Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  
 


เห็นข่าวมีผู้กล้าแบบเรื่องไกรฟ้องผู้บริหารแบงค์ใหญ่ฉ้อฉลแล้ว ถ้าจริงสะเทือนถึงตลาดหุ้นแถมธรรมาภิบาลของแบงค์ด้วย vote  

ตามข่าว

ฟ้องโสภณพนิชโกงแบงก์! - โดย ผู้จัดการรายวัน 16 กรกฎาคม 2552 21:57 น.

ผู้ถือหุ้นรายย่อยฟ้องบิ๊กแบงก์กรุงเทพกราวรูด 7 คน "ชาตรี-ชาติศิริ-โฆสิต-เดชา-วิระ-ปิติ-ดำรง" อนุมัติเงินกู้ลูกน้อง "คีรี กาญจนพาสน์" 120 ล้าน ข้อหาทุจริตทำให้แบงก์-ผู้ถือหุ้นเสียหาย ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ขอให้ศาลลงโทษให้พ้นตำแหน่ง ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 21 ก.ย. "เดชา" โต้แบงก์ต้องฟ้องลูกหนี้เอ็นพีแอล ไม่มีกลั่นแกล้ง
     
รายงานข่าวจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ตามคดีหมายเลขดำที่ 1702/2552 นางนันทนา ชุณหสวัสดิกุลและนายบัณฑูร ชุณหสวัสดิกุล ผู้ถือหุ้นของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) ได้เป็นโจทก์ที่ 1 และ 2 ยื่นฟ้องนายชาตรี โสภณพนิช นายดำรง กฤษณามระ นายปิติ สิทธิอำนวย นายเดชา ตุลานันท์ นายชาติศิริ โสภณพนิช นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ และนายวิระ รมยะรูป เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 7 ต่อศาลฯ เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ในข้อหาเป็นกรรมการซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ ธนาคาร กรุงเทพฯ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535

คำบรรยายฟ้องระบุว่า จำเลยกระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของธนาคารกรุงเทพ และกระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายแก่ธนาคาร อีกทั้งลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความอันสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของธนาคาร ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง เป็นความผิดตามมาตรา 307, 311 และ 312 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

เนื่องมาจาก วันที่ 26 มิถุนายน 2540 จำเลยทั้งเจ็ดซึ่งมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ ได้มีมติในที่ประชุมฯ อนุมัติให้ธนาคาร ปล่อยสินเชื่อเงินกู้ ให้แก่ลูกน้องนายคีรี กาญจนพาสน์ ซึ่งขณะนั้นลูกน้องนายคีรีไม่เคยเป็นลูกค้าและไม่เคยมีบัญชีเงินฝากใดๆ กับธนาคารกรุงเทพมาก่อน เป็นเงิน 120 ล้านบาท ก่อนการอนุมัติให้ปล่อยสินเชื่อ เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพไม่ได้จัดทำรายงานว่าลูกค้าจะนำเงินกู้ไปทำอะไร ไม่มีประวัติการทำงานหรือฐานะทางการเงินหรือทรัพย์สิน ไม่มีรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ในการชำระเงินกู้และดอกเบี้ยคืน

การอนุมัติให้ปล่อยสินเชื่อจำนวนมหาศาลดังกล่าว ทำไปตามคำเสนอของผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ สาขาตรอกจันทร์ ที่ระบุว่าหลักประกันของเงินกู้มีที่ดินจำนวนสี่โฉนดของนายคีรีจำนองเป็นประกันและมีนายคีรีค้ำประกันเป็นส่วนตัว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานการประเมินราคาที่ดินที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ และในวันดังกล่าว จำเลยทั้งเจ็ดมีมติอนุมัติให้ปล่อยสินเชื่อเงินกู้เป็นการให้สินเชื่อที่กรรมการของธนาคารพาณิชย์ผู้ประกอบการค้าด้วยความระมัดระวังและซื่อสัตย์ไม่พึงกระทำ

"วันที่ 27 มิถุนายน 40 ลูกค้ารายดังกล่าวจึงได้ไปเปิดเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารกรุงเทพ สาขาตรอกจันทร์ 10,000 บาท พร้อมกับทำคำขอสินเชื่อเงินกู้ 120 ล้านบาทในวันเดียวกัน ในวันที่ 30 มิถุนายน 2540 จำเลยทั้งเจ็ดก็จัดการโอนเงินกู้เข้าบัญชีลูกค้าและในวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยทั้งเจ็ดก็ให้ลูกค้าถอนเงินกู้ 120 ล้านบาท ออกจากบัญชี และนำเงินสด 112,600,000 บาท ไปเข้าบัญชีเงินฝากของนายคีรีที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรอกจันท์ เงินสดส่วนที่เกินอีก 7,600,000 บาท นั้น จำเลยทั้งเจ็ดและพวกได้เก็บไว้เป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริตและมิชอบ และในวันเดียวกันนั้นเองจำเลยทั้งเจ็ดก็หักบัญชีเงินฝากของนายคีรี เป็นจำนวน 112 ล้านบาท ไปชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่นายคีรีครบกำหนดที่จะต้องชำระแก่ธนาคารกรุงเทพ" คำบรรยายฟ้องระบุ

การปล่อยสินเชื่อของจำเลยทั้ง 7 จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณชิย์ พ.ศ. 2505 และกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งต่างๆของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดังนี้คือ 1.เป็นการปล่อยสินเชื่อในลักษณะที่เล็งเห็นได้ว่าจะเรียกคืนไม่ได้ ตามประกาศของ ธปท.ฉบับลงวันที่ 4 ตุลาคม 2532 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ทั้งข้อเท็จจริงปรากฏต่อมาว่าลูกน้องนายคีรีได้ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเงินกู้และผิดสัญญาไม่ชำระต้นเงินกู้คืนแก่ธนาคารกรุงเทพ จนธนาคารต้องเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 569/2544 แต่ต่อมาธนาคารกรุงเทพ ก็ต้องถอนฟ้องคดีดังกล่าวไปจากศาล โดยไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากลูกค้า

2.จำเลยทั้งเจ็ดกระทำไปโดยมีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการตัดสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ออกจากบัญชี หรือหลีกเลี่ยงการกันเงินสำรองสำหรับสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ เมื่อสิ้นงวดบัญชีในวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 15 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 กล่าวคือ ในวันที่ 30 มิถุนายน 2540 ซึ่งเป็นวันสิ้นงวดการบัญชีครึ่งปีของธนาคารนั้น จำเลยทั้งเจ็ดซึ่งรู้ดีอยู่ก่อนว่านายคีรีไม่สามารถที่จะชำระดอกเบี้ยอันเกิดจากสินเชื่อที่มีอยู่กับธนาคารกรุงเทพ เป็นจำนวนดอกเบี้ยถึง 112 ล้านบาท จึงได้หลีกเลี่ยงมาตรา 15 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 ดังกล่าว โดยการปล่อยสินเชื่อ 120 ล้านบาทให้แก่ลูกน้องนายคีรีเพื่อให้ส่งต่อให้นายคีรีเพื่อนำเงิน 112 ล้านบาท ไปชำระค่าดอกเบี้ยแก่ธนาคารกรุงเทพ ในวันสิ้นงวดการบัญชีครึ่งปี ทำให้ธนาคารไม่ต้องตัดสินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ออกจากบัญชี หรือไม่ต้องกันเงินสำรองสำหรับสินทรัพย์ที่สงสัยจะเรียกคืนไม่ได้ หรือที่เรียกกันว่าเป็นการ “ตกแต่งบัญชี”

โจทก์ได้ร้องเรียนการกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดต่อ ธปท.และได้รับแจ้งว่า ธปท.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 และได้ทำการลงโทษธนาคารกรุงเทพไปแล้ว แต่โจทก์ยังเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งเจ็ดเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คือ 1.มาตรา 307มาตรา 311 มาตรา 312

จากการกระทำตามฟ้องของจำเลยทั้งเจ็ด แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งเจ็ด ซึ่งเป็นกรรมการบริหารของธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่มีหุ้นจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ยังได้กระทำฝ่าฝืนต่อหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารตามบทบัญญัติในส่วนที่ 2 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/7 2.มาตรา 89/8 มาตรา 89/10 และด้วยเหตุที่การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดเป็นการฝ่าฝืนต่อหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหาร จึงทำให้จำเลยทั้งเจ็ดขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในกฏหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด รวมทั้งมีลักษณะต้องห้ามที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการกิจการที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้น ตามมาตรา 89/3 จำเลยทั้งเจ็ดจึงต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการของธนาคาร และจะดำรงตำแหน่งผู้บริหารของธนาคารต่อไปไม่ได้ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 89/6

โจทก์ทั้งสองจึงขอให้ศาลพิพากษาออกหมายเรียกจำเลยทั้งเจ็ดมาลงโทษตามกฎหมายและให้จำเลยทั้งเจ็ดพ้นจากตำแหน่งกรรมการของธนาคารกรุงเทพและห้ามมิให้จำเลยทั้งเจ็ดดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารใดๆ ของธนาคารกรุงเทพอีกต่อไป

ทั้งนี้ ศาลได้นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในวันที่ 25 สิงหาคม 52 เวลา 9.00น. และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 21 กันยายน 52 เวลา 9.00น.

จากคุณ : ดาว7ดวง
เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 52 14:09:22 A:124.121.65.114 X:


[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
    ขอความกรุณางดการเขียนในลักษณะต่อไปนี้

    1. การต่อว่าด่าทอ คนที่มีความเห็นไม่เหมือนท่านในกระทู้
    2. ตั้งหรือใช้สมญานามที่มีลักษณะทำให้ผู้อื่นได้รับการ ดูถูก เสียดสี ประชดประชัน หรือ ได้รับความเกลียดชัง
    3. เขียนแบบไร้ประโยชน์ อันได้แก่ เสียดสี ล่อเป้า ก้าวร้าว บิดเบือน ฯลฯ
    4. หยิบข้อเขียนของคนอื่นมาตีความทีละคำแบบ หัวหมอ หรือ ศรีธนญชัย
    5. ล้ำเส้นไปก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของบุคคลสาธารณะ
    6. ห้ามใช้เวทีนี้ในการนัดชุมนุมใดๆ โดยเด็ดขาด
    7. อนึ่งการหยิบยกสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือพระราชดำรัสมาอ้างอิง ถือว่าเป็นการกระทำที่อาจเอื้อมและไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง จึงขอห้ามโดยเด็ดขาดเช่นกัน
 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com