพิจารณาไม่ยุติธรรมกับใครคนใดคนหนึ่ง กระบวนการนั้นก็อาจจะไม่ยุติธรรม กับเขาได้เหมือนกัน
(ที่มา มติชน สุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 24-30 เมษายน 2552)
จากคุณ :
จำปีเขียว 
- [
26 เม.ย. 52 16:17:31
A:125.25.243.20 X:
]
บทความ มติชน สุด : ยิ่งปราบ ยิ่งชัด 1ประเทศ 2 มาตรฐาน คำถามจากสื่อต่างชาติถึง "อภิสิทธิ เวชชาชีวะ"
