Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แนวคิดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจการนักวิชาการ : ตัวอย่างหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลหลงทาง vote  

ฟังจากรายการเสวนาด้านเศรษฐกิจจากวิทยุตอนบ่ายคลื่น 96.5 ของคุณจิระอีกแล้วครับ เป็นความเห็นของอาจารย์ท่านหนึ่งที่แสดงความเห็นวิธีการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศไทยควรจะทำ โดยสรุปก็คือประเทศไทยต้องลดระดับการพึ่งพาธุรกิจการส่งออกในระยะยาว

เริ่มต้นด้วยการที่อาจารย์ท่านบอกว่า ตอนนี้การส่งออกของประเทศไทยติดลบเฉลี่ยประมาณ 25% ซึ่งเป็นอัตราการติดลบที่ลดลง ถ้าตีความหมายทางตัวเลขต้องถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นแต่ในแง่ของผู้ส่งออกโดยรวมยังถือว่ายังอยู่ในฐานะที่ยากลำบากอยู่ และภาพรวมของเศรษฐกิจไทยก็ยังไม่ดีเช่นกัน ทั้งนี้เป็นเพราะระดับ GDP ของประเทศไทยต้องขึ้นอยู่กับการส่งออกถึง 70% ถ้าตลาดต่างประเทศยังไม่ดีขึ้นประเทศไทยก็ยังถูกกดอยู่อย่างนี้ ดังนั้นในระยะยาวประเทศไทยต้องลดเงื่อนไขนี้ลงให้ได้

......................................................................................................................

ผมฟังแล้วก็ถึง "บางอ้อ" ถึงความสัมพันธ์แบบสามเส้าระหว่าง "นักวิชาการ-ผู้บริหารประเทศ-ผู้รับฟังข้อมูล" จากวันนี้ไปความรู้สึกในด้านที่เกลียดนักวิชาการของผมคงลดลงในระดับหนึ่งทีเดียว

เนื่องจากผมเพิ่งจะจับประเด็นได้ว่า ที่จริงแล้วนักวิชาการนั้นเป็นแค่กลไกทางปัญญาส่วนหนึ่งเท่านั้น...ไม่ใช่ทั้งหมดของทั้งระบบ ความเห็นของนักวิชาการจะมุ่งเฉพาะแค่ขอบเขตของแต่ละประเด็นของปัญหา ส่วนการตัดสินความผิดถูกหรือความหนักเบาของปัญหานั้นๆขึ้นอยู่กับการมองของผู้บริหารและผู้รับฟังข้อมูลเป็นหลักครับ

ตัวอย่างจากเรื่องการพึ่งพาการส่งออกที่อาจารย์ท่านนี้บอกมาก็ชัดเจน

ในเมื่อประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกสูงถึงระดับ 70% ของ GDP แต่ตลาดโลกกำลังฝืดเคืองดังนั้นเศรษฐกิจของไทยจึงยังฟื้นตัวไม่ได้ และทางแก้ปัญหาทางวิชาการคือต้องพึ่งการส่งออกให้น้อยลง....ตอบปัญหาแบบกำปั้นทุบดินอย่างนี้รัฐบาลไหนขืนไปเต้นตามโดยไม่คิดให้รอบด้านก็เวรกรรมของประเทศละครับ

สมมุติว่ารัฐบาลต้องการตั้งเป้าลดสัดส่วนที่ว่านี้ลงสักปีละ 5% ของ GDP ก็หมายความว่าถ้าไม่ใช่ลดรายได้จากการส่งออก 5% ก็ต้องกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่ม 5% บนฐานตัวเลขนี้ ถ้าลดการส่งออกแปลว่าต้องมีผู้ส่งออกเจ๊ง แต่ถ้า้เพิ่มการบริโภคภายในประเทศแทนลดการส่งออก....จะทำได้จริงๆหรือ?

สมมุติในระยะยาวที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวตัวเลขการส่งออกก็จะพุ่งสูงขึ้นไปถึงระดับเดิม คืออีกอย่างน้อย 25% ของตัวเลขวันนี้ ถามว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร? ต้องสร้างตัวเลขรายได้จากการขยายการบริโภคภายในประเทศต้องเพิ่มอีกเท่าไหร่ถึงจะมีมูลค่าตามสัดส่วนที่สูงกว่าการส่งออกอย่างที่นักวิชาการท่านนี้ชี้ทางเอาไว้?

.....แล้วจะเอาทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงไปเก็บไว้ที่ไหนกันดี?.....

.....................................................................................................................

ผมจึงสรุปว่าถ้าเมื่อไหร่เอาความเห็นของนักวิชาการมาเป็นหลักยึดสำคัญที่สุดในการสร้างนโยบายเศรษฐกิจของประเทศแทนที่จะใช้วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร เมื่อนั้นมีปัญหาแน่นอนครับ

รัฐบาลที่ดีอาจจะสร้างนโยบายโดยพิจารณาทิศทางข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาประกอบกับนโยบายของตนได้ แต่รัฐบาลที่คิดเองไม่เป็น ยกเอาแผนพัฒนาฯทาใช้ทั้งดุ้นพร้อมกับเต้นตามนักวิชาการที่เสนอทฤษฎีรายวันนั้น ยิ่งบริหารนานไปประเทศก็จะยิ่งถอยหลังครับ

เพราะโดยธรรมชาติของนักวิชาการนั้นเขาเจาะเป็นประเด็น แสวงหาคำตอบแบบเฉพาะด้าน ในขณะที่นักบริหารต้องเก่งมากๆในด้านการประมวลคำตอบทางวิชาการทั้งหลายมาหลอมรวมแล้วตัดความขัดแย้งของแต่ละคำตอบออก โดยต้องยอมลดความถูกต้องทางทฤษฎีลงบ้างหรือมองข้ามกฏเกณฑ์บางอย่างบ้างเพื่อให้ปฏิบัติได้จริง ด้วยเหตุนี้วิธีการแก้ปัญหาของนักบริหารกับมุมมองของนักวิชาการจึงมีแนวโน้มที่ขัดกันเสมอ

หากผู้บริหารไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง เดินตามนักวิชาการแบบไม่ลืมหูลืมตา เมื่อนั้นเขาจะเจอแต่ความขัดแย้งจนทำงานไม่ได้เลย เพราะทุกวันนี้เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่าแม้แต่ในกลุ่มนักวิชาการด้วยกันเองยังมองปัญหาต่างมิติกันอยู่ทั่วไป

คนที่บริหารเป็นจึงต้องมีข้อสรุปของตนเอง และต้องเข้มแข็งพอที่จะเดินหน้าพิสูจน์ผลงานโดยไม่หวั่นไหวกับ "ทะเลทฤษฎี" ที่ท่วมอยู่ในทุกๆสื่อแบบรายวันด้วย ต่างจากผู้บริหารที่คิดเองไม่เป็นหรือคิดแบบนักวิชาการ มองปัญหาแบบแคบๆเฉพาะส่วน การบริหารของคนประเภทนี้จะเหมือนกับ "ลิงแก้แห" จับต้นชนปลายไม่ถูกสักที

หากผู้เสพข้อมูลจากนักวิชาการไม่รู้จักนำไปคิดเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง เพราะเชื่อมั่นในความเป็น "นักวิชาการ" เมื่อนั้นเขาจะตามไม่ทันความคิดของผู้บริหารที่มีฝีมือ เพราะนักวิชาการไม่มีหน้าที่ในการแสวงหาวิสัยทัศน์ ยึกมั่นแต่บนหลักวิชา ดังนั้นถ้าหลับหูหลับตาเชื่อทุกอย่างที่นักวิชาการบอกโดยไม่วิเคราะห์ให้รอบด้านด้วยตนเอง......ทุกรัฐบาลเลวหมดครับ

และผู้เสพข้อมูลประเภทนี้จะถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือของนักแสวงหาอำนาจ โดยการใช้ความเห็นนักวิชาการที่ไร้จรรยาบรรณหรือพวกที่ยึดมั่นใน"อัตตา"โดยไม่ดูความเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นอาวุธในเชิงทำลายด้วยการเสนอข้อมูลแบบแฝงนัยยะเชิงทำลายได้ตลอดเวลา

แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 09:04:37

จากคุณ : สัมมาชน
เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 08:22:16 A:124.120.4.99 X:


[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
    ขอความกรุณางดการเขียนในลักษณะต่อไปนี้

    1. การต่อว่าด่าทอ คนที่มีความเห็นไม่เหมือนท่านในกระทู้
    2. ตั้งหรือใช้สมญานามที่มีลักษณะทำให้ผู้อื่นได้รับการ ดูถูก เสียดสี ประชดประชัน หรือ ได้รับความเกลียดชัง
    3. เขียนแบบไร้ประโยชน์ อันได้แก่ เสียดสี ล่อเป้า ก้าวร้าว บิดเบือน ฯลฯ
    4. หยิบข้อเขียนของคนอื่นมาตีความทีละคำแบบ หัวหมอ หรือ ศรีธนญชัย
    5. ล้ำเส้นไปก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของบุคคลสาธารณะ
    6. ห้ามใช้เวทีนี้ในการนัดชุมนุมใดๆ โดยเด็ดขาด
    7. อนึ่งการหยิบยกสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือพระราชดำรัสมาอ้างอิง ถือว่าเป็นการกระทำที่อาจเอื้อมและไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง จึงขอห้ามโดยเด็ดขาดเช่นกัน
 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com