ความคิดเห็นที่ 1 อีกหน่อยก็ได้แล้วครับ ลุ่มๆดอนๆหน่อย ทนเอาครับ จากคุณ : โฟโต้แมน007 - [ 27 เม.ย. 52 17:08:43 A:118.172.217.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าจะเอาแบบที่คุณว่ามา ก็ต้องแฟร์พอที่จะยอมรับว่า ที่ผ่านมา ประเทศนี้ เป็นประชาธิปไตยแต่ปากครับ คือพูดกันไปว่าตัวเองเป็น ประชาธิปไตย  แต่พอไปลงในกฎหมายลึกๆแล้ว  ไม่มีประชาธิปไตยหรอกครับ จะยกเว้นอัน รธนเดียวก็ รธน 40 ที่ "ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับ ปชต ที่สุด" แต่ผลก็คือ โดนฉีกทิ้งครับ  มันไม่มีใครได้รับชัยชนะตลอดกาลใน ปชต  เพราะงั้นไม่มีความจำเป็นต้องทำรัฐประหาร49  แต่ก็ทำ  เพราะกลัวพวกตัวเองเสียอำนาจ  กลัวเหลี่ยมเกินไป ซึ่งถ้าไปย้อนดูจริงๆ  ผมเชื่อกว่า ต่อให้เหลี่ยมมันชนะเลือกตั้งตอนปีต้นปี49  ถ้าไม่มีรัฐประหาร  ผมว่าตอนนี้ก็กระอักเหมือนกันหละ  รับรองว่ารอบต่อไปไม่ได้เสียงเกินครึ่งอีกแน่ ที่น่าเสียผิดหวังคงเป็นการเติบโต ของพรรคการเมืองอื่นๆ เช่น พรรค ปชป และพรรคชาติไทย  ที่ไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างสูสี กับพรรคอย่าง ทรท  จนเป็นเหตุให้ความกลัวทำให้เสื่อม จากคุณ : แมวน้ำขี้เซา - [ 27 เม.ย. 52 17:12:46 A:58.136.75.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ฝากให้อ่าน  ผมชอบบทความนี้ที่สุดในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02spe01270452&day=2009-04-27&sectionid=0223 และจากบทความนี้  ผมว่าเป็นกลางมากเลย จากคุณ : แมวน้ำขี้เซา - [ 27 เม.ย. 52 17:14:45 A:58.136.75.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 1. เหมาะไหม?   เหมาะ 2. เร็วไปไหม?  เร็วไปมากค่ะ  ความแตกต่างทางสังคมยังห่างกันเกินไป แต่ก็ต้องประครองกันไป คนไทย กำลังพัฒนาประชาธิปไตย ไปในรูปแบบใหม่ ตามแบบไทยนิยม ก็คือ ประชาธิปไตยแบบอุปถัม เราเลือกมา  ก็มาดูแลเราก่อน เราเลือกมาก็ต้องช่วยเหลือเรา เสียงส่วนใหญ่ก็ต้องได้รับการดูแลก่อน ได้รับการช่วยเหลือก่อน เสียงส่วนน้อยก็รอไปก่อน  4 ปี ก็เลือกใหม่ ถ้าแพ้ ก็รอต่อไป ถ้าทะเลาะกัน ก็เลือกตั้งใหม่ ใครอยู่ฝ่ายชนะ อยู่ฝ่ายเสียงส่วนใหญ่  ก็แฮปปี้ ดีที่สุด จากคุณ : jezebel - [ 27 เม.ย. 52 17:16:25 A:58.10.155.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประเทศไทยมีประชาธิปไตยได้ไม่ยากหรอกครับ แต่ที่ยากคือ ทำยังไงให้คนดีได้เข้าสภาจากประชาธิปไตยแบบไทยๆ จากคุณ : โปรยปราย - [ 27 เม.ย. 52 17:26:18 A:127.0.0.1 X:58.8.13.232 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 00:08:26 จากคุณ : mr.we - [ 27 เม.ย. 52 17:28:38 A:117.47.24.129 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 +++  เหมาะกับประชาธิปไตยมากครับ  ไม่เร็วไป  ตอนนี้อาจจะพึ่งงอกออกจากเมล็ดและค่อยๆโต     มองดูอาจไม่เหมือนประชาธิปไตย  ต้องรอให้โตกว่านี้อีกหน่อยจะเห็นชัด     ระวังคนจะมาตัดซะก่อน   แต่ตัดยากครับ ตัดแล้วมันก็งอกอีก จากคุณ : ตาเป๋า - [ 27 เม.ย. 52 17:33:28 A:192.168.0.188 X:203.172.178.10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทาสอำมาตย์ จากคุณ : tada504 - [ 27 เม.ย. 52 17:38:58 A:125.24.251.85 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ทุกคนน่ะพร้อมแล้ว แต่มีแค่คนบางกลุ่มที่ยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง บ้านเมืองเลยออกมาเละตุ้มเปะแบบทุกวันนี้ พอได้อะไรมาไม่ถูกใจก็เอาแต่กด reset รัวๆเหมือนเด็กเคยตัวที่เล่นเกมแพ้แต่ไม่ยอมรับว่าคนอื่นเก่งกว่า เลยล้มกระดานซะดื้อๆทุกครั้งที่แพ้ จากคุณ : withidak - [ 27 เม.ย. 52 17:41:43 A:124.122.161.149 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ปกติ ไม่ค่อยมาห้องนี้ แต่วันนี้มา เจอชื่อ จขกท.และหัวข้อเลยเข้ามาดู ถ้าจะมองในแง่ร้ายๆ ผมก็เห็นคล้ายนะว่า ความขัดแย้งช่วงนี้ มันเป็นการต่อสู้กันของการเมือง 2 กลุ่มแค่นั้น  มีการขัดกัน แต่ผมชอบมองด้านดีๆ ผมเห็นว่า ภายใต้ความขัดแย้งนี้มันมีอุดมการณ์ดีๆที่ซ่อนไว้อยู่ ทั้ง 2 ฝั่งเลย เพียงแต่มันติดอะไรบางอย่าง สมการของประเด็นมันเลยไม่สุด มันติดขัดอยุที่อะไรบางอย่าง กับตำถามที่ว่าเร็วไปไหม ผมตอบเลยว่าไม่รู้ เพราะถ้าบอกว่าเร็วไป มันควรจะรู้เหมือนกันว่าอะไรคือ ช่วงเวลาที่เหมาะสม กับสายธารทางประวัติศาสตร์ช่วงนั้น ระดับการพัฒนาของประเทศเราและโลกตอนนั้น สถานการณ์โลก ลัทธิอุดมการณ์ทางการเมืองที่กำลังระบาดไปทั่ว เราไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า ถ้าคณะราษฏร์ไม่ลงมือทำตอนนั้น แล้วจะไม่มีใครเป็นคนทำในอนาคต (คณะราษฏ์ก็ำม่ใช่พวกแรกเสียหน่อย ตามมาจากพวกหมอเหล็ง) กลับกัน สำหรับคุณ การที่คณะราษฏ์ทำตอนนั้น อาจจะดีกว่าก็ได้  อย่างน้อยก็ยังคงสถาบันกษัตริย์ไว้ ไม่ได้เปลี่ยนเป้น รีพลับบิค ลองนึกภาพว่า ยิ่งนานวันความขัดแย้งยิ่งสะสม  หลังจากนั้น ก็มีสงครามใหญ่ ศก.ตกต่ำ ข้าวยากหมากแพง ความเดือดร้อนมีไปทั่ว ในสภาพเช้นนี้ สมมุติว่าโมนาร์กี้ัยังปกครองอยู่ คุณคิดว่ามีโอกาสเปลี่ยนแปลงไหม  (อย่าลืมว่า สภาพที่บ้านเมืองเดือดร้อน ราชวงศ์ในประเทศต่างๆถูกโค่นล้มไปก็ไม่น้อย) และการเปลี่ยนแปลงจะรุนแรงกว่า 2475 หรือป่าว ?  (ลองนึกถึงอุดมการณ์จำพวก สังคมนิยม รีพลับลิค และ..คอมมิวนิสต์) ถ้าถามว่าจะเร็วไปไหม อาจจะเร็วไปตรงที่ ไม่มีใครชนะชัดเจน หลัง 2475 พวกนิยมเจ้าก็เอาคืนเหมือนกัน สู้กันไปมา จนกระทั่ง 2490 และ 2500..... อันนี้ ผมอาจจะเห็นด้วยนะว่า เร็วไป ตรงที่ไม่มีใครชนะอย่างเด็ดขาดในตอนนั้น จากคุณ : Loss of Divinity - [ 27 เม.ย. 52 17:44:51 A:58.9.77.149 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอให้ท่านอื่นตอบ จขกท. อย่างจริงใจเถอะครับ ผมเห็นเค้าอยู่ในบอร์ดห้องสมุดอยู่บ่อยๆ เชื่อว่า ท่านนี้เป็นบัณฑิตมาแสวงหาความรู้ครับ จากคุณ : Loss of Divinity - [ 27 เม.ย. 52 17:46:23 A:58.9.77.149 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 แนวคิดพื้นฐานที่จะทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ นั่นคือ ความเชื่อที่ว่าทุกคนเป็นคนดี มีความคิด สติปัญญา และเชื่อในความเสมอภาค เป็นธรรมและเท่าเทียม  แต่กับประเทศไทยเรานี้ เราต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า มีกลุ่มคน หลายรูปแบบในสังคม  และในความแตกต่างกันของกลุ่มคนนี้ ไม่เพียงจะแตกต่างกันในเรื่อง สถานะทางสังคม รายได้ ชีวิตความเป็นอยู่ ความสามารถในการตัดสินใจเท่านั้น ยังมีอีกหลายๆ ส่วนที่ยังต้องการการพัฒนาให้เกิดกระบวนการ เรียนรู้และการกล่อมเกลาทางสังคมให้ได้เหมือนกัน   นักการเมือง หรือนักเลือกตั้งทั้งหลาย เป็นคนที่ฉลาด รู้มากกว่าคนส่วนใหญ่ที่ยังได้ขาดโอกาสข้างต้น เขาจึงพยายามยัด เยียดความคิดของสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง ให้เหลือเพียง การเลือกตั้ง การเดินเข้าสภาหรือการได้มาซึ่งที่นั่ง หรือ ตำแหน่งทางการเมืองจากการเลือกตั้งโดยประชาชนเท่านั้น  แก่นแท้ของประชาธิปไตยจึงถูกเบียดบัง บิดเบือน และทำให้ เห็นเพียงภาพรางๆ และแปะตัวอักษรไว้ว่า ..ประชาธิปไตย.. เท่านั้น ถ้าทุกคนเป็นคนดี มีความคิด เหมือนกับแนวคิดพื้นฐานข้างต้นนั้น เราคงไม่ต้องมาเรียกร้อง หรือทำอะไรเพื่อใครเช่นนี้ แต่ อย่างไรก็ดี เมื่อมองย้อนมาว่าถึงสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ ทั้งที่เป็นผลมาจากอดีตที่สืบเนื่องมาจนมาถึงปัจจุบัน  หาก เราทุกคนคิดได้ว่า ประเทศไทยเราเปรียบเสมือนเป็นคนในหนึ่งช่วงชีวิต  บางทีเราอาจจะทำใจและยอมรับได้ว่า บางครั้ง คนเรามันก็ย่อมจะมีปัญหา   แต่ปัญหานี้มันจะทำให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้า เราก็ต้องยอมรับกับปัญหา และใช้ สติปัญญา (แค่สติไม่พอ) ในการที่อยู่ร่วมกับปัญหาและแก้ไขมันไป  ความคิดต่างที่เป็นปัญหามันจะกลายเป็นเรื่องเล็ก แต่วันนี้ที่คนคนนี้ (ประเทศไทย) จะไปไหนไม่ได้ ไม่ไหว  เพราะเราดันไม่เคยยอมรับตัวเองที่จะทำอะไรให้มันดีขึ้น อาจเป็น เพราะไม่เคยเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง มีแต่จะฟังคนอื่นชักจูงกันไป ซ้ายที ขวาที   แค่นี้ ถ้าเรารู้ได้ คิดได้ ทำได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร และไม่จำเป็นด้วยว่าประชาธิปไตยมันจะแท้จริง ไม่แท้จริง เต็มใบ หรือไม่เต็มใบ จากคุณ : ตองอ่อนจ้า... - [ 27 เม.ย. 52 17:47:19 A:125.27.46.77 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 คำถามคุณมันสุ่มเสี่ยงมาก คาดว่า ถ้าตอบไปตอบมากระทู้อาจะอายุสั้น   แต่ตามที่คุณถาม ก็จะตอบว่า ประเทศไทยไม่เหมาะ กับ ระบอบประชาธิปไตย และรู้สึกว่า การได้มาซึ่งประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้นได้รับมาเร็วเกินไป  จริง ๆ ในแง่นี้ นาย ปรีดี เอง ก็ได้ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและคณะราษฏร์ไว้ใน คลิป นี้  ถ้าผู้ใดสนใจ  ก็ติดตามฟังได้ คิดว่าแง่คิด ของ นายปรีดี  มีความเห็นที่น่าสนใจหลายส่วนว่าทำไม ประชาธิปไตยในประเทศไทยถึงเป็นเช่นนี้   http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=8625&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 18:03:29 แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 18:03:07 จากคุณ : BitterSweetLife - [ 27 เม.ย. 52 17:55:56 A:203.146.7.66 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 40 ปีก่อน บรรดานักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย รวมถึงชาวบ้าน ด่าแต่ข้าราชการว่าฉ้อราษฎร์ บังหลวง บ้านใหญ่ๆแถวถนน สุขุมวิท มีแต่บ้านข้าราชการ หรือนายพลทั้งนั้น ด่ารัฐวิสาหกิจด้วย ไฟฟ้า ประปา ทำงานสู่เอกชนไม่ได้ ที่ จฃกท เขียนก็มีส่วนจริง แต่จะย้อนไปเอาแบบ 40 ปีที่แล้วหรือ ตอนนี้ผมมีแนวคิดว่า เราต้องเปลี่ยนแนวคิดก้บนักการเมืองไม่ใช่หาทางขจัดนักการเมืองเลวออกไป แต่ต้องตั้งเป้าให้คนเก่งคนดีเข้ามาเล่นการเมือง เพราะถ้าเชื่อว่านักการเมืองมันเลวทั้งสภาขจัดออกไป 2-3 คนก้ไม่ได้อะไร แต่ถ้าคนดีคนเก่งเข้ามาเล่นการเมือง มันก็จะมีแต่คนดีๆ แต่การจะได้คนดีต้อง ก็ต้องมีผลตอบแทน รายได้ที่สมเหตุสมผล รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆด้วย จากคุณ : โรงเรียนวัด - [ 27 เม.ย. 52 17:57:57 A:125.25.112.210 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ประชาธิปไตย ถ้ามันหมายถึง อำนาจนั้นเป็นของปวงชน แบบจริงๆจังๆ ผมก็ไม่คิดว่า ประเทศเราจะไปถึงคำนั้น ไม่ใช่ว่ามันจะอยุในมือนักการเมืองหรืออะไร ผมพูดไม่ได้.. แต่ถ้าถามว่า ระบอบการปกครองเรานี่มันเห็นหัวประชาชนไหม ผมว่า มันเห็น และมันมีพัฒนาของมัน จากหลายสิบปีก่อน ที่ประชากรเรายังไม่รุิอะไรเป็นอะไร จากแต่ก่อน นโยบาย ไม่เคยมาหาประชาชน นักการเมืองหรือใครจะคอรัปชันอย่างไรเราปล่อยเฉย มาวันนี้ เรามีนโยบายประชานิยม ใช่ละถึงมันไม่สมบูรณ์เลย แต่มันเป็นจุดเริ่มแรกๆที่บอกว่า ต่อไปนี้ รัฐบาลที่ผ่านการโหวตต้องเห็นหัวประชาชนบ้าง อย่างน้อยมันแปลว่า คะแนนโหวตจะมีความหมายบ้างแล้ว (ขอให้มองในแง่ดีๆบ้างครับ) เรามีกลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านขับไล่ รัฐบาลที่เค้าเชื่อว่าไม่โปร่งใส เรามีประชาชนที่ต้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองทั้งเหลือง ทั้งแดง เรามีม๊อบเล็กๆ ชาวไร่ชาวนา ชาวบ้าน ไม่เห็นด้วย ไม่พอใจกับโครงการอะไร ก็ส่งสัญญาณ ก็ประท้วงว่าฉันไม่เอา อย่างน้อยเราพูดได้ เราไล่ได้ เราบ่นได้ เราด่าได้ กับรัฐบาลที่เราไม่ชอบ เราไม่โหวตเค้าได้ถ้าเราไม่เอา ไม่เลือกคนที่ไม่ชอบ เรามีคนช่วยตรวจสอบ สอดส่องคัดคานกันและกัน เรามีนโยบายเรียนฟรี รักษาพยาบาล 30 บาท มีราชการที่บริหารได้เร็วขึ้น แคร์ประชาชนขึ้น เรามี ฯลฯ คือเอาละ ถึงมันจะเป็นปชต.ที่ยังไม่สมบูรณ์นัก หรือบางท่านอาจจะมองว่ามันเป็น ปชต.ที่ขี้เหร่ แต่ผมพอใจ พอใจแล้ว ที่อย่างน้อยภายใต้ระบอบนี้ วันนี้ มันต้องเห้นหัวประชาชนบ้างแล้ว กระแสธารพัฒนามัันยังมี และมันจะมีต่อไป  ไม่มีใครสามารถหยุดมัน ผมยังไม่หมดหวัง คุณละยังมีหวังกับมันมั้ย  ??? จากคุณ : Loss of Divinity - [ 27 เม.ย. 52 18:04:11 A:58.9.77.149 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย เป็นระบบชี้นำ คนไทยส่วนมาก ต้องอาศัยผู้ชี้นำ หรือผลประโยชน์ชี้นำ คนไทยส่วนมากจะเลือกผู้แทนแต่ละคน ต้องมีปัจจัยชี้นำ เพื่อนบ้าน-ญาติ-ผู้ใหญ่ เป็นผู้ชี้นำให้เลือก หรือ เงินและผลประโยชน์เป็นตัวชี้นำให้เลือก หากไปอ้างถึงการศึกษา หรืออ้างเรื่องท้องถิ่น ระหว่างในเมือง กับ นอกเมือง ก็จะถูกหาว่าดูถูก ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วคนที่ใช้วิจารณญานของตนเองในการเลือกตั้งจะมีไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ จากคุณ : นายสันทัด - [ 27 เม.ย. 52 18:06:44 A:58.9.30.97 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ได้เข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์ของ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ที่คุณแมวน้ำขี้เซา ทำ ลิ้งก์ไว้ให้แล้วครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ตรงใจครับ และคงมีหลายๆอย่างที่ ดร.วรเจตน์ อยากจะพูดแต่พูดไม่ได้ เห็นด้วยกับที่ดร.วรเจตน์ บอกว่กลุ่มชนชั้นนำผู้มีอำนาจ กลุ่มผลประโยชน์ ใช้ประชาชนเป็นเบี้ยเหมือนหมากในกระดานเกมส์แห่งอำนาจ หลายคนอาจจะพูดถึงการที่คุณทักษิณโฟนอินเข้ามาในการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยส่วนตัวผมเอง ผมไม่ปฏิเสธครับ ว่า ผลของมันเป็นอย่างนั้น เพราะในหมู่คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ก็รักและศรัทธาคุณทักษิณจริงๆ แต่ถ้ามองกลับไปที่ฝ่ายอื่นๆและกลุ่มอำนาจและผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลัง ก็ได้ใช้วิธีการนี้เช่นกัน และใช้มานานแล้ว เอาคนไทยมาฆ่าคนไทยกันเอง และอย่างที่ ดร. วรเจตน์บอก ก็คือคนเสื้อแดงที่มีส่วนในความรุนแรง เป็นคนเสื้อแดงทั้งหมดหรือไม่ มีการสร้างสถานการณ์จากกลุ่มที่ประสงค์ร้ายต่อคนเสื้อแดงร่วมด้วยหรือไม่ คนเสื้อแดงที่อยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรงถูกกระทำจนเกินกว่าเหตุจนทำให้พวกเขามีอารมณ์แค้นตอบโต้หรือไม่ ผมเชื่อว่า ในยามปกติ ไม่มีใครกล้าตอบโต้สู้กับแถวทหารที่ถือ M16 บรรจุกระสุนจริงหรอกครับ ไม่มีใครกล้ากระโดดขึ้นรถเกราะที่กำลังวิ่งอยู่ที่สามารถบดขยี้พวกเขาเหมือนมดเหมือนปลวก พวกเราไม่ได้เพิ่งเห็นความกล้าหาญของประชาชนมือเปล่ากับคนถืออาวุธอย่างนี้เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา เราได้เห็นตอนพฤษภาคม 35, 6 ตุลา 19 และ 14 ตุลา 16 ส่วนที่ จขกท. ตั้งคำถาม ผมเห็นว่า อย่างน้อยเราควรให้โอกาสกระบวนการประชาธิปไตยได้เติบโต ไม่ใช่นำเอาอาวุธมายึดอำนาจฉีกรธน.เพื่อแก้ปัญหา ประชาชนควรเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าการตัดสินใจของพวกเขาอาจจะมีผิดบ้างถูกบ้าง ปล่อยให้ประชาชนได้เติบโตเองเถอะครับ จากคุณ : Springfield - [ 27 เม.ย. 52 18:13:56 A:192.168.200.198 X:125.24.178.149 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประเทศอินเดียจนๆ ยังเป็นได้เลย จากคุณ : nisas - [ 27 เม.ย. 52 18:17:48 A:115.67.176.115 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณ "แมวน้ำขี้เซา"  สำหรับ link ดีๆ  นี่ขนาดขี้เซายังว่องไวปานนี้ บทความนี้น่าจะโดนใจคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะที่กำลังเฝ้าดูพฤติกรรมของคน องค์กรต่างๆ ว่าจะฉุดลาก ประเทศไปทางไหน จากคุณ : cpbu - [ 27 เม.ย. 52 18:54:15 A:117.47.250.200 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วไงครับ จขกท ต้องการ ให้ก้มหน้า ยอมรับ ชะตากรรมแบบนี้ไปเรื่อยๆเหรอครับ? แบบใครมาก็ได้ "ฉันไม่รู้ ฉันไม่สน จะจูงฉันไปไหน ฉันก็ยอม" หรือครับ? จากคุณ : kriengchai - [ 27 เม.ย. 52 18:56:15 A:58.8.44.87 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าตั้งคำถามเเบบนี้ ก็ผิดตั้งเเต่เริ่มต้นเเล้ว ต้องตั้งคำถามตัวเองก่อนว่าเราเป็นใคร สามารถสงสัยในสิ่งที่มีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตอยู่เเล้ว เหมือนกับว่าเราบอกว่าเป็ดไก่ หมู เป็นอาหารของคน พวกมันจะคิดอย่างใร มีคนจำนวนมากที่เขาอาจจะไม่ฉลาด ไม่รู้  ตามที่พวกคนบางคนบางกลุ่มคิดเอาเอง คิดเอาว่า ป.ช.ต ไม่เหมาะกับคนไทย ก็เลยคิว่าต้องเป็นผู้ปกครองให้ เคยถามเขาใหม ว่าอยากถูกปกครองหรือเปล่า ต้องถามตัวคุณเองก่อนว่ามีสิทธ์อะใรที่จะคิดเช่นนั้น คนเหมือนกันไม่มีสิทธ์ จะเลือกทางเดินชีวิตของเขาเองหรือ อย่าเอาวิธีคิดเเบบวงจรห่วงโซ่อาหารมาคิดกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลยครับ จากคุณ : VALID - [ 27 เม.ย. 52 19:35:06 A:124.122.194.175 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมมีความเห็นคล้ายๆ จขกท. น๊ะครับ แต่อยากจะใช้คำว่าเรา กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวไปสู่ประชาธิปไตยครับ เห็นด้วยกับคำว่า ระบบอุปถัมภ์ อำมาตยาธิปไตย และ ธนาธิปไตย เพราะนี่คือสิ่งที่มีอิทธิพลต่อระบบประชาธิปไตยในบ้านเราและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน ต่างกับในประเทศที่พัฒนาแล้วที่ประชาชนเลือกผู้แทนเพราะนโยบายและผลงานมากกว่า การเปลี่ยนแปลงก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปครับ หากกลุ่มอำนาจที่ต่อสู้กัน ยังไม่มีฝ่ายใดมีประชาชนสนับสนุนอย่างเ็บ็ดเสร็จเด็ดขาดบ้านเมืองก็มีแต่จะบอบช้ำ แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 52 19:45:06 จากคุณ : ใต้ร่มธงไตรรงค์ (เชียงคำ) - [ 27 เม.ย. 52 19:43:47 A:137.111.101.75 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 มันไม่ได้มาเร็วเกินไปหรอกครับ แต่มันไม่ถูกใจคนชั้นกลางที่ใส่เสื้อเหลือง  เพราะเป็นฝ่ายได้เปรียบในสังคมมาตลอด ไอ้แค่จะนับถือสิทธิในการออกเสียงของชาวบ้าน  ก็ยังทำไม่เป็นเลย ในเมื่อคนชั้นกลางไม่เคยเหลียวแลคนยากคนจนมาตลอดหลายสิบปี แล้วประชาธิปไตยที่กินได้ของทักษิณ  ทำให้เขาได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ มันก็ไม่แปลกที่คนที่ต่อต้านทักษิณอยากจะได้อะไรที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย จากคุณ : jedi-jaidee - [ 27 เม.ย. 52 20:31:52 A:117.47.234.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าจะให้ตอบจริงๆ เราเองเกิดมาก็จะสามสิบปีแล้ว ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย... ประชาธิปไตยคือการทำตามเสียงข้างมาก และเคารพเสียงข้างน้อย แต่จากประสบการณ์อันน้อยนิด เราก็ยังคิดว่า เสียงข้างมากก็ไม่ได้ถูกเสมอไป และเสียงข้างน้อยก็อาจจะมีความคิดดีๆและเหมาะสมกว่าเสียงข้างมากก็บ่อย เพียงแต่ว่าบ่อยครั้ง เสียงข้างน้อยก็มักไม่ได้รับความเอาใจใส่เท่าที่ควร จนบางทีก็ถูกหาว่า ขี้แพ้ชวนตีเวลาออกมาให้ความเห็นอะไร จึงกลายเป็นค่านิยมของสังคม ที่ทำให้คนไม่อยากออกความเห็น เพราะกลัวจะถูกต่อว่า...ก็ไม่มีใครหรอกนะ ที่อยากโดนว่า จริงมั๊ย เรายังคิดเสมอว่า ประเทศเราเหมาะการปกครองแบบที่เคยเป็นๆกันมาตั้งแต่ ร้อยๆปีที่แล้ว เพราะสังคมไทย ยังถูกสั่งสอนให้เคารพผู้อาวุโส และเราเชื่อว่าผู้อาวุโสหลายๆท่านในบ้านเมืองเรา ก็มีวุฒิภาวะและประสบการณ์มากพอ ที่จะเป็นที่กำลังสนับสนุน และช่วยเหลือในการแก้ปัญหาต่างๆ เราไม่เคยเห็นด้วย กับการเปลี่ยนตัวเอง 100% เพื่อให้เป็นอย่างต่างชาติเค้า...เพราะสุดท้าย เวลามองกระจกเราก็จะไม่เห็นแม้แต่เงาของตัวเอง เราคนไทย มีราก มีวัฒนธรรม เหมือนๆหลายชาติในเอเชียด้วยกัน สิ่งที่เราควรทำคือรับเอาส่วนดีของคนอื่น มาปรับใช้ให้เข้ากับเราเอง ไม่ใช่เปลี่ยนตัวเราให้เป็นเค้า...เพราะนั่นคือการทำลายตัวตนของเรา  ไม่ใช่พัฒนา ปล. เราตอบไม่ได้ว่า เราได้ประชาธิปไตยมาเร็วไปมั๊ย เพราะยังไม่เข้าใจ ว่าประชาธิปไตยคืออะไร และเราได้มาแล้วหรือยัง??? จากคุณ : SimonW - [ 27 เม.ย. 52 20:32:45 A:118.174.10.16 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนแรกว่าจะไม่แสดงความเห็น แต่พออ่าน คห. คุณ SimonW #25 ซึ่งพูดถึงเรื่องระบบอาวุโส ซึ่งตอนแรกดิฉันพิมพ์แสดงความเห็นเรื่องวัฒนธรรมระบบอาวุโสในเมืองไทยเรา แต่ไม่ได้กดส่งข้อความ (ซึ่งเป็นคนละมุมกับคุณ) แต่พออ่านความเห็น คุณ SimonW #25 เห็นพูดถึงเรื่องเดียวกันกับดิฉัน เพียงแต่คนละมุมเท่านั้น ก็เลยขอพิมพ์แสดงความเห็นใหม่ก็แล้วกัน ในความรู้สึกของดิฉันแล้ว กลับมองว่าระบบอาวุโสที่บ้านเมืองเรามีมากเกินไปนี่แหละเป็นตัวถ่วงระบบประชาธิปไตย ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่ชอบระบบอาวุโสนะคะ ดิฉันยังชอบวัฒนธรรมแบบเคารพผู้อาวุโสของเราอยู่ เพียงแต่คิดว่าบางครั้งของเรานี่มันมีมากเกินไป และคิดว่ามันก็เป็นดาบสองคมได้เหมือนกัน คือบางทีวัฒนธรรมแบบนี้เป็นการสนับสนุนให้ผู้ที่มีอาวุโสกว่าสำคัญตนผิดคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของชีวิตของผู้ที่มีอาวุโสน้อยกว่าก็มี เลยเกิดวัฒนธรรมประจบสอพลอจากผู้น้อยควบคู่ไปกับวัฒนธรรมการเคารพผู้อาวุโส ทีนี้เมื่อผู้ที่มีความอาวุโสมากกว่าได้รับการประจบสอพลอจากผู้มีอาวุน้อยกว่าบางคน ซึ่งก็เป็นธรรมดาว่าใจคนต่อให้แกร่งยังไงมันก็ยังเป็นเนื้อ เมื่อถูการประจบสอพลอมากเข้าเลยเกิดความเคยชิน คิดว่าสิ่งนั้นคือความจริงใจ หาใช่การประจบสอพลอเพื่อผลประโยชน์ไม่ ก็เกิดการเข้าข้างกัน ให้ความสนับสนุนคนที่ประจบเพราะเข้าหาบ่อย ๆ คุ้นเคยกันดี เลยเกิด "ระบบพวกพ้อง" ตามมา และระบบนี้มันไม่ได้มีแค่ระดับองค์กรหรือระดับประเทศ มันเริ่มตั้งแต่ระดับครอบครัวเลย ถ้าลองนึกภาพเอาง่าย ๆ ว่า ในระดับครอบครัว ถ้าลูกคนใดเข้าหาพ่อแม่บ่อย ๆ ออดอ้อนเป็น ประจบเป็น ก็จะได้รับความรักความเอ็นดู ยิ่งถ้าใครที่เชื่อฟังพ่อแม่ แบบให้พ่อแม่เป็นเจ้าของชีวิตได้ ก็ยิ่งอาจจะได้รับความรักและการเอาใจใส่มากกว่า จะขออะไรก็ได้แบบง่าย ๆ ซึ่งต่างจากลูกคนที่ทำตัวเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิดกล้าเลือกทางชีวิตตัวเอง มักจะถูกพ่อแม่มองว่าไม่เชื่อฟังพ่อแม่ จะคิดจะทำอะไรก็จะกลายเป็นสิ่งที่นอกกรอบของประเพณีปฏิบัติของครอบครัวที่ทำกันมายาวนาน กลายเป็นสิ่งที่ผิดแผกไป หรือถ้าเรียกแรงหน่อยก็กลายเป็นลูกนอกคอกก็มี จนเวลาเป็นตัวพิสูจน์ และวันนึงที่พ่อแม่เปิดใจ ยอมรับความจริงว่าสมัยมันเปลี่ยน วัฒนธรรมบางอย่างมันก็ย่อมเปลี่ยนไปตามเวลา และพ่อแม่ยอมรับความจริงได้ นั่นแหละจึงจะเกิดความเท่าเทียมเรื่องสิทธิในครอบครัวไปเอง ซึ่งดิฉันว่า สิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้ระบบประชาธิปไตยเติบโตได้ก็คือ การปลูกฝังเรื่องการปรับความคิดในระดับหน่วยเล็ก ๆ ตั้งแต่ระดับครอบครัวนี่แหละ อย่างพ่อแม่รุ่นใหม่ ๆ ก็คงต้องเริ่มปฏิบัติกับลูกแบบสนับสนุนให้ลูกกล้าแชร์ความคิดเห็น และไม่คิดว่าลูก "เป็นสมบัติ" ของพ่อแม่ ควรจะสนับสนุนให้ลูกกล้าที่จะเลือกทางชีวิตเอง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็คอยรับจากพ่อแม่ คอยแต่ให้พ่อแม่เลือกทางให้ หรือแม้แต่ระดับหน่วยที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยระดับโรงเรียน คนเป็นครูก็น่าจะหัดให้เด็ก ๆ คิดเอง หาคำตอบเอง ไม่ใช่รอแต่ครูมาป้อนให้อย่างเดียว ถ้าเราค่อย ๆ ปรับพัฒนาระบบประชาธิปไตยไปตั้งแต่หน่วยเล็ก ๆ ระดับครอบครัว โรงเรียน องค์กรต่าง ๆ สุดท้ายเดี๋ยวมันก็จะส่งผลไปเจริญเติบโตในระดับประเทศเอง แต่คงจะใช้เวลาหน่อย และสุดท้ายแล้วยังไงดิฉันก็ยังเห็นว่า "ประเทศไทยก็ยังเหมาะกับระบบประชาธิปไตย" ค่ะ ปล. นี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวเล็ก ๆ จากคนรากหญ้าคนนึงนะคะ จากคุณ : JC2002 - [ 27 เม.ย. 52 22:02:35 A:71.179.228.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่าช้าเกินไปมากกว่า เพราะได้ประชาธิปไตยมาช้า เลยพัฒนากระบวนการต่างๆได้ช้า ในขณะที่เทคโนโลยีบนโลกไปเร็วมาก เราเลยปรับตัวไม่ทัน อย่าไปหลงเชื่อพวกอำมาตยาที่หวงอำนาจเลยครับ พวกนี้มักจะว่าชาวบ้านโง่ ปกครองตัวเองไม่ได้ แล้วคอยปัดแข้งปัดขาตลอด พวกทุนท้องถิ่นก็คอยยุชาวบ้านว่าพวกอำมาตย์กดขี่ แต่พวกตัวเองก็จ้องเข้าเสียบแทน เราได้ประชาธิปไตยมาเกือบแปดสิบปีก็จริง แต่โดนทหารยึดไปเกือบครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออีกนิดหน่อยโดน ทุนท้องถิ่นเอาซะอยู่หมัด ตอนนี้ อำมาตย์กับทุนท้องถิ่นกำลังฟัดกันนัวเนีย ไม่รู้ใครจะชนะ (แต่ประชาชนแพ้ตลอด) จากคุณ : แวมไพร์ที่ราบสูง - [ 27 เม.ย. 52 22:35:58 A:58.8.176.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตามที่้เราคิดนะ ประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ทุกประเทศที่บอกว่าตนเป็นประชาธิปไตย ไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตย 100% น่ะ (พอเข้าใจไหมหว่า) คือ อาจจะผสมไปกับระบบอื่นๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งมันจะมีการพัฒนาไปสู่ประชาธิปไตย 100% หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ เราว่าประเทศไทยไม่ได้มาเร็วเกินไปหรอก แต่ประชาธิปไตยในประเทศไทย มันเป็นแบบผสมน่ะ ซึ่งเราว่าก็โอเคนะ เพราะเราปกครองโดยมี king เป็นประมุข ซึ่งจะให้เหมือนๆกับประเทศอื่นๆ เช่นสหรัฐก็คงไม่ได้ เราเข้าใจประมาณนี้น่ะ จะถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าไม่ถูกก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ แก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 02:00:23 จากคุณ : embell - [ 28 เม.ย. 52 01:55:53 A:58.9.220.15 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 เท่าที่ผมทราบ เปลี่ยนแปลงการปกครองได้ไม่กี่ปี ก็มีการซื้อเสียงเข้าสภาเสียแล้ว จากคุณ : natthaset - [ 28 เม.ย. 52 06:25:43 A:58.8.98.156 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อก่อนดิฉันคิดเหมือนคุณ จขกท. แต่ตอนนี้ไม่แล้ว  ดิฉันคิดว่า ระบอบ 1 คน 1 เสียงเหมาะที่สุด  การซื้อเสียงแก้ได้ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว  มิใช่ปัญหาที่น่ากลัวอย่างที่พรรค ปชป. หรือทหารบางท่านพยายามจะนำเสนอให้น่ากลัว   ดิฉันโตที่กรุงเทพ เรียนที่กรุงเทพ   ได้ยินได้ฟัง  เรื่องซื้อเสียงมาตลอด  และคิดในแง่ลบต่อคุณภาพสส. ของบางภาค   แต่เมื่อดิฉันได้มีโอกาสมาทำงานที่ภาคอีสาน ประมาณ 5 ปี  ได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวอีสาน   คนอีสาน ทำให้ดิฉันถึงบางอ้อว่าทำไมถึงซื้อเสียงได้   1. ความจน  ชาวนาบางคนไม่ได้เป็นเจ้าของนาเอง   รับจ้างเขาทำนา  โอกาสจับเงิน ร้อย ค่อนข้างยาก   ฤดูเลือกตั้ง จึงเป็นโอกาสชนิดนึง 2.  อิทธิพลท้องถิ่น  พวกหัวคะแนนคอยคุม คอยโน้มน้าวให้เลือก สรุปก็คือ  บางท่านตำหนิคุณภาพสส.  โดยไม่ดูสภาพความเป็นจริง และไม่จริงใจในการแก้ปัญหาให้ตรงจุด   นึกถึงกระทู้ที่บางท่าน ตำหนิคนขับรถเมล์ ในห้องเฉลิมไทย ตำหนิคนขับว่าคุณภาพไม่ดี   แต่ท่านไม่ได้เอ่ยถึง+พยายามเข้าใจ สภาพของคนขับเลยว่า ร้อนแค่ไหน  เหม็นควัน เหม็นเหงื่อคน แค่ไหน  เป็นเวลาเท่าไหร่ ... ทำไงให้คุณภาพคนขับดี   นอกจากให้การศึกษาอบรมมารยาทแล้ว    ก็ต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เขาทำงานอยู่อย่างเหมาะสม  ด้วย เช่นเดียวกัน ทำไงให้คุณภาพสส. กับคนเลือกสส. (กรณีภาคอีสาน) ดี  ก็เหมือนกัน  ต้องให้การศึกษา   กับจัดสภาพให้เขาอยู่ดีกินดีอย่างเหมาะสม ... ก่อนที่ท่านจะตำหนิคุณภาพสิ่งต่างๆ  รบกวนท่าน เปิดดวงตามองตามสภาพของสิ่งที่ท่านกำลังจะตำหนิก่อนสักครู่ และกรุณาอย่าคิดแต่ตำหนิอย่างเดียว  กรุณาคิดทางแก้ไขปรับปรุงให้ตรงจุดด้วย ทำได้ทั้งระยะสั้นและยาว ควบคู่ไปกับการเลือกตั้งได้เลย ... และที่คาใจดิฉันมานานก็คือ   ทหารที่เคยเป็นรัฐบาล  กับ ปชป. ที่เคยเป็นรัฐบาล ทำไมไม่สนใจประชานิยมตั้งแต่แรก  ทั้งๆที่มีโอกาสทำคะแนนมาก่อน คอยคิดแต่จะตำหนิ+พูดซ้ำๆ อยู่ อย่างเดียวว่า กลัวการซื้อเสียง .... ถ้าจขกท. คิดเห็นอย่างไรรบกวนชี้แนะด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 08:26:55 จากคุณ : ไทยเจริญ - [ 28 เม.ย. 52 08:18:08 A:129.82.99.234 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 ครับ ซื้อเสียงมันไม่ดีหรอก ตอนนั้นก็ซื้อ ตอนนี้ก็ยังซื้อ แต่... จำนวนมันลดลงหรือไม่ มันมีผลต่อการโหวตโดยรวมแค่ไหน แล้ววันนี้ การซื้อเสียงมันทำให้ชาวบ้านเลือกคนที่ซื้อหรือไม่ หรือแทบไม่มีผล ไม่มีนัยยะสำคัญ มองเรื่องไม่ดี มันก็จับมาได้เยอะครับ อะไรแย่ ไม่ดี ไม่สมบูรณ์ ผใสังเกตุในการออกความเห็นเรื่องทำนองนี้ คุณ จขกท.มองจากมุมมองของชนชั้นนำมากเกินไปหรือป่าว ลองมองในมุมมองแบบชนชั้นไพร่ดูบ้างครับ จากคุณ : Loss of Divinity - [ 28 เม.ย. 52 08:23:51 A:58.9.83.137 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 เหมาะไหม+เร็วไปหรือเปล่า ขอตอบตรงนี้เลยน่ะครับ ว่า ไม่เหมาะในตอนนี้ และการเกิดขึ้นของประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้นยังเร็วเกินไป เพราะอะไร?? นั่นเพราะสังคมไทยยังคงเป็นสังคมอุปถัมป์  หลังจากที่เรายกเลิกเจ้าขุนมูลนายในสมัย ร.5  แต่ระบบนี้ก็ยังคงแอบแฝงอยู่ในสังคมของเราอยู่ แม้ว่าจะไม่มีไพร่หรือทาสอยู่ให้เห็นดังเช่นสมัยนั้นก็ตาม เห็นได้จาก ความสัมพันธ์ของนักการเมืองกับชาวบ้าน   การซื้อเสียง  ไม่ได้แปลถึงการยื่นเงินให้ในช่วงที่มีการเลือกตั้งเท่านั้น  ทั้งนี้รวมไปถึงการจัดเลี้ยงตามวันสำคัญต่างๆ  การแจกทุนการศึกษา  การไปรว่มงานศพ  สิ่งเหล่านี้แม้จะไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้งของ กกต. แต่นี่คือสิ่งที่ก่อให้เกิดการถอนทุนคืนของนักการเมือง ในเรื่องของวัฏจักรการไถ  ซึ่ง อ.วิสุทธ์ โพธิแท่นได้เขียนไว้  ผมว่า สามารถนำมาประกอบกับแนวคิดว่า ประเทศไทยเรายังไม่พร้อมที่จะเดินหน้ากับประชาธิปไตยอย่างจริงจัง แต่หากจะรอให้ทุกคนในประเทศพร้อมกับระบบการปกครองนี้มันก็คงจะยากเช่นกัน เพราะในสังคมเริ่มแสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน  ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าเส้นทางแห่งประชาธิปไตยนั้นยังอีกยาวไกล ผมอยากเห็นรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา เพื่อปูทางให้อีก 10 ปี 20 ปีข้างหน้าประเทศจะมีประชากรที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้นความเหลื่อมล้ำทางสังคมก็จะลดน้อยลง และประชาธิปไตยก็จะงอกงามขึ้นมา  เพราะผมยังเชื่อว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตย ต้องควบคู่ไปกับคุณภาพของประกรนั้นๆ ไม่โดนชักจูง ไม่โดนอิทธิพลครอบงำจากสิ่งรอบข้าง สามารถตัดสินใจหรือเชื่อในสิ่งที่ตนเองต้องการจริงๆ  เมื่อถึงตอนนั้นถึงจะเรียกว่าประเทศเราเข้าใกล้ประชาธิปไตย อย่าลืมน่ะครับว่า  อ๊อกฟอร์ดก่อตั้งขึ้นพร้อมกับตอนที่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ก่อตั้งสุโขทัย(ไม่ชัวร์ พศ. แต่ก็ประมาณนี้) นั่นแสดงให้เห็นว่า อังกฤษให้ความสำคัญกับการศึกษา ในขณะที่ประเทศของเราเพิ่งเริ่มก่อตัวขึ้น (แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศไทยจริงๆในสมัย ร.5ก็ตาม) ดังนั้น อย่าเทียบเลยครับว่า ทำไมประชาธิปไตยแบบไทยๆจึงแตกต่างกับประชาธิปไตยของ อังกฤษ หรือ อเมริกา การศึกษาและเวลาครับจะช่วยให้ประชาธิปไตยเบ่งบานขึ้นมาสักวัน จากคุณ : GoLfGoNzO - [ 28 เม.ย. 52 08:28:32 A:117.47.107.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 เหมาะแล้ว ได้เวลาตั้งนานแล้ว แต่มี propaganda ที่ปลูกฝังในหมู่ชนชั้นกลางขึ้นไปคอยบอกลูกบอกหลานฝังหัวว่ายังไม่เหมาะ คนส่วนมากยังโง่อยู่ ยังรากหญ้าเกินกว่าจะเข้าใจประชาธิปไตย ตัวอย่างของผลจากการ propaganda ก็คือคุณ จขกท นี่เอง จากคุณ : talkshowhost - [ 28 เม.ย. 52 11:24:21 A:203.152.19.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 "&" เราก็เลือกคนตามที่เราเห็นว่าดีสิคะ เลือกจากใจเรา แล้วแนะนำคนข้างกาย คนในครอบครัว เพื่อน คนรอบข้าง อย่าเห็นแก่เงินที่เค้ามอบให้ แล้วเดี๋ยวประเทศไทยก็จะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ จากคุณ : beautiespoo - [ 29 เม.ย. 52 08:36:50 A:58.8.208.84 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถูกต้อง ถ้าเปลี่ยนกฏหมายเลือกตั้งว่า 1 เสียง สามารถเลือก สส.ได้แค่คนเดียวกาได้แค่หนึ่งครั้ง ถึงแม้ว่าในเขตนั้นจะมี สส.ได้ 2 หรือ 3 ก็ตาม การซื้อเสียงจะต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 -3 เท่าตัว สส.ในแต่ละพรรคของเขตนั้นๆ จะไม่สามารถหุ้นกันซื้อเสียงได้ ถึงซื้อได้ก็ไม่แน่ว่าจะกาให้เพราะใน สส.ในเขตนั้นมีมากกว่าหนึ่งคนในของแต่ละพรรค ที่สำคัญอย่าดูแคลนว่าจะซื้อคะแนนเสียงจะได้แน่ๆ เพราะแต่ละพรรคก็ซื้อกันทุกพรรค สรุปสุดท้าย เมื่อซื้อกันทุกพรรคก็มีความเท่าเทียมกัน การตัดสินใจจึงอยู่ที่ผลงานและความดีของผู้สมัคร สส.ของแต่ละคน เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จากคุณ : บ้าได้ถ้วย - [ 30 เม.ย. 52 19:01:02 A:202.149.25.241 X: ]