ความคิดเห็นที่ 3

คดี สปก.ที่ภูเก็ต เป็นคดีที่ฟ้องให้ออกจากที่ดิน สปก. ทั้งๆที่เขาถือครองมาก่อนมี สปก.ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ไม่รู้ใครเจ็บนะ เรื่องเก่าๆความเดิมของ สปก 4-01
http://www.komchadluek.net/2007/06/08/k001_121829.php?news_id=121829
ศาลฏีกาพิพากษาขับสามี"อัญชลี"พ้นที่ดินส.ป.ก.ภูเก็ต 8 มิถุนายน 2550 00:55 น. ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา ยืนตามศาลอุธรณ์ ขับ"ทศพร เทพบุตร" สามี" อัญชลี"อดีต ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมพวก ออกจากที่ดิน ส.ป.ก. ชี้ขาดคุณสมบัติ
เมื่อ 10.00 น. วันที่ 7 มิ.ย.50 ที่บัลลังก์ 2 ศาลจังหวัดภูเก็ต นายมนตรี สาโรช พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ลักษณะสมบูรณ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเก็ต ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฏีการะหว่าง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก.มอบหมายพนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตเป็นโจทก์ฟ้อง นายทศพร เทพบุตร (สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ภูเก็ต และอดีตส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ) จำเลย คดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 1485/2544 เพื่อขับไล่ออกจากที่ดิน
ทั้งนี้สปก.ภูเก็ตได้ยื่นฟ้องนายทศพร โดยฟ้องว่า นายทศพรได้ยื่นคำขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน โดยครอบครองอยู่ตั้งแต่ปี 2532 เนื้อที่ 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา ตามเอกสาร สปก.4-01 ก. เลขที่ 140 อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยอ้างว่าประกอบอาชีพเกษตร ทำสวนผลไม้และปลูกยางพารา หลังจากนั้นได้รับการร้องเรียน ว่านายทศพรขาดคุณสมบัติ จากนั้นทางสปก.ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติ ทราบว่า นายทศพรมีที่ดินเป็นของตนเอง 97 ไร่ 3 งาน 30 ตรว.และประกอบอาชีพอื่นๆ โดยเป็นผู้บริหารนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำนวน 6 แห่ง มีการลงทุนเป็นเงิน 55,320,000 บาท
คณะกรรมการ สปก.อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 และมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มีมติให้เพิกถอนหนังสืออนุญาต ให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินของนายทศพร โดยมอบหมายให้เลขาธิการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินตามคำสั่งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่ 257/2538 ลงวันที่ 18 เม.ย.2538 โดยนายทศพรได้อุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนดังกล่าว อ้างว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามอุทธรณ์ของนายทศพร ลงวันที่ 24 พ.ค.2538 แต่นายทศพรไม่ได้ไปให้ถ้อยคำต่อพนักงานตามที่กำหนด คณะกรรมการ สปก.จึงมีมติไม่รับการพิจารณาอุทธรณ์ เนื่องจากนายทศพรไม่ได้เป็นเกษตรกร จึงไม่มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ตามรายงานการประชุมของคณะกรรมการ สปก.ครั้งที่ 4/2539 ลงวันที่ 4 พ.ย.2539 สปก.ภูเก็ตจึงแจ้งให้นายทศพรและบริวารออกจากที่ดินของ สปก.ตามหนังสือลงวันที่ 14 มี.ค.2540 แต่นายทศพรและบริวารเพิกเฉย หลังจากที่มีการตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆแล้ว สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือ สปก.ได้ฟ้องร้องผู้ที่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ
แต่ในการฟ้องร้องศาลนั้นศาลชั้นต้นนั้น ทางศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จากนั้น สปก.ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ โดยให้นายทศพรและบริวารออกไปจากที่ดิน สปก.ดังกล่าว จากนั้นนายทศพรได้ฎีกา โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามที่นายทศพรอ้างว่าที่ดินพิพาทเดิมเป็นของนายจรัญ ตุ้งกู ซึ่งได้ครอบครองที่พิพาทมาตั้งแต่ปี 2499 และได้โอนให้จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ ตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา สปก.ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าวนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่าการจะได้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น ได้มีบัญญัติวไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5 ว่าให้ผู้ที่ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินต้องแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ภายใน 180 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติน้ใช้บังคับมาตรา 1 บุคคลที่จะมีกรรมสิทธิ์ที่ดินจะต้องได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามบทกฎหมาย ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับและมาตรา 4 บุคคลได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับให้มีสิทธิครอบครองสืบไปและคุ้มครองตลอดถึงผู้รับโอนด้วย
แต่กรณีของนายจรัญได้ครอบครองที่ดินพิพาทสืบต่อมาจากบิดาของนายจรัญ ซึ่งครอบครองในปี 2499 อันเป็นเวลาภายหลังพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ประกาศใช้แล้วและไม่ปรากฏว่าได้ครอบครองที่ดินโดยชอบตามบทกฎหมายใด การครอบครองของนายจรัญจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินจึงไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายจรัญ
นอกจากนี้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 2 ยังบัญญัติว่าที่ดินซึ่งมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลใด ให้ถือว่าเป็นของรัฐ ดังนั้นที่ดินที่นายจรัญครอบครองจึงต้องถือว่าเป็นที่ดินของรัฐอยู่ นายทศพรรับโอนมาจากนายจรัญ จึงไม่มีสิทธิ์ดีกว่า โจทก์หรือ สปก.จึงมีสิทธิ์นำที่ดินดังกล่าวมาปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้
ส่วนนายทศพรเป็นเกษตรกรตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2516 หรือไม่นั้น มาตรา 4 ให้คำนิยามไว้ว่า เกษตรกร หมายความว่าผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักและให้หมายความรวมถึงบุคคลผู้ยากจนหรือผู้จบการศึกษาทางเกษตรกรรมหรือผู้เป็นบุตรของเกษตรกร ซึ่งไม่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นของตนเองและประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก
แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายทศพรมีที่ดินอยู่ที่ใน ต.ไม้ขาว อ.ถลางจำนวน 3 แปลง อยู่ใน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ตอีก 22 แปลงกับมีชื่อเป็นกรรมการบริษัท เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด นายทศพรจึงไม่ใช่ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นของตนเองและประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก นายทศพรจึงไม่ใช่เกษตรกรตามความหมายของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2516 โดย สปก.หรือโจทก์มีสิทธิ์นำที่ดินพิพาทมาปฏิรูปที่ดินได้ โดยศาลฎกีกาพิพากษายืน
สำหรับปัญหาที่ดินสปก. 4-01 ในภูเก็ตเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2537 เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมต.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น ได้เดินทางมามอบเอกสารที่ดินส.ป.ก.ให้กับเกษตกรผู้ยากไร้ที่ดินทำกินจำนวน 592 แปลง จำนวน 489 ราย พื้นที่ 10,000 กว่า ไร่ ทั้งพื้นที่ป่าเขาสามเหลี่ยม ป่าเทือกเขากมลา และป่าเทือกเขานาคเกิด และจากการตรวจสอบพบว่า มีตระกูลใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 11 ตระกูล ที่ได้รับเอกสารสิทธิดังกล่าว ประกอบด้วย ตระกูลเทพบุตร, ศรีแสนสุชาติ, หงษ์หยก, ถาวรว่องวงค์, ประจันทบุตร , สุขศิริสัมพันธ์, เอกวานิช, ตันติวิท, ทองตัน, อมรไพโรจน์, กี่สิ้น จากนั้นทางจังหวัดภูเก็ตได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริง และตรวจสอบคุณ สมบัติผู้ที่ได้รับสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงมาตรวจสอบที่ดินส.ป.ก.4-01 ในภูเก็ตมาโดยตลอด
จากนั้นในวันที่ 17 เมษายน 2538 คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้มีมติเพิกถอนเอกสารในที่ดินส.ป.ก.ที่แจกให้นายทุนจำนวน 8 ราย เพราะขาดคุณสมบัติ ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ
ประกอบด้วย นายบันลือ ตันติวิท จำนวน 1 แปลงเนื้องที่ 69 ไร่ นายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ จำนวน 2 แปลง จำนวนเนื้อที่ 89 ไร่นายเจริญ ถาวรว่องงวศ์ จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ 15 ไร่ นายทศพร เทพบุตร จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 98 ไร่ นายสุทิน เทพบุตร จำนวน 2 แปลง 37 ไร่ นายณรงค์ นพดารา 1 แปลง จำนวน 21 ไร่ นายหัตถ์ กตัญชลีกุล จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 29 ไร่ และนายธเนศ เอกวานิช จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 6 ไร่ ที่เหลือยังไม่ถูกเพิกถอน 2 ราย คือนายเปี่ยน กี่สิ้น และนายสุรศักดิ์ หงษ์หยก หลังจากที่มีการตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ แล้ว ทางสปก.ได้ฟ้องร้องผู้ที่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.จำนวน 24 ราย ซึ่งศาลได้ตัดสินไปแล้วบางส่วน ซึ่งมี 2-3 คดีเท่านั้นที่สปก.เป็นผู้ชนะ นอกจากนั้นแพ้ทั้งหมด และทางส.ป.ก.ได้อุธรณ์คำสั่งศาลเพื่อพิจารณายื่นฟ้องใหม่ดังกล่าว
สำหรับกรณีที่สปก.ยื่นฟ้องนายทศพร เทพบุตร เพื่อให้ออกจากการครอบครองที่ดิน สปก. 4-01 นั้น ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จากนั้น สปก.ได้อุทธรณ์คำสั่งศาล เพื่อให้มีการพิจารณายื่นฟ้องใหม่ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 จากนั้นศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้นายทศพรและบริวารออกจากที่ดิน สปก.4-01 โดยนายทศพรได้ยื่นฎีกาต่อ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.50 ศาลจังหวัดภูเก็ตได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาพิพากษายืนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ขับไล่นายทศพรและบริวารออกจากที่ดิน สปก.4-01 ก.เลขที่ 140 อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 98 ไร่ 1 งาน 7 ตรว.
Create Date : 28 มีนาคม 2551 Last Update : 25 ตุลาคม 2551 15:25:12 น. 0 comments Counter : Pageviews.
จากคุณ :
มัสแตง
- [
12 มิ.ย. 52 16:07:08
A:222.123.44.189 X:
]
|
|
|