เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดสัมมนาเรื่อง "วิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองไทย: นวัตกรรมการบริหารจัดการ" ที่โรงแรมสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า หากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวในปีนี้ จากปัจจัยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดหนัก รัฐบาลไทยจะต้องเพิ่มนโยบายการเงิน และการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงแม้แนวโน้มอาจจะเป็นเรื่องยากที่ฟื้นตัวได้เร็ว แต่เชื่อยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก แต่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 60% ของจีดีพี ประเด็นดังกล่าวจะไม่เป็นปัญหา เพราะต่างประเทศขยายเพิ่มขึ้นกว่า 100% ของจีดีพีเพื่อให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจใช้ได้ผลจริง ขณะเดียวกันจะต้องปรับวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ไทยให้อยู่ในระดับกลาง และสินค้าบางประเภทอาจจะต้องย้ายฐานการผลิต เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งขันในตลาดโลกได้ แต่ก็เป็นห่วงว่าปัญหาการเมืองยังเป็นปัจจัยหลักที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไป
"ขณะนี้ไทยกำลังเผชิญกับวิกฤต 3 ด้าน ทั้งวิกฤตการเมือง เศรษฐกิจ และปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้องกับความชอบธรรม แม้วิกฤตเศรษฐกิจจะหนักหนาสาหัส แต่เรายังไม่ใช่ประเทศที่เลวร้ายที่สุด ยังมีโอกาสที่ฟื้นตัวได้ แต่หากแก้ปัญหาการเมืองไม่ได้ เชื่อว่าจากนี้ไปอีก 10 ปี ไทยยังจะต้องเผชิญวิกฤตนี้ไปอีกนาน เท่ากับว่าประเทศไทยถอยหลังไปอีก 30 ปี" นายสมชายกล่าว
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ นักวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากรัฐบาลพยายามกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับต่างประเทศที่เร่งดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไทยน่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของต่างประเทศด้วย แต่วิกฤตการเมืองภายในประเทศยังน่าเป็นห่วงมากกว่า จึงขอเสนอการเมืองใหม่ให้นายกฯมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ยกเลิกการได้รับเลือกจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร
( ที่มา มติชนรายวัน , 18 พฤษภาคม 2552 )
จากคุณ :
จำปีเขียว
- [
31 พ.ค. 52 16:43:56
A:125.25.44.185 X:
]