ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ สมควรที่รัฐจะต้องกู้มาลงทุน อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ว่าไปแล้วพื้นฐานทางเศรษฐกิจประเทศไทยยังแข็งแกร่งมาก
แม้ว่าการส่งออกจะติดลบ แต่ดุลการค้าปีนี้สูงเป็นหมื่นล้านดอลล่าร์เข้าไปแล้ว เผลอๆจะสูงสุดในประวัติศาสตร์ ช่วงแรกอาจมีคนกลัวว่าดุลการค้าเป็นบวกในช่วงแรกเท่านั้น แต่ตอนนี้น่าจะชัดเจนว่าดุลการค้าจะเป็นบวกไปอีกนาน
เงินทุนสำรองก็สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ๑.๒ แสนล้านดอลล่าร์
เงินฝากในธนาคารมากกว่าเงินกู้ราว ๑๔ เปอร์เซนต์
แต่การส่งออก การท่องเที่ยวมีปัญหา การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร่งด่วนจำเป็นต้องทำโดยรัฐบาลเป็นผู้สร้างงาน
โครงการที่รัฐเป็นผู้แบกรับภาระการลงทุน แต่ยังไม่มีแหล่งเงินในปีงบประมาณ 2552-2553 มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 289,070 ล้านบาท จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลนำร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทส่งให้ที่ประชุมสภาพิจารณาในครั้งนี้ ซึ่งจะประกอบไปด้วยโครงการที่สำคัญๆ 12 กลุ่ม ได้แก่
1.สาขาบริการจัดการน้ำ/น้ำเพื่อการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงทรัพยากรฯ, กระทรวงมหาดไทย เปนผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 67,113 ล้านบาท ใช้ในการบำรุงฟื้นฟูระบบชลประทานเดิม ก่อสร้างฝายอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก-กลาง แก้ปัญหาอุทกภัย การปรับปรุงพันธุ์และกระจายพันธุ์พืช การพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนบน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2.สาขาขนส่ง/logistic หน่วยงานกระทรวงคมนาคมเป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 65,531ล้านบาท เพื่อก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง สีม่วง สีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่และแบริ่ง-บางปู) สีน้ำเงิน สีชมพูและน้ำตาล โดยบางส่วนของสายสีเขียว สีชมพู และสีน้ำตาล จะดำเนินการภายหลังปี 2553 การลงทุนระบบราง จัดหาโบกี้และหัวรถจักรดีเซล ระยะที่ 5-6 (แก่งคอย-บัวใหญ่-หนองคาย) รถไฟรางคู่ (ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย)
โครงการทางพิเศษ (บางปะอิน-สระบุรี-โคราช) ถนนไร้ฝุ่น (ทางหลวงชนบท) การขยายถนน 4 ช่องจราจรระยะที่ 2, การบูรณะทางหลวงในเส้นทางสายหลัก การปรับปรุงท่าอากาศยานรวม 4 แห่ง รวมถึงสนามบินอู่ตะเภา โครงการท่าเรือปากบารา, คลองใหญ่
3.สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคมเป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 1,159 ล้านบาท เพื่อจัดทำระบบประปา ระบบ จำหน่ายไฟฟ้าด้วยสายเคเบิลใต้น้ำ ปรับปรุงสถานีรถไฟ/สถานีขนส่งผู้โดยสาร
4.สาขาโครงสร้างพื้นฐาน/พัฒนาบุคลากรด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, สำนักนายกฯ, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 53,270 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสถานศึกษา โครงการ education hub พัฒนาหลักสูตรวิทย์-คณิต โครงการสร้างจิตสำนึกความเป็นไทย ฯลฯ
5.สาขาโครงสร้างพื้นฐาน/พัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข, กลาโหม, กทม., กระทรวงศึกษาธิการ, ร.พ.รามาฯ เป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 32,325 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสถานีอนามัย โรงพยาบาลชุมชน+ศูนย์ exellence center ก่อสร้างอาคารที่พัก/ วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ จัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ผลิตภัณฑ์บุคลากรทางการแพทย์
6.สาขาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสวัสดิภาพของประชาชน หน่วยงาน สนง.ตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 4,826 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอาคารที่พักตำรวจ/ทหาร
7.สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 3,564 ล้านบาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์และสนับสนุนงานวิจัยสำหรับภาคอุตสาห กรรม/วิจัยพัฒนาพลังงานทดแทน
8.สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรฯ, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 2,108 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ดำเนินโครงการลดภาวะโลกร้อน โครงการป้องกันไฟป่า ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ
9.สาขาการพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักนายกฯ, กระทรวงทรัพยากรฯ, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 3,179 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาบริการสปา+โรงแรม โครงการอนุรักษ์สัตว์ป่า ป้องกันรักษาสภาพป่า พัฒนาสวนพฤกษศาสตร์ เพิ่มศักยภาพในการสร้าง รายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
10.สาขาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงทรัพยากรฯ เป็นผู้รับ ผิดชอบ วงเงินกู้ 4,873 ล้านบาท มีโครงการ creative city ก่อสร้างศูนย์ถ่ายทอดความรู้ของภูมิปัญญาท้องถิ่น บูรณะโบราณสถานในอยุธยา โครงการพัฒนา SMEs+สิ่งทอ พัฒนา digital media+digital content ออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนานวัตกรรมอาหาร พัฒนาอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง พัฒนาเทคโนโลยี+นวัตกรรมอุตสาหกรรม โครงการยกระดับการสร้างสรรค์+ออกแบบ
11.สาขาการลงทุนในระดับชุมชน สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงทรัพยากรฯ, จังหวัดและกลุ่มจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบวงเงินกู้ 36,622 ล้านบาท เพื่อสร้างโครงการส่งเสริมอาชีพ ยกระดับรายได้ชุมชน, พัฒนาคุณภาพคน วัฒนธรรม สังคม, ฟื้นฟูเศรษฐกิจ การลงทุน, พัฒนาเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน, เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน, ปรับปรุงกฎระเบียบเพิ่มประสิทธิ ภาพในการบริหารจัดการ
12.สาขาแผนการเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ กระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบ วงเงินกู้ 14,500 ล้านบาท
ดูคร่าวๆแล้ว ล้วนเป็นโครงการที่จำเป็น และหลายเรื่องได้ถูกละเลยมานาน เองงบไปทำโครงการประชานิยมเป็นหลัก ในสภาวะปกติ รัฐจะกู้เงินดึงเงินในระบบแข่งกับเอกชนมากเกินไปไม่ได้ เงินจะเฟ้อ ดอกเบี้ยสูง เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมทีสุดในการลงทุนของรัฐ
ถ้าไม่อยากกู้เงิน อยากตัดโครงการไหนบ้าง
จากคุณ :
Pom.com
- [
21 มิ.ย. 52 23:56:59
A:124.121.212.109 X:
]