ความคิดเห็นที่ 1 อันนี้เป็น พรก. ฉบับเต็มครับ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2552/A/028/1.PDF จากคุณ : Winnie The PeeH - [ 23 พ.ค. 52 20:23:05 A:202.28.27.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยุคนี้ทำได้ อย่างเดียวคือ เก็บข้อมูลหลักฐาน ไว้เล่นงานมันตอนมันหมดอำนาจทั้งอำมาตย์และสมุนมัน จากคุณ : ก้านอ้อยัวเปล่งแสง - [ 23 พ.ค. 52 20:27:09 A:125.26.122.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 กู้มาเพื่อ เพิ่มมูลค่าข้าวมันไก่...T_T 100นึงตอนนี้ใช้ได้สักกี่นาทีกันนะ จากคุณ : PantoraBox - [ 23 พ.ค. 52 20:56:43 A:113.53.36.55 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ้าว ถ้ากู้ผ่านไม่ต้องขึ้นภาษีแล้วสิ?? จากคุณ : อ๋องHWN - [ 23 พ.ค. 52 21:13:59 A:124.121.79.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้รัฐบาลถ้าจะไม่มีเงิน จึ่งจะกู้ที่เดี่ยว 4 แสนล้านที่จริงโครงการต่างต้องใช้เวลา 2-3 ปีจึ่งจะสร้างเสร็จ ค่อยๆกู้ก้อได้ แต่ที่ต้องกู้ที่เดี่ยว 4 แสนล้านส่วนหนึ่งคงเอาไปคืนเงินคงคลัง 150000 ล้าน อีก 250000 ล้านนั้นเพราะเก็บได้น้อยกว่าเป้า จะกู้เงิน ตาม พรบ งบประมาณก้อทำไม่ได้เพราะผิดกฏหมาย ที่จริงหากจัดเก็บรายได้น้อยกว่าเป้าหมายก็ต้องชะลอการใช้เงิน แต่รัฐบาลไม่มีเงินแต่เร่งใช้เงิน แล้วเอาโครงการต่างๆมาใส่ว่าจะทำ 4 แสนล้านแต่จริงๆแล้ว ก้อไม่ได้ทำ หรือกว่าจะทำก้อปีงบประมาณหน้า ดังนั้นคิดว่างานนี้ กระทรวงการคลังอาจจะ แหกตาชาวบ้าน โดยเป็นการกู้เงินที่เลี่ยง กฏหมาย จากคุณ : หนูเด็กดีค่ะ - [ 23 พ.ค. 52 21:19:15 A:58.64.123.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ให้คิดว่า ท่านรัฐบาลเทพของพวกเราจะหาเงินจ่ายคืนเขายังไงดีกว่าไหมค่ะ ถ้าคืนได้ไม่มีปัญหา แต่คืนไม่ได้นี่ซิ โดนขึ้นภาษีเอาไปจ่ายดอกเบี้ยแน่ๆ ชัวร์ คอนเฟิร์ม ฟันธง อืม! แล้วบอกให้เราใช้เศรษฐกิจพอเพียง จากคุณ : หนามแดง (เรืองรอง) - [ 23 พ.ค. 52 21:39:20 A:203.118.104.22 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมขอกลับมาอีกครั้งเพื่อชี้ประเด็นสำคัญที่อยากฝากให้พวกเราช่วยกันดู ซึ่งผมต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าที่ข้อความจะค่อนข้างยาว  เพาะต้องยกข้อมูลขึ้นมา ชี้ให้ได้เห็นกัน  และขอขอบคุณ คุณ Winnie The PeeH ที่มีความห่วงใยเช่นเดียวกัน ผมอยากจะขอร้องท่าน ๆ ที่เป็นแฟนคลับหรือเป็นปากเสียงให้แก่รัฐบาลอย่าได้มองว่า ความห่วงใยในบ้านเมืองของพวกเรานั้น กลายเป็นเกมการเมืองไปเสียทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ... ผมไม่เคยคัดค้านการกู้เงิน  แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการ ทำไมผมถึงย้ำนักย้ำหนาว่า  พรก. 4 แสนล้านนี้มันออกมาเพื่อเลี่ยงการเข้าสู่ ระบบควบคุมของ พรบ.วิธีการงบประมาณ และ พรบ.เงินคงคลัง .. ตามผมมาครับ ใน พรบ.วิธีการงบประมาณนั้น  เค้าค่อนข้างรัดกุมในการควบคุมการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ใน มาตรา 9 (ทวิ)  ซึ่งท่านบังคับเอาไว้ว่า" เมื่อพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ใช้บังคับแล้ว หรือเมื่อมีกรณีที่ต้องใช้ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงแล้ว ไปพลางก่อน ตามมาตรา 16  ถ้ารายจ่ายสูงกว่ารายได้  ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินได้ ตามความจำเป็น  แต่กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม การกู้เงินตามมาตรานี้ ในปีหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกิน (1) ร้อยละยี่สิบของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่าย เพิ่มเติม หรือของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงแล้วมา แล้วแต่กรณีกับอีก (2) ร้อยละแปดสิบของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนต้นเงินกู้  .. ฯลฯ V V (มีต่อ) ****************************************************************** แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 22:45:18 จากคุณ : มหาชำร่วย (ยุคที่2..มหาReload) - [ 23 พ.ค. 52 22:42:03 A:124.120.134.56 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 เดิมทีนั้นงบประมาณประจำปี 52 ขอกันไว้ที่ 1,835,000 ล้านบาทซึ่งขาดดุลอยู่ 249,500 ล้านบาท นั่นแปลว่ารัฐบาลต้องกู้เงินอยู่แล้วตามแผนเดิมเป็นจำนวน 249,500 ล้าน หรือเท่ากับ 13.60% ของงบ ฯ ปี52  ดังนั้นรัฐบาลนี้จะมีอำนาจกู้เงินได้เพิ่มเติมอีกไม่เกิน 6.40% หรือเท่ากับเพียงแค่ 117,440 ล้านบาท   .. ไม่ใช่ 4 แสนล้านบาท .. เพื่อหลบเลี่ยงข้อบัญญัติของกฏหมาย  รัฐบาลจึงเสนอ พรก. กู้เงิน 4 แสนล้านนี้ แล้วแอบไปเขียนกำหนดไว้ในมาตรา 4 ของ พรก.กู้เงินนี้ไว้ว่า "เงินที่ได้จากการกู้ตามมาตรา 3 ให้นำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ในการกู้โดยไม่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วย วิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง  เว้นแต่คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้สมทบเป็นเงินคงคลัง” พอจะเห็นแล้วนะครับว่ารัฐบาลเจตนาฝ่าฝืนกฏหมายในเรื่องเพดานการก่อหนี้ ที่ระบุไว้ใน พรบ.วิธีการจัดการงบประมาณกันอย่างไร นอกจากนี้ยังจงใจฝ่าฝืนมาตรา 4 ของ พรบ.เงินคงคลังอีกต่างหาก  อย่างน่าตื่นตาตื่นใจมาก โดยกำหนดข้อยกเว้นไม่ต้องนำเงินกู้ 4 แสนล้านนี้ส่งเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1  แม้จะอ้างว่า เพื่อความสะดวกทันเหตุการณ์ต่อการเบิกจ่ายก็ตาม  แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่รัฐบาลจะยกขึ้นมา เพื่อทำผิดกฏหมายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมไม่แน่ใจว่าการออกพระราชกำหนดนี้  จะมีศักดิ์พอที่จะมาลบล้าง พระราชบัญญัติได้หรือไม่  เรื่องนี้พวกเราที่เป็นนักกฎหมายลองมาร่วมให้ คห.กันดูสิครับ อย่างที่ผมเรียนในตอนต้น   ผมไม่เคยคัดค้านการกู้เงิน แต่ผมอยากเห็นการใช้จ่ายเงินกู้ที่มีระบบและกลไกควบคุมที่รัดกุม เหตุเพราะเรากำลังจะกู้เงินจำนวนมหาศาลมาบำบัดทุกข์ของตัวพวกเราในวันนี้ แต่รัฐบาลมีหน้าที่จะต้องสร้างความมั่นใจให้ได้ว่า  มันจะไม่เป็นการโยนทุกข์ หรือกลับไปสร้างทุกข์ให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อ ๆ ไป  อย่างที่เคยทำกันมาแล้วในรัฐบาลปี 40 เอาแค่นี้ก่อนนะครับ  ส่วนความไม่ชอบมาพากลที่เหลือนอกจากนี้ (อย่างเช่น การที่รัฐบาล สามารถกู้วงเงินนี้ไว้ใช้ต่อไปได้เรื่อย ๆจนถึงปีงบประมาณ 54 เป็นต้น) กรุณาอ่านได้จากลิ้งค์กระทู้ที่คุณ Winnie The PeeH ได้กรุณาแปะไว้ให้ในหัวกระทู้แล้ว บ๊ายบายครับ จากคุณ : มหาชำร่วย (ยุคที่2..มหาReload) - [ 23 พ.ค. 52 22:42:49 A:124.120.134.56 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมได้อ่าน พรก.นี้มาหลายวันแล้วเช่นกัน และก็รู้สึกในความผิดปกติบางอย่างดังที่จขกท.ชี้ไว้ อันที่จริงเคยเข้าไปถกกับสมาชิกในนี้ ถึงพรก.นี้มาบ้างแล้วในบางกระทู้ อย่างไรก็ดีในประเด็นที่ จขกท.ติงไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้อำนาจครม.นำเงินที่กู้ไปใช้จ่าย โดย ไม่ต้องขออนุมัติต่อสภา แต่เพียงแค่รายงานให้สภาทราบเท่านั้นก็ดี หรือ กรณีที่อาจมีการกู้ต่อไปเพื่อปรับโครงสร้างการกู้จาก พรก.นี้ก็ดี ผมมองในมุมแง่ดีดังนี้ - ในขณะนี้สถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจมีสูงมาก วิกฤติเศรษฐกิจโลกกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐไม่เข้าเป้าหมาย แต่ในเวลานี้รัฐจำต้องมีเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ - ความผันผวนนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ในพรก.นี้ กำหนดแต่วัตถุประสงค์ในการกู้ แต่ไม่ระบุรายละเอียด ว่าจะกู้มาให้หน่วยงานไหน และกลับไปให้อำนาจครม.ในการตัดสินใจ โดยไม่ต้องผ่านสภา(แต่ต้องรายงาน สภาเพื่อทราบ) เพราะความผันผวน ทำให้ไม่สามารถจะทำนายได้ว่า ในอีก 1เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือนข้าง หน้า ในภาคส่วนไหนของระบบเศรษฐกิจไทยจะเกิดปัญหาที่วิกฤติ ตัวพรก.จึงไม่สามารถจะผูกมัดตัวเองไว้ ก่อนว่าจะใช้อย่างนั้นอย่างนี้ กรณีวิกฤติเวลานี้ เปรียบเหมือนกับกำลังสู้สงคราม ที่เราต้องมีความคล่องตัวในการปรับกลยุทธ์ได้ตลอดเวลา ไม่ไปผูกมัดตนเองมากเกินไปว่า จะย้ายทหารไปตรงนั้นตรงนี้ล่วงหน้า ทั้งๆที่ข้าศึกอาจจะเข้ามาบุกเสียอีกทาง เราไม่ได้วางกำลังทหารไว้ หรือถ้าจะเปรียบให้ง่ายขึ้น ก็เหมือนนักมวยขึ้นชก ที่โคชจะต้องคอยปรับกลยุทธ์การชกตลอดการชกจนครบ ยก ไม่ใช้สั่งการชกก่อนขึ้นชกแล้วกลับเข้าห้องไปไม่ต้องไปเปลี่ยนแทกติคการชกของนักชกอีก การออกพรก. โดยผูกมัดว่าจะนำไปใช้จ่ายอย่างนั้นอย่างนี้เท่านั้น เปรียบดังโคชที่สั่งนักมวยให้ขึ้นชกด้วยเทคนิคอย่างนี้เท่านั้น แต่เมื่อนักมวยขึ้นชกจริง หากทำอย่างนั้นก็เท่ากับฆ่าตัวตายเพราะคู่ต่อสู้จะเปลี่ยนแทคติกไปตลอด การที่พรก. ไม่กำหนดผูกมัด ก็เหมือนปล่อยให้โค้ช มีอิสสระในการปรับเปลี่ยนแทคติกในระหว่างการชกเพื่อให้ได้ชัยชนะ ในเวลานี้เราได้แต่รู้ว่าจะมีภาคส่วนต่างๆประสพปัญหา แต่ภาคส่วนใดที่ต้องการเงินกู้ในลำดับต้นๆจะปรากฏ ชัดเมื่อเวลาผ่านไป และในเวลานั้น รัฐก็จะทำการกู้มาเพื่ออุดช่วยภาคส่วนนั้นได้ - ในประเด็นที่ให้อำนาจครม.แต่ไม่ให้สภาร่วมอนุมัติ น่าจะเป็นเพราะต้องการความคล่องตัวสูงสุด เพราะธรรมดา กฏหมายหากผ่านเข้าสภา จะใช้เวลาพิจารณานาน และในทางปฏิบัติ ต้องมีการล็อบบี้ ต่อรอง ทำให้เกิดความไม่ มั่นคงทางการเมืองหนักยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งๆที่เศรษฐกิจไทยต้องการความนิ่งและมั่นคงทางการเมืองเป็นอย่างมากใน เวลานี้ - ประเด็นเรื่องลำดับศักดิ์กฏหมาย ขอตอบว่า พรก.ที่ผ่านสภาสภามีลำดับศักดิ์กฏหมายเท่าพรบ. และโดยปกติ พรบ.ที่ออกมาในภายหลัง จะมีอำนาจในการยกเลิก งดบังคับใข้ หรือเพิ่มเติมมาตราของพรบ.หรือกฏหมายเก่า เสมอ ดังนั้นข้อบัญญัติในพรก.นี้ ไม่มีปัญหาในทางกฏหมายต่อพรบ.อื่นๆที่ใช้บังคับอยู่เดิม เพราะมีอำนาจที่จะ ยกเว้น งดใช้บังคับ บางมาตราของกฏหมายเดิมได้ แต่ที่น่าสังเกตุคือ การเซ็นสัญญากู้เงิน หากเป็นการเซ็น สัญญากู้เงินจากต่างประเทศหรือองค์กรต่างประเทศ กรณีนี้ จะอย่างไรก็ต้องผ่านสภาฯอยู่ดี เพระกฏหมายรธน.ที่มี ศักดิ์สูงกว่าบังคับไวว่าการเซ้นหนังสือสัญญาที่มีผลผูกพันงบประมาณ ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา แม้พรก. จะให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้ แต่หากกู้เงินบามาจากนอกประเทศหรือจากองค์กรต่างประเทศ ก็ไม่พ้นข้อกำหนด ของรธน.ซึ่งมีศักด์กฏหมายสูงกว่า และไม่สามารถจะหลบเลี่ยงไม่ปฏิบัติได้ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 02:28:30 จากคุณ : thyrocyte - [ 24 พ.ค. 52 02:17:47 A:124.122.3.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 จะกู้เงินมาใช้จ่ายมากมาย  ก็ให้หน่วยงานที่ใช้เงินเชากู้เอง รัฐบาลค้ำก็พอ. รถ  ขสมก  ให้ขสมกทำเอง ค้ำประกันให้ก็ใช้ได้  ไม่ต้องทำเอง  มือจะได้สะอาด จากคุณ : boon-m1 - [ 24 พ.ค. 52 04:05:04 A:116.58.231.242 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 น่าเป็นห่วงนะครับ พอจะทำอะไรได้มั้ยคับ จากคุณ : อักเสบ - [ 24 พ.ค. 52 05:40:39 A:125.24.122.248 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตาม คห.#10ของคุณ thyrocyte "แต่ที่น่าสังเกตุคือ การเซ็นสัญญากู้เงิน หากเป็นการเซ็นสัญญากู้เงินจากต่างประเทศ หรือองค์กรต่างประเทศ กรณีนี้ จะอย่างไรก็ต้องผ่านสภาฯอยู่ดี เพระกฏหมายรธน.ที่มี ศักดิ์สูงกว่าบังคับไวว่าการเซ้นหนังสือสัญญาที่มีผลผูกพันงบประมาณ ต้องได้รับ ความเห็นชอบจากสภา แม้พรก.จะให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้ แต่หากกู้เงินบามาจากนอกประเทศหรือจากองค์กรต่างประเทศ ก็ไม่พ้นข้อกำหนด ของรธน.ซึ่งมีศักด์กฏหมายสูงกว่า และไม่สามารถจะหลบเลี่ยงไม่ปฏิบัติได้" --------------------------------------------------------------------------------------- นี่คือสาเหตุที่รัฐบาลก็เลยเลี่ยงที่จะเอาเรื่องเข้าพิจารณาในสภาโดยจะใช้วิธีการกู้จากภายในประเทศ ซึ่งจะใช้การออกพันธบัตร, ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารอื่น ๆ  ตามที่นายกรณ์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ซึ่งหากจะมีกองทุนจากต่างชาติเข้ามาจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อทำหน้าที่นอมินีเข้าซื้อพันธบัตรเหล่านี้ ก็เท่ากับเป็นการกู้จากต่างประเทศโดยวิธีการและช่องทางที่สร้างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ... หลายซับและหลายซ้อน  ซ่อนเงื่อนได้อย่างน่าสนใจ ประเด็นที่น่าไปลองคิดต่อกันจากนี้พอจะรวม ๆ ได้ 3-4 เรื่องหลัก ๆ .. -แก้กฏหมายเพิ่มอำนาจให้ตัวเองกู้ได้เกินเพดาน รวมทั้งสิ้นจากเดิมตามที่ขาดดุล 13.6% บวกกับพรก.นี้อีกประมาณ 25% และพรบ.ในอนาคตอันใกล้นี้อีก 25% รวมทั้งสิ้นแล้วเรากำลัง จะเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 63% ของงบประมาณเฉลี่ยประจำปี  นั่นเท่ากับเงินจำนวน 1 ล้านล้านบาท !! -รัฐบาลรวบอำนาจการใช้จ่ายไว้เพียงลำพังอย่างครอบจักรวาลอย่างน้อยก็ 4 แสนล้าน -ไม่ต้องนำเงินส่งเข้าเงินคงคลัง ตาม พรบ.วิธีการงบประมาณและพรบ.เงินคงคลัง -สามารถใช้วงเงินนี้ไปได้จนถึงปีงบประมาณ 54 ซึ่งยืดยาวพอที่ ปชป.จะอยู่ในอำนาจได้ - ผมสงสัยว่าจะใช้คืนหนี้มหาศาลจำนวนนี้ได้ยังไงและนานแค่ไหน  ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ระหว่างนายชวนกับนายอภิสิทธิ์ ...  ใครสร้างหนี้ได้เหนือกว่ากัน แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 07:27:06 จากคุณ : มหาชำร่วย (ยุคที่2..มหาReload) - [ 24 พ.ค. 52 07:25:39 A:124.120.134.56 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ก็เป็นหลักการบริหารธรรมดา ที่ฝ่ายบริหารมักต้องการความสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ พ้นจากการตรวจสอบที่เกินจำเป็น เพียงแต่ถ้าท่านทักษิณทำแบบนี้ ปชป.ก็จะหาว่าเหมือนสภาเซ็นต์เช็คเปล่าไว้ให้รัฐบาลใช้ จากคุณ : NiyomC - [ 24 พ.ค. 52 11:03:06 A:61.19.66.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 +++ ชี้แจงประเด็นข้อสงสัยต่อ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาทครับ +++ จากคุณ : Winnie The PeeH - [ 25 พ.ค. 52 09:44:46 A:202.28.27.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมขออนุญาตยกเอาขึ้นไปเติมประเด็นต่อในกระทู้ใหม่นะครับ เพราะกระทู้ไหลเร็วมาก เกรงว่าเรื่องน่าสนใจนี้จะตกเร็วเกินไป จากคุณ : ยุคที่2..มหาReload - [ 26 พ.ค. 52 10:15:24 A:124.120.138.214 X: ]