ภาคที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7979540/P7979540.html
ภาคที่ 4
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7975098/P7975098.html
ภาคที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7965368/P7965368.html
ภาคที่ 2
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=808368
ภาคที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7957871/P7957871.html
* กระทู้นี้มีเจตนาเพื่อที่จะ วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี การจัดทำ SWOT
การจัดตั้ง Organization ของกลุ่มการเมืองต่างๆ เพื่อเป็นมุมมองเชิงเปรียบเทียบ
ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความส่งผลกระทบทางด้านจิตใจ
ดิฉันก็ขอกราบอภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยน่ะค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------
กะทิ: น้องวัลย์คิดว่าทำไมคนถึงจำทักษิณได้ ทำไมคนถึงเรียกร้องให้กลับมาเป็นนายกอีกล่ะค่ะ
วัลย: ท่านทำนโยบายให้เห็นเป็นรูปธรรมไงค่ะ ท่านทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับผลดีจากนโยบาย
ท่านให้ในสิ่งที่ภาคการเมืองไม่เคยได้ให้ขนาดนี้มาก่อนไงค่ะ ไม่ใช่ให้เหมือนแจกเงินน่ะค่ะ คุณพี่สังเกตไหมค่ะ
ท่านแบ่งกลุ่มเป้าหมาย ในกลุ่มของคนทำงานท่านให้ในลักษณะของโอกาส เช่นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
กู้เพื่อสร้างงาน ให้โอกาสในการที่จะมีที่พักอาศัยในราคาที่ไม่เป็นภาระมากเกินไปนัก ในกลุ่มคนรายได้น้อย
กลุ่มคนนอกเหนือประกันสังคมที่ยังครอบคลุมไม่ถึง ท่านก็ให้ 30 บาทรักษาทุกโรค และสำหรับเยาวชนก็ให้โอกาสทางการศึกษา
โดยพัฒนากองทุนกู้ยืมทางการศึกษาที่ท่านนายกบรรหารเป็นผู้ริเริ่ม ให้ขยายโอกาสได้กว้างขึ้น และมี 1 อำเภอ 1 ทุน
ให้นักเรียนที่อยู่ต่างจังหวัดได้มีโอกาสไปศึกษาต่อต่างประเทศ คือสรุปๆ ก็คือท่านทำให้คนส่วนใหญ่ มีความเป็นอยู่ดีขึ้นในเวลานั้นไงค่ะ
กะทิ: ใช่ค่ะน้องวัลย์ คนจำทักษิณได้ เพราะเป็นผู้พัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ มากกว่านักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
น้องวัลย์สังเกตไหมค่ะ แกนนำคนหนึ่งที่เก่งทางด้านวิชาการของน้องวัลย์
อดีตผู้สื่อข่าว เขาใช้คำว่า "ประชาธิปไตยที่กินได้" แทนความหมายโดยสรุปของสิ่งที่อดีตนายกทำไงค่ะ
วัลย์: อ๋อ พี่เอกเองค่ะ จริงๆ ด้วยค่ะคุณพี่ คำว่า "ประชาธิปไตยที่กินได้" มันเป็นประโยคสรุปที่ครอบคลุมผลงานท่านจริงๆ
กะทิ: พี่ว่านะค่ะ อดีตนายก มาจากภาคธุรกิจ จึงคิดว่ายุคนี้สมัยนี้ กระบวนการประชาธิปไตย ได้ปรับเปลี่ยนเป็น
ประชาธิปไตยแบบทุนนิยม ตามกระแสของโลก เน้นพัฒนาที่เศรษฐกิจของภาคประชาชนก่อน ให้อิ่มท้องเป็นพื้นฐานก่อน
ได้มีแรงคิดที่จะทำอย่างอื่นได้ดี กองทัพเดินด้วยท้องไงค่ะ
วัลย์: ค่ะ อืมมม แล้วมันเกี่ยวยังไงกับยุทธวิธีที่จะใช้ล่ะค่ะ
กะทิ: น้องวัลย์ก็เลียนแบบอดีตนายกไงค่ะ ใช้เศรษฐกิจเป็นตัวนำ ในการขยายมวลชน แทนที่จะใช้ประชาธิปไตยเป็นตัวนำ
ให้เศรษฐกิจนำก่อนและตามด้วยประชาธิปไตย
วัลย์: อ๋อ แบบโอทอปของคนเสื้อแดงเหรอค่ะ
กะทิ: ใช่ค่ะ แต่อย่าจำกัดแค่คนเสื้อแดงไงค่ะ การที่ใช้ชื่อว่าโอทอปของคนเสื้อแดง อาจจะดูดี
ว่าเป็นการบอกให้รู้ว่าดำเนินการโดยกลุ่มของคนเสื้อแดง แต่ในขณะเดียวกัน น้องวัลย์อย่าลืมว่า
กลุ่มลูกค้าไม่ใช่มีแต่คนเสื้อแดง กลุ่มคนขายก็ไม่ได้มีแต่คนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นต้องพยายาม
อย่าเอาไปผูกติดกับเสื้อแดงมากเกินไปนัก เพราะอย่าลืมว่า เราทำยุทธวิธีนี้ก็เพื่อขยายมวลชน
และสร้างมวลชนให้เข้มแข็งโดยช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจเสริมพื้นฐานให้แข็งแกร่ง ให้ท้องอิ่มก่อน
จะให้ไปตะโกน ออกไปๆๆ ท้องร้องไป คงไม่ไหวกระมังค่ะ
วัลย์: :D :D :D ค่ะ
กะทิ: แบบ SMEs-OTOP หรือที่ทางกลุ่มเรียกว่า SMOT ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยน่ะค่ะ
เพียงแต่ว่า มันจะขยายได้ลำบาก ถ้าไปผูกติดกับคนเสื้อแดงมากเกินไป
วัลย์: อืมมม...จริงๆ ด้วยค่ะ น้องก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน และน้องก็คิดว่าเขาน่าจะมี Logo เล็กๆ
ไม่ต้องใหญ่มากเกินไปนัก เล็กๆ ก็พอ ติดที่ผลิตภัณฑ์คล้ายกับเครื่องหมาย อย. ไงค่ะได้รู้ว่า
ผู้ผลิตรายนี้อยู่ในกลุ่มเครือข่ายของเรา
กะทิ: น้องวัลย์เคยบอกพี่ว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงที่รวมกลุ่มกันเอง จัดตั้งกันเอง กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศมากมาย
ก็น่าที่จะลองประสานงานให้กลุ่มนี้เป็นคนจัดร้านค้า SMOT ในแต่ล่ะท้องที่ล่ะค่ะ
จัดตั้งและดำเนินงานในรูปแบบของสหกรณ์ นำสินค้าในเครือข่ายของแต่ละพื้นที่มาขายในร้านค้า
ขณะเดียวกันน้องต้องการต่อต้านสินค้าของผู้สนับสนุนเผด็จการ น้องก็อาจจะนำสินค้าของสมาชิกที่สามารถใช้ทดแทนกันได้
มาวางขายและแนะนำสินค้าไงค่ะ การทำรูปแบบสหกรณ์จะทำให้กลุ่มของน้องเข้มแข็งขึ้น และในขณะเดียวกัน
น้องก็จะมีโอกาสได้ขยายมวลชนให้มากขึ้นในตัวด้วยไงค่ะ การทำแบบนี้ก็เป็นการหาตลาดซึ่งกันและกันในตัวด้วยไงค่ะ
แต่ละกลุ่มก็มีมีการจัดองค์กรกันภายใน จัดประชุมสมาชิก เลือกคณะกรรมการ จากนั้นก็ให้คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือก
ผู้จัดการ ฝ่ายบัญชี ฝ่ายการเงิน ฝ่ายสินเชื่อ ฝ่ายการตลาด และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ
ผู้ตรวจสอบกิจการ
วัลย์:ดีเหมือนกันน่ะค่ะ ทำกลุ่มเล็กๆ ไปก่อนจากนั้นก็เอาตัวแทนกลุ่มเล็กๆ มารวมกัน จากอำเภอ เป็น จังหวัด
เป็นระดับภาค แล้วจัดกิจการสัมนา หาตลาด ประชุมร่วมกัน ดูงานซึ่งกันและกันในแต่ละกลุ่ม แลกเปลี่ยนปัญหา อุปสรรค
ตัวอย่างความสำเร็จของแต่ละกลุ่มร่วมกัน
กะทิ: ใช่ค่ะ น้องวัลย์เก่งมากเลยนะค่ะ ยุทธวิธีนี้ไงค่ะ ที่พี่บอกว่า ถ้าฝ่ายตรงกันข้ามน้องสกัด
ก็เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งประเทศไงค่ะ
วัลย์: อ๋อ น้องเข้าใจแล้วค่ะ
กะทิ: จริงๆ แล้วโครงการ OTOP ทางฝ่ายพี่เค้าเรียกกันเล่นๆ ว่า โครงการ เหยีบตาปลา กันนะค่ะ
วัลย์: โครงการ เหยีบตาปลา ปลาอะไรค่ะคุณพี่
กะทิ: ปลาซิวไงค่ะคุณน้อง เล็กๆ เหมือน OTOP ทอดกรอบอร่อยดี
วัลย์: แหมคุณพี่ก็ ไม่พ้นเรื่องอาหารเลยน่ะค่ะ
กะทิ: :D :D :D
ต่อใน คห.3
แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 13:17:23
แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 13:09:49
แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 13:08:02