ภาคที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7965368/P7965368.html
ภาคที่ 2
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=808368
ภาคที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7957871/P7957871.html
* กระทู้นี้มีเจตนาเพื่อที่จะ วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี การจัดทำ SWOT การจัดตั้ง Organization ของกลุ่มการเมืองต่างๆ เพื่อเป็นมุมมองเชิงเปรียบเทียบ
ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ ดิฉันก็ขอกราบอภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยน่ะค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------
SWOT ของคนเสื้อแดง
S:Strengths จุดแข็ง(ปัจจัยภายใน)
1.ยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตย
2.มวลชนในกลุ่มมีจำนวนมาก สามารถเลือกพรรคที่ต้องการให้บริหารเป็นรัฐบาลได้
3.มีมวลชนสนับสนุน ที่ทุ่มแรงกาย แรงใจ เต็มที่ หลากหลายสาขา
4.มีกองกำลัง Cyber หลายกลุ่ม
5.คนที่รักทักซิโด้ ยังคงจดจำนโยบายที่ส่งผลดีแก่ตัวเขา และยังคงผูกพันธ์อย่างเหนียวแน่น
W:Weakeness จุดอ่อน(ปัจจัยภายใน)
1.การบริหารจัดการ ไม่เป็นระบบ ด้อยประสิทธิภาพ
2.ขาดแผนทางยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีที่ชัดเจนในการดำเนินการ
3.แกนนำมีแค่ภาคการเมือง ขาดแกนนำภาคประชาชน และแกนนำสาขาอาชีพต่างๆ
4.ไม่มีระบอบการตรวจสอบ การชี้แจงทางด้านทุน และการเงิน
5.การเคลื่อนไหว สะเปะสะป่ะ คนละทิศละทางขาดพลัง ควบคุมยาก
6.การสื่อสาร ระหว่างแกนนำ และมวลชนกลุ่มต่างๆ ขาดประสิทธิภาพ
7.พรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุน ไม่เป็นเอกภาพ รวมตัวกันไม่ติด
8.ขาดแกนนำที่เด็ดขาด มีลักษณะเป็นแม่ทัพ
O:Opportunities โอกาสหรือช่องทาง(ปัจจัยภายนอก)
1.รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่เป็น ดึงใจคนไม่ได้ ทำให้มีโอกาสหามวลชนเพิ่ม
จากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในการบริหารงานของรัฐบาล
2.ประชาชนได้เห็นความเป็นสองมาตราฐาน ความไม่ยุติธรรม ทำให้มีโอกาสหามวลชนเพิ่ม
ในกลุ่มคนที่รักความยุติธรรม
3.มีบทเรียนจากยุทธวิธีที่ผิดพลาดมากมายให้ปรับปรุงรัดกุมมากขึ้นในครั้งต่อไป
4.สามารถรวมตัวกันได้อีกหลายครั้งเนื่องจากสมาชิกกลุ่มต่างๆ ยังคงมีพลังฮึดสู้
T:Threats อุปสรรค หรือสิ่งคุกคาม(ปัจจัยภายนอก)
1.ประชาชนส่วนใหญ่มองเป็นคนสร้างความวุ่นวายจากยุทธวิธีที่ผ่านมา ทำให้คนไม่เห็นด้วยถ้ามีการชุมนุมอีกครั้ง
2.การโดนแทรกแซงจากมือที่สาม
3.สื่อสารมวลชนไม่ได้ให้การสนับสนุน
4.ขาดการสนับสนุนจาก ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ
5.แกนนำมีโอกาสโดนซื้อตัวจากฝ่ายตรงกันข้าม(หลังจากได้เคยซื้อตัวอดีตหัวหน้าของแกนนำไปก่อนหน้า)
กะทิ: นี่ไงค่ะน้องวัลย์ ปัญหาใหญ่ของน้องคือ การจัดการที่ไม่เป็นระบบ แกนนำบริหารงานไม่เป็น
ไม่ใช่ว่าน้องไม่มีทรัพยากรน่ะค่ะ มีล้นเหลือเลยค่ะ แต่ต่อให้มีเยอะกว่านี้ 3 เท่า ก็ไม่มีทางชนะ
หรอกค่ะ ถ้ายังบริหารจัดการกับแบบนี้
น้องวัลย์: คือม๊อบเราเป็นม๊อบไม่มีเส้นไงค่ะ เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้วน่ะค่ะ
กะทิ: น้องวัลย์คิดแบบคนแพ้ซิค่ะ เลยพูดแบบนั้นออกมา น้องวัลย์รู้ไหมค่ะ
อดีตนายกคนที่เพื่อนๆ น้องวัลย์ เรียกร้องให้กลับมาบริหารงาน เขาเป็นคนคิดอย่างผู้ชนะ(Think like a winner)
และพยายามพร่ำสอนบุคคลรอบข้างให้คิดอย่างผู้ชนะเสมอ เสียดายมีแต่คนรู้จักชื่อทักษิณ แต่ไม่มีคนพยายามทำความรู้จัก
กับแนวคิด และวิธีที่เขาประสบผลสำเร็จเลย แม้กระทั้งแกนนำของน้องเอง
วัลย์: เป็นอย่างไรค่ะ คุณพี่ การคิดแบบผู้ชนะอ่ะค่ะ
กะทิ: คนชนะมักจะมองเห็นแต่โอกาสในวิกฤติ คนแพ้เห็นแต่ปัญหาในวิกฤติ
คนแพ้มักจะพูดปลอบใจตัวเองเวลาไม่ประสบผลสำเร็จ
คนชนะ มักจะหาวิธีแก้ไข เรียนรู้จากข้อผิดพลาดแล้วสู้ใหม่ให้รัดกุมกว่าเดิม
ยิ่งถ้าน้องวัลย์คิดว่าเป็นม๊อบไม่มีเส้น น้องวัลย์ก็ยิ่งต้องรอบคอบ รัดกุม แผนยุทธศาสตร์
ยุทธวิธีต้องยิ่งชัดเจน ให้มาก จุดอ่อนต่างๆ ก็ต้องรีบแก้ไข จุดไหนที่แข็งก็ต้องส่งเสริม
จุดไหนที่เป็นอุปสรรค ก็ต้องคิดหายุทธวิธีจัดการกับอุปสรรคที่คาดว่าจะเกิด หรือที่ประสบอยู่
วัลย์: และที่พี่กะทิบอกน้องวัลย์ ทักซิโด้ไม่ได้กลับบ้าน สาเหตุหนึ่งก็เพราะคนเสื้อแดงล่ะค่ะหมายถึงอะไรค่ะ
กะทิ: ก็ยิ่งเพื่อนๆ ของน้องยังคงเรียกร้องให้ทักซิโด้กลับมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเสียงต่อต้าน
เสียงดังๆ กลับมามากขึ้นเท่านั้นไงค่ะ ทำให้เขาต้องดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้กลับมาซิค่ะ
วัลย์:อ๋อ...เข้าใจแล้วค่ะคุณพี่.
วัลย์:แล้ว Threats ข้อนึงที่ว่า แกนนำมีโอกาสโดนซื้อตัวจากฝ่ายตรงกันข้าม ล่ะค่ะ ทำไมคุณพี่
ถึงคิดเช่นนั้นหล่ะค่ะ
กะทิ: ก็การที่แกนนำของน้องมีไม่กี่คน ตรวจสอบไม่ได้ และมีแค่เฉพาะภาคการเมืองไงค่ะ น้องลองคิดดูซิค่ะ ขนาดคุณเต้าหู้ยี้
มือขวาทักซิโด้ อดีตคนขับเคลื่อนและอยู่เบื้องหลังของกลุ่มของน้อง รวมทั้งควบคุมดูแล แกนนำของน้อง เรายังซื้อตัวมาได้
เมื่อได้ตัวมาแล้ว พลังยังไม่อ่อนลง เราก็ยิ่งอยากซื้อตัว แกนนำที่เหลือของน้องเข้าไปใหญ่
วัลย์: ไม่มีทางหรอกค่ะคุณพี่ น้องมั่นใจ แกนนำของน้องไม่มีทางทรยศประชาชนหรอกค่ะ
กะทิ: น้องมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ แล้วถ้าเขาทรยศประชาชนแบบประชาชนไม่รู้ตัวหล่ะค่ะ
วัลย์: ยังไงล่ะค่ะ ที่ทรยศประชาชนแบบไม่รู้ตัว
กะทิ: ง่ายๆ เลยค่ะ แกนนำก็ไม่ต้องทำอะไรมากมายนัก ปล่อยตามมีตามเกิด จัดม๊อบบ้างเป็นครั้งคราว
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีอะไรมากนัก ค่อยๆ ทำให้เสื้อแดงอ่อนแรงลง ทำทีวีก็ปล่อยตามมีตามเกิด
มีสัญญาณบ้างไม่มีบ้างให้เบื่อๆ กันหาไป เสื้อแดงไม่เฉลียวใจหรอกค่ะ เพราะว่า คนเสื้อแดงคิดเป็นอยู่อย่างเดียวคือ
"ม๊อบไม่มีเส้น ทำได้แค่นี้ก็ดีแล้ว" เห็นใจแกนนำ เผลอๆ แกนนำน้องโดนซื้อตัวตั้งแต่ ม๊อบหน้าทำเนียบแล้วค่ะ
วัลย์: คุณพี่กะทิ คิดแง่ร้ายเกินไปไหมค่ะ อะไรทำให้คุณพี่คิดเช่นนั้นล่ะค่ะ
กะทิ: คือคุณน้องอย่าลืมนะค่ะ ว่าพี่เป็นคนทาง พธม. เพราะฉะนั้น มุมมองของพี่จะไม่เข้าข้างตัวเอง ทำให้พี่มองเห็นความเป็นไป
และโอกาสมากกว่าคนที่มองแบบเข้าข้างตัวเองไงค่ะ น้องจำหน้ามหาดไทยได้ไหมค่ะ คุณน้องลองคิดดูซิค่ะ ถ้านายกต้องการประชุมจริงๆ
ต้องการความปลอดภัยจริงๆ ทำไมถึงไปประชุมที่มหาดไทยให้ ใกล้ๆ ม๊อบเสื้อแดงล่ะค่ะ ทำไมไม่ไปประชุมที่กองทัพไทย
ซึ่งปลอดภัยมากกว่าล่ะค่ะ ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าต้องการให้ม๊อบเสื้อแดง ไปตกหลุมพรางที่วางไว้หน่ะซิค่ะ ซึ่งก็ได้ผล
แกนนำของน้องคนหนึ่งสั่งเคลื่อนขบวนไปลุย ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งทางฝั่งตรงข้ามให้สื่อตั้งกล้องบันทึกภาพความรุนแรงไว้เรียบร้อย
พอน้องเข้าไป ก็ได้ผลเลยค่ะ ฝั่งโน้นอาจจะใช้มือที่สามนำสัก 10 คนก็พอ เริ่มก่อความรุนแรง
จากนั้นม๊อบของน้องเอง ซึ่งควบคุมอารมณ์ไม่ได้อยู่แล้ว ก็สร้างความรุนแรงต่อได้
เค้าต้องการยั่วให้น้องแสดงภาพก่อความรุนแรงออกมาอยู่แล้ว และน้องเองก็เดินไปตามเกมส์เขา
วันนั้นทั้งวัน คนทั้งประเทศ เลยได้เห็นเสื้อแดงเป็นผู้ก่อความรุนแรงไงค่ะ
วัลย์: แล้วมันเกี่ยวกับแกนนำยังไงค่ะ เราแค่ต้องการไปถามหาว่าคุณอมฮอล์ร้องเพลง อยู่ที่ไหนจากนาย ก. เองเท่านั้นเองค่ะ
กะทิ: ที่พี่ว่าเกี่ยวก็เพราะ มันเป็นข้อสงสัยไงค่ะ แกนนำไม่รู้เหรอค่ะ ว่าเขาขุดหลุมล่อ
ที่เป็นไปได้คือ
1.ไม่รู้ เลยเดินตกหลุมที่วางไว้
2.รู้ เลยเจตนาให้ไปเดินตกหลุมที่ฝ่ายตรงข้ามวางไว้ เพื่อทำลายชื่อคนเสื้อแดง
ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ อาจจะเป็นข้อ 1 หรือข้อ 2 ก็ได้
และที่น่าสงสัยเข้าไปอีกคือ วันที่อภิปรายในสภา แกนนำคนหนึ่งของน้องกลับอภิปรายได้เบาหวิว
หลักฐานแทนที่จะมากกว่าคนอื่น กลับน้อยกว่าคนอื่นเสียอีก เทียบกับ สส.คนหนึ่งแล้วยังเบากว่ามาก คนนั้นมีรูป มีกะทะล้อรถ
เอามาประกอบ เข้มข้นกว่าเยอะ น่าขำยิ่งกว่าคือ มัวแต่เดินสายคุยเรื่อง นาย ก อยู่ในรถ หรือ นอกรถ ยังกะอยู่นอกรถแล้วรัฐบาล
จะลาออกเลยล่ะค่ะ ขำๆ นะค่ะ จริงๆ แล้วยังมีอีกนะ พี่ไม่กล้าบอกน้องกลัวเสียกำลังใจ
วัลย์:เขาคงไม่รู้หรอกค่ะคุณพี่
กะทิ:ถ้าเขาไม่รู้ พี่ว่าน้องช่วยไปบอกเขาหน่อยเถอะ ให้เขาพูดอย่างเดียวบนเวทีหน่ะดีแล้วน่ะค่ะ
หาคนเก่งๆ มากำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีดีกว่านะค่ะ
วัลย์:น้องไม่กล้าหรอกค่ะคุณพี่ ขืนน้องทำเพื่อนๆ ก็มองหน้าแปลกๆ ไม่ไว้ใจหน่ะซิค่ะ
ยิ่งเห็นน้องมาคุยกับ พธม.ตัวเอ้ๆ อย่างคุณพี่ แค่นี้น้องก็แย่แล้วนะค่ะ
กะทิ: ฮ่าๆๆ นี่เป็นเพราะน้องไม่มีกระบวนการ การตรวจสอบไงค่ะ ไม่มีการชี้แจง ไม่ว่าด้านการเงิน
ด้านยุทธศาสตร์ ด้านยุทธวิธี มันก็เลยทำให้พี่อดสงสัยไม่ได้ไงค่ะ ดีนะที่พี่เป็น พธม. ถ้าพี่เป็นเสื้อแดง แล้วไปพูดแบบนี้
เขาก็หาว่าพี่เป็นแดงเทียม ไม่รักแกนนำไงค่ะ แต่พี่เป็น พธม.เลยสบาย
วัลย์:แล้วแบบนี้คนเสื้อแดงจะสู้ยังไงดีล่ะค่ะ เราไม่มีเส้น ไม่มีใครช่วยเลย นอกจากเราด้วยกัน
กะทิ:จุดแข็งของน้องไงค่ะ มวลชนที่มีสิทธิเลือกตั้งของน้องมีมากกว่า ถ้าเลือกตั้งโอกาสที่จะให้
พรรคการเมืองที่ต้องการให้บริหารกลับมาเป็นรัฐบาลมีสูง แต่น้องอย่าคิดนะค่ะ อย่าประมาทนะค่ะ
ทางฝั่งพี่เองก็รู้ประเด็นนี้ และได้เตรียมยุทธวิธีสกัดไว้แล้วหล่ะค่ะ ถ้าน้องประมาทรู้ไม่เท่าทัน
รับรอง แพ้อีกรอบ ฝ่อไปเองแน่ๆ ค่ะ
วัลย์: ยุทธวิธีอะไรค่ะ คุณพี่ แล้วฝั่ง พธม.ของคุณพี่ล่ะค่ะ จะเป็นอย่างไรต่อค่ะ
กะทิ: ทานข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ ไว้ค่อยคุยกัน........เรื่องมันยาวค่ะ พี่อยากทานพะแนงของน้องแล้วน่ะค่ะ
กะทิ: บุญเนียม ช่วยจัดโต๊ะที ฉันจะทานข้าวกับน้องวัลย์ อ้อๆ เอาข้าวหอมมะลิ ASTV น่ะบุญเนียม ฉันชอบ
โปรดติดตามตอนต่อไป
จากคุณ :
ความทุกข์ของกะทิ
- [
15 มิ.ย. 52 11:52:10
A:125.24.52.208 X:
]