ค่อยๆดูกันไปนะ ไหนๆก็ไม่ใช่จะเปลี่ยนกันง่ายๆแล้ว ขออนุญาตนำบทความนี้มาอ่านกันนะ จากท่านผู้เฒ่า เปลว สีเงินจ้ะ
-------------------------------------------------------------------
๖-๗-๘ เดือน ไกลไปมั้ยที่จะตะกายไปถึง?
• เปลว สีเงิน
1 พฤษภาคม 2552 - 00:00
ย่างเข้าเดือนพฤษภาคม ก็เป็นสัญญาณเตือนว่า ปี ๒๕๕๒ ใกล้ผ่านครึ่งปีแล้ว เหลียวหลังก็ใจหาย ครั้นชะแง้มองไปข้างหน้าก็ต้องทอดถอนใจกับสถานการณ์ "ไฟสุมขอน" ปัญหาบ้านเมืองเรา ถ้าเป็นหนังจีนก็ต้องบอกว่า เป็นการต่อสู้ระหว่างเทพกับมาร ถ้าเป็นหนังไทย ก็เป็นการต่อสู้ระหว่างพระเอกกับผู้ร้าย ถ้าเป็นคติทางศาสนาก็จะออกมาใน ลักษณะ การกดข่มกันระหว่างขาวกับดำ, ดีกับชั่ว, ผิดกับถูก แต่ไม่ว่าในคติไหน ผลสรุปบั้นปลายมักจะออกมาทิศทางเดียวกันคือ "ธรรมย่อมชนะอธรรม" แต่กว่าธรรมจะชนะ ระหว่างต้นเรื่อง และกลางเรื่อง ฝ่ายธรรมมัก "กระอักเลือด" ทุกครั้งไปเหมือนกัน
ผมไม่สงสารนายกฯ อภิสิทธิ์ เพราะการทำหน้าที่ผู้นำบริหารประเทศของท่าน ไม่มีอะไรที่ต้องสงสาร ตรงกันข้าม ผมทึ่ง-ศรัทธาในตัวท่านมากกว่า และนับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย เพราะในความยากลำบากขวากหนามขวางมือ-ขวางตีนจากฝ่ายตรงข้าม ผมสังเกตว่า ท่านไม่ปล่อยให้ทุกสิ่ง-ทุกอย่างทั้งในทางบวกและทางลบกินตัวท่าน
กลับใช้ทุกสิ่ง-ทุกอย่างนั้นเป็นเครื่องบ่มเพาะ "วุฒิภาวะและวิสัยทัศน์ผู้นำ" ให้จัดจ้านขึ้นทุกขณะ!
นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ใช่คนใจเย็น ยิ่งอยู่ในวัยกะทิห้าว และมาจากเบ้าสถาบันที่หลอมให้เป็นคนไม่ยอมคน "โดยไม่มีเหตุผล" ด้วยแล้ว ในตำแหน่งนายกฯ ๓-๔ เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะต้องเป็นผู้รับผิดชอบปัญหาชาติ-ประชาชนโดยตรงในเหตุการณ์ "สงกรานต์เดือด" การที่นายกฯ อภิสิทธิ์สามารถ "ยกจิตเหนือการท้าทาย" พลิกจากพ่ายเป็นชนะ
นั่นไม่ใช่ "อภิสิทธิ์คนเดิม" แน่นอน!?
ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะผมนึกย้อนไปตอนรัฐบาลประชาธิปัตย์ปี ๒๕๓๕-๓๗ นายอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองกระทิงหนุ่มผู้มีความหยิ่งด้วยเชื่อมั่นในตัว เองสูง ถึงแม้เป็น ส.ส.หน้าใหม่ แต่ด้วยคุณสมบัติและความสามารถโดดเด่น ได้รับมอบหมายให้เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
คุณอภิสิทธิ์กับผมอยู่คนละวงโคจรกัน ย่อมไม่มีโอกาสสัมผัสกระทั่งเคยเห็นหน้าค่าตากัน มีอยู่วันหนึ่ง โทรศัพท์บนกอง บก.ดัง คนที่รับบอกว่า "ท่านโฆษกอยากจะพูดด้วย" ผมก็ไม่รู้หรอกว่าโฆษกไหน ใครคือโฆษก ก็รับไปตามความเคยชินมากกว่า ปรากฏว่าเป็น "ท่านโฆษกอภิสิทธิ์" พอผมรับสาย ท่านก็รัวมาเป็นตับ พอๆ กับที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกที่หน้าวัดเอี่ยมวรนุช ยังไงก็ยังงั้นเชียว
โฆษกอภิสิทธิ์ท่านโกรธ เกรี้ยวกราดมาดตู่-จตุพร นัยว่าหนังสือพิมพ์ที่ผมทำอยู่ลงข่าวรัฐบาลประชาธิปัตย์ในมุมลบ และถ้าจำไม่ผิดจะเกี่ยวกับตัวนายกฯ ชวนหรืออย่างไรนี่แหละ ก็นานจนเลือนในรายละเอียด ที่ไม่เลือนก็คือ คุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่คนใจเย็น-ปากเย็นอย่างทุกวันนี้ ท่านเป็นโฆษกประเภท โต้ทุกดอก เก็บทุกเม็ด ตะปบฟัด กัดไม่ปล่อยอีกตะหาก!
ผิดกับบุคลิกการรับมือ "กบฏทักษิณ" ชนิดเป็นคนละคน จากเชี่ยวกราก ร้อนแรง ถือดีในตัว ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ มาเป็นอภิสิทธิ์ ปางพิชิตมาร ยิ้มได้เมื่อภัยมา ตามลีลา "ไฟใต้น้ำ"
ซึ่งในตรงนี้ ตัวนายกฯ อภิสิทธิ์เองก็ดูเหมือนยอมรับในความเปลี่ยนไปด้วย "ตกผลึก" ทางวุฒิภาวะของตัวเองอยู่เหมือนกัน ดังที่ไปพูดที่ "สภาพัฒน์" เมื่อวานนี้ (๓๐ เม.ย.๕๒) ตอนหนึ่ง
"บอกตรงๆ ว่าเดือนแรกที่เข้ามาทำงาน พยายามใช้แนวทางตบมือข้างเดียวไม่ดัง ผมไม่ไปตอบโต้ ต่อล้อต่อเถียงกับใคร ให้ใช้สิทธิเสรีภาพเต็มที่ นึกว่าจะไม่มีปัญหา แต่ต้องยอมรับว่าประเมินพลาดไป...."
พลาดเพราะ "เอาใจวิญญูชนไปวัดใจโจร" ประมาณนั้นแหละ แต่นี่ก็สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางวุฒิภาวะที่เรียกว่า "ฝ่าด่านอรหันต์" ถึงขั้น กด-ข่มใจได้ คือฟากฝั่ง
เพราะอย่างนี้ ผมจึงทึ่ง และศรัทธานายกฯ อภิสิทธิ์ คนที่เอาชนะคนอื่นได้ เห็นเยอะแยะไป มีทั้งในสนามมวย สนามเทนนิส สนามกอล์ฟ กระทั่งสนามเลือกตั้ง แต่มันก็ชั่วครั้ง-ชั่วคราว เผลอๆ ฝ่ายตรงข้ามเขาก็กลับมาชนะบ้าง
แต่ใครที่สามารถ "ชนะใจ" ตัวเองได้ โดยเฉพาะในยามมีปัญหายั่วยุ-ท้าทาย อย่างนี้ถึงจะนับว่าเป็นยอดคน-ยอดชนะ และจะเป็นชนะที่ไม่มีใครมาทำให้เราเป็นฝ่าย "ถูกชนะ" ได้อีกเลย!
เย็นวาน ผมดูข่าวภาคค่ำทางโทรทัศน์ แต่ละช่องจับประเด็นเป็นข่าวอันครึกโครมทำนองว่า อีก ๖-๗-๘ เดือน เมื่อทุกอย่างเข้าที่-เข้าทางแล้ว นายกฯ อภิสิทธิ์จะ "ยุบสภาฯ" ให้มีเลือกตั้งกันใหม่
ผมไม่แปลกใจเลย ๖-๗-๘ เดือนของท่าน ก็ตกปลายปี พฤศจิกา-ธันวา ถ้าถึงตอนนั้นไม่คิดการยุบสภาฯ นั่นตะหากที่แปลก แปลกขนาดว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเลยทีเดียว นั่นเพราะอะไร ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะบอก!
นายกฯ อภิสิทธิ์ท่านคาดหมายวันยุบสภาฯ เอาจากผลสำเร็จที่จะมาจาก "คณะกรรมการร่วม ๒ ชุด" คือกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ๘-๑๕ เม.ย.๕๒ อย่างนั้นหรือ?
"ฝันที่เป็นจริง" รายการเขาเลิกไปนานแล้วครับ!
นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่ได้กะการณ์วันยุบสภาฯ จาก "คณะกรรมการสมานฉันท์" อันประกอบด้วยฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายวุฒิสภาหรอก แต่ก็ไม่ควรปฏิเสธว่า นี่ไม่ใช่ความสำเร็จขั้นต้นอันเป็นนิมิตหมายตามบุคลิกผู้นำใหม่ "ตบมือข้างเดียวไม่ดัง" ของท่าน เพราะจากเหตุการณ์ ๘-๑๔ เม.ย. อภิสิทธิ์ใช้สูตร "ตบมือข้างเดียวไม่ดัง" ตั้งรับสงครามเสื้อแดงจนพบความสำเร็จในระดับหนึ่งไปแล้ว
ก็ใช้แนวทางนั้นต่อ แต่พลิกแพลงกระบวนท่าเป็น "ตบสองมือย่อมดัง" คือโน้มน้าวทุกฝ่ายให้เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยปรัชญา "รัฐสภา-คือสถานที่แก้ปัญหาสังคมชาติ" ซึ่งในที่สุด พรรคเพื่อไทย อันไม่มีแนวคิดใช้สภาแก้ปัญหา นอกจากใช้เป็นที่ก่อกวนให้เป็นปัญหา กลับยอมมาเข้าร่วมในที่สุด
นับเป็นครั้งแรกที่ "เพื่อไทย" เดินเข้ากรอบ ยอมทำงานร่วมกับฝ่ายรัฐบาลภายใต้คำว่า "สมานฉันท์-ปรองดอง-ปฏิรูปการเมือง"!?
แต่ยังหรอก จะเอาแค่นี้ไปทึกทักเป็นสรุปย่อมไม่ได้ เพราะในฝูงวัวที่เดินเข้าคอกเดียวกัน ใช่ว่าทุกตัวจะไม่เป็น "วัวแหกคอก" หากแต่ว่าในสถานการณ์ตอนนี้ มันมี "สิ่งที่อยากได้" เป็นเป้าหมายตรงกัน ถึงประเด็นจะไม่เหมือนกันก็ตาม อย่างฝ่ายรัฐบาล นายกฯ อภิสิทธิ์ต้องการให้สถานการณ์บ้านเมืองนิ่ง เพื่อสร้างบรรยากาศเอื้อให้รัฐบาลทำงาน สร้างเสถียรภาพทั้งเศรษฐกิจและการเมืองไทยให้กลับคืนมา
แต่ฝ่ายค้าน และพรรคร่วมรัฐบาล ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องการยุบสภาฯ และถ้าเป็นไปได้ ไม่เพียงให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ๒๒๐ กก.บห.พรรคที่ถูกยุบ แต่อยากไปถึงขั้น "เลิกหมด" ไม่ว่าโทษการเมือง-โทษอาญาให้ทักษิณ!!!!
ถึงฝันต่างเรื่อง แต่ถ้าพอใจในฝันของใคร-ของมัน นั่นก็ย่อม "นอนฝันร่วมมุ้ง" กันได้ ตรงนี้ถือเป็นความลุ่มลึกในความแยบคายทางปัญญาอย่างหนึ่งของนายกฯ อภิสิทธิ์ ในเมื่อเสียข้าวเปลือกแล้วยังได้ไก่ติดไม้-ติดมือ นับว่าคุ้ม เพราะอย่างน้อย อภิสิทธิ์ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น-ศรัทธาในระบบรัฐสภา และใช้รัฐสภาเป็นเวทีต่อสู้ตามกติกาประชาธิปไตย กระทั่งการยุบสภาฯ นั่นก็เป็นวิถีแนวทางตามครรลองของมัน
และที่สำคัญ นายกฯ อภิสิทธิ์พูดชัดที่สภาพัฒน์วานนี้ ขณะนี้สิ่งที่ต้องการคือ "โอกาส" บนเวลา ๖-๗-๘ เดือน การเมืองในสภาฯ ไม่นิ่ง ไม่เป็นปัญหา แต่ขอให้การเมืองนอกสภาฯ นิ่งเท่านั้น
๖-๗-๘ เดือนนั้น จะขอใช้เป็นเวลาสำหรับเยียวยารักษา "ไข้เศรษฐกิจ" รวมถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๓ ให้ผ่านสภาฯ ไปได้ก่อนเท่านั้น
การยุบสภาฯ ที่เพื่อไทยเรียกร้อง ไม่มีอะไรขัดข้องรังเกียจ!
แต่ฝ่ายเพื่อไทย และฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล ดูเหมือนว่า ยุบสภาฯ เฉยๆ โดยไม่แก้รัฐธรรมนูญประเด็นที่เอื้อต่อการเลือกตั้งตามแนวทางของเขา และไม่นิรโทษกรรมให้สำเร็จเรียบร้อยก่อน ดูจะเป็นเงื่อนไขมัดฝ่ายอภิสิทธิ์ "ต้องทำให้ได้ก่อน" ไม่เช่นนั้น จะมีรายการ "วัว:-)แหกคอก" จากคณะกรรมการสมานฉันท์ทั้ง ๒ ชุดเกิดขึ้นแน่
เมื่อสำรวจแต่ละด้านแล้ว ก็พอบอกได้ว่า สมานฉันท์นี้ ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาซักพักมันจะกลายเป็นบ้องกัญชา ในขณะที่อภิสิทธิ์ชูบทรัฐสภาเป็นที่แก้ปัญหาชาติ แต่ฝ่ายเพื่อไทยจะใช้ทั้งเวทีรัฐสภา และเวทีนอกรัฐสภา ทำทุกอย่างโดยไม่ละอายและเกรงใจใคร เพื่อไปสู่เป้าหมายเจ้านายของเขา
ฉะนั้น ฝ่าย ส.ส.เพื่อไทย และฝ่ายเสื้อแดง จะเล่นบท "รวมกันอยู่-แยกกันตี" จะไม่ยอมเปิดโอกาสให้นายกฯ อภิสิทธิ์ได้คะแนน-ได้ศรัทธา โดยละเลยการก่อกวน-ป่วนเมือง ปล่อยให้อภิสิทธิ์ทำงานได้ง่ายๆ จนถึงปลายปีแน่ๆ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ถึงยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยจะมีใครศรัทธาลงคะแนนให้ซักกี่คน นอกจากขาประจำ!
โดยเฉพาะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ตอนนี้ก็เลี่ยงไปใช้คำว่า "ศึกษา" แทนคำว่า "แก้ไข" ก็ยิ่งทำให้ "สิ่งที่ละไว้" ในเรื่องราวเห็นรำไรเร็วขึ้นว่า "แก้รัฐธรรมนูญมันไม่ง่ายเหมือนแก้ผ้า" และมันเป็นอาถรรพณ์อย่างหนึ่ง ถึงจะแก้มาตรา-ครึ่งมาตรา แล้วโยนให้รัฐสภาใหม่แก้ไขทั้งฉบับก็เถอะ
มันไม่ง่ายเหมือนขึ้น "รถไฟสายปรารถนา" หรอก เพราะต้องไม่ลืมว่า "รัฐธรรมนูญ" นั้น เพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อ ส.ส.และ ส.ว.ฝ่ายเดียว!
ผมเข้าใจนายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านเป็นสุภาพบุรุษ และคนที่เป็นสุภาพบุรุษเขาจะไม่ทำอะไรด้วยเล่ห์ร้าย-ลมลวง ท่านหวังอย่างนั้น และต้องการอย่างนั้นจริงๆ คือหวังให้บ้านเมืองนิ่งซักระยะเพื่อสะสางปัญหาเศรษฐกิจ และต้องการใช้ระบบรัฐสภาเป็นที่แก้ไขปัญหาขัดแย้ง แต่น่าเสียดาย "กบฏทักษิณ" ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ฉะนั้น การกระทำทุกอย่างของเขาจึงเต็มไปด้วยเล่ห์ร้าย-ลมลวง ยุบสภาฯ-ตัวเขาไม่ได้อะไร แก้รัฐธรรมนูญ-ตัวเขาก็ไม่ได้อะไร มีแต่การยุให้ "เผาบ้าน-ยึดเมือง" เท่านั้นที่มั่นใจว่า..ตัวเขาจะได้เป็น "เจ้ามูลเมือง" และยอดหญิงของเขาจะได้เป็น "เจ้าแม่มิ่งเมือง" กลับมาขึ้นตั่ง-นอนเตียงเคียงข้างร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง!?
http://www.thaipost.net/news/010509/3978
ขอ้ร่วมเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ซักตั้งนะ
จากคุณ :
stand with a fist
- [
2 พ.ค. 52 10:48:52
A:125.27.144.214 X:
]