ความคิดเห็นที่ 1 อ่าาาาาาาาาา เอ่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่ออออออออ ................ คงต้องทำใจกับประเทศสารขัณฑ์ จากคุณ : Riding Spirit - [ 11 มิ.ย. 52 10:24:46 A:125.27.54.143 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทำอะไรไม่ได้เลย ต้องปล่อยให้เป็นไปตามความคิดของคนส่วนใหญ่ ความคิดของคนส่วนใหญ่นั้น  อาจจะมาจากอำนาจเงิน หรืออำนาจปืนก็ได้ และคนที่จะต่อต้านอำนาจเหล่านั้น ก็คือคนส่วนใหญ่อีกนั่นแหละ จากคุณ : พลังจิต - [ 11 มิ.ย. 52 10:33:44 A:58.8.94.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากได้ ป๋าเปรม  เจงๆๆ ไม่ต้องมาลบเพราะหาว่าประชดประชัน ม่ายได้ประชดน๊ะ  เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ป๋าเป็น  น่ะเด็กๆ  ทหารจัดให้ได้อยู่แล้ว  ทีฉีกรัฐธรรมนูญยังทำได้เลย อยากได้ท่านมาเป็นนายกจริงๆ  อยากได้มากกว่ามาร์คอีก เพราะท่านจะได้ไม่ต้องอยู่เบื้องหลังอีกไง จากคุณ : ร่ำสุราริมน้ำตามลำพัง - [ 11 มิ.ย. 52 10:42:20 A:124.121.65.196 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่จริงปัญหาแบบนี้ไม่น่าต้องมาถามเลย ถ้าเรารู้ว่าจะเอานักการเมืองมาใช้ทำอะไร ตอบกันตามตรงก็เอามาบริหารน่ะแหละ แต่คนมันเพ้อเจ้อ จะขอให้มีไอ้นั่นด้วย ไอ้นี่ด้วย บ้ากันไปใหญ่ คำตอบคือเลือกให้ตรงกับฟังก์ชั่นพื้นฐาน ไม่โกง แต่บริหารไม่เอาอ่าว แบบนี้ผิดวัตถุประสงค์แรกเริ่ม เขาเรียกหลงประเด็น จากคุณ : masked v - [ 11 มิ.ย. 52 10:55:27 A:58.9.3.214 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 จริงนะครับ อย่างน้อยควรจะคุยกันได้ว่าต้องการ นักการเมืองที่มีคุณสมบัติอย่างไรก่อนถึงจะพอใจ เพราะยังไงเราก็จำเป็นต้องมีพวกเขามาทำงาน (แต่ก็น่าที่จะเข้าใจว่าพวกเขาก็เป็น คนธรรมดาอย่างเรา มีเกลียด มีโลภ มีโกธร มีหลง+แล้วก็ควรแยกแยะ ดียังไง ดีกับใคร ถูกใส่ความไหม) หยุดเพ้อเจ้อกับสิ่งที่ไม่เป็นมนุษย์ คือ ดีล้วน  ทางที่ถูกคือ ณ.ช่วงเวลานั้นๆเราต้องการคนที่มีคุณสมบัติแบบไหนมามีอำนาจบริหาร เช่นประเทศเราล่มจมต้องการคนแบบคุณทักษิณมาแก้ไข พอเราเริ่มเจริญมีปัญหาเรื่องการกระจายรายได้เราก็เลือกคนที่มีความคิดที่ดีในการกระจายรายได้มาบริหาร แต่เรื่องสำคัญ คือผลประโยชน์ของทุกฝ่ายที่เป็นอยู่ อมาตย์เป็นเหมือนโบรกเกอร์ เก็บกินอยู่ และคุณทักษิณมีเหตุเป็นไปก็เพราะพวกนี้ โดยใส่ร้ายต่างๆนาๆ ดูซิว่า 3ปีแล้ว มีเรื่องเซ็นชื่อให้ภรรยาซื้อที่ดินเท่านั้นซึ่งตามสามัญสำนึกก็ไม่น่าผิด ประเด็นสำคัญจึงอยู่กับพวก อมาตย์ที่แฝงตัวเกาะกินอยู่ พวกนี้จะต่อต้านอำนาจตามกฎหมายของนักการเมือง ทุกรูปแบบ เพื่อคงอยู่ ในกรณีย์นี้ ก็คือ โจมตีนักการเมืองว่าโกง ทำให้คนหมดความเชื่อใจ เพื่อเป็นช่องว่างให้พวกเขายังแฝงตัวอยู่ได้ จากคุณ : Turk14857 - [ 11 มิ.ย. 52 11:33:44 A:222.123.193.192 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 คนโง่  คือประชาชน นักการเมือง  เป็นคนที่ฉลาดเหนือประชาชน เคยเห็นไหม  ในขณะที่หลายคนกำลังตากแดดตากฝน ขุดดิน-แบกหาม  อย่างสุดแรงเกิด แต่มีคนอีกคนหนึ่ง ยืนทำไม้ทำมือ และเป็นต้นเสียง   ฮุย เล ฮุย       ฮุย เล ฮุย       ฮุย เล ฮุย       อยู่ในร่ม เขาคือคนฉลาดเหนือคน ฉลาดจนกระทั่ง ทำให้คนอื่นๆคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนโง่   " วีระชน " คนกล้าไม่กลัวตาย(แล้วก็ตายจริงๆ)  เพราะโดนลูกยุของคนฉลาด คนฉลาด ไม่ตาย  แต่วีระชน  ตาย จากคุณ : พลังจิต - [ 11 มิ.ย. 52 11:37:26 A:58.8.94.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบครับ  อย่างเสื้อแดงตรวจสอบรัฐบาลนี้  ผมก็ว่าดีนะ   ตอนเสื้อเหลืองตรวจสอบรัฐบาลทักษิณผมก็ว่าดี (แต่ไม่น่าทำเลยเถิดไปจนถึงการก่อเหตุความรุนแรงต่าง ๆ   โดยเฉพาะแกนนำพันธมิตรที่เอาความจริงปนกับความเท็จปลุกปั่นประชาชนจนเกิดความเสียหายรุนแรงต่อประชาธิปไตย ถ้าไม่มีการรัฐประหารปี 49  ประชาธิปไตยในประเทศไทยจะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง) ทุกวันนี้  ผมก็ไม่ได้ประทับใจ ปชป. เลย  นักการเมืองแบบเก่า ๆ ไม่เป็นที่พึ่งให้ประชาชน แต่ก็ยังกัดฟันให้โอกาส  จนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่   ถ้า ปชป. ทำพังอีกคราวนี้  คงได้เป็นฝ่ายค้านจนถึงชาติหน้า ประชาชนอย่างเรา  ก็ต้องแสดงความคิดเห็น  โดยทำใจให้ปราศจากอคติ  ไม่ใช่คนที่เราไม่ชอบทำอะไรมันต้องผิดไปซะทั้งหมด หรือคนที่เราชอบ  โกงแต่มีผลงาน  เราก็ยอมหยวน ๆ ไปถึงขั้นหนึ่ง  อำนาจมันจะมีความหมายมากกว่าเงิน   ถ้าอยากได้อำนาจในการบริหารอยู่  นักการเมืองจะต้องปราศจากการทุจริต   โดยเฉพาะการทุจริตที่ส่งผลกระทบทางลบต่อประชาชน ถ้าการเมืองภาคประชาชนเข้มแข็ง  (ซึ่งผมมองว่าราชดำเนินก็เป็นหนึ่งในการเมืองภาคประชาชน) นักการเมืองจะต้องปรับตัว  พรรคการเมืองก็ต้องปรับตัว   วัตถุดิบของการสร้างการเมืองภาคประชาชนที่เข้มแข็ง คือคนที่ออกไปชุมนุมทั้งเหลืองและแดง  คือประชาชนที่เสียสละ   ผมยกย่องคนที่ออกไปทำอะไรเพื่อคนอื่นเสมอ ถ้าประชาชนเหลืองกับแดงรวมกันได้  ประเทศเราก็มีความหวัง  การเมืองภาคประชาชนจะเข้มแข็ง แต่น่าจะยาก  เพราะแกนนำทั้งสองสีใช้ไม่ได้เลยในสายตาของผม   เพราะใช้ความจริงปนเท็จปลุกปั่นประชาชนให้เกลียดชังกันตลอดเวลา   ใช้ความเสียหายของชาติบ้านเมืองเป็นตัวประกัน ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงเพื่อให้เกิดการปราบปรามและใช้ศพของประชาชนเพื่อต่อรองชัยชนะ ดังนั้น  ถ้าต้องการนักการเมืองที่ฝันไว้  เสื้อแดงเสื้อเหลืองต้องถอดเสื้อสี เราต้องหยุดเป็นประชาชนที่แตกแยก  เพราะเราแตกแยกนักการเมืองได้ประโยชน์ ประชาชนต้องกลับมาเป็นพวกเดียวกัน  ร่วมมือกันเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน จากคุณ : jedi-jaidee - [ 11 มิ.ย. 52 11:50:19 A:117.47.129.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 บรรดาป๋าๆทั้งหลายไปเกิดใหม่ ก็ได้แระการเมืองในฝัน เฮ้ออออออออ....เฮ้ออออออออออออ ............................................................. เนวินก็ดี  สุเทพเทือกก็ดี  หรือแม้แต่อภิสิดไปจนนักการเมืองน้ำเน่าทั้งหลาย ถ้าหากพวกคุณอยากมีเงินมีอำนาจอย่างยั่งยืน ก็น่าที่จะแข่งกันสร้างผลงาน ให้เป็นที่ยอมรับเพื่อปากท้องชาวบ้านชั้นล่าง  ไม่ใช่ไปเกาะแข้งเกาะขา ผู้ที่อวดอ้างแต่จริยธรรมคุณธรรม  ที่วันๆ เอาแต่ยัดจริยธรรมจอมปลอม ใส่หัวประชาชน ผมอยากให้พวกเขารู้จริงๆเลย ว่าคนเวลาท้องมันหิวน้ำย่อยกัดกระเพาะ มันจะเปิดสมองรับมั๊ย   คุณธรรมจริยธรรมที่ว่านั่นน่ะ ทำไมไม่เลี้ยงคนด้วยข้าว  ขัดเกลาด้วยความดี ให้มีคุณธรรมจริยธรรมที่ว่า ผมไม่เข้าใจจริงๆ      ผมเลี้ยงลูกผมยังต้องหาข้าวให้มันกินก่อน เวลาจะสอนอะไรมันก็ที่วงข้าวนี่แหละเป็นส่วนใหญ่แบบชาวบ้าน จากคุณ : เสกคาถา - [ 11 มิ.ย. 52 12:12:25 A:125.24.231.69 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 แฟนเก่า ๆ ที่เคยตอบหายไปไหนกันหมด ?  ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มาแสดงคคห.ค่ะ เคยถามนักวิชาการ  มิตรสหายว่า  ประเทศอื่น ๆ เขาไม่มีคอรัปชั่นกันหรือ  ไม่มีปฏิวัติอีกด้วย คำตอบคือ การตรวจสอบเขาเข้มข้นมาก  ทำให้การคอรับชั่นทำได้ยาก ไม่มีปฏิวัติ  เพราะ  เขาไม่มีตำแหน่งแม่ทัพ  การเคลื่้อนกำลังพลต้องเป็นมติจากบอร์ด ขอบคุณ คคห.ที่ 7 ค่ะ  คิดคล้าย ๆ กันมาก  การเมืองภาคปชช.อย่างเสื้อเหลืองเข้มแข็งมาก ถ้าไม่ยุแยง จนเกิดปฏิวัติ  เลือกตั้งครั้งนั้น  ทรท.เสียงลดแน่ ๆ...แล้วปฏิวัติทำไม ดิฉันจึงไม่มั่นใจว่า  ปฏิวัติครั้งนั้น  เพื่อชาติบ้านเมืองจริง ๆ ในฐานะที่อยู่ในกลุ่มเสื้อแดง  คิดว่าในนั้นมีหลายกลุ่ม  อย่างที่คุณพยัคฆ์ร้ายคลองบางหลวง บอกไว้  และก็ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องไปผูกติดกับแกนนำ  อาจไปชุมนุมด้วย  แต่ก็แค่นั้นเอง ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟัง  หรือเห็นด้วยกับทุกเรื่องที่แกนทำ  หรือหยิบยกขึ้นมา อยากจะบอกว่า  ยังไงก็ต้องมีคนมาบริหารบ้านเมือง  อยากได้คนซื่อสัตย์  เห็นแก่ชาติบ้านเมือง แจ่บริหารไม่เข้าท่า   หรืออยากได้  คนเก่ง  แต่มีเล่ห์เหลี่ยม  แบบวัดครึ่ง..กรรมการครึ่ง  ต้อง จับให้ได้ไล่ให้ทันอยู่ตลอดเวลา ู คนเก่ง ด้วย ซื่อสัตย์ด้วย  หาได้ยากมาก    ค่ะ จากคุณ : sao..เหลือ..noi - [ 11 มิ.ย. 52 12:50:27 A:58.8.169.98 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 หากไม่สามารถหานักการเมืองในฝันได้......จะทำอย่างไรกับบ้านเมืองวันนี้่ดี =========================================== 1....เลือกตั้งใหม่...ถ้าใครได้เสียงข้างมากก็บริหารประเทศไป 2....เอาทักษิณกลับมาเป็นนายก.....จบ จากคุณ : อนุรักษ์_ไทย - [ 11 มิ.ย. 52 13:31:44 A:203.144.180.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณสมบัติของนักการเมืองในอุดมคติ คือ 1.เขาจะต้องมีสติปัญญาที่จะ เข้าถึง,รับรู้และแก้ไข ปัญหาของประชาชนและประเทศชาติโดยรวมได้ 2.เขาควรมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ในการอยู่ร่วมกันกับนักการเมืองทุกฝ่าย เพื่อช่วยกันเสนอปัญหาและหาทางออกของปัญหาร่วมกัน โดยไม่แบ่งพรรคแบ่งฝ่ายหลังจากได้รับการเลือกตั้งเข้ามา โดยยึดเอาคำว่า "หน้าที่" และเอาประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม เป็นหลัก 3.เขาจะต้องทำงานถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่จ้องทำลายกันหรือโต้กันอย่างไร้สาระ,ไร้สติ,ใส่ร้าย,ใส่ความ กันและกัน แต่ถกเถียงกันโดยเอาความเจริญและความผาสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ในจำนวน 400 คน หากมีคนดี ๆ ที่ซื่อสัตย์ ซึ่งแน่นอนคำ ๆ นี้สำคัญ แต่ไม่ใช่คุณสมบัติที่หาได้ง่ายในทั้ง 400 คน แต่ถ้าหากได้มาสัก 10% และหากคนจำนวนนี้เข้มแข็งและมีคุณภาพจริง เขาก็จะช่วยเป็นปากเป็นเสียงและช่วยชี้จุดอ่อนเพื่อการแก้ไขตามกฏหมายได้ต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็นแค่ "ความคาดหวัง" ซึ่งเป็นไปได้ยากเพราะประชาชนเหมือนถูกบังคับว่าต้องเลือกของที่มีอยู่แล้วใน "ตระกร้า" ซึ่งมีดีบ้างชั่วบ้าง,ฉลาดบ้างโง่บ้าง,ขยันบ้างขี้เกียจบ้าง มันสุมเขละอยู่ในนั้น โดยใช้มือของประชาชน ยี่สิบกว่าล้านคน สุ่มหยิบขึ้นมาตามใจชอบ เมื่อได้มาแล้วคุณสมบัติมันก็อย่างที่เห็น ๆ กันในหลายสิบปีที่ผ่านมา.....จนสร้างความเบื่อหน่ายให้กับประชาชน แต่ก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว แค่คุณสมบัติตามที่ว่ามา .....มีอยู่กับนักการเมืองที่เป็นหัวหน้าพรรคคนเดียว ที่มีความเก่งกาจทำงานเข้าตาประชาชน จนเขามีพาวเวอร์ ก็จะสามารถค่อย ๆ ถ่ายเลือดร้ายออกจากพรรคไปเรื่อย ๆ ..... สักระยะ เชื้อร้ายก็จะหมดไปได้ แล้วก็จะถึงยุค "พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค"   ซึ่งถ้าสังเกตุที่ผ่านมาเราก็เริ่มจะเห็น"ลางดี"แบบนั้นอยู่แล้ว แต่เผอิญสิ่งชั่วร้ายภายนอกมันแรงกว่า วังวนน้ำเน่าของนักการเมืองมันจึงวนกลับมาอีกครั้งให้ได้เอียนกันอีก หวังว่าก่อนตายคงได้เห็น "นักการเมือง" ที่มีคุณสมบัติตามที่ฝัน จากคุณ : ชาติอนุรักษ์ - [ 11 มิ.ย. 52 14:34:07 A:58.11.87.89 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก็  .  .   .  เป็นนักการเมืองเสียเอง จากคุณ : พลังจิต - [ 11 มิ.ย. 52 14:58:36 A:58.8.220.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุึณ พลังจิืต  ดิฉันว่าคนที่รับไม่ได้กับนักการเมืองวันนี้น่ะ  ควรอย่างยิ่งที่จะพิจารณาลงเลือกตั้ง เองเลย  รับรองถูกใจใช่เลย จากคุณ : sao..เหลือ..noi - [ 11 มิ.ย. 52 20:58:33 A:58.8.169.98 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ...แฟน  ๆ ทีเกาะติดกระทู้ข่าว ของดิฉันไม่เห็นเข้ามาร่วมแสดงคคห.เลย เมื่อก่อนถูกล่าวหาว่า ไม่มีปัญญาตั้งกระทู้เอง  วันนี้อุตส่ห์ปั้นกระทู้มาแล้ว แฟน ๆ ก็ไม่มา  สงสัยโจทย์ยากไป  หาเรื่องยำไม่ได้ ..อิอิ จากคุณ : sao..เหลือ..noi - [ 11 มิ.ย. 52 21:53:38 A:58.8.169.98 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก็ใช้มันเท่าที่มี ดีที่สุดเท่าที่จะมีได้ ค่อยๆพัฒนาในสิ่งที่เรามีเป็นทุนเดิมอยู่ ไม่ใช่ว่าพอไม่พอใจก็ทำลายกัน ล้มล้างกัน ....ถึงจะหานักการเมืองดีๆ ไม่ได้ แต่ คนไทยดีๆ คงจะมีอยู่อีกมากนะครับ วิธีกำจัดนักการเมืองเลวคงไม่มีหรอกครับ เพียงแต่ช่วยกันส่งเสริมคนดีๆสิครับ ไม่ใช่ไปช่วยกันถือหางโจร แล้วก็มาบ่นกันว่าอ้ายคนนั้นขายชาติ เดี๋ยวข้าไปจับตัวประกันดีกว่า มันกลัวตัวประกันตาย เดี๋ยวมันก็ยอมข้า เพราะมันรู้ว่าข้าฆ่าตัวประกันได้โดยไม่ลังเล จากคุณ : NMU - [ 11 มิ.ย. 52 21:57:37 A:58.8.155.26 X:203.144.143.2 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นมีพูดถึงการปฏิวัติ ผมมองว่า การปฏิวัติ เป็นการกระทำเพื่อหาทางออกอย่างหนึ่ง คือพูดกันง่ายๆเลยว่า เมื่อปัญหามาถึงทางตัน ทุกอย่างระบบให้ทางออกไม่ได้ ก็ต้องกลับมาที่ สันดานดิบ ของมนุษย์ คือ ใช้กำลังเข้าข่มกัน ยกตัวอย่างของ การปฏิวัติเมื่อระบบถึงทางตันเช่น คณะราษฎร 2475 ในตอนนั้นทุกอย่างถึงทางตันแล้วจริงๆ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบที่เคร่งครัดไม่เปิดให้มีทางออกมากนัก หรือจะไปโทษ ร.7 มากไป ก็ต้องบอกว่า " ท่านเป็นทหาร ไม่ได้จบมาทางนักบริหาร " ซึ่งนี่ก็เป็นข้อเสียของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เช่นกัน เพราะไม่ได้เลือกคนปกครองบ้านเมืองจาก ความเหมาะสม แต่เลือกจาก ความใกล้ชิด แทน จึงไม่มีหลักประกันใดๆ หรือแม้แต่บางทีองค์รัชทายาทก็ยังไม่ทราบล่วงหน้าเลยว่า ตนเองจะได้ปกครอง ด้วยเหตุนี้เมื่อเกิดการปฏิวัติ การปกครองจึงเปลี่ยนมาที่ ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งยืดหยุ่น และมีทางออกให้กับปัญหาต่างๆมากกว่าระบอบการปกครองไหนๆที่ผ่านมาในโลก นี่คือ การปฏิวัติ เพียงครั้งเดียวในประเทศไทย ที่อาจพูดได้ว่า ปฏิวัติเพื่อหาทางออก เพราะความตีบตันของระบบจริงๆ แล้ว ปฏิวัติ ครั้งต่อๆมาอีกเกือบๆ 20 ครั้งล่ะ ??? ต้องบอกว่า ไม่ใช่การปฎิวัติเพื่อ หาทางออก แต่เป็นการปฏิวัติเพราะ ไม่ถูกใจ เท่านั้น... และผลสรุปก็ออกมาเป็นอย่างดีแล้วว่า " หลังจากปฏิวัติแต่ละครั้ง ประเทศชาติไม่เคยมีทางออก " กลับจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมว่า เราควรลดเลิกใช้ สันดานดิบ และมาหาทางออกด้วย วิธีการทางประชาธิปไตย นั่นล่ะครับ ผมว่าคือ ทางออก ที่เหมาะสมจริงๆ จากคุณ : SaVor - [ 11 มิ.ย. 52 22:07:14 A:124.120.7.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 คิดว่านักการเมืองความฝัน...ให้ถูกแล้วน่าเปนนักการเมืองที่เปนความเชื่อเปนความหวัง...ใช่นักการเมืองไทยและนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยในสภาวะปัจจุบัน มันช่างห่างไกลเหลือเกินจากที่เราโหยหาเคยพบเห็นและรู้ว่าเคยมี...แบบคล้ายๆประชาธิปไตยหรือเกือบเปน...คงต้องเปนปัจจัยที่หนุนช่วยดีพอมากกว่านี้... ในอดีตคุณเสนีย์คุณคึกฤทธิ์คุณชาติชาย คุณเปรมและคุณทักษิณก็ล้วนเปนนายกฯหัวหน้ารัฐบาล..ที่น่าภูมิใจสำหรับประเทศเรา... เปนปัญหาน่าคิดว่า จะด้วยปัจัยต่างหลากหลายอย่างไร ...ที่เกื้อหนุนให้เปน ให้เคยมีอยู่...หรือจะเปนเพราะคุณสมบัติเฉพาะที่เปนความสามารถส่วนบุคคล...หรือเปนทีมงาน..หรือระบบข้าราชการเกื้อหนุน...หรือระบบกฏหมาย...หรือสังคมและเศรษฐกิจฯ... ...ผมคิดว่า...เราทุกคนต่างหวังใจและคอยรัฐบาลนั้น ว่าจะมาถึงในเร็วๆวัน... ผ่านมา ผ่านไป...ความทุกข์ยากช่างยาวนานจริงๆ...ได้โปรดอย่าให้สายจนเกิน...ไป จากคุณ : แพะโง่ (แพะโง่) - [ 12 มิ.ย. 52 00:26:21 A:118.173.34.135 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ  SaVor  ขอบคุณค่ะ  คนไทยใจร้อนค่ะ  ไม่ชอบทำอะไรตามระบบ   เข้าคิว ต่อแถว ก็ทำไม่ค่อยเป็น  ชอบลัดคิว แซง คิว ใช้เส้น  เหมือนกับรัฐบาลวันนี้.... ก็ยังไม่เห็นขาประจำ  ทีชอบมายำดิฉันฃมาเยี่ยมเยียน แสดงคคห.เลย  หายไปไหนกัน กระทู้อย่างนี้ละ ไม่กล้ามา....สร้างสรรค์นะคราวนี้ จากคุณ : sao..เหลือ..noi - [ 12 มิ.ย. 52 08:49:56 A:58.8.166.188 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 คำที่ว่า "เมื่อหานักการเมืองดี ๆ ไม่ได้ หรือรับไม่ได้กับนักการเมืองที่มีอยู่ ก็ลงเลือกตั้งเสียเอง" มันไม่ได้ตอบโจทย์ให้กับทางแก้ปัญหานี้ได้ แต่มันเป็นแค่คำประชดประชันด้วยความรู้สึกหมั่นไส้มากกว่า แต่ละคนมีอาชีพที่ตนถนัด และมีทางเดินเฉพาะตัว ซึ่งสิ่งที่แต่ละคนทำอยู่มันก็มีประโยชน์ต่อประเทศในอีกแง่หนึ่งเหมือนกัน ส่วนผสมที่ดีของสังคมมันมีหลายอย่างที่คละเคล้ากัน ไม่ใช่มีแต่ นักการเมืองหรือพระ เท่านั้น คนจิตใจดี ที่อยากทำงานการเมืองเพื่อมุ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ ไม่ใช่ไม่มีอยู่ แต่เขาไม่มีโอกาสมากกว่า ไม่ว่าจะในเรื่องเส้นสายในพรรคการเมืองนั้น ๆ ไม่ว่าจะเรื่องเส้นสายในนักการเมืองท้องถิ่น,เรื่องเงิน, และความไม่ถนัดในบางเรื่อง เช่น ความปลิ้นปล้อน,เรื่องการต้องก้มหัวเอาอกเอาใจคนในพรรคการเมือง,และอื่น ๆ สมัยเด็กอยู่ต่างจังหวัด.....คนดี ๆ ที่อยากมาเป็น "ผู้แทน"(คำเรียกในยุคนั้น) ถูกนักการเมืองอีกฝ่ายยิงตายก่อนวันลงคะแนนไม่กี่วันเพราะมีทีท่าว่าจะได้คะแนนนำ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ และด้วยข้อด้อยของชาวบ้านในการเลือกผู้แทน จะเลือกด้วย 1.กำนัน,ผู้ใหญ่บ้าน,เจ้าอาวาส,คนที่นับถือ.....ขอมาให้เลือกคนนี้ 2.ได้รับเงินค่าจ้าง 3. ชอบพอเพราะนักการเมืองคนนี้มาให้เห็นหน้าในทุกงานบวช,งานแต่ง,งานตาย,งานขึ้นบ้านใหม่ โดยไม่มีเหตุผลด้านความสามารถ,ความเป็นคนที่มีประวัติดี มาประกอบทั้งสิ้น....ดังนั้นจึงอาศัยจากการคัดสรรของชาวบ้านที่มีจำนวนมากกว่าไม่ได้ แต่ หากเมื่อไหร่ที่หัวหน้าพรรคเป็นคนดีพอสมควรมีความฉลาดหลักแหลมจนทำงานดีสามารถสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้ จนชื่อของพรรคเป็นที่จดจำ เมื่อนั้นก็จะถึงเวลาที่พรรคไม่จำเป็นต้องอาศัยนักการเมืองประเภทเก๋าที่ชาวบ้านจำชื่อได้ทั้งตระกูลโดยไม่ต้องเห็นหน้าแต่ก็ลงคะแนนให้...... เพราะความเชื่อถือในหัวหน้าพรรคและชื่อของพรรคจะติดปากติดใจแทนชื่อของนักการเมืองที่ลงสมัคร....เมือ่ถึงเวลานั้น "พรรคก็จะเป็นผู้เลือกคน และประชาชนก็จะเลือกพรรคโดยไม่เจาะจงคนลงสมัคร" เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วในช่วงพรรคเพื่อไทยที่ต่อเนื่องจาก ทรท.(2) เพราะอานิสงค์ของ ทรท.(1) มันก็เหมือนพรรคเป็นผู้คัดสรร"ของมีคุณภาพ" มาใส่ลงในตระกร้าเพื่อให้ประชาชนหยิบขึ้นมาใช้งาน...จะหยิบชิ้นไหนขึ้นมามันก็ยังเป็น"ของมีคุณภาพ"ที่ไม่ต่างกันมาก.....ไม่เหมือนเช่นที่มีอยู่ในปัจจุบันที่เขละรวมกันมา แม้จะแก้ไขไม่ได้ทั้งหมดเพราะบางพรรคเขาก็ยังยึดถือตัวบุคคลอยู่แม้จะเหม็นแสนเหม็นแต่เขาก็จำเป็นต้องรักษาไว้ แต่ถึงอย่างไรในอนาคต ด้วยผลงานที่คนมีคุณภาพเข้ามาทำมันก็จะปรับเปลี่ยนการเลือกผู้แทน ของประชาชนไปได้เอง นักการเมืองไม่ได้เลวทั้งหมด แต่เผอิญคนที่เลวมันเสียงดังและกล้าสร้างภาพแถมอยู่นานเพราะเข้ามาทุกสมัย ส่วนคนดีที่พอมีอยู่บ้างก็เก็บตัวเงียบไม่กล้าต่อสู้....มันจึงช่วยไม่ได้ที่คำว่า"นักการเมือง"จะต้องพลอยเหม็นและกลายเป็นที่น่ารังเกียจไปทั้งหมด แต่โดยความจริงแล้วคนที่เขาตำหนินักการเมืองเขาเจาะจงเฉพาะพวกที่เลวน้ำเน่าเท่านั้น แต่ด้วยคำที่เรียกรวมว่า "นักการเมือง" มันจึงเหมือนยิงกราด แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 52 07:44:17 จากคุณ : ชาติอนุรักษ์ - [ 12 มิ.ย. 52 09:35:56 A:58.11.87.89 X: ]