ความคิดเห็นที่ 2 ช่วงนั้นจำได้ว่ารัฐบาลชวนมีนโยบายรัดเข็มขัด แล้วก็เพิ่มวินัยทางการเงินการคลังมากขึ้น ทำให้มีเงินใช้หนี้แล้วค่ะ แต่พิจารณาเรื่องดอกเบื้ยแล้วคิดว่ายังไม่คุ้มเลยยังไม่ใช้ แต่พอทักษิณมาก็เลยมาใช้หนี้ แล้วก็อ้างว่าตัวเองเป็นคนใช้ ทั้งที่เงินที่ใช้น่ะเป็นเงินที่รัฐบาลก่อนหน้าเค้าทำมาทั้งนั้น เค้าเรียกว่าฉกฉวยโอกาสมา PR ตัวเองน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 20:52:24 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 20:46:38 จากคุณ : ฟ้าคุง - [ วันวิสาขบูชา 20:45:54 A:124.121.27.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากความจำที่จำได้ สมัยปลายรัฐบาลชวน นายกชวนมีบอกว่ากำลังพิจารณาคืนหนี้ไอเอ็มเอฟแล้ว .... จากคุณ : toon152 - [ วันวิสาขบูชา 20:45:59 A:58.8.23.225 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 กูเกิ้ล บู้     กูกู้เบิ้ล   ช่วยได้ แต่ใช้หนี้ไม่เป็นนนน จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ วันวิสาขบูชา 20:47:40 A:124.120.127.122 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 อย่าถามว่าใครปลดหนี้เลย ถามดีกว่าว่าใครละไปกู้ IMF จะดีกว่า . . . เพราะ...บ้างที มันจะได้รู้ว่าใครปลดหนี้ไง จากคุณ : จินตราตรี - [ วันวิสาขบูชา 21:00:19 A:58.64.77.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 สภาพเศรษฐกิจสมัยชวน ยังเป็นตัวแอลอยู่เลย คือตกติดดินแล้วลากยาว ไม่มีวี่แววจะกระดกหัวขึ้นเป็นตัวยู แค่ประคองตัวเอาหลังพิงเชือกให้ครบยกก็เก่งแล้วครับ จากคุณ : ไม้ตะพด - [ วันวิสาขบูชา 21:05:27 A:58.64.71.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 กว่าทักษินจะทำให้มีเงินขึ้นมาได้เล่นซะ 2 ปีกว่า ผ่านการทำการค้าแทบทุกเกณฑ์ แต่ละอาทิตย์เดินทางติดต่อต่างประเทศ   ..... ที่แท้เงินของท่านชวนทำไว้แยะ ไม่รู้นี่เอง  ไม่งั้นก็ไม่เหนื่อยนะซี่ จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ วันวิสาขบูชา 21:05:33 A:124.120.127.122 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วพรรคไหน ทำให้ต้องกู้IMF จากคุณ : Ramrom - [ วันวิสาขบูชา 21:10:41 A:58.8.111.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้ามาร์คบอกว่า แม้วขโมยผลงาน  ทักษิณบอกว่า ผลงานตัวเอง ก็ถือว่าต-แหลทั้งคู่ รัฐบาลไทย    กู้เงิน  IMF.........แล้วก็ รัฐบาลไทย ปลดหนี้ IMF..........และที่แน่ๆ เงินที่ไปปลดหนี้ก็คือเงินคนไทย จากคุณ : นายสันทัด - [ วันวิสาขบูชา 21:28:17 A:58.9.36.26 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 จำได้ว่าตอนนั้นที่ต้องลอยตัวค่าเงินบาทและกู้ IMF เป็นสมัยรัฐบาลชวลิต ซึ่งทักษิณก็อยู่ในรัฐบาลนั้นด้วย ฉะนั้น..ทักษิณเองนั่นแหละที่มีส่วนกับการกู้ IMF http://www.oknation.net/blog/print.php?id=286908 จากคุณ : ฟ้าคุง - [ วันวิสาขบูชา 21:29:02 A:124.121.27.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 7   สภาพเศรษฐกิจสมัยชวน ยังเป็นตัวแอลอยู่เลย คือตกติดดินแล้วลากยาว ไม่มีวี่แววจะกระดกหัวขึ้นเป็นตัวยู แค่ประคองตัวเอาหลังพิงเชือกให้ครบยกก็เก่งแล้วครับ จากคุณ : ไม้ตะพด ************************************************ จริงหรือคุณไม้ตะพด เป็นตัวแอลเชียวหรือ คุรลองดูกราฟอัตราการเติโตของจีดีพี จากสภาพัฒนฯอันนี้หน่อย ผมว่ารัฐบาลนั้น นำเศรษฐกิจขึ้นมาจากหลุมวิกฤติปี 40  มากกว่าจะเป็นตัวแอลนะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 21:33:36 จากคุณ : thyrocyte - [ วันวิสาขบูชา 21:29:02 A:124.121.31.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เออ ที่ใครบอกว่าชวนทำไว้เนี่ย อยากจะขอ "ดูรายงาน" ตรงนี้ชัดๆหน่อยน่ะคะ จากคุณ : withidak - [ วันวิสาขบูชา 21:29:50 A:124.120.229.93 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ วิถีแด๊ก  รายงานอยู่บนหัวแน่ะ เงยหน้าขึ้นดูสิครับ จากคุณ : นายสันทัด - [ วันวิสาขบูชา 21:31:17 A:58.9.36.26 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 รัฐบาลชวนก็แค่ไม่ขอเบิกเงินกู้ในรอบที่ 2 เท่านั้น (เพราะเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟแต่ละข้อโหดแทบรากเลือด) แต่ไม่ได้ใช้คืนหมดในสมัยของนายชวนแน่ จากคุณ : Uncle-Dave - [ วันวิสาขบูชา 21:35:10 A:192.168.1.104 X:124.120.117.143 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มันมีประเด็นให้ชวนสงสัย 1. ถ้า ปชป. อ้างว่าเป็นผลงานของตน แล้วเหตุใดถึงไม่ออกมาเรียกร้องและแสดงข้อมูลผ่านรัฐสภาเมื่อครั้งทักษิณเป็นนายกฯ 2. เงินที่ ปชป. ต้องการจะคืน IMF เป็นเงินงวดแรก หรือ เงินก้อนทั้งหมดรวมดอกเบี้ย ถ้ามันเข้าประเด็นข้อ 2 ส่งคืนเงินก้อนงวดแรก ก็เป็นเรื่องปกติของการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงินต่าง ๆ แต่ประเด็นที่ จขกท. พูดถึง คือ การปลดหนี้ IMF (คืนเงินที่กู้มาทั้งหมดรวมดอกเบี้ย พร้อมยกเลิกสัญญาที่ทำเอาไว้) สมัยนั้น IMF บีบเราให้ขึ้น VAT 10% แต่รัฐบาลคุณทักษิณมองแล้วว่า ตรงนี้หากขึ้น รากหญ้าจะไม่มีการจับจ่ายใช้สอย เพราะข้าวของจะแพงขึ้นหมด เลยคืนเงินไปทั้งหมด ยกเลิกสัญญาที่ต้องทำกับ IMF ไปซะ แต่ก็ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงไม่มีการแก้หรือแตะต้อง กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ที่ทำในสมัยรัฐชวน หลีกภัยที่ตกอยู่ภายใต้การกำกับของ IMF กฎหมายที่เป็นปัญหา ที่มีการเรียกร้องกันมาก มีอยู่ 2 ตัว ซึ่งเป็นข่าวใหญ่กระทบคนจำนวนมาก คือ 1. การแปลงรัฐวิสาหกิจให้อยู่ในรูปของบริษัทมหาชน 2. การนำมหาวิทยาลัยของรัฐออกนอกระบบ ชวน ----> ทักษิณ ---> สุรยุทธ ---> สมัคร ----> สมชาย ----> อภิสิทธิ์ ไม่มีการแก้ไขใด ๆ เกิดขึ้น ขอเรียกร้องให้นายกฯ อภิสิทธิ์ช่วยขุดกฎหมายขายชาตินี้มาแก้ที แล้วนำ ปตท. ที่แปลงเป็นบริษัทมหาชนแล้วนั้น กลับคืนสู่การเป็น รัฐวิสาหกิจ ดังเดิม เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง ปตท. คือ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายน้ำมันของประชาชน เมื่อไหร่ที่ราคาน้ำมันขึ้น ปตท. ต้องลดราคาน้ำมันลง เพื่อบีบให้บริษัทต่างชาติที่ผลิตน้ำมันลดราคาตามลงมา ไม่ใช่ให้บริษัทต่างชาติกำหนดราคาเหมือนอย่างทุกวันนี้ และมีค่าการตลาดที่ไม่สอดคล้องกับการโฆษณา ไม่มีโฆษณา Esso, Shell, JET, BP และอื่น ๆ แต่เหตุไฉนถึงต้องมี ค่าการตลาดของน้ำมันด้วย จากคุณ : gWin - [ วันวิสาขบูชา 21:52:32 A:118.172.11.251 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 <<< คำพูดออกทีวีคืน 31 กค 2546 >>>   วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ทำให้ไทยต้องกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) พร้อมกับยอมรับเงื่อนไขที่เข้มงวด ซึ่งเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดและไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพนั้นอีก ปัจจุบันเศรษฐกิจดีขึ้นโดยลำดับ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม รัฐบาลนี้ได้ประกาศชำระหนี้ก้อนสุดท้ายกว่า 6 หมื่นล้านบาท ทำให้ไทยพ้นจากพันธกรณีกับไอเอ็มเอฟ สามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเป็นของตนเอง หมายเหตุ - เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ สถานะการเงิน-การคลังของประเทศไทย รวมทั้งการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้กับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งสามารถชำระก่อนครบกำหนด 2 ปี มีรายละเอียดดังนี้ วันนี้เป็นวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ชำระหนี้ก้อนสุดท้าย เมื่อเย็นวันนี้ ได้ชำระก้อนสุดท้ายคืนไอเอ็มเอฟจำนวน 6 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งได้กู้ยืมมาในช่วงเกิดวิกฤตเมื่อปี 2540 โดยไอเอ็มเอฟอนุมัติวงเงินให้ไทย 14,500 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เบิกมาใช้จริงเพียง 12,296 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.1 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลชุดที่แล้ว(รัฐบาลนายชวน หลีกภัย) ได้ชำระไป 1 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลนี้ได้ชำระครบทั้ง 5 แสนล้านบาท ทำให้ไทยพ้นจากพันธกรณีกับไอเอ็มเอฟ ประเทศไทยเคยเข้าโปรแกรมของไอเอ็มเอฟมาแล้วหลายครั้ง คือ เมื่อปี 2524, 2525, 2528 ทั้ง 3 สัญญาเป็นเงิน 982 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช้หมดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2533 แต่หลังจากนั้น 7 ปี เกิดวิกฤตอีกครั้ง เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ถ้าวิเคราะห์แล้ว วิกฤตที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลใดหรือคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการสะสม ที่เราไม่ได้ติดตามสถานการณ์ ไม่ได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ได้ใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด ไม่ได้รับรู้ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดอีก ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ที่ต้องเข้าโปรแกรมของไอเอ็มเอฟ รัฐบาลนี้พยายามแก้ไขปัญหาหลายๆ อย่าง เพื่อให้เกิดความมั่นคง ดูทิศทางทุกอย่างไม่ให้เกิดปัญหาอีก เชื่อว่า ในปี 2540 จนถึงวันนี้ ยังมีหลายคนยังไม่หายเจ็บปวด บาดเจ็บอยู่ เป็นบทเรียนของหลายคนในประเทศ ต้องร่วมคิดร่วมกันแก้ปัญหา ประเทศต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เป็นเหยื่อของการแข่งขันทุนนิยมที่เราไม่รู้เท่านั้น รัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อวางกติกา วางระบบ และพัฒนาทุกๆ อย่าง เพื่อให้เรารู้เท่าทันได้อย่างทันท่วงที วันนี้ ทำไมเรากล้าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ก่อนครบกำหนดเวลาล่วงหน้าถึง 2 ปี ก็เพราะเราสามารถปรับพลิกสถานการณ์ได้แล้ว และมีเงินทุนเพียงพอ ไม่ต้องเก็บหนี้ไว้ การใช้หนี้ครั้งนี้ทำให้ประหยัดดอกเบี้ยถึง 5 พันล้านบาท และยังสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยมากขึ้น ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจหลายสาขา ภาคเกษตร รายได้เกษตรกรจากพืชผลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อปลายรัฐบาลที่แล้ว รายได้ติดลบ 3.4% ปี 2544 เพิ่มขึ้น 8.1% ปี 2545 เพิ่ม 11.7% ในปี 2546 เพิ่มขึ้น 25% ในภาคอุตสาหกรรม ปี 2544 ติดลบ ในปี 2545 เพิ่มขึ้นมา 59.5% ครึ่งปีแรกของปี 2546 เพิ่มขึ้นถึง 66.6% ตัวเลขมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่อัตราการว่างงานปี 2546 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกดีขึ้นมาก ปี 2544 ติดลบ 1.7% เพราะเหตุการณ์ 11 กันยายน ในสหรัฐอเมริกา ส่วนปี 2545 สามารถเติบโตได้ 5.7% ปีนี้เพียงครึ่งปีแรก โตได้ถึง 19% ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ปี 2543 มีกำไร 4.15 หมื่นล้านบาท ปี 2544 มีกำไร 1.12 แสนล้านบาท ปี 2545 มีกำไร 1.7 แสนล้าน และปี 2546 ไม่น่าจะน้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ส่วนรายได้ภาครัฐบาล รายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้รวมเพียง 9 เดือนแรกของปี 2546 มีถึง 9 แสนกว่าล้าน พอๆ กับปี 2543 ทั้งปี ส่วนดุลงบประมาณ การขาดดุลกำลังจะสิ้นสุดลง ในปี 2543 ประเทศไทยขาดดุล 1.2 แสนล้าน ปี 2544 ขาดดุล 1.1 แสนล้าน ปี 2545 ขาดดุล 1.26 แสนล้าน แต่ในปี 2546 เพียงแค่ 9 เดือนแรก ก็เกินดุลแล้ว 1.46 หมื่นล้าน สถานการณ์ด้านงบประมาณดีขึ้นมาก ส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศ ปี 2543 มี 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2544 เพิ่มเป็น 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2545 เพิ่มเป็น 38,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2546 เมื่อชำระหนี้ไอเอ็มเอฟหมดแล้ว จะมีทุนสำรอง 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าไทยมีสถานะการเงินแข็งแกร่งมาก รัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งว่า ประเทศไทยวันนี้ ผมอยากจะบอกให้พี่น้องประชาชนให้มีความมั่นใจ และภูมิใจในความเป็นคนไทย ว่าวันนี้เราไม่มีพันธะใดๆ สิ่งที่จะทำต่อไปก็คือว่า จะต้องทำประเทศให้เข้มแข็ง ปี 2545 ผมตั้งเป้าเศรษฐกิจ 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่มีใครเชื่อ ตอนนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาตั้งว่าจะโตแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ต่างกันถึง 150 เปอร์เซ็นต์ แต่ในที่สุดรัฐบาลก็ทำได้คือโต 5.2 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2546 ผมตั้งเป้า 6 เปอร์เซ็นต์ แม้จะประสบปัญหาโรคซาร์ส แต่มั่นใจว่าไม่เกินความสามารถ เชื่อว่าจะทำได้ใกล้เคียงคือเกิน 5.5 เปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะข้าราชการและเอกชน ประชาชนมีกำลังใจ และไม่ใช่วิสัยของรัฐบาลนี้ที่จะงอมืองอเท้า เราต้องกำหนดชีวิตเราเอง ตั้งใจว่าปีหน้าจะทำให้ดีกว่านี้อีก คนไทยต้องมีงานทำ ต้องกระจายความเจริญไปสู่รากหญ้า ให้ความเจริญกระจายไปอย่างทั่วถึง ต้องปรับเศรษฐกิจให้ได้ จากคุณ : มาหาอะไร - [ วันวิสาขบูชา 21:57:44 A:115.67.227.29 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 รัฐบาลนี้ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คือใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบ 2 แนวทาง คืออาศัยทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศและการส่งออก จากเดิมที่เราพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก รัฐบาลนี้ได้กระจายเศรษฐกิจไปยังรากหญ้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่มีกำลังใจ ไม่สู้ แต่รัฐบาลมีทิศทางที่จะทำให้ท่านสู้ และสิ่งนี้จะเกิดไม่ได้ ถ้าราชการไม่ทุ่มเท 2 ปีครึ่งของรัฐบาลชุดนี้ ข้าราชการเหนื่อยกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ทุกคนทุ่มเท และทำให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว การใช้หนี้วันนี้ทำให้ประเทศหมดพันธกรณีหลายๆ อย่าง เราไม่ต้องขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ต้องทำตามคำสั่งของไอเอ็มเอฟ เราสามารถที่จะเลือกยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะดำรงภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 7 เปอร์เซ็นต์ ไม่ขึ้นเป็น 10 เปอร์เซ็นต์อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ การพ้นจากไอเอ็มเอฟ ทำให้รัฐบาลสามารถจะแก้ไขกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับ (ซึ่งออกในสมัยนายชวน หลีกภัย) ที่หลายฝ่ายห่วงใยกัน อยากให้มีการแก้ไข ซึ่งรัฐบาลได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุย และสรุปว่าจะแก้ไขกฎหมายบางฉบับ คือ 1.กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งตามข้อกำหนดของไอเอ็มเอฟต้องขายมาใช้หนี้ แต่เราจะกระจายหุ้นในตลาด เพื่อขยายตลาดอย่างมืออาชีพ และตรวจสอบด้วยระบบจะเข้มแข็ง ทำให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ขายมาใช้หนี้ เพราะไม่จำเป็น จึงจะมีการออก กม.ปรับปรุงพัฒนารัฐวิสาหกิจ เพื่อปรับปรุงองค์กร 2.กฎหมายล้มละลาย ให้มีความเป็นธรรมลูกหนี้และเจ้าหนี้ 3.กฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าว รักษาผลประโยชน์ประชาชน พันธสัญญาต่างตอบแทน 4.กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 5.กฎหมายอาคารชุด 6.กฎหมายประกันสังคม ซึ่งจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ต่อไปนี้รัฐบาลมีภารกิจทำต่อ เพื่อให้ตัวเลขเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ต่อไป ที่ผ่านมาขาดดุลและหนี้มาก แต่ปัจจุบันหนี้ลดลงและปรับเป็นบวก เพราะส่งเสริมเศรษฐกิจรากหญ้า ไม่ส่งเสริมการนำเข้า เพื่อมาแทรกแซงการส่งออก รัฐบาลท่องคาถา "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส" เราจะเดินหน้าต่อไปในเรื่องการแปลงทรัพย์สินเป็นทุน เพื่อให้ดินที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์มาเป็นทุนได้ เพื่อนำมาต่อยอดให้กองทุนหมู่บ้านที่ดี กลายเป็นธนาคารประจำหมู่บ้าน ใช้ระบบเทคโนโลยีมาบริหารจัดการ ใช้ผู้ว่าฯซีอีโอมาพัฒนาประเทศ เร่งปฏิรูปการศึกษาในทุกๆ ด้าน พร้อมเร่งปราบปรามยาเสพติด ใช้ความเด็ดขาดอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้ผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย หยุดการกระทำที่ผิดกฎหมาย ให้ธุรกิจใต้ดินถูกจัดการเสียภาษีให้อย่างถูกต้อง ไม่มีระบบมาเฟีย วันนี้ เป็นอีกวาระหนึ่ง ซึ่งผมเพิ่งลงนามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้ การชัก ธงชาติ เพื่อให้ประเทศไทย สามารถที่จะชูธงชาติได้สะดวกขึ้น ไม่มีข้อกฎหมายอะไรห้ามไว้ ผมเห็นนานาประเทศใช้ธงชาติอย่างชัดเจน ผมขอถือโอกาสนี้ ใช้พันธกรณีที่ปลดหนี้จากไอเอ็มเอฟได้ ให้ช่วยกันชักธงชาติให้เป็นหนึ่ง เหมือนประเทศทุนนิยมที่ประสบผลสำเร็จ ที่จะมีเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก โดยใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ของผลประโยชน์แห่งชาติ จึงอยากให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศชักธงชาติ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราได้หมดหนี้จากไอเอ็มเอฟแล้ว โดยทุกส่วนราชการได้สั่งให้ปักธงไว้แล้ว ส่วนสินค้าที่เหมาะสม ก็สามารถใช้ธงชาติเป็นสัญลักษณ์ได้ ขอให้ชูธงเพื่อชูชาติ วันนี้ อยากจะบอกว่า รัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ และเพิ่มบทบาทในระดับนานาชาติ เพื่อให้คนไทยมีงานทำ และในสิ้นปีนี้ เราจะมีทุนสำรองที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ วันนี้ถือโอกาสขอบคุณมิตรประเทศ ที่ให้ไทยได้กู้ยืมเงินในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า เพื่อนยามยาก โดยญี่ปุ่นให้เรากู้เท่ากับไอเอ็มเอฟ ธนาคารกลางของจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ออสเตรเลีย และแคนาดา รวมถึงอินโดนีเซียที่เอ่ยปาก ให้ไทยกู้เงินจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ทุกวันนี้ ไอเอ็มเอฟไม่ได้ผิดอะไรกับเรา การให้ยารักษาเราในช่วงปี 2524-2525 เป็นการให้ยาที่ถูกต้องถูกสมัย เพราะช่วงนั้น เรามีคนไทยไปร่วมทำงานกับไอเอ็มเอฟด้วย เขายินดีรับฟังคนของเรา แต่งวดนี้ ยาของไอเอ็มเอฟผิด ทำให้เราต้องเสียหายมากกว่าที่ควรจะเป็น แต่ขณะนี้ ความเสียหายในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน เป็นวงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ที่ได้ตกลงกันแล้วว่า จะจัดการหนี้เหล่านี้ให้เรียบร้อย โดยจะไม่มีผลกระทบต่องบประมาณของประเทศไทย ทีแรกธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงเจตจำนง จะนำรายได้ของธนาคารแห่งประเทศไทยไปใช้หนี้ โดยกำหนดว่าจะใช้เวลาประมาณ 29 ปี แต่วันนี้แนวโน้มเหล่านี้ หนี้ที่เกิดจากการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน คาดว่าจะสามารถชำระหนี้คืนได้หมด โดยเร็ว เพราะหนี้เหล่านี้เป็นหนี้เงินบาท ไม่มีปัญหา เหมือนเงินสกุลต่างประเทศ แต่วันนี้หนี้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ เราใช้หนี้หมดแล้ว วันนี้เราต้องมีกำลังใจ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำธุรกิจ ครอบครัว และกิจวัตรอย่างดีที่สุด ด้วยความทุ่มเท และประเทศไทยเราจะเข้มแข็ง ไม่มีวันที่จะกลับไปสู่ไอเอ็มเอฟอีก หากผมยังอยู่ ผมจะวางระบบและจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อให้คนที่มารับงานต่อจากผม มาทำงานอย่างเป็นระบบ โดยจะได้ไม่ต้องพาคนไทยเข้าไอเอ็มเอฟอีก ขอแสดงความยินดีและดีใจกับประชาชนคนไทย สำหรับชัยชนะที่เราได้ร่วมกันพิชิตในวันนี้   (หน้า 2 มติชน ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 2546) จากคุณ : มาหาอะไร - [ วันวิสาขบูชา 21:58:43 A:115.67.227.29 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 คิดง่ายเลยครับ จขกท. ถ้าเป็นผลงานของ ปชป. ทำไม ปชป. ไม่โปรโมทผลงานของนาย ธานินทร์ นิมมานเหมินทร์ หัวหน้าทีมเศรษกิจในการเลือกตั้งครั้งถัดไป จากคุณ : oldcat - [ วันวิสาขบูชา 22:03:12 A:124.122.234.171 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 คคห ที่ 12   ผมว่า กราฟ ที่เขียน จะมีการ Error จากการตั้งตัวแปรและ รูปแบบ กราฟ """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" เพราะ การวิเคราะห์ การเจริญของ GDP ในกราฟ นั้น เป็น การ คิดจาก % เติบโต ของ ปี/ไตรมาสก่อนหน้า ไม่ใช่ ปี ฐาน   ฉะนั้น  ในปี/ไตรมาสที่ ตกต่ำสุด  และ ไตรมาสต่อมา ทำให้ GDP คงเดิม   (ถ้า ใช้ กราฟ แบบนี้ จะทำให้ ดู % เพิ่ม ขึ้น ทั้งที่ไม่เพิ่ม) เช่น ไตรมาส 1 ทำ ได้ 100 = 0%      ไตรมาส 2 ทำได้ 80 = -20 %         ไตรมาส 3 ทำได้ 100  = + 20 % ทั้ง ๆ ที่ดูความ จริง ไม่ได้ เจริญขึ้น เลยได้ เท่าเดิม ******************************************* กราฟ นี้ ผมชอบทำไว้ หลอก ผู้บริหาร  หาโบนัส จากคุณ : siri_IP - [ วันวิสาขบูชา 22:10:07 A:124.121.77.123 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผู้ใหญ่ ชอบ  โกหก อนาคต เด็ก โตขึ้น จะโกหก ยิ่งกว่า จากคุณ : siri_IP - [ วันวิสาขบูชา 22:16:07 A:124.121.77.123 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่จริงเรื่อง GDP ผมไปตอบที่กระทู้นี้แล้ว http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7423275/P7423275.html      ความคิดเห็นที่ 36     ลองอ่านข่าวเก่าๆ ในความคิดเห็นที่ 35 ดูน่ะ     เดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่า ปชป. ทำดีแล้ว ทักษิณไม่ได้ทำอะไรเลย     บสท. ทำได้ไม่กี่เดือนที่ทักษิณมาเป้น     สมัยชวน 3 ปี ไปทำอะไรอยู่     แก้ปัญหาผิดทางตั้ง ปรส.     เอาหนี้เสียและดีรวมกัน     แล้วไปให้ฝรั่งประมูลถูกๆ     แล้วเอากลับมาขายต่อให้เจ้าของเดิมคนไทย     ฟันกำไรจนบริษัทฝรั่ง     ที่มาประมูลทำกำไรสาขาที่ไทยสูงที่สุดในดลกในปีนั้น     จนต้องย้ายไปอยู่ญี่ปุ่น     เพราะเก่งเกินทำกำไรให้บริษัทฝรั่งรายนั้นมากเกิน     แล้วรัฐบาลทักษิณต้องมาตามเช็ดขี้เยี่ยว     หนี้ปรส.อีกกี่แสนล้าน     คดีที่ถูกฟ้องกันอยู่เรื่อง ปรส.ก็บ่งบอกถึงการบริหารงานสมัยชวนได้แล้ว     ส่วนบบส. นั้นแก้ปัญหาตรงกันข้าม     ทักษิณตั้งขึ้นมาแก้ปัญหา     โดยการแยกหนี้ดีและเสียออกจากกัน     แล้วให้ บสท.ไปบริหารหนี้เสีย     ผลกับดีกว่าทำให้บสท.มีกำไรอีกต่างหาก     และธุรกิจบางธุรกิจก็สามารถฟื้นได้     แม้แต่หนี้เสียบางเจ้า     เนี้ยะอ่ะน่ะทักษิณไม่ได้ทำอะไรเลย     ชวนทำหมดแล้ว     แล้วทำไมเขาเข้ามาต้องมานั่งไล่แก้ปัญหาพวกนี้     แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 13:36:52     แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 13:32:35     จากคุณ : มาหาอะไร - [ 15 ม.ค. 52 21:34:23 A:118.174.179.145 X: ] ความคิดเห็นที่ 37     ส่วนไอ้กราฟที่เอามาให้ดู     ก็แสดงถึงผลงานชวนกับทักษิณได้ดีอีกนั่นแหละ     ชวนทำปี 41 เจ๊งจนติดลบบานเบอะ     แล้วถึงขึ้นมาจากติดลบหรือเจ๊งหรือโดนยึดไปเกือบหมดแล้ว     ถ้านักเล่นหุ้นอาจชอบเพราะทำกำไรเยอะดี     แต่ประชาชนไม่มีใครเขาชอบหรอก     ทำจนเขาล่มจมขายบ้านฆ่าตัวตายหมดแล้ว     ถึงจะเด้งขึ้นมาเพราะมันจมไปลึก     แต่ของทักษิณทำให้เรียบๆ ได้     ถ้าทักษิณไม่ตั้งบสท.วันนั้น     และสารพัดนโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์     ทั้งให้ข้าราชการกู้ซื้อบ้านหรือบ้านราคาถูกๆ     และลดภาษีเกี่ยวกับบ้านและที่ดินอีกมากมาย     จนฟื้นตัวได้เร็วและทำให้หนี้บ้านที่ไปค้ำธนาคารไว้     ไม่กลายเป้นหนี้เสียหรือมูลค่าลดลง     จนแบงค์ต้องโดนกันสำรองจนจะเจ๊งกันอีกรอบ     ก็จมลงเหมือนเดิม     แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 13:31:16     จากคุณ : มาหาอะไร - [ 15 ม.ค. 52 21:40:28 A:192.168.0.17 X:118.174.179.145 ]     ความคิดเห็นที่ 38     แล้วรู้ไหมทำไมปี 41 ถึงหดลงไปขนาดนั้น     ก็เพราะนโยบายการเงินการคลังที่ผิดพลาด     กันสำรอง 100%     และดอกเบี้ยขึ้นไป 20กว่า%     ผ่อนคอนโดอยู่ช่วงนั้นจำได้     มีคนประกาศขายบ้านและคอนโด     ขายทิ้งแบบไม่เอาอะไรไม่เอาทุนคืน     ขอแค่ล้างหนี้ที่ยังผ่อนไม่หมดในธนาคาร     เพื่อไม่ให้ประวัติเสียก็มีเยอะแยะ     เขาผ่านเหตุการณ์ช่วงนั้นมาแล้วและยังไม่ลืม     ไม่เหมือนพวกที่พึ่งสนใจการเมือง     ทักษิณตั้งบบส.ยังไม่รู้หาว่าไม่ทำอะไร     ออกพันธบัตรแก้หนี้ ปรส.ก็ไม่รู้อีก     ก็คงไม่รู้หรอกว่าปี 41     หลายคนหมดเนื้อหมดตัว     แม่บ้านมารับจ็อบขายตัวก็มี     จากคุณ : มาหาอะไร - [ 15 ม.ค. 52 21:48:10 A:192.168.0.17 X:118.174.179.145 ]     ความคิดเห็นที่ 39     กราฟ GDP ที่เอามาให้ดู     ทำมาเพื่อหลอกลูกกะตาคน     มาดูของจริงตัวเลขสำคัญๆ     ทั้ง GDP และเงินเฟ้อดีกว่า     ปี 41 ชวนเต็มๆ     ที่จริงชวนมาตั้งแต่ปลายปี 40 แล้ว     ลองเทียบดูแต่ละตัวซิว่า     สมัยไหนดีกว่ากัน     แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 22:01:17     จากคุณ : มาหาอะไร - [ 15 ม.ค. 52 21:59:22 A:192.168.0.17 X:118.174.179.145 ] จากคุณ : มาหาอะไร - [ วันวิสาขบูชา 22:23:21 A:115.67.227.29 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 ที่ผมเอามาลงให้ดู เป็นข้อมูลของ ธปท. ดูลำดับที่ 3 จะเห็นว่าสิ้นยุคชวนคือปี 43 ยอดมูลค่ารวมยังน้อยกว่าปี 40 อีก ส่วนที่เอามาทำกราฟอ้างอิงหลอกลูกตากัน คือค่าเปอร์เซ็นต์ อยู่ลำดับที่ 4 ดูข้อมูลอันนั้นจะเห็นได้ชัดหลายๆ เรื่อง จากคุณ : มาหาอะไร - [ วันวิสาขบูชา 22:25:24 A:115.67.227.29 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 สมัยนั้นมันมีพวกวางแผนเผาบ้านเอาเงินประกันน่ะครับ เลยทำให้มีคนในบ้านต้องไปหากู้เงินมาสร้างบ้านใหม่ จากนั้นคนซ่อมแซมบ้านที่เสียหายก็โดนไอ้คนที่เผาบ้านที่อยู่ในบ้านเดียวกัน มาทำตีหน้าซื่อช่วยซ่อมบ้านเฉยเลย แต่ไม่ได้ใช้เงินประกันนะครับ ใช้เงินของคนในบ้านนั่นแหละ จากคุณ : Magina - [ วันวิสาขบูชา 22:44:55 A:222.123.217.31 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 สมัยรัฐบาลชวนวางแผนการเงินสำหรับการใช้คืนหนี้ IMF และเริ่มใช้คืนไปบ้างแล้ว แต่ระยะเวลาที่รัฐบาลชวนวางไว้กินเวลานานหลายปี กว่าจะใช้หนี้หมด จนตอนนั้นมีคนพูดกันว่า ต่อให้ตายไปแล้วเกิดใหม่ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด พอทักษิณเข้ามากอยากจะใช้หนี้คืนให้หมดเร็วๆ เพราะไม่อยากผูกมัดกับสัญญาของ IMF เลยตัดสินจะใช้หนี้หมดก่อนเวลา ปรากฎว่าโดนปชป.ในฐานะฝ่ายค้านแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย และโจมตีสารพัด พร้อมเย้ยหยันว่าทำไม่ได้ แต่ในที่สุดทักษิณก็สามารถใช้หนี้คืนได้จนหมดภายในเวลา 2 ปีที่เข้ามาเป็นนายกฯ พอทักษิณสามารถทำได้อย่างที่พูด ปชป.ที่เคยค้านและเย้ยหยันก่อนหน้านั้น กลับบอกว่าเป็นเพราะรัฐบาลตัวเองวางแผนการใช้หนี้เอาไว้ให้ ก็เลยงงว่า ในเมื่อปชป.วางแผนเองว่าจะใช้หนี้คืนให้หมดภายใน 2 ปีอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงต้องคัดค้านและเย้ยหยันรัฐบาลทักษิณในตอนนั้นด้วย แฟนๆ ปชป.ช่วยตอบที เป็นเพราะอะไร ทำไมปชป.ต้องคัดค้านการใช้หนี้หมดภายใน 2 ปีของทักษิณ ในเมื่ออ้างว่าเป็นผลงานของตัวเองอยู่แล้ว จากคุณ : TSC - [ วันวิสาขบูชา 23:18:11 A:124.121.41.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ประเด็นเรื่องใครคืนเงินไอเอมเอฟ นั้นข้อเท็จจริงคือ รัฐบาลชวนเป็นผู้เริ่มทยอยส่งเงินคืนก่อน และไม่ได้ยืมเงินไอเอมเอฟเต็มจำนวนที่ขอไว้ คำพูดที่ว่ารัฐบาลทักษิณเริ่มคืนเงินไอเอมเอฟนั้น ไม่เป็นความจริง ในปี 2000 หรือพ.ส.2543 สมัยรบบาลชวน มีการทยอยส่งเงินคืนอเอมเอฟแล้ว ส่วนรัฐบาลทักษิณ เข้ามาใช่วง กพ.-มีค 2544 จากคุณ : thyrocyte - [ วันวิสาขบูชา 23:44:53 A:124.121.31.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ข้อมูลที่คุณมาหาอะไรเอามาคงไม่แตกต่างไปจากข้อมูลที่มาจากสภาพัฒนฯ ตารางรายได้ประชาชาติในปี 2523-2544 จะเป็นดังนี้ จากคุณ : thyrocyte - [ วันวิสาขบูชา 23:48:58 A:124.121.31.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 หากนำรายได้ประชาชาติ ช่วงปร 2528-2544 มาทำเป็นกราฟเพื่อวิเคราะห์ จะได้กราฟตามรูปนี้ ซึ่งจะเห้นว่ารายได้ประชาขาติ มีการชะงักการเติบโตหลังจากเกิดวิกฤติการณ์ค่าเงินบาท แต่จากนั้น รายได้ประชาชาติ ไต่ตัวขึ้นมาเป็นลำดับ ไม่ได้เป็นรูปตัว L อย่างที่เสื้อแดงพยายามเข้าใจผิดๆเลย จากคุณ : thyrocyte - [ วันวิสาขบูชา 23:51:13 A:124.121.31.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ภาพชัดเจนไม่ลอกตาใครแน่นอน และสอดคล้องกับการเติบโตของจีดีพี ในช่วงสมัยชวน ซึ่งคนเสื้อแดง ทนรับข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ ต้องเถียงออกไปข้างๆคูๆ จากคุณ : thyrocyte - [ วันวิสาขบูชา 23:53:25 A:124.121.31.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 ว๊า... ขี้ลืมกันจัง พอทักษิณประกาศใช้หนี้ IMF ปชป. ออกมาด่าตรึมว่ายังไม่ถึงกำหนดจ่ายรีบไปจ่ายทำไม ทักษิณตอบไปว่าไม่เป็นไรผมจ่ายไปก่อน รอปชป.มากู้ใหม่ก็แล้วกัน จำได้ป่าว....... จากคุณ : จานแย้ (jahn_yaa) - [ 9 พ.ค. 52 00:09:59 A:124.121.194.87 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 สำหรับผู้ที่ดูกราฟของสภาพัฒนฯที่แยกซอยออกเป็นรายไตรมาส แล้วยังเกิดความสงสัย กรุณา ดูกราฟของสำนัหงานสถิติแห่งชาติ วึ่งไม่วอยย่อย แต่สรุปเป็นรายปีว่ามีอัตราการเติบโตของราย ได้ประชาขาติอย่างไร ตามนี้ จากคุณ : thyrocyte - [ 9 พ.ค. 52 00:14:38 A:124.121.31.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 เหนี่อย ใจจัง  คนไทย ได้แค่นี้  เลข ก็ไม่เก่ง กราฟ ก็ไม่เก่ง แต่แถ เก่งกันจัง โดยทั่วไป การดูข้อมูลต้องนำ ตัวเลขมา Point กราฟ ไม่นิยม % อย่างเดียว มันจะทำให้ผู้อ่าน งง เรียน  คุณ thyrocyte การเพิ่ม ของ  กราฟ ตั้ง แต่ ความคิดเห็นที่ 26 - 31 เป็น กราฟที่ผิดจากความเป็นจริง  ทั้งหมด  เพราะ  มีเรื่องค่าของเงิน เฟ้อ มาเกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการจำกัด  ปัญหาดังกล่าว  เรา ่จะ ต้องหา ค่า Pv  หรือ มูลค่าเงินปัจจุบัน (ในข้อมูล หมายถึง ปี 31 เป็น Pv) (อธิบาย เงิน 100 บาท ปี นี้ มีค่ามากกว่า เิงิน 100 บาท อีก 10 ปี) ** อ้างถึง คคหที่ 22 ตาราง แถวที่ 3 หัวข้อ 2.1 ผู้ เขียน ข้อมูล กำลัง แสดง มูลค่า Pv ที่แท้จริง โดยใช้ ปี 31 เป็น ปีฐาน ***************************************** % การเพิ่มขึ้นในปี 44 เพิ่ม แค่ 2.2% ซึ่ง ถือว่าต่ำมาก ซึ่ง ทางEco แนะนำ ให้ มีผลตอบแทน (เงินเฟ้อ ให้ใกล้ 5%  ถึง เป็นผลดีต่อประเทศนั้น ๆ ) % การเพิ่มขึ้นในปี 45 ซึ่งสูงกว่ามาก ****************************************** ฉะนั้น ขอร้องว่า  การจะหาผลตอบแทน แล้วนำมาเปรียบเทียบ กรุณา หาค่า Pv (มูลค่าเงินปัจจุบัน) ให้เจอก่อน  แล้ว ค่อยนำมาเปรียบเทียบ ****************************************** ถ้าจะให้ถูกต้อง   กรุณา นำ ข้อมูล คคหที่ 22 แถวที่ 3 หัวข้อ 2.1  บรรทัด 1 ที่เป็นตััวเลข มาระบุ  กราฟ   โดยใช้ตัวเลขปี ฐาน 31 คือ แล้วจะรู้ ว่า ประเทศไทย เสียเวลา เปล่าประโยชน์  มามากแค่ไหน? ๕   ฉะนั้น แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 52 01:03:08 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 52 00:57:11 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 52 00:36:08 จากคุณ : siri_IP - [ 9 พ.ค. 52 00:27:22 A:124.121.77.123 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณ "คุณมาหาอะไร" มาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เลยครับ เหตุการณ์สมัยนั้นมากมายและยิ่งใหญ่จนแทบจะเป็น "มหากาพย์" เลยทีเดียว ถึงขนาดว่า เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้เกิด "มหากาพย์" ที่มีเนื้อเรื่องคล้ายๆ กัน เรียกว่าเป็น episode II ก็ว่าได้  ไม่พูดตรงๆ ครับ ลองเทียบเคียงกันดู ว่าเขาเล่นอะไรกัน ในสมัยเติ้ง สภาพเศรษฐกิจของไทยก็เริ่มมีแนวโน้มว่าจะเกิดปัญหาแล้ว พอมาถึงสมัยจิ๋ว ก็มีเหตุการณ์ 56 ไฟแนนซ์ มาซ้ำเติมจนพังทะลาย แต่มีเหตุการณ์บางอย่างที่น่าศึกษาหาความจริง - ส่วนใหญ่ 56 ไฟแนนซ์ถูกปิดด้วยข้อหาขาดสภาพคล่องจนต้องไปกู้กองทุนฟื้นฟูฯ ่สาเหตุเนื่องจากมีลูกค้าแห่มาถอนเงินฝาก (ตั๋วฯ) มากผิดปกติ จนเงินไม่พอ ต้องไปกู้กองทุนฟื้นฟูฯ มาพยุงสภาพคล่อง (เหตุผลที่กู้กองทุนฟื้นฟูฯ เพราะ ดอกเบี้ยถูกกว่าเงินกู้ interbank -- ก็กองทุนฟื้นฟูฯ สถาบันการเงินร่วมลงขัน ตั้งกันมา)  มิได้เกิดจากการดำเนินงานผิดพลาดแต่อย่างใด และก็ยังไม่เจ๊งครับ - อย่างไรก็ดี ก็มีวาทกรรม "ล้มบนฟูก" มาเรียกเหมารวมทั้ง 56 ไฟแนนซ์ เพื่อให้ สังคมเข้าใจว่าพวกนี้โกงทั้งนั้น โกงจนเจ๊ง - กฎหมายควบคุมสถาบันการเงิน มีข้อห้ามมิให้ปิดสถาบันการเงิน จึงได้คลอด กฎหมายว่าด้วย ปรส. ออกมาบังคับใช้แทน (ย้อนหลังหรือเปล่านะ) - ไหนๆ ไฟแนนซ์ก็ถูกปิดไปแล้ว หากให้ความเป็นธรรม แบ่งแยกลูกหนี้ที่มีคุณภาพ ออกมาจากลูกหนี้ด้อยคุณภาพ เปิดโอกาสให้เขาทำธุรกิจต่อไปเพื่อใช้คืนหนี้ เศรษฐกิจก็คงไม่ล้มครืนลงอย่างนั้น - การขายทรัพย์สินของ ปรส. จะใช้วิธีขายเป็นกอง ๆ โดยจะไม่ยอมให้บริษัท ในเครือเดียวกันมาอยู่ในกองเดียวกัน เพื่อกีดกันมิให้ลูกหนี้ "คนไทย" มีโอกาสมา ประมูลซื้อหนี้ของตน เรียกว่าไม่ให้มีโอกาสรอดเลย - ผู้บริหารไฟแนนซ์ นอกจากถูกปิดกิจการแล้ว ยังถูกฟ้องคดีอาญาอีกด้วย แล้วมีใครพอจะทราบบ้างว่าทางการชนะกี่คดี??? โรยเศษขนมปังเพื่อนำทาง... เดี๋ยวคงมีท่านอื่นมาให้หลักฐานมาให้ข้อมูล เมื่อสิ้นหวังจากสื่อ ก็ขอให้ห้องราชดำเนินเป็นแสงดาวด้วยเถิด จากคุณ : M_Janya (M_Janya) - [ 9 พ.ค. 52 00:36:55 A:112.143.5.224 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าจะให้ถูกต้อง   กรุณา นำ ข้อมูล คคหที่ 22 แถวที่ 3 หัวข้อ 2.1  บรรทัด 2 ที่เป็น % มาระบุ  กราฟ   แล้วจะรู้ ว่า ประเทศไทย เสียเวลา เปล่าประโยชน์  มามากแค่ไหน? ๕   ฉะนั้น จากคุณ : siri_IP ********************************************** ผมนำกราฟมาลงให้แล้วตามที่คุณข้องขอ ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงข้อสรุปเดิมของผมที่ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวมา ตั้งแต่สมัย ชวน หลีกภัย แล้ว ส่วนทักษิณ เข้ามาต่อยอดเอา ตามนั้น จากคุณ : thyrocyte - [ 9 พ.ค. 52 00:58:48 A:124.121.31.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณมาก กราฟที่ได้  จะแสดงความถูกต้องที่สุด (ณ ข้อมูลที่มีอยู่) ไม่ใช้ กราฟ คคห ที่ 12 , 29 , 31 ที่ไม่ใช้   2.3 เพราะ  มี เรื่อง ค่าของเงินมาเกี่ยวข้อง  ทำให้ผิดพลาดได้ง่าย  อย่า งง นะ ************************************************* บอกเพิ่มเติม  ไม่ต้อง คิดมาก :-) 1.  กรุณา ดูความ ชัน ของ กราฟ       และ เปรียบเทียบ ยุค ชวน ยุค ทักษิณ และยุคสุรยุทธ ว่า อันไหนชันกว่า 2.  เวลามอง กราฟ กรุณาระวัง เรื่อง การลงมาต่ำสูง  แล้ว มีการกระท้อนกับ  ไปหามูลค่า ที่แท้จริง  โดย ที่ผู้บริหารไม่ได้ทำอะไร   ************************************************ แล้ว เรื่อง การชำระหนี้   ให้ ดู  อัตรา เปอร์เซ็นต์  การชำระหนี้ ต่อยอดหนี้ด้วย ************************************************ มีคนทำดี กว่า ไม่มีคนทำ   แต่ถ้าได้ คนทำ ที่ เก่ง จะได้ดียิ่งขึ้น กับ เวลาที่เสียไป เท่ากัน แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 52 01:43:33 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 52 01:25:32 จากคุณ : siri_IP - [ 9 พ.ค. 52 01:19:46 A:124.121.77.123 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 2 ช่วงนั้นจำได้ว่ารัฐบาลชวนมีนโยบายรัดเข็มขัด แล้วก็เพิ่มวินัยทางการเงินการคลังมากขึ้น ทำให้มีเงินใช้หนี้แล้วค่ะ แต่พิจารณาเรื่องดอกเบื้ยแล้วคิดว่ายังไม่คุ้มเลยยังไม่ใช้ แต่พอทักษิณมาก็เลยมาใช้หนี้ แล้วก็อ้างว่าตัวเองเป็นคนใช้ ทั้งที่เงินที่ใช้น่ะเป็นเงินที่รัฐบาลก่อนหน้าเค้าทำมาทั้งนั้น เค้าเรียกว่าฉกฉวยโอกาสมา PR ตัวเองน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 20:52:24 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 20:46:38 จากคุณ : ฟ้าคุง ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2009/03/P7657486/P7657486.html ความคิดเห็นที่ 13 รัฐบาลที่กู้เงิน imf คือรัฐบาลชวลิตจริงครับ แต่ รัฐบาลชวนเข้ามาสานต่อและลงนามทำตามเงื่อนไข imf พร้อมทั้งได้รับเงินกู้งวดต่อๆมาจนครบตามที่ตกลงกันไว้ครับ ลองถ้ารัฐบาลชวนตอนนั้นต่อรองบิดพริ้วอะไรบ้าง ข้อตกลงเงื่อนไขที่ imf บีบประเทศไทยอาจจะไม่หนักหนาอะไรนักก็ได้ ที่ว่ารัฐบาลชวนคืนหนี้ imf ก็ถูกต้องครับ แต่เป็นการคืนหนี้งวดแรกปี 2543 ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เขาตกลงไว้ก่อนแล้วว่าต้องคืนหนี้แต่ละงวดเมื่อใด จำนวนอย่างต่ำเท่าใดฒครับ ตอนปี 2542 ก่อนที่ไทยต้องคืนหนี้งวดแรก รัฐบาลชวนขี้แตกขี้แตนเพราะไม่มีเงินหมุนเวียนพอจนต้องดิ้นรนจะไปเอาเงินก้น ถุงมารวมบัญชีด้วยเพื่อหวังจะเอามาหมุนใช้หนี้ imf นี่แหละ จนถูกหลวงตาบัวด่าเปิงในตอนนั้นครับ ตอนนั้นเงินทุนสำรองประเทศ อยู่ในระดับต่ำมากๆ แต่สุดท้ายรัฐบาลชวนก็สามารถหาเงินคืนเงินกู้งวดแรกได้จำนวนไม่กี่พันล้าน บาท เป็นการขัดดอกไปก่อนมากกว่า ไม่ได้ช่วยลดเงินต้นอะไรมากนัก ช่วงนั้นถ้ายังจำได้รัฐบาลชวนดิ้นรนขายสมบัติชาติทุกอย่างหลังจากได้ออก กฏหมายแปรรูปรัฐวิสาหกินแล้ว แต่ก็ถูกต่อต้านอย่างแรง รัฐบาลชวน ปรับกลยุทธ์แปรรูปโดยทำตามนโยบายพรรค ทรท.ที่ทักษิณเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ด้วยการขายโรงไฟฟ้าราชบุรีในสัดส่วนที่ไม่ เกิน 50% เลยไม่มีการต่อต้านอะไรนัก และก็ทำได้สำเร็จ ได้เงินเพิ่มเข้าคลังได้ และทำให้สามารถมีเงินหมุนเวียนคืนหนี้ imf งวดแรกได้ ------------------------------------- ต่อมารัฐบาล ทักษิณเข้ามาปี 2544  เงินทุนสำรองชาติยังมีน้อยอยุ่ ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 32,000 ล้านเหรียญ จนมาถึงปี 2546 เงินทุนสำรองประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 48,000ล้านเหรียญ  สถาบันจัดอันดับฐานะการเงินประเทศทุกแห่งทะยอยปรับสถานะเพิ่มเกรดประเทศไทย มาอยู่ที่ระดับสูงขึ้น(ประเทศที่น่าลงทุน) ตอนนั้นมีเงินทุนต่างประเทศไหลมาเทมา สถานะประเทศไทยดีขึ้นมาก และในที่สุดนายกฯทักษิณก็ตัดสินใจคืนหนี้ imf ที่เหลือทั้งหมดช่วงครึ่งปี 2546 นั้น ถ้าจำไม่ผิดจำนวนเงินที่คืนหนี้งวดสุดท้ายประมาณ 400,000 ล้านบาท (ตัวเลขจริงๆลองไปค้นหาดูครับ) ตอนนายกฯทักษิณประกาศคืนเงิน กู้ imf ประกาศเมื่อวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2545 ต่อ 2546 เพื่อให้เป็นของขวัญประชาชน รัฐบาลจะคืนหนี้ imf ทั้งหมดในปี 2546 ตอนนั้นถูกพรรค ปชป.และนักวิชาการสายพรรค ปชป.พากันออกมาโจมตีรัฐบาลทักษิณอย่างหนักหาว่าทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสบ้าง ขาดทุนดอกเบี้ยบ้าง (ที่จำได้มี อ.อัมมาร์และก็ ดร.ไตรรงค์และ สส.ปชป.บางคน) จากคุณ : kaisin จากคุณ : ไร้ซึ่งเมตตาธรรม - [ 9 พ.ค. 52 01:20:42 A:124.121.173.79 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7835965/P7835965.html ความคิดเห็นที่ 9 http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2009/03/P7657486/P7657486.html ความคิดเห็นที่ 23 ปชป.กล้าบอกความจริงไหม ว่าที่ยอดดูดียุคตัวเอง เกิดจากอะไร อย่ามาหน้าด้านนักเลย ว่าทำดีจนเศรษฐกิจดี ตอนนั้น ค่าเงินไทยดิ่งเหวขนาดไหน คนเคยเอาเงินเข้ามาแลกได้24-26 กลายเป็นแลกได้50-58 เงินนอกเท่าเดิมซื้อเงินไทยได้สองเท่า ไม่รวมคนไทยขาดเงิน สินค้ารง.ขายไม่ออก ราคาลงไปอีกเกือบ20% เงินนอกไม่เข้าประเทศจนเศรษฐกิจพุ่งได้ยังไง สินค้าเกษตรขึ้น30% แต่เทียบแล้วเงินนอกเข้าประเทศลดลง เพียงแต่จำนวนยอดขายมันสูงขึ้น ยังไม่รวมเงินเข้าประเทศที่ ต่างชาติเอาเงินเข้ามาซื้อของซื้อหนี้เน่า ซื้อหุ้น ซื้ออสังหา และพ่อทูนหัวของธารินซื้อปรส.อีก เงินเข้าประเทศที่เกิดจากการขายทรัพย์สิน กับขายชาติ ช่างกล้าเอามาบิดเบือนแล้วคุยนะ ว่าทำได้ดีจนเศรษฐกิจดี จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน ตอนนั้น เศรษฐกิจไทยดี เพราะค่าเงินไทยตก จนคนเข้ามากว้านซื้อสินค้าครับ ถ้าเรียกความซิบอายนี้ที่ทำให้เงินเข้าประเทศเยอะ(แต่สินค้าไหลออกเยอะเกินกว่าที่ควร) ว่าเป็นการแก้ปัญหาของรัฐบาลชวน รอบนี้ เด็กสองคน ก็ลดค่าเงินเป็นซักดอลละร้อยบาทเลยดีไหม ให้ฝรั่งเข้ามาช๊อปสินทรัพย์ เทศการขายชาติแกรนด์เซลอีกซักที อือ......... หรือเด็กกำลังทำอยู่หว่า ประวัติเด็กวันเวย์ เดิมมันก็นายหน้าขายของไทยให้ฝรั่งในยุคนั้นอยู่แล้วนิ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7831646/P7831646.html จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน จากคุณ : ไร้ซึ่งเมตตาธรรม - [ 9 พ.ค. 52 01:24:04 A:124.121.173.79 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 เท่าที่จำได้ ชวริต สร้างหนี้ไว้แล้วยุบ พอชวนเข้ามาเป็นเสียท่าimfประกาศเงินบาทลอยตัวตามแผนของimf(เสียรู้เค้า) ต่อมาสมัยที่2ชวนหมดความนิยม ทักษิณเข้ามาเป็น สานต่อใช้หนี้จนหมด แต่ที่เห็นอัตตราการเจริญเติบโตของgdpเป็นเเบบนั้นส่วนหนึ่ง ประเทศเรายังไม่ได้อัพเดทมาตราฐานgdpฉันก็จำไม่ได้ว่าตังแต่ปีไหนนับยังไงนึกไม่ออกแต่คร่าวๆน่าจะตั้งแต่ปี40หรือก่อนหน้าแต่ไม่ชัวร์นะค่ะคริคริ  ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่า ปชป มีโอกาสเข้ามาแต่ละทีจะต้องเป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดีตลอด   ส่วนที่มาของวิกฤตในครั้งนั้นที่เห็นชัดๆก็น่าจะเป็น ปรส ที่สมัยท่านชวลิตรที่เข้ามาก็โดนฝรั่งโกง(หรือฮั้วกับฝรั่งก็ม่ายรู้) ส่วนท่านชวนในช่วงหลังก็พอประคองมาได้ และได้การสานต่อที่ดีจากท่านทักษิณ ที่ใช้การจัดการที่ดี(จนบางคนบอกว่าบริหารประเทศเหมือนบริหารบริษัท) ทำให้มีเงินใช้หนี้หมดเร็วขึ้นก่อนเจอ วิบากกรรมเสื้อสี   ประเทศเราก็กลับมาหมองๆอึมครึมๆอีกครั้ง แต่ฉันก็สงสัยว่า คดี ปรส มันผ่านมาได้ยังไงถึง3หรือ4รัฐบาล งงมาก จนมันหมดอายุความก็ยังไม่มีใครสนใจเลยด้วยซ้ำ   ก็อยากบอกให้ทุกท่านทราบว่าขณะนี้นอก จาก วิกฤตเศรษฐกิจ ยังมีวิกฤตเสื้อสีอีก คืออยากให้แก้ปัญหานี้ให้หมดไปก่อน จะร่างใหม่ หรือ แก้ยังไงก็ได้ให้มันไปต่อได้สะดวก  แล้วค่อยออกมาชุมนุมพร้อมกันไล่ให้ออก(ถ้าเค้าไม่ออกเอง)หลังแก้ปัญหานี้แล้วได้มั้ย ไม่งั้นใครขึ้นมาเป็นอีกก็โดนอีก ไม่จบไม่สิ้นสักที ไม่รู้ว่าฉันเขียนเลยประเด็นมาถึงตรงนี้ได้ยังไง แต่ขออภัยไว้ก่อนเผื่อทุกท่านรำคาญตา จากคุณ : มองมานาน (amd_triple_core) - [ 9 พ.ค. 52 07:18:52 A:124.121.2.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 เครดิตนี้ ต้องดูว่าคืนในยุคใด แม้ยุคชวนจะบอกว่าเป็นผู้เริ่มต้นคืน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะคืนหนี้ได้จนหมด อีกอย่างก็หมดยุคที่จะได้แสดงฝีมือต่อไปแล้ว ก็ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต่อไป ซึ่งก็ไม่ได้สร้างหนี้ต่อจนไม่สามารถใช้หนี้จนหมดได้ งานนี้จะมาสมมุติไม่ได้ ว่าถ้าเป็น ปชป. ก็คงทำได้เหมือนกัน เพราะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง เพราะเลือกตั้งแพ้ ก็ต้องยอมรับว่าหมดโอกาสแสดงฝีมืออะไรทั้งนั้น จากคุณ : mmm (pinny.s) - [ 9 พ.ค. 52 12:31:59 A:61.7.135.97 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 คนที่ปลดคือประชาชนงัย ใครล่ะที่เสียภาษี อิอิ จากคุณ : to95 - [ 9 พ.ค. 52 12:32:07 A:10.0.3.0 X:192.168.0.249, 124.120.146.214 ]

ความคิดเห็นที่ 41 "วันนี้เป็นวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ชำระหนี้ก้อนสุดท้าย เมื่อเย็นวันนี้ ได้ชำระก้อนสุดท้ายคืนไอเอ็มเอฟจำนวน 6 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งได้กู้ยืมมาในช่วงเกิดวิกฤตเมื่อปี 2540 โดยไอเอ็มเอฟอนุมัติวงเงินให้ไทย 14,500 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เบิกมาใช้จริงเพียง 12,296 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.1 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลชุดที่แล้ว(รัฐบาลนายชวน หลีกภัย) ได้ชำระไป 1 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลนี้ได้ชำระครบทั้ง 5 แสนล้านบาท ทำให้ไทยพ้นจากพันธกรณีกับไอเอ็มเอฟ" - ผมอุตส่าห์เอาข้อมูลมาลงให้ดูไม่รู้อ่านรึ้เปล่า สมัยชวนใช้หนี้ 1 หมื่นล้านบาท นอกนั้นใช้ในสมัยทักษิณ แล้วจะให้พูดว่าเป็นสมัยชวนทำไว้ให้ได้ ถ้าชวนมีเงินใช้หนี้ในสมัยชวน ก็คงใช้คืนไปแล้วแหล่ะ ไม่ต้องให้ทักษิณชนะเลือกตั้งมาเป็นรัฐฐาลได้หรอก จากคุณ : มาหาอะไร - [ 9 พ.ค. 52 21:11:45 A:115.67.61.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 รัฐบาลไหนใครไปตกลงทำสัญญากับ IMF เรื่องอะไร เป็นฝีมือการต่อรองของรัฐบาลยุคนั้นๆ ไม่ต้องไปโยนให้รัฐบาลอื่นเลย ฉบับแรกแค่บอกแนวกว้างๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดสักเท่าไหร่ ----------------------------------- สรุปสาระสำคัญของหนังสือแสดงเจตจำนงจากฉบับที่ 1-8 เตือน ความจำประชาคม สองปีเศษภายใต้ผลงานของรัฐบาลชวน จากหนังสือแสดงเจตจำนงที่ถูกบัญชาจากไอเอ็มเอฟ ชี้ให้เห็นกระบวนการทำงานของ คนไทยใจฝรั่ง ที่พร้อมสมคบกับต่างชาติสร้างพันธกรณี เพิ่มทุกข์จากวิกฤติเศรษฐกิจให้หนัก และผูกพันมาถึงปัจจุบัน และจะล่วงสู่อนาคต ความเปลี่ยนแปลงในภาคเศรษฐกิจและสังคม ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากพันธกรณี ที่ประเทศไทยทำขึ้นตามคำบัญชา ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ ผ่านหนังสือแสดงเจตจำนงหรือแอลโอไอ แรกเริ่มที่รัฐบาลชวน หลีกภัย เข้ามารับตำแหน่งบริหารประเทศ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2540 รัฐบาลเชื่อว่า หากทำตามพันธกรณีของไอเอ็มเอฟแล้ว จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว แต่สองปีเศษที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า พันธกรณีต่างๆเหล่านั้น ไม่ได้ส่งดีต่อเศรษฐกิจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นโซ่ตรวนที่ล่ามประเทศไทย ซ้ำเติมทุกข์ของคนไทยมากขึ้น การล้มละลายของธุรกิจ การยึดครองกิจการของคนไทย โดยคนต่างชาติ ปรากฏให้เห็นมากขึ้นเป็นลำดับ เพื่อให้ภาพชัดเจนขึ้น "ผู้จัดการ" ได้รวบรวมสาระสำคัญของหนังสือแสดงเจตจำนงจากฉบับที่ 1-8 ที่ไทยได้ตกลงไว้กับไอเอ็มเอฟ (LOI1-8) ที่เกี่ยวเนื่องกับการออกกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคม ซึ่งจะเห็นถึงพัฒนาการต่างๆที่รัฐบาลไทยจำนนต่อต่างชาติดังนี้ LOI ฉบับที่ 1 (14 สิงหาคม 2540) (พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ) - พันธกรณีในการดำเนินนโยบาย เน้นในการจัดการพื้นฐานทางเศรษฐกิจและวางระเบียบใหม่ ในการดูแลสถาบันการเงิน-การคลังของประเทศให้เข้มงวด แต่ไม่มีพันธะที่จะต้องออกฎหมายมาใช้บังคับ ใน LOI ฉบับที่ 1 มีการกำหนดไว้ชัดเจนข้อหนึ่งว่า รัฐบาลไทยจะไม่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินมาชำระแทนเอกชน ซึ่งทางไอเอ็มเอฟก็เห็นด้วยอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการไม่ยุติธรรมแก่คนไทยทั้งประเทศ ที่จะต้องไปรับผิดชอบหนี้สิน ของภาคเอกชน LOI ฉบับที่ 2 (25 พฤศจิกายน2540) เริ่มรัฐบาลชวน(20 พฤศจิกายน 2540) - ได้มีการทบทวนมาตรการหลายอย่างที่ทำมาในช่วง LOI 1 โดยเฉพาะการปรับเพดานการกู้เงินต่างประเทศเพิ่มขึ้น และยกเลิกตลาดเงินตราต่างประเทศ 2 ตลาด(Two-tier system) - ขณะเดียวกันเริ่มใช้มาตรการบีบบังคับสถาบันการเงิน ด้วยกฎเกณฑ์การจัดชั้นสินเชื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล - ปรับปรุงพ.ร.บ.ล้มละลาย ให้เจ้าหนี้สามารถบังคับหลักประกันได้ในเวลาเร็วขึ้น - ประกาศให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นข้างมาก ในสถาบันการเงินได้เป็นเวลา 10 ปี - กำหนดเป้าหมายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยเสนอให้รัฐสภาพิจารณากฎหมายที่จำเป็น LOI ฉบับที่ 3 (24 กุมภาพันธ์ 2541) - กำหนดกรอบในการแก้ไขพ.ร.บ.ล้มละลาย โดยพิจารณาถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ การทำธุรกิจของคนต่างด้าว LOI ฉบับที่ 4 (26 พฤษภาคม 2541) - นำแนวทางในการประเมินมูลค่าหลักประกันมาใช้ โดยทบทวนกฎหมายธนาคารพาณิชย์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง - กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดำเนินการเปิดเผยข้อมูลโดยเฉพาะ อย่างยิ่งการบันทึกบัญชี ซึ่งเป็นจุดเริ่มแรกในการปรับปรุงมาตรฐานบัญชีใหม่ให้เป็นสากล และการร่างกฎหมายการบัญชีใหม่ - เน้นการเปิดเสรีมากขึ้น เสนอให้แก้ไขกฎหมายปว.281 และกฎหมายต่างๆเกี่ยวกับการลงทุนทั้งหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ LOI ฉบับที่ 5 (25 สิงหาคม 2541) - เพื่อสนองนโยบายเปิดประเทศ รัฐบาลได้เสนอแก้ปว.281 ให้เป็นพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว - แก้กฎหมายล้มละลาย ในประเด็นกระบวนการบังคับหลักประกัน และข้อกฎหมายเกี่ยวกับการให้กู้ยืม เพื่อเป็นเงื่อนไขจูงใจให้ทั้งเจ้าหนี้ - แก้ไขกฎหมายประมวลกฎหมายที่ดินและพระราชบัญญัติอาคารชุด - อนุมัติร่างแก้ไขพ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ว่าด้วยการประกอบธุรกิจ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และเครดิต ฟองซิเอร์ - เพิ่มความเข้มงวดระบบบัญชี - ออกพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน - ปรุงกฎหมายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยการออกพ.ร.บ.ทุน ให้อำนาจในการแปลงทุนเป็นหุ้น และแปลงรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทจำกัด แก้ไข พ.ร.บ. การเดินอากาศ ให้ขายหุ้นส่วนใหญ่ของการบินไทยให้ต่างชาติได้ LOI ฉบับที่6 (1 ธันวาคม 2541) - ดำเนินการต่อเนื่องในรายละเอียดของกฎหมายล้มละลาย และปว.281 - ขณะที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลสถาบันการเงิน มีการออกกฎหมายมา หลายฉบับ คือ กฎหมายจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร) พ.ร.ก.ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ให้ควบรวมการกันได้ - พ.ร.ก.จัดตั้งเอเอ็มซีแก้ไขพ.ร.บ.เงินตรา LOI ฉบับที่ 7 ( 23 มีนาคม 2542) - เน้นนโยบายการจัดการข้อพิพาทระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนไทย โดยแก้ไข พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลาย และวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฉบับใหม่ และผลักดันกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการบังคับหลักประกัน 2 ฉบับ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ร.บ. อาคารชุด และเร่งออกกฎหมาย ฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกส่วนหนึ่ง LOI ฉบับที่ 8 ( 21 กันยายน 2542) - ดำเนินการต่อเนื่อง เสนอให้แก้ไขกฎหมาย ธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธปท. (รวมบัญชี ล้างขาดทุนกองทุนฟื้นฟู) กฎหมายเงินตรา ซึ่งจะทำให้การบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ มีความยืดหยุ่นสูง - ร่างกฎหมายรับประกันเงินฝาก จากคุณ : มาหาอะไร - [ 9 พ.ค. 52 21:16:04 A:115.67.61.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 ลองอ่านฉบับที่สองสมัยชวนทำกับ IMF แสบๆ ทั้งนั้นโดยเฉพาะเรื่องการรวมตลาดเงินจาก 2 ตลาด ที่รัฐบาลจิ๋วแยกไว้ เพื่อให้พวกที่โจมตีค่าเงิน ไม่สามารถหาเงินบาทมาชำระได้ กับเร่งรีบร่วมทันทีที่พวกตัวเองมาเป็นรัฐบาล ผลก็คือต่างชาติสามารถหาเงินบาท จากพวกแบงค์ใหญ่ๆ ที่สมคิดกันฟันกำไรส่วนต่าง ทำให้ต่างชาติมีเงินบาทจำนวนมากพอ มาส่งมอบตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 1 ปี ตอนช่วงมาโจมตีค่าเงินตอนปี 40 ถ้าหามาไม่ได้ โอกาสที่ฝ่ายนั้นจะสูญเสียมากกว่าที่แบงค์ชาติจะสูญเสีย สรุปก็คือแบงค์ไทยฟันกำไรกันถ้วนหน้า ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำโดยทั่วไป นี่เป็นตราบาปที่สำคัญอันหนึ่งของรัฐบาลชวน จากคุณ : มาหาอะไร - [ 9 พ.ค. 52 21:18:53 A:115.67.61.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 ส่วนเรื่องกราฟที่ทำมาหลอกตาชาวบ้าน วันนี้ก็เห็นบางกราฟเริ่มด้วยปี 41 แล้วพุ่งขึ้น เสมือนหนึ่งว่าเป็นฝีมือชวนจากที่ตกพุ่งขึ้น แทนที่จะเอาตั้งแต่ปลายปี40ที่ชวนเข้ามาบริหารประเทศ แล้วจะได้เห็นว่าฝีมือชวน ที่ทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงอย่างมากในปี41 เป็นฝีมือรัฐบาลชวนล้วนๆ ด้วยการตั้งสำรองหนี้สูญสูง จนแบงค์ไม่ปล่อยกู้เศรษฐกิจล้มละลาย คือเจ๊งกันไปเรียบร้อยแล้วในปีนั้นมากมาย แล้วเอามาโชว์ว่าทำให้เด้งขึ้น แล้วคนที่เจ๊งไปมากมายฟื้นกันหมดไหม หรือโดนฟ้องหรือหมดตัวกันไปแล้ว ส่วนข้อมูลที่นำมาจากแบงค์ชาติ ถือเป็นข้อมูลที่ดีและน่าเชื่อถือทึ่สุดแล้ว และดูง่ายด้วย ไม่ต้องเอาข้อมูลที่ชาวบ้านดูไม่รู้เรื่อง เพื่อจะได้งงจับต้นชนปลายไม่ถูก ความคิดเห็นที่ 37     ส่วนไอ้กราฟที่เอามาให้ดู     ก็แสดงถึงผลงานชวนกับทักษิณได้ดีอีกนั่นแหละ     ชวนทำปี 41 เจ๊งจนติดลบบานเบอะ     แล้วถึงขึ้นมาจากติดลบหรือเจ๊งหรือโดนยึดไปเกือบหมดแล้ว     ถ้านักเล่นหุ้นอาจชอบเพราะทำกำไรเยอะดี     แต่ประชาชนไม่มีใครเขาชอบหรอก     ทำจนเขาล่มจมขายบ้านฆ่าตัวตายหมดแล้ว     ถึงจะเด้งขึ้นมาเพราะมันจมไปลึก     แต่ของทักษิณทำให้เรียบๆ ได้     ถ้าทักษิณไม่ตั้งบสท.วันนั้น     และสารพัดนโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์     ทั้งให้ข้าราชการกู้ซื้อบ้านหรือบ้านราคาถูกๆ     และลดภาษีเกี่ยวกับบ้านและที่ดินอีกมากมาย     จนฟื้นตัวได้เร็วและทำให้หนี้บ้านที่ไปค้ำธนาคารไว้     ไม่กลายเป้นหนี้เสียหรือมูลค่าลดลง     จนแบงค์ต้องโดนกันสำรองจนจะเจ๊งกันอีกรอบ     ก็จมลงเหมือนเดิม     แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 52 13:31:16     จากคุณ : มาหาอะไร - [ 15 ม.ค. 52 21:40:28 A:192.168.0.17 X:118.174.179.145 ]     ความคิดเห็นที่ 38     แล้วรู้ไหมทำไมปี 41 ถึงหดลงไปขนาดนั้น     ก็เพราะนโยบายการเงินการคลังที่ผิดพลาด     กันสำรอง 100%     และดอกเบี้ยขึ้นไป 20กว่า%     ผ่อนคอนโดอยู่ช่วงนั้นจำได้     มีคนประกาศขายบ้านและคอนโด     ขายทิ้งแบบไม่เอาอะไรไม่เอาทุนคืน     ขอแค่ล้างหนี้ที่ยังผ่อนไม่หมดในธนาคาร     เพื่อไม่ให้ประวัติเสียก็มีเยอะแยะ     เขาผ่านเหตุการณ์ช่วงนั้นมาแล้วและยังไม่ลืม     ไม่เหมือนพวกที่พึ่งสนใจการเมือง     ทักษิณตั้งบบส.ยังไม่รู้หาว่าไม่ทำอะไร     ออกพันธบัตรแก้หนี้ ปรส.ก็ไม่รู้อีก     ก็คงไม่รู้หรอกว่าปี 41     หลายคนหมดเนื้อหมดตัว     แม่บ้านมารับจ็อบขายตัวก็มี     จากคุณ : มาหาอะไร - [ 15 ม.ค. 52 21:48:10 A:192.168.0.17 X:118.174.179.145 ] จากคุณ : มาหาอะไร - [ 9 พ.ค. 52 21:25:52 A:115.67.61.7 X: ]