ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มงานแรกหมอคนนี้ก็ใช้คารม อันไพเราะเสนาะหู ชวนเคลิ้มว่า คุณหายแน่นอน (บวกชัวร์ ไม่ติดลบ) โรคนี้เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ในการรักษา  แถมประกาศแจกยาฟรีซะงั้น (ยาเม็ดล่ะ 2000 บาทเชียวนะ ถ้าอายุมากก็กินแค่เสี้ยวเดียว 500 พอแล้ว) ยังไม่ทันได้วิเคราะห์โรคอะไรซักอย่าง คนไข้ก็งง หมอมันแจกยาไร (ว่ะ) เนี่ย กินแล้วไม่ตายใช่ไหม แต่ขึ้นชื่อว่าหมอสั่งยามาให้ ก็รับๆ ไว้ก่อน กินไม่กินว่ากันทีหลัง แต่คนไข้เริ่มรู้สึกว่า เออ ไอ้หมอนี่ก็ดีนะ แจกยาฟรี แต่ในใจอาจจะคิดว่า (เอะ ไอ้นี่มันหมอตี๋ แบบสมัยก่อนป่าว ที่เอายาปลอมมาแจก)          เมื่อรักษาไปได้ซักพัก คาดว่าคุณหมอคงเริ่มเห็นว่าคนไข้อาการหนักจิง จึงเริ่มบอกว่า อาการของคุณอาจจะรักษาหายยากนะ (แค่ศูนย์ แต่ยังไม่ติดลบหรอก) อาจจะใช้เวลาซักหน่อย พอผ่านมาอีกเดือนสองเดือน ก็มาบอกอีกทีว่า เอ่อ อาการของคุณอาจจะทรุดลงนะ แต่ยังรักษาหายได้อยู่ (ติดลบนิดหน่อย แต่เดี๋ยวกลับมาบวกแน่) จนสุดท้ายไอ้หมอคนเดิมนี่แหละ บอกว่า อาการคงจะทรุดลงไปอีก อาจจะไม่หายขาด แต่ไม่ตายแน่ เชื่อหมอสิ (คือ ติดลบแน่ จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง) เมื่อเป็นดังนี้ คนไข้ก็คงกลัวว่าคราวหน้า หมอมันคงเข้ามาบอกเราว่าเราตายแน่ ผมช่วยคุณไม่ไหวแล้ว (เหอะๆ) จากคุณ : อิสระจำกัด - [ 9 พ.ค. 52 16:25:20 A:140.109.64.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 นั่นคือภาพเปรียบเปรย (ขำๆ) ให้เห็นถึงภาพรวมในยามนี้ ทีมี พณ. ท่าน อภิสิทธิ์ เป็นนายก และมีพรรคประชาธิปัติ เป็นพรรคแกนนำในการบริหารประเทศร่วมกับพรรคการเมืองอีกสามสี่พรรค มีครม. ที่หน้าตาก็ขี้ริ้วขี้เหร่เหมือน ครม. ชุดที่ผ่านๆ มา เพราะ ก็แทบจะยกกระบิมาจากครม.ของนายกคนก่อนๆ แต่ติดภาพดูดีหน่อยตรงนายกขวัญใจยายเนียม ที่ได้รับการยอมรับเรื่องหน้าตา (แต่ฝีมือขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ) งานแรกก็อย่างที่บอก ไม่พูดพล่ามใดแจก แจกเงินเอาไปกินเล่น ใช้เล่นกันก่อนคนละสองพัน เบร็ดเสร็จหมดไปเป็นหมื่นล้าน เงียบไปกับสายลม ไม่รู้เงินส่วนนี้หมุนไปช่วยเศรษฐกิจได้เท่าไหร่ หมุนไปไหนก็ไม่รู้ เพราะแจกโดยมิได้กำหนดเป้าของการใช้อย่างแท้จริง เงินหลักหมื่นล้าน เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจทั้งประเทศ ก็ไม่ต่างจากเอาไม้จิ้มฟันไปงัดท่อนซุง มันก็เลยมิได้ส่งผลต่อภาพของเศรษฐกิจโดยรวมแต่อย่างใด แต่อาจจะส่งผลเฉพาะกับภาพลักษณ์ของรัฐบาลเท่านั้น จริงแล้วเงินหมื่นล้าน ถ้าท่านนายกจะคิดซักนิด กำหนดเป้าประสงค์ของกลุ่มเงินที่จะให้คนใช้ซักหน่อย ไม้จิ้มฟันอันล่ะหมื่นล้านก็สามารถฝนให้ไฟติดได้ (แบบในหนัง Cast away ที่พระเอกจุดไฟได้น่ะ) จะอุดหนุนเป็น coupon เที่ยวทั่วไทย หรือแจกบัตรลดจ่ายที่พัก ค่าเดินทาง ให้คนกินเที่ยวในประเทศก็ยังพอไหว หรือจะไปกระตุ้นกลุ่มธุรกิจที่มีปัญหาเรื่องการส่งออก ก็พอได้ แต่ปล่าวเลย ท่านแจกไปแบบว่าสักแต่ว่าได้แจก แจกแล้วนะ อย่าพูด อย่าบ่นมาก จะใช้อะไรก็ไปคิดๆ กันเอาเอง ที่สำคัญไอ้วิธีการแจกก็วุ่ยวายเสียเหลือเกิน แถมได้แค่ประชากรส่วนหนึ่งของประเทศ ไอ้ผมก็ไม่รู้จะพูดไงดี ได้แต่ถอนใจกับวิธีคิดของท่าน จากคุณ : อิสระจำกัด - [ 9 พ.ค. 52 16:25:58 A:140.109.64.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อมา โครงการเรียนฟรี โดยจุดประสงค์ก็เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองทั้งหลาย ซึ่งยอมรับตรงๆ ว่าเป็นแนวคิดที่ดี เพราะ ค่าเล่าเรียนของบุตร ธิดา ทุกท่านคงทราบเรายอมอดได้ แต่ลูกเราต้องไม่อด ดังนั้น เมื่อรัฐบาลมีนโยบายช่วยแบ่งเบาภาระบางส่วนจากผู้ปกครองได้ ก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยินดี แต่ทำไมท่านต้องชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องวุ่นวาย อย่างที่กล่าวแล้วว่าการช่วยแบ่งเอาภาระบางส่วนนั้นดีอยู่แล้ว แต่พอท่านไปกำหนดว่าเป็นโครงการเรียนฟรี มันเลยผูกมัดท่านเองว่า ค่าใช้จ่ายทุกส่วนที่ใช้ในการเล่าเรียนควรจะฟรี ประกอบไปด้วยอะไรบ้างล่ะ ค่าหนังสือ ค่าเสื้อผ้า ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเล่าเรียน นี่ไม่รวมค่าขนมเด็กๆ นะ พอเป็นข้อผูกมัด เพราะตัวเองพูดเอง ก็เลยต้องแจกในทุกๆ ส่วน แต่ทำไงได้ เงินมีน้อย ก็เลยเป็นเบี้ยหัวแตก ค่าเสื้อเอาไปนิดนึง ค่าเทอมเอาไปหน่อย ค่าหนังสือแค่นี้ก็พอ สรุปรวมแล้วรัฐช่วยจริง แต่กระจายงบประมาณจนเกินไป แถมของแต่ละอย่างกระบวนการซื้อกระบวนการจ่ายมันไม่เหมือนกัน มันก็ยิ่งวุ่น ผมเสนอแนะว่าถ้าท่านอยากช่วยจริง ท่านเลือกไปที่ค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองแค่บางรายการก็พอ แล้วทุ่มเงินลงไปให้มันฟรีจริงๆ ย้ำว่าฟรีจริงๆ ประชาชนจะเห็นภาพและได้ประโยชน์มากกว่า ไม่จำเป็นต้องจ่ายกวาดไปหมด แต่อย่างละนิดเดียว คนเขาจะบ่นเอานะว่า มันฟรี (ตรงไหน ว่ะ) จากคุณ : อิสระจำกัด - [ 9 พ.ค. 52 16:26:25 A:140.109.64.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่นี่พอรัฐบาลบริหารไปได้ซักพัก หมดช่วงเทศกาลโปรโมชั่น ก็เข้าสู่ช่วงเทศกาลเอาคืน ต้องเรียกว่าเอาคืนทั้งต้น ดอก ผลทุกอย่าง เมล็ดก็มิให้เหลือ เอาคืนหมด เริ่มวิธีง่ายสุดคือกู้ ทั้งในประเทศนอกประเทศกู้หมด ได้ยินคำว่ากู้ทุกวันๆ ละหลายๆ รอบ แทบจะเป็นยาหลังอาหาร การกู้เงินเป็นเรื่องจำเป็น และทำได้ ไม่มีใครว่า เพราะมิได้ผิดกฏหมายแต่อย่างใด ถ้ายังไม่ได้กู้เกินกว่าที่กำหนด แต่ถ้าถึงขั้นจะต้องแก้กฏหมายเพื่อให้กู้ได้มากขึ้นนี่ ไม่เข้าใจว่าประเทศเราหมดหนทางขนาดนั้นเชียวเหรอ ท่านจะรู้ไหมว่าคนไทยเรายังมีตะกอนในใจเรื่องการกู้เงินจาก IMF ครั้งล่าสุด เป็นภาพลักษณ์ที่คนไทยยังจำได้ เพราะผ่านไปไม่นาน ต้องบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้ใกล้เคียงมาก ต่างกันตรงที่คราวที่แล้วเราใช้เงินต่อสู้กับค่าเงินบาทจนหมด เลยไปขอกู้มาเติม แต่ตอนนี้เงินส่วนนั้นเรามีเยอะ แต่เงินสดในการใช้จ่ายในปีงบประมาณหาได้ไม่ทันกับที่ที่ไล่เก็บจากภาษีส่วนต่างๆ เลยจะขอกู้มาเติมส่วนของเงินสดนี้ เพื่อจะได้มีไว้จับจ่ายใช้สอย เปรียบให้เห็นภาพก็เหมือนเราทำงานมีเงินเดือน เงินส่วนหนึ่งปันเอาไว้สำหรับค่าบ้าน ค่ารถ อันนี้ยุ่งไม่ได้ แต่มีจ่าย และต้องจ่าย เดี๋ยวโดนยึด ปัญหาคือเงินที่เหลือดันไม่พอใช้จ่ายประจำวันนี่ซิ ก็ต้องไปกู้มาซื้อของกิน ปัญหาการกู้แบบนี้คืออะไร ปัญหาคือ เป็นการกู้ที่ไม่ได้เอาไปลงทุนใดๆ หรือลงทุนในส่วนที่มีรายได้น้อย อาจจะไม่คุ้มกับดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย มนุษย์เงินเดือนคงทราบดี ว่าเราจะไม่มีวันหลุดจากวงจรหนี้ได้ ถ้ากู้มาในลักษณะนี้ และแน่นอน ตอนนี้รัฐบาลมีค่าใช้จ่ายตามงบประมาณโครงการต่างๆ ที่ต้องจ่าย แต่ทำไงได้ ก็ในเมื่อเก็บภาษีได้ไม่ตามเป้า (คาดว่าต่ำกว่าเป้าไม่น้อยกว่า สองแสนล้าน) ก็ต้องยอมกู้แบบเข้าเนื้อ คนที่ซวยเห็นจะไม่พ้นประชาชน เพราะอะไร จะบอกในย่อหน้าถัดไป จากคุณ : อิสระจำกัด - [ 9 พ.ค. 52 16:26:54 A:140.109.64.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 รัฐบาลประกาศว่ารัฐบาลเป็นคนกู้ รัฐบาลเป็นหนี้ ประชาชนไม่ได้เป็นหนี้ ฟังดูดีครับ แต่ชาวบ้านไม่ได้กินแกลบ กินหญ้านะ รัฐบาลน่ะเป็นหนี้ แล้วรัฐบาลเอาเงินที่ไหนใช้หนี้ล่ะถ้าไม่ใช่จากภาษีต่างๆ ซึ่งก็มาจากประชาชนนั่นแหละ ส่วนใหญ่อาจจะมาจากธุรกิจ หรือธุรกรรมต่างๆ ภาษีสรรพสามิต และอื่นๆ รัฐบาลไม่ใช่บริษัทที่ผลิตสินค้าแล้วส่งขายได้กำไรมาใช้หนี้ คนล่ะเรื่องเลย ดังนั้นเมื่อรัฐบาลวางแผนกู้เงินจำนวนหนึ่ง รัฐบาลก็จะวางแผนหาเงินมาใช้หนี้ด้วยในอีกทางหนึ่งเป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็มีวิธีมากมาย ทั้งการออกนโยบายต่างๆ เพื่อช่วยเร่งให้มีการส่งออก หรือช่วยเรื่องเงินกู้ให้เอกชนเอาไปลงทุน ได้กำไรมาจ่ายภาษี หรือรัฐบาลอาจจะเป็นตัวแทนเจรจาค้าขายแบบ G to G ให้เอกชน รัฐก็ได้ค่าต๋งเป็นภาษีเช่นกัน มีวิธีอีกเยอะแยะ แต่วิธีทางหาเงินของท่านนายกรูปหล่อเลือกเพื่อมาใช้หนี้มันดันเป็นการขึ้นภาษีต่างๆ ในประเทศ พูดง่ายๆ ว่ารีดเอาจากคนในประเทศตัวเองนี่แหละ (หนีไปไหนไม่ได้นี่หน่า) ด้วยการขึ้นภาษี จะภาษีบาปไม่บาปก็ว่ากันไป แต่สรุปคนไทยจ่ายเงินซื้อของแพงขึ้นแน่นอน ก็ต้องพูดตรงๆ ว่า รัฐบาลกำลังผลักภาระมาลงกับประชาชนเต็มที่ จากคุณ : อิสระจำกัด - [ 9 พ.ค. 52 16:27:23 A:140.109.64.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 อย่างล่าสุดท่านจะขึ้นภาษีน้ำมันเต็มอัตรา แต่จะเอาเงินจากกองทุนน้ำมันมาแบกส่วนต่านที่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันจะไม่กระทบผู้บริโภค ฟังดูดีอีกแล้ว (อิจฉาคนพูดเก่งจริงๆ) แต่คิดให้ดี นี่คือการโยกเงินจากกองทุนน้ำมัน มาใช้เป็นเงินของรัฐบาล โดยถูกกฏหมาย ย้ำว่าถูกกฏหมาย แต่ จุดมุ่งหมายของกองทุนนี้คืออะไร อย่างให้ท่านช่วยกลับไปพิจารณานิดนึง กองทุนนี้ตั้งขึ้นเพื่อชดเชย หรือพยุงราคาน้ำมันที่ผันผวน หรือสูงมากจนอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศ เช่น ถ้าราคาก๊าซแพงเกิน ก็เอาเงินไปจ่ายชดเชยไว้ พอราคาลดก็เก็บส่วนต่างเป็นทุนเตรียมไว้ช่วยคราวหน้า แล้วทีนี้พอท่านเอาเงินส่วนนี้ผันไปจ่ายภาษีให้รัฐ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาช่วยชดเชยราคาเชื้อเพลิงล่ะ เมื่อไม่มีคราวหน้าประชาชนก็จะรับเคราะห์ใช้เชื้อเพลิงแพงกันอีกรอบ เห็นไหมสุดท้ายก็มาลงกับประชาชนอยู่ดี ผมเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ประชาชนมาก่อนของท่านคืออะไร นั่นก็คือให้ประชาชนแบบกรับภาระก่อนนั่นเอง จากคุณ : อิสระจำกัด - [ 9 พ.ค. 52 16:27:48 A:140.109.64.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นว่าท่านนายก รัฐบาล รวมถึงพรรคประชาธิปัติ มิได้ใช้ความรู้ความสามารถอะไรเลยในการเข้ามาบริหารประเทศ วิธีที่ท่านเลือกใช้ในการบริหารอาจจะอ่านพบในตำราก็จริง แต่ก็เป็นตำราที่ล้าสมัยเหลือเกิน ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในตอนนี้ ปัญหาใหญ่ของท่านคือ ท่านเลือกวิธีแก้ปัญหาในมิติเดียว และวิธีการไม่มีความต่อเนื่องในแบบที่จะทำให้เกิดพลวัตรของผล แก้อันนี้จบ ก็จบ ไม่สามารถนำผลไปสานต่ออะไรได้ ผมเลือกจะเขียนบทความนี้อย่างยืดยาว เพื่อเตือนท่านว่า ปัญหาของเศรษฐกิจคราวนี้ จะทำให้ท่านไม่ได้เกิดอีกเลยในทางการเมือง เพราะประชาชนคาดหวังให้ท่านเข้ามาแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของพวกเขา แต่ท่านเอาแต่แก้ปัญหาการเมืองของตัวท่าน และพรรคท่าน เพราะเหตุนี้ไง ประชาชนถึงไม่ได้เลือกให้ท่านมาบริหารประเทศโดยตรง ท่านต้องพึงระลึกเอาไว้ว่าเสียงกว่า 80% คือ เสียงของประชาชนที่ยังรอคอยให้ใครมาทำให้เขากินดีอยู่ดี ถ้าท่านทำได้ ทำให้ปราชนส่วนนี้เขารู้สึกว่าเขามีกินมีใช้ โดยไม่ต้องไปจี้ปล้นใคร ต่อให้สิบทักษิณก็ทำอะไรท่านไม่ได้ ท่านเชื่อผมสิ จากคุณ : อิสระจำกัด - [ 9 พ.ค. 52 16:28:09 A:140.109.64.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 เท่าที่ผมทราบ อัตราการส่งออกเวลานี้ ไม่ได้เลวร้ายเกินไป ตัวเลขส่งออกติดลบน้อยลงนะในเดือนมีค. ประเทสอื่น เช่นสิงคโปร์นี้ ยังอาการหนักกว่าเรา จีดีพี ไตรมาสแรกปี 52 ของเราคาดว่าจะลบ 5 แต่ของ สิงคโปร์ออกมาแล้วว่าลบ 11 เปอร์เซนต์ นี้ขนาดว่าไม่มีกบฏเสื้อแดงมาป่วนในประเทศสงิคโปร์นะครับ จากคุณ : thyrocyte - [ 9 พ.ค. 52 17:10:11 A:124.121.31.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 สหรัฐอเมริกาก็ออกข่าวแล้วว่าจีดีพี ไตรมาสแรกปี 2552 จะลบไป 6 เปอร์เซนต์ แย่กว่าที่มีการคาดไว้ ที่คาดไว้ว่าจะลบแค่ 4.7 เปอร์เซนต์ แสดงว่าไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทยรหอที่คาดการณ์จีดีพี ดีกว่า ที่เกิดขึ้นจริง เพราะทั้งสหรัฐอมเรกาและสิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ก็คาดการณ์จีดีพีพลาดไปเช่นกัน จากคุณ : thyrocyte - [ 9 พ.ค. 52 17:36:50 A:124.121.31.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขนาดเศรษฐกิจอย่างนี้.... ไอ้พวก HEAR ยังไม่หยุดเผาบ้าน ป่วนเมือง เพื่อพ่อมันเลย จากคุณ : คนของแผ่นดิน - [ 9 พ.ค. 52 17:46:28 A:58.8.98.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 บทความเยี่ยมครับ ชี้ชัดโดนเต็มๆ จากคุณ : jaweaw - [ 9 พ.ค. 52 17:50:16 A:121.217.196.181 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปัญหาการใช้สมอง ทำงานอย่างจริงใจ นั่นต่างหากคือปัญหาของแมงสาป 555+ จากคุณ : Get_The_Last - [ 9 พ.ค. 52 18:26:17 A:125.25.145.27 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทำให้นึกถึงจุดตายของประชาชนรวมถึงทุกๆส่วนในสังคม จากคุณ : วิทย์ศิลป์ - [ 9 พ.ค. 52 19:42:04 A:116.58.231.242 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรียนคุณ thyrocyte       ผมอาจจะไม่มีข้อมูล ตัวเลขอ้างอิงอย่างชัดเจนเหมือนที่คุณนำเสนอนะครับ แต่สิ่งที่ผมเขียนมันออกมาจากสิ่งที่ผมรับทราบได้ด้วยตัวผมเอง และผมก็รู้สึกอย่างที่เขียน และอยากเอามาเล่าให้คนอื่นๆ ได้ฟัง ที่นี้เรื่องที่คุณนำข้อมูลของสิงคโปร์ และอเมริกามาแย้งว่า ทั้งสองประเทศต่างก็มีปัญหา เรื่องนี้ผมไม่เถียง และก็คิดว่าทุกคนทราบอยู่แล้วว่า ทั่วโลกก็มีปัญหาแบบเดียวกัน เขาก็คงงจะมีวิธีแก้ปัญหาในแบบของเขา ซึ่งผมคงไม่ไปก้าวก่าย       แต่นี่กับประเทศของเรา เห็นๆ กันอยู่ว่ารัฐบาลทำอะไรบ้างในวันๆ หนึ่ง โดยส่วนตัวแม้ผมจะไม่ชอบพรรคนี้ แต่ก็คือรัฐบาลในปัจจุบีน เมื่อเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ก็ต้องทำงานให้ประชาชนคุ้มกับอำนาจที่ตัวเองมี กลับเป็นว่ารัฐมนตรีแต่ละท่านไม่ได้นำเสนอแนวทางที่จะนำพาประเทศออกจากปัญหาเศรษฐกิจได้เลย กลับหนักไปทางตอบโต้ทางการเมือง นโยบายที่ประกาศทำ ก็ไม่เห็นผลใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม จากคุณ : อิสระจำกัด - [ 9 พ.ค. 52 20:35:59 A:140.109.64.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 อดีตนายกฯคนหนึ่งกล่าว "พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส" นายกคนปัจจุบันกล่าว "เป็นวิกฤติเศรษฐกิจโลก ใครๆก็ได้รับผลกระทบ ได้แต่หวังว่าเศรษฐกิจอเมริกาจะฟื้นตัว เราจะมีเงินมาใช้หนี้" เป็นคุณจะเลือกใครเป็นนายกครับ คุณ thyrocyte ประชาชนเลือกนายกมาบริหารประเทศนะครับ ไม่ใช่ให้มาแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปวันๆ จากคุณ : โรงงานช็อคโกแล็ต - [ 9 พ.ค. 52 22:58:57 A:58.8.85.251 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 บางคนมาโวยรัฐบาลเพราะเรื่องปากท้อง ถ้าใครวิจารณ์รัฐบาล  จะถูกยัดว่าเป็นแดง จากคุณ : รอให้มะกันฟื้น..จะดี? (shuffle) - [ 9 พ.ค. 52 23:36:46 A:124.120.145.158 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 รัฐบาลนี้เป็นผู้กู้ ฉะนั้นก็ขอให้รัฐบาลชุดนี้เป็นผู้ชดใช้ ประชาชนอย่าได้ เข้าไปเกี่ยวข้อง หากมีรัฐบาลชุดใหม่มา ก็ขอให้ฟ้องรัฐบาลชุดนี้ที่บริหารให้ ชาติเสียหาย อย่าได้ไปใช้หนี้แทนเด็ดขาด ประการต่อไป ก็ขออย่าได้ เลือกรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารอีก ก็เท่านั้น จากคุณ : ตาหนู (ตาหนู) - [ 9 พ.ค. 52 23:54:39 A:124.121.137.47 X: ]