ความคิดเห็นที่ 54

นอกจากนี้ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายกฯ ได้เสนอแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2549 เป็นผลให้บริษัทชินคอร์ป มีบุคคลต่างด้าวถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 50 โดย พ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับ ใช้เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2549
และปรากฏว่าวันที่ 23 ม.ค. 2549 ก็ได้มีการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ป จำนวน 1,149,490,150 หุ้น ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ของประเทศสิงคโปร์ โดยมีบริษัท ซีดาร์โฮล ดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสแพนโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ต่างด้าวเป็นผู้ซื้อ เป็นจำนวนเงินสุทธิ 69,722,880,932.05 บาท
ตั้งแต่ปี 2546-2548 บริษัทชินคอร์ป ได้จ่ายเงินปันผลตามหุ้นจำนวนดังกล่าวรวมเป็นเงินจำนวนทั้งหมด 6,898,722,129 บาท รวม เป็นเงินที่ได้รับจากหุ้นดังกล่าวทั้งหมดจำนวน 76,621,603,061.05 บาท เงิน จำนวนดังกล่าว จึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและ ประโยชน์ส่วนรวม
และเป็นกรณีที่ได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นการร่ำรวยผิดปกติ จึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาฯ ขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สิน จำนวน 76,621,603,061.05 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 80
******************************************************
เรื่องก็เป็นไปตามนี้แหละครับ อ่านสำนวนดูแล้วก็พิจารณากันเอาเองว่าฟังขึ้นหรือไม่
จากคุณ :
thyrocyte
- [
6 พ.ค. 52 14:01:30
A:203.147.40.3 X:
]
|
|
|