ความคิดเห็นที่ 1 อ้อ !!! ที่อยากให้เสนอขายเป็น Terms ยาว ก็เพราะต้องเสนอกลยุทธ์แย่งชิงตลาด  เพื่อผู้ซื้อที่ต้องการจะหาวัตถุดิบด้วยเงื่อนไขที่เบากรเป๋าก่อนในช่วงนี้ ส่วนผู้ขายก็ได้เงิน ณ ปัจจุบัน ด้วยระบบ DISCOUNT กับธนาคาร การลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจจึงน่าจะทำแบบนี้ สัก หลายหมื่นล้าน ดูก่อน ในขณะที่กำลังซื้อทางอเมริกา และยุโรปกำลังกลับมาเล็ก ๆ จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 17 มิ.ย. 52 22:51:47 A:114.128.237.136 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 สิ่งที่ คุณเซรุ่มน้ำปลาหวาน คิดมันเยี่ยมมาก สำหรับ รัฐบาล  ที่คิดที่จะนำพาประเทศชาติรอดพ้นจากวิกฤติ ที่จะต้องเผชิญ แต่กับ รัฐบาล เด็กอ่อนหัด  อย่างนี้  คงไม่คิดแน่นอน  เพราะ  พวกเค้า  คิดแต่ การกู้  และ กู้   และ เปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับเท่านั้น  เรื่องอื่น  จะคิดเป็นมั้ยเนี่ย  รัฐบาล  กู้ชาติ  ก็เงี้ย จากคุณ : EUCALYPTUS007 - [ 17 มิ.ย. 52 23:00:26 A:112.143.27.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับนายกรณ์  ก็เร่งศุล:-XXรเด็กในกำกับ ให้รีบเร่ง โปรแกรม AEO  เพราะถ้าองค์ำกรธุรกิจใน SUPPLY CHAIN ได้รับความเป็น AEO จะทำให้ได้สิทธิพิเศษในเรื่องการขายได้ง่าย เพราะสินค้าจากประเทศที่มีศุล:-XXร และหุ้นส่วนธุรกิจเป็น AEO ทำให้เกิดความวางใจในความปลอดภัยที่แผงเร้นและคุณภาพของสินค้า อ้อ...เดี๋ยวเพื่อนงง และกรณ์งง  ด้วย ขอขยายความซะหน่อย เพราะยังไม่มีใครค่อยรู้ เพราะคณะทำงานของศุล:-XXรยังดองไว้...... แอบมาขยายนิดหน่อยสำหรับก่อนนอนค่ำคืนนี้ AEO  :  Authorized Economic Operator ผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจที่ได้รับอนุญาต                                                                                                     คือบุคคลซึ่งมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศ  ผ่านการอนุมัติโดยกรมศุล:-XXร หรือผ่านการอนุมัติโดยผู้กระทำการแทนศุล:-XXร หลังจากที่พวกเขาได้ปฏิบัติถูกต้องสอดคล้องกับที่องค์การศุล:-XXรโลก (WCO) หรือ ปฏิบัติได้เทียบเท่ากับมาตรฐานแห่งความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทานทั้งมวล  ดังนั้น AEO จึงรวมถึง ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ตัวแทนออกของ  ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ส่งออก ตัวแทนรับจัดการรวบรวมสินค้าเพื่อส่ง คนกลาง ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ผู้ประกอบการที่ท่าต้นทางปลายทาง ผู้ประกอบการครบวงจร (Integrated Operator) , คลังสินค้า และผู้จัดการกระจายสินค้า  และแม้นแต่ศุล:-XXรเองอีกด้วย จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 17 มิ.ย. 52 23:14:31 A:114.128.237.136 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 AEO จึงเป็นธุรกิจที่ดำเนินการในภาคเศรษฐกิจทั้งหมด ที่จะเข้ามาร่วมมือกันด้วยความสมัครใจ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการยื่นประเมินตนเอง (Self Assessment) จากมาตรฐานที่ศุล:-XXรกรกำหนด ที่ได้รับกรอบการดำเนินการมาจาก องค์การศุล:-XXรโลก  จากนั้นเมื่อศุล:-XXรของแต่ละประเทศพอใจจึงจะให้สถานะ AEO บุคคลที่ยื่นขอ  หลังจากนั้นบุคคลที่รับอนุญาตจะได้สิทธิประโยชน์ ต่าง ๆ เช่น การผ่านพิธีการศุล:-XXร การเปิดตรวจหากมีจะรวดเร็วขึ้น ข้อมูลและเอกสารผ่านการตรวจสอบได้ง่าย จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 17 มิ.ย. 52 23:15:20 A:114.128.237.136 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 เขาคิดได้ แต่เงินมันไม่ผ่านมือเขา เขาไม่ทำหรอก เรื่องของเรื่อง เป้าหมายคืออะไร ก็รู้กันอยู่ เขาไม่โง่ แต่เขาทำในสิ่งที่ฉลาดเป็นประโยชน์กับตัวเขา เท่านั้น จากคุณ : หมูลิน - [ 17 มิ.ย. 52 23:16:13 A:125.26.72.197 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ ในโลกมีความถี่มากยิ่งขึ้นทั้งภัยจากเชื้อโรคร้ายจากชีวภาพที่ถูกธรรมชาติสร้างขึ้นแล้วมนุษย์นำมาเป็นสิ่งทำลายล้างระหว่างกันในรูปของโรคภัยไข้เจ็บ  ภัยคุกคามบางอย่างช่างน่าพรั่นพรึง เพราะเป็นการใช้กำลังทางตรง จู่โจมรุนแรง จนผู้นำแต่ละประเทศกำลังหาทางป้องกันกันอยู่  คงยังจำกันได้ว่า ในตอนที่ตึกแฝดของ World Trade Center ถูกถล่มด้วยเครื่องบินโดยสาร Boeing  แล้วพังครืนราบเป็นหน้ากลอง ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 หรือในปี พ.ศ. 2544 วินาศกรรม ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้น ณ ตึกที่กล่าวเพียงแห่งเดียว แต่ยังมีอาคารทรง 5 เหลี่ยม ศูนย์กลางการทหาร และรวมถึงที่ตั้งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ถูกโจมตีด้วย การปฏิบัติการของผู้ก่อการร้าย ที่ใช้เครื่องบินถึง 3 หรือ 4 ลำในการก่อการร้าย ครานั้นสามารถนำภัยร้ายแรงบุกทะลุทะลวงเข้าไปถึงใจกลางของประเทศอเมริกาได้                     ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จอร์จ  ดับบลิว บุช  ก็ฟันธงลงไปว่านั่นคือการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายที่ชื่ออัลกออิดะห์ ถึงแม้ว่ายังมีความคลางแคลงใจว่ามันอาจจะเกิดจากการสมรู้ร่วมคิด เพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่งของอเมริกาเองหรือเปล่า ทำไมรูปแบบการถล่มของตึกมันดูเสมือนว่ามันมีการวางแผนสอดคล้องกับทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดหรือไม่  แต่ชั่งมันเถอะ บทความนี้จะไม่ไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่มาพิจารณาปัญหาที่แท้จริงของอเมริกา ซึ่งนั้นต้องประสพกับการหยุดชะงัก การผลิตสินค้าและบริการต่างๆ ไปร่วม 10 วัน การสูญเสียทางเศรษฐกิจมีมากมายมหาศาล เพราะการขนส่งคมนาคม สายการบิน สายการเดินเรือ โรงแรม อุตสาหกรรมท่องเที่ยว สถานบันเทิง บริการการเงิน และการค้าทั้งระหว่างรัฐ และระหว่างประเทศถูกกระทบอย่างรุนแรงมากที่สุดตามภัยที่เกิดขึ้นไปด้วย จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 17 มิ.ย. 52 23:16:20 A:114.128.237.136 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีแต่นักกฏหมายกับนักประชาสัมพันธ์   อ้อมีพ่อค้าด้วย แต่ไม่มีนักธุรกิจ จากคุณ : ไม้โมก - [ 17 มิ.ย. 52 23:20:58 A:203.158.221.227 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อโครงการ AEO ต้องการให้มีผลในทางปฏิบัติกับ องค์กรที่เกี่ยวกับการส่งมอบ เคลื่อนย้าย กระจายสินค้าแล้ว ก็ย่อม แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับ กิจการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ  (International Supply Chain) ที่จะได้รับ องค์กรเหล่านี้จะภูมิใจ และเที่ยวอ้างกันในทางการตลาดว่าได้รับใบรับรองสถานะ AEO แล้ว  บริษัทหรือองค์กรจะห้อยท้ายในหัวจดหมายว่า  our company is certified as an Authorized Economic Operator  หรือที่คล้ายกันนี้ เพราะเมื่อใช้ถ้อยคำนี้แล้วองค์กร หรือบริษัทเหล่านั้นถือได้ว่าเป็นที่รู้จักในแวดวงศุล:-XXร เป็นที่มั่นใจว่ามีความปลอดภัยในกระบวนการรับมอบส่งมอบน่าเชื่อถือ และสามารถไว้วางใจได้เป็นพิเศษ การเคลื่อนย้ายสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทางย่อมได้รับความสะดวกเป็นอย่างยิ่ง เช่น                   หลายประเทศดำเนินโครงการ ดังที่กล่าวแล้ว แต่ก็ยังใช้ชื่อที่แตกต่างกัน  เช่น อเมริกาใช้ชื่อว่า Customs-Trade Partnership Against Terrorism (C-TPAT)   สิงคโปร์ ใช้ชื่อว่า  Secure Trade Partnership (STP) และของนิวซีแลนด์ ใช้ชื่อโครงการว่า Secure Export Scheme (SES)    ส่วนสหภาพยุโรป ใช้ชื่อเดียวกัน คือ Authorized Economic Operator (AEO)  และอีกหลาย ๆ ประเทศในเอเซียเขาขยับตัวกันนานแล้ว.......ซึ่งมักจะมีสิทธิประโยชน์ คล้าย ๆ กัน แฮ่ม......วันนี้แค่นี้  แต่บทความของผมยังมีอีกแยะ   วันนี้ใช้สำหรับจุดพลุให้ กรณ์  ใช้เร่งกรมศุล:-XXร  สินค้าจะได้แข่งกับใคร ๆ เขาได้ จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 17 มิ.ย. 52 23:21:54 A:114.128.237.136 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ยังงง...ครับ.. เพราะที่คุณพูดหมายถึง ธุรกิจการรับซื้อตั๋วส่งออก...ทุกวันนี้มันก็ทำกันอยู่ หลายธนาคาร เพียงแต่ทำเฉพาะตั๋วประเภท L/C ที่ออกโดยธนาคาร เพราะมันชัวร์...รับประกันการจ่ายเงินอยู่แล้ว...ไม่เสี่ยง... ค่าใช้จ่ายของผู่ส่งออกหากไปใช้บริการนี้ ก็คือ จ่ายอัตราส่วนลดจากราคาตั๋ว และค่าธรรมเนียม  พูดง่ายๆว่า ผู้ส่งออกได้รับชำระเงินไปหมุนเวียนก่อนโดยไม่เต็มราคาตั๋ว..ซึ่งถ้าไม่ร้อนเงินกันจริงๆก็ไม่มีใครนิยมใช้บริการ หากตั๋วเงินของเขาไม่ได้มีความเสี่ยงสูงจากปัญหาคู่ค้า ประเทศคู่ค้า หรือธนาคารที่ออก L/C ให้...อาจจะเสี่ยงบ้างก็คือ อัตราแลกเปลี่ยน แต่มันก็สามารถลดความเสี่ยงด้วยวิธีการอื่นๆได้.. ผมยังไม่เห็นว่า รัฐบาลจะได้เงินอะไรจากการทำตรงนี้..เอาตัวเข้าไปรับความเสี่ยงแทนธนาคารซะมากกว่า.. จากคุณ : เกาะเคาะข่าว - [ 18 มิ.ย. 52 08:48:01 A:58.8.115.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ : เกาะเคาะข่าว ผมกำลังบอกว่าให้รัฐใช้มาตรการส่งเสริมให้ผู้ส่งออกขาย Terms ยาว ประมาณ 9 เดือน ขึ้น หรือ 1 ปีขึ้น แล้วรัฐช่วยรับปรกะกันการ DISCOUNT ในอัตราเปอร์เซนต์ที่ส่งเสริมเ ผู้ส่งออกจะมีกระจิตกระใจ ไปเสนอขาย Terms ยาวแบบที่ prospect ต้องหันกลับมาซื้ออย่างเก่า เพราะเหมือนได้วัตถุดิบไปผลิตก่อนสามารถ Delayed Payment ไปได้ยาว แต่เสียดอกเบี้ยเพียงนิด เท่าหรือต่ำกว่า Interbank ด้วยซ้ำ งานนนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะ ผู้ส่งออกจะมีคนประคอง และไม่ใช่ Short Terms แบบเก่า ไม่ใช่ sight  หรือ Advance Payment แบบเก่า อ้อ..ที่คุณว่า เอาตัวเข้าไปรับความเสี่ยงแทนธนาคารซะมากกว่า นั้นถูกต้อง รัฐต้องทำ แต่เฉพาะ L/C ที่ออกมาจากธนาคารที่น่าเช่ื่อถือคงไม่มาก แต่ทำเพื่อให้ธนาคารของเราเองมีรายได้  ทำให้ผู้ส่งออกกลับมามีรายได้เหมือนเดิม  ทำให้มีลูกจ้างมีรายได้เพราะการลงทุนมีเพิ่ม  การจ้างงานเพิ่มขึ้น  และสุดท้ายรัฐมีรายได้แบบไม่ต้องรอนาน สินค้าแต่ละประเทศก็ต้องมีผู้ซื้อแสวงหาเพื่อนำไปใช้เป็นส่วน ประกอบ บรรจุ ผสม ในสินค้าสำเร็จรูปอื่นทั้งนั้น การผลิตสินค้าไม่ใช่ใช้เฉพาะส่วนผสมภายในแต่ละประเทศ เมื่อเงื่อนไขทางการค้าดีกว่า Suppliier เพื่อนบ้าน ผลจากการส่งออกได้มาก  ต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบมากตามไปด้วย        ภาษีจากการนำเข้าอีกหลายตัว เช่น อากรขาเข้า ธํรรมเนียมอื่น ภาษีสรรพสามิต  ภาษีมหาดไทย และภาษีมูลค่าเพิ่มจะตามมาให้รัฐมีรายได้ทันที ส่วนเงินที่รัฐจะใช้กระตุ้น มาจากธนาคารที่กำลังปอดกับความเสี่ยง ก็จะเดินไปได้ ไม่ว่า ปลอบให้ทำเอง  โดยรัฐให้การรับประกัน หรือ ถ้าเขาไม่ทำรัฐจะกู้เงินเขาออกมาทำวางนโยบายผ่านธนาคารของรั{ในอัตรา Discout Rate ที่จูงวใจ  แต่ก็ต้องระวังอย่าให้ใครในประเทศอื่นเขาว่าได้ถึงการ subsiidize   เศรษฐกิจจะถูกขับเคลื่อน ถึงแม้ เรื่อง AEO จะยังไม่จูงใจประเทศมหาอำนาจก็ให้รีบเร่งโปรแกรม AEO ของศุล:-XXรด่วน งานนี้เงินวนอยู่ในประเทศ  ลงทุนอยู่ในประเทศ  รัฐอาจไม่ต้องกู้ แต่จะได้มีรายได้ ไม่ต้องมานั่งบ่นว่า เงินเก็บไม่ได้ตามเป้า  ได้เงินไว กว่ารถไฟฟ้าที่จะทำเป็นไหน ๆ  WIN กันทุกฝ่าย แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 09:49:33 จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 18 มิ.ย. 52 09:40:24 A:112.143.16.193 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ก็ตอนนี้ที่ธนาคารบางแห่งก็ทำอยู่...เป็นนายหน้าอยู่..ก็รับตั๋วเทอมยาวทั้งนั้น เทอมระยะสั้นเขาไม่รับ เพราะมันเสี่ยง ไม่คุ้ม...ต้นทุนไปทำ forfaiting มันสูง... แต่อย่างไรก็ตาม มันก็แค่เพิ่มความสะดวกเท่านั้น ทุกที่มีเหมือนกันหมด ในต่างประเทศ เขาก็ทำกันหมด..แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเพิ่มตลาด หรือ สินค้า ในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก..มันอยู่ที่ราคาที่แข่งขันได้เท่าไหร่ ของที่ไหนถูกกว่า เขาก็ซื้อที่นั่น...ค่าเงินที่เหมาะสม ถึงจะทำให้ค้าขายได้คล่อง...ถ้าต้องมาเสียค่าทำ forfaiting ก็เป็นภาระค่าใช้จ่ายของผู้ส่งออกเพิ่มขึ้นอยู่ดี... ทีรัฐมีข้าวขายในมือ รัฐเป็นเจ้าของผลผลิตรายใหญ่แท้ๆ กลับไม่เอาไปขายเอง แล้วทำ forfainting เอง เปิดเทอมยาวๆให้ผู้สั่งซื้อข้าว... จากคุณ : เกาะเคาะข่าว - [ 18 มิ.ย. 52 10:12:18 A:58.8.115.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ที่สำคัญ มูดี้ส์เอง ก็ตั้งข้อสังเกตอยู่แล้วว่า ธนาคารไทย ช่วยตัวเองไม่ได้ในการทำธุรกิจ ยังอาศัยเป็นกาฝากเกาะรัฐบาล...แล้วไปทำอย่างนี้ ยิ่งไปกันใหญ่... พูดง่ายๆว่า สถาบันการเงินไทย น่าเป็นห่วง ทำธุรกิจแข่งขันกับใครไม่ได้ ไม่ยอมรับความเสี่ยงอะไรเลย จะทำอะไรก็ผลักความเสี่ยงให้เป็นภาระของรัฐบาลเข้าไปรับหมด..แล้วสุดท้ายก็โยนมาให้เป็นหนี้สาธารณะ....มันสะท้อนให้เห็นว่าระบบการเงินของไทยไม่อิสระ ถ้ารัฐไม่อุ้มสงสัยจะล้มไปหลายครั้งแล้วก็ได้...ทำอย่างนี้แบงก์มันถึงไม่ยอมโต.. แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 10:18:01 จากคุณ : เกาะเคาะข่าว - [ 18 มิ.ย. 52 10:15:21 A:58.8.115.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณเกาะเคาะข่าวครับ ที่บอก ก็ตอนนี้ที่ธนาคารบางแห่งก็ทำอยู่...เป็นนายหน้าอยู่ ..ก็รับตั๋วเทอมยาวทั้งนั้น เทอมระยะสั้นเขาไม่รับ เพราะมันเสี่ยง ไม่คุ้ม...ต้นทุนไปทำ forfeiting มันสูง. (ไม่นิยมเขียนด้วยคำว่ forfaiting จะใช้ forfeiting  ใช้ตัวอี เสียมากกว่า) คงไม่ใช่รับเทอมยาวหรอกครับ เพราะยาวมันเสี่ยง   สั้นมันไม่เสี่ยง (กลับกัน) Forfeiting มันใช้กับการ Discout ยาว แต่ตอนนี้ในเมืองไทยยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก  จะมีบ้างก็เป็ Rep. หรือตัวแทนจากสถาบันการเงินต่างประเทศหรือธนาคารพาณิชย์ของไทยบางแห่งเริ่มกลัว ๆ กล้า ให้บริการบ้างแล้วก็ตาม ที่ผมพูดก็คือให้นายกรณ์ส่งเสริมให้กล้ารับ forfeiiting  เพราะ Discount แบบนี้มันได้ระยะ Terms ยาวถึงหลาย ๆ ปีทีเดียว คนรู้น้อย ผู้ส่งออกติดต่อแล้วเด้งกลับ มาส่งเสริมการค้า การขาย แบบรัฐเข้าแทรก เข้เสริม หรือประสานงานไปทางตลาดเงิน  ทำการส่งเสริมได้หลายทางครับ การคิดค่าใช้จ่าย forfeiting มี 2 ส่วน คือ   -อัตราส่วนลดการรับซื้อขาดตั๋วส่งออก (Discount Fees)    -ค่าธรรมเนียมการซื้อขาดตั๋วส่งออก (Commitment Fees) ประมาณร้อยละ 0.5-2/ปีของมูลค่าตั๋วส่งออก ก็อันที่ 2 ถ้ารัฐจะทำสักชั่วคราวแค่ สัก 6 เดือน จะยกเว้นส่วน 0.5 กว่าตรงนี้ไป หรือ จะลดลงมา หรือจะีมีเงื่อนไขว่าไม่ซื้อขาดอย่างไร กรณ์ก็หาวิธีเอาสิครับ ไม่ได้หรือครับ พอเศรษฐกิจเริ่มขยับ  ก็คงเลิกมาตรการ  ทีทำอย่างอื่น ฟรี เพื่อิกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังเอามาทำได้เยอะแยะ   ทีตรงนี้ เงินเนื้อ ๆ ไม่ส่งเสริม เราคิดก่อน แอบทำกันก่อนเพื่อนบ้านไม่ดีกว่าหรือครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 10:58:17 จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 18 มิ.ย. 52 10:46:21 A:112.143.16.193 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 บอกตามตรง ผมได้ความรู้ทั้งจาก จขกท.และคุณเกาะเคาะข่าว อ่านแล้วเข้าใจ มีประโยชน์ต่อผม ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการบริหารเศรฐกิจ อีกอย่างอ่านความเห็นของทั้ง 2 ท่านแล้วมีความรู้สึกว่าไม่มีการทะเลาะกัน การพูดคุยในกระทู้เพื่อความเข้าใจในเหตุและผล ผมชอบ จากคุณ : พ่อน้องก้องกับน้องกล้า - [ 18 มิ.ย. 52 11:24:24 A:202.28.248.45 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนสนใจ L/C คำว่า ADDING CONFIRMATION หมายถึง L/C ที่ออกมา เมื่อถึงผู้ส่งออกสามารถมาร้องขอเพิ่มการับประกัน หรือการรับรองการชำระเงิน (UNDERTAKE TO HONOR) จากธนาคารในประเทศผู้ส่งออกได้อีกชั้นหนึ่ง ขอเพียงให้ L/C นั้นมีการระบุเจตนาไว้ในส่วนที่เกี่วข้องว่าให้ทำได้ เช่นใน SWIFT FIELD ที่ 49 เป็นต้น ตั๋วเงินทีี่ออกภายใต้ L/C ประเภทนี้จะยิ่งมีความมั่นคงพอที่จะรับซื้อลดกันได้ง่ายขึ้น จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 18 มิ.ย. 52 11:43:45 A:112.143.16.193 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 อนึ่ง การขาย Terms ผู้ส่งออกสามารถคิดบวก ค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มเข้าไปได้อยู่แล้วเวลาทำ Export Costing Worksheet หรือใบคำนวนราคาที่ค่อยสะสมมากขึ้นมา เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับน้อง ๆ ที่เริ่มทำการค้าระหว่างประเทศ เช่น ถ้าขาย INCTERMS CIF NEWYORK PORT ก็โดยเริ่มคิดจากราคา ต่อหน่วย จาก EXW Value + Inland Transportation and Terminal Handling Charges + CFS Charge + Cranage +Stowage + Trimmage (ถ้าเป็นสินค้า Bulk) + Freight charges + Insurance Premium + Intl. mktg ค่าโฆษณา หรือ ช่องทางจดหมายขาย และบวกต้นทุนทางการเงิน คือ ค่า Interest or Discount Charges ถ้าเป็นการขายแบบมี Terms ระยะยาว แนะนำให้ถามอัตรา ที่ธยาคารที่รัฐส่งเสริม นำมาบวก รวมกันเตามสมควรสนอต่อ ผู้ซื้อเป็นต้น หากซื้อสินค้าที่บริการส่งมอบสั้นกว่านี้ ก็ให้บวก cost ทางการเงินตรงนั้ ขอบคุณสำหรับทุกควมเห็น หวังว่าผู้ส่งออกคงได้จ่ายภาษีการค้า และพนักงานทั้งมวล คงได้จ่ายภาษีเงินได้ ให้รัฐบาลกันอย่างสนุกสนาน นะครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 14:21:08 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 14:17:17 จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 18 มิ.ย. 52 14:12:04 A:112.143.16.193 X: ]