เรื่อการตลาดข้าว น้ำลายที่อภิสิทธิ์พ่นไม่พ้นตัวเอง

ผมขอ อนุญาตลงกระทู้นอกกระแส ซะหน่อย เนื่องจากผมเป็นหลานชาวนา และกำลังกล้ำกลื่นกับราคาที่ได้กันอยู่ตอนนี้นั้นทำให้ผม อดวิจารณ์ ท่านนายกในฐานผู้ออกหน้าออกตาเรื่องตลาดข้าวมากกว่าผู้ที่รับผิดชอบคือ คุณพรธิวา
และสืบเนื่องจาก การกล่าวอ้างของอภิสิทธิ์ที่ว่าต้องมาตามแก้ปัญหาของตลาดข้าวในไทย จากการที่รัฐบาลก่อนๆได้สร้างปัญหา ไว้ และ สุ่มเสี่ยงที่จะเสียตำแหน่ง ผู้นำการส่งออก ข้าว ในไม่ช้า และยังออกตัวเป็นผู้กู้วิกฤตินี้ที่ตัวเองอ้างว่า คนอื่น ทำ ไม่ใชัตัว

ผมขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันในวันนี้เลยว่าการขายของ อย่าโทษปริมาณ สิ่งที่ต้องโทษคือคนทำตลาด

และสิ่งที่ รัฐบาล ทรท ทำให้ชาวนาอย่างปู่ย่า อา น้า ผมรู้สึก เออ มันใช้และเป็นการแก้ปัญหาเชิงรุกแบบหมดหน้่าตักจริงๆ ก็คือ โครงการ สร้างไซโลข้าว
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=11198
แม้ว่าจะมีกระแสการทุจริจ มาก  แต่นั้นก็คือกระแส ซึ่งเรื่องเหล่าวนี้ ต้องแก้ปัญหา ไม่ใช้กลัวปัญหา
เมื่อเรื่องนี้ตก ไปหลังจากถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ  เราก็ต้องกลับมาใช้ระบบเก่า คือจำนำก่อน หรือ แทรกแซงราคา (โดยไทยมักใช้การ ประกันราคา)
ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการจำนำข้าว แต่เมื่อ เราโดนต่างชาติปั่นราคาข้าวให้ต่ำผ่านการตัดราคา ของประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม จีน ทำให้ราคาข้าวของไทยมีกำไรน้อยมากเมื่อเทียบกับข้าวของเวียดนาม

เราก็จำเป็นที่ต้องจำนำข้าวก่อนแล้วก็จัดการข้าวทีหลัง ถ้าต้องการให้ข้าวขาวในประเทศราคาตก เราก็ทำข้าวขาวมาขายในทางกลับกัน ราคาข้าวเปลือกก็ราคาสูงขึ้น นี้คือการจัดการในประเทศ ส่วนต่างประเทศ ผมไม่ขอลงรายระเอียด
ข้อเสียคือ ระบบตลาด ขึ้นอยู่กับรัฐเพียงผู้เดียว เพราะข้าวอยู่ในมือของรัฐตั้ง 4-6 ล้านตัน จะปล่อย เท่าไร ขายยังไง ขึ้นอยู่กับการจัดการของรัฐ
แต่วิธีนี้ไม่มีใครเค้าอยากทำ เพราะทำลายกลไกลตลาด

อีกอย่างหนึ่งที่ทำคือการประกันราคาข้าว แต่การประกันราคาข้าวนั้น  ต้องยอมรับว่า  ณ วันนี้รัฐบาลขาดทุนแน่นอน
เพราะต้องมีกระบวนการแทรกแซงราคา และต้องใช้ต้นทุนที่สูง แต่ว่า ยอมรับว่า มันจะทำให้กลไกลตลาดเดินต่อไปตามระบบทุนนิยม โดยรัฐจัดการเท่านั้น  แต่ว่าต้องใช้กลยุทธที่ยากกว่า มาก เพราะว่าต้องทันพ่อค้า ต่างๆที่เค้าคิดเอาแต่ได้อยู่แล้ว

แล้วกลับมาย้อนดู ทั้่งสองรัฐบาล ต่างผ่าน การทำทั้งสองระบบไปแล้วทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นการจำนำซึ่งท่านทักษิณทำตอน 3-4 ปีหลัง และการประกันซึ่งท่านชวนชอบทำ (แต่ประกันไม่อยู่ซักที)
แล้วทักษิณยังมีนโยบายเชิงรุกประเภทสิงคโปร์ เวียดนามยังต้องระวังตัว คือการทำไซโลข้าว แล้วรับซื้อข้าว ของภูมิภาค ซึ่งสามารถทำให้เราเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของการขายข้าว ไม่ใช้จำกัดแค่การผลิต

แล้ววันนี้ท่านอภิสิทธิ์ทำอะไร
ท่านออกความโง่ ออกมาโดยการประกาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ข้าวยังไม่ได้หว่านว่า ท่านจะประกันเพิ่มอีก 6หรือ 4  ล้านตัน จำไม่ได้ ท่านรู้หรือปล่าว่า หน้านี้ ข้าว จะออกมาสู่ตลาดเป็น 20-30 ล้านตันเพราะเป็นหน้าข้าวที่ทุกคน เค้าปลูกกัน
การรับจำนำนั้น ผมไม่ว่า แต่ว่า การประกาศก่อนนั้น ชาวนาเค้าไม่ได้ประโยชน์ เพราะทำให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการ ร่วมมือกับข้าราชการโยกข้าวในสต๊อกของตัวเองเข้าสต๊อกของจำนำได้ไม่ยาก
ทำให้ชาวนาไม่ได้ราคาที่จำนำ
บวกกับ ข้าวที่ท่านไม่ยอมให้ ท่าน รมต พรธิวา ระบายข้าว ทำให้ข้าวในตลาดสูงมาก ข้าวเปลือกราคาก็จะตก
แล้วข้าวขาวล่ะ  ก็ในเมื่องท่านไม่ระบายข้าวในสต๊อกรัฐ 6 ล้านตัน ข้าวเปลือกในมือเอกชนก็น้อย
ราคาข้าวสารก็สูง

จากปัญหาและเรื่องราวข้างต้นที่ผมได้พิมพฺมายืดยาวนั้น
จะเห็นว่า ท่านทักษิณได้คิดอย่างเป็นระบบ และมองทะลุถึงการควบคุมราคาข้าวของภูมิภาค แทนการจำนำ  และการแทรกแซงราคาข้าวนั้น ก็มีตัวช่วยในการแทรกแซงแบบเห็นผลทันตา แต่สิ่งที่เป็นที่ครหาคือ การทุจริต กับความคิดโง่ๆ ของคนบางกลุ่มที่หลอกชาวนาว่า จะทำให้ข้าวราคาตก และทำให้คนไทยได้กินข้าท่อน ซึ่งมันอยู่ที่การจัดการ

แต่ท่านอภิสิทธิ์กลับไม่ยอมระบายข้าวจนข้าวออกรวงแล้วก็ยังไม่ระบายข้าว กลับมาด่าทักษิณว่าเป็นคนทำให้ตลาดข้าวบิดเบือน
ผมว่าท่าน เล่นการเมืองมากเกินไป จนทำให้ข้าวไม่ออกสู่ตลาดซักที
และท่านเองนั้นแหละ ที่ไม่เป็นเรื่องการตลาด
และท่านอีกนั้นแหละที่ถมน้ำลายใส่หน้าตัวเอง

จากคุณ	: davinco
เขียนเมื่อ	: 21 ก.ค. 52 13:36:49 A:202.28.249.180 X: