 |
นี่ "เนื้อข่าว" นะครับ
วันนี้ไม่เพียง บ้านเมืองจะแตกแยก...ผลกรรมของการเลือกคนไม่ดีมาปกครอง บ้านเมือง ด้วยหลงเชื่อว่า รวยแล้วไม่โกง ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ประชาชนคนไทยมหาศาล...เกินกว่าใครหลายคนจะรู้ทัน
วันนี้ประเทศไทยที่ได้ชื่อว่า ประเทศมหาอำนาจด้านข้าว...กำลังจะเสีย ตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ให้กับเวียดนาม
ไม่ เพียงเท่านั้น...อารยธรรมผลิตข้าวที่บรรพบุรุษสั่งสมกันมานานหลายพันปี ถูกทำลายไปทั้งระบบ เพียงเพราะนโยบายการตลาดประชานิยม ที่ครองอำนาจเพียง 6 ปี เท่านั้นเอง
"ข้าวไทยในตลาดโลกปัจจุบันนี้ ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาคุณภาพข้าวของไทยแย่ลง เป็นผลมาจากการใช้ นโยบายรับจำนำข้าว ที่ให้ราคาสูงเกินจริง บิดเบือนกลไกตลาด"
นายชู เกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวในงานเสวนาเชิงวิชาการ เรื่อง "จำนำ - ประกันราคา...ฤาแก้ปัญหาสินค้าเกษตรไทย" จัดโดยสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข้าวไทยชื่อเสีย เพราะการรับจำนำที่ให้ราคาสูงเกินกว่าราคาจริง กระตุ้นให้มีการบิดเบือนพฤติกรรมการปลูกข้าวของคนไทย
ด้วย เอาข้าวมาจำนำกับรัฐบาลได้ราคาดี คนก็แห่กันปลูกข้าวมากขึ้น และเพื่อให้ได้ข้าวจำนำมาก จากที่เคยปลูกข้าวพันธุ์ดี อายุ 100-120 วันเก็บเกี่ยวได้
ก็เปลี่ยนมาเป็นปลูกข้าวเบา ปลูกแค่ 65-70 วัน เก็บเกี่ยวได้แล้ว เพื่อปีหนึ่งจะได้ปลูกข้าว 3 ครั้ง เอามาขาย เอามาจำนำให้กับรัฐบาล
ข้าวปลูกนาน กับข้าวปลูกไว...คุณภาพเนื้อข้าวต่างกัน
ผล กรรมการรับจำนำหวังแค่หาคะแนนเสียง เลยทำให้ประเทศไทยมีข้าวคุณภาพต่ำมาก ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลาดโลกไม่ให้ราคาข้าวไทยเหมือนในอดีตอีกต่อ ไป
แต่นั่นเป็นเหตุผลเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งเท่านั้น...ที่กำลังทำให้ไทยเสียตำแหน่งมหาอำนาจข้าว
เห็นได้จากสถิติการส่งออกข้าวไทย...ครึ่งปีแรกของปีนี้เทียบกับครึ่งปี ที่แล้ว ไทยส่งออกลดลง 30%...เวียดนามส่งออกเพิ่มขึ้น 56%
ในฐานะขาใหญ่ตลาดข้าวโลก ปีที่แล้วไทยมีส่วนแบ่งตลาดโลก 27%...เวียดนามมีแค่ 9%
แต่มาปีนี้ไทยได้ส่วนแบ่งลดลง เหลือแค่ 22%...เวียดนาม ได้ส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 20%
ข้าวไทย ยอดขายตกเพราะชื่อเสีย คุณภาพแย่...เวียดนามเลยได้ทีทำยอดขายพุ่งจี้ติดหายใจรดต้นคอไทย
ใน อนาคตข้างหน้า นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ข้อมูล ไม่เพียงแต่เวียดนามเท่านั้นที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญของเรา...พม่าเป็นอีก ประเทศหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
"เมื่อ 40 ปีก่อน พม่าส่งออกข้าวมากกว่าไทย แต่เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เราเลยมีโอกาสแซงหน้าขึ้นมาแทนที่
จาก ที่เขาผลิตข้าวไม่พอกิน มาปีที่แล้วพม่าผลิตข้าวส่งออกได้ถึง 2 แสนตัน ปีนี้ส่งออก 1 ล้านตัน ตลาดใหญ่ที่รับซื้อไม่ใช่ที่ไหน ประเทศไทยของเรานี่เอง"
หลายคนอาจจะสงสัย ประเทศไทยปลูกข้าวได้ล้นประเทศ กินไม่หมดจนต้องส่งขายต่างประเทศ แล้วทำไมต้องนำเข้าข้าวจากพม่า??
ไม่ต้องสงสัยให้มากความ...ประเทศไทยไม่ได้นำเข้าข้าวจากพม่ามาแบบถูกกฎหมาย คนไทยลักลอบนำเข้ามาตามชายแดน
เนื่อง จาก ข้าวของพม่า ราคาอยู่ที่ตันละ 2,500-3,000 บาท...กระบวนการคอรัปชัน มีวิชั่นมองยาวไกล อ้างชาวนาไทยเดือดร้อน ต้องทำโครงการประชานิยม ให้ราคารับจำนำสูง เอาข้าวจากพม่ามาจำนำขายให้รัฐ...ได้กำไรเกินกว่าเท่าตัว
และไม่ต้องสงสัยให้มากอีกว่า...คนพวกไหน กลุ่มไหนที่สามารถเอาข้าวพม่ามาสวมสิทธิชาวนาจำนำได้...ถ้าไม่ใช่พวกเขา
ด้วย ความต้องการเอาข้าวจากพม่ามาจำนำรัฐบาลไทยมีสูง ขายพม่าขายดี เลยจูงใจให้คนพม่าปลูกข้าวกันอย่างขนานใหญ่ โครงการรับจำนำข้าวไทย เลยช่วยให้ชาวนาพม่ามีรายได้มากขึ้น ทำนามากขึ้น
และไม่ใช่แต่ เพียงพม่าเท่านั้น...กัมพูชาก็เช่นกัน การปลูกข้าวกำลังไปได้ดี ด้วยเหตุผลเดียวกับที่เกิดในพม่า เพราะคนไทยประชานิยมคอรัปชัน
โครงการรับจำนำที่บอกอ้างว่าช่วยชาวนา...สุดท้าย วันนี้ออกลายให้เห็นชัด
ไม่เพียงสนับสนุนให้คนไทยทำลายระบบการผลิตข้าวของ
ตัวเองเท่านั้น ยังเป็นการส่งเสริมให้ชาวนาประเทศเพื่อนบ้านได้เติบโตขึ้นมาเป็นคู่แข่ง แย่งลูกค้าทำร้ายชาวนาไทยอีกต่างหาก
นี่นะหรือ...รวยแล้วไม่โกง มีวิชั่นยาวไกล ทำเพื่อประเทศไทย
ที่ สำคัญปีหน้า มกราคม 2553 ข้อตกลงอาฟตาเรื่องสินค้าเกษตรมีผลบังคับใช้ สินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน สามารถนำเข้ามาขายในบ้านเราได้อย่างเสรี ไม่ต้องเสียภาษี...ถ้าขืนรับจำนำประชานิยมแบบนี้ ชาวนาไทยกรอบ...พม่า กัมพูชาอ้วนพี
"ตลอดระยะเวลา 6-7 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการส่งออกข้าวไทยอึดอัดกับปัญหานี้มาก จนผู้ประกอบการบางรายไม่สามารถทำธุรกิจนี้ได้ ถ้าไม่ไปร่วมขบวนการกับพวกเขาก็อยู่ไม่ได้ จึงอยากจะให้รัฐบาลเลิกนโยบายรับจำนำเสียที เปลี่ยนไปใช้วิธีประกันราคาน่าจะเหมาะที่สุด เพราะไม่แทรกแซงกลไกตลาดมากจนเกินไป"
แทรกแซงช่วยแค่ชาวนา...กลไกอื่นๆ ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ จะทำให้ระบบที่เสียไปได้ปรับตัวให้กลับมาดีใหม่
แม้ หลายฝ่ายจะมองว่า การประกันราคาจะเป็นเรื่องดี แต่ นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย มีข้อติติง...โครงการนี้ราชการมีความพร้อมแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาทำอะไรก็ช้าไปหมดทุกอย่าง
เวลาที่เหลืออีกไม่เท่าไร เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร มีความพร้อมในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการแค่ไหน จะตรวจสอบตรวจเช็กความถูกต้องว่า เป็นชาวนาจริง มีที่นาจริง ทำนาจริงแค่ไหน ทำได้ทันเวลาตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้หรือเปล่า
"ที่ ผ่านมาหลายสิบปีก่อน รัฐบาลเคยใช้วิธีการแบบนี้มาแล้ว จำได้ว่าจ่ายค่าชดเชยให้ชาวนาเกวียนละ 50 บาท แต่ทำไปทำมาชาวนาไม่ได้เงิน ถูกข้าราชการเอาไปหมด ครั้งนี้ก็กลัวว่าจะเหมือนเมื่อก่อน ที่สำคัญอย่าลืมว่า พวกโกงนั้นเหมือนโจร โจรมักจะคิดอะไรไปไกล ล้ำหน้ากว่าตำรวจเสมอ จึงมักจะจับไม่ค่อยได้ ไล่ไม่ค่อยทัน
ตอนนี้มี ข่าวมาแล้วว่า พอรัฐจะรับประกันราคาแทนจำนำ พวกนั้นวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า โครงการเดินหน้าทำเมื่อไร พ่อค้าโรงสีจะรวมหัวกันกดราคารับซื้อให้ต่ำลง เพื่อจะได้รับค่าชดเชยรัฐสูงๆ ใครที่อยากจะได้เงินชดเชยสูงมาร่วมกัน แบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่ง"
กระนั้น นายกสมาคมชาวนาไทย ยอมรับ การประกันราคาน่าจะดีกว่าการรับจำนำ เพราะรัฐบาลจะมีการประกาศราคาประกันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นฤดูว่า ข้าวจะมีราคาเท่าไร
ชาวนาจะรู้ก่อนว่า ทำนาแล้วคุ้มหรือไม่ ทำอย่างไร ปลูกวิธีไหน ใช้ปุ๋ยยังไง ตัวเองถึงจะมีกำไรมาก...ช่วยให้ชาวนารู้จักปรับตัวเอง
ไม่ เหมือนการรับจำนำ ชาวนาลงทุนไปแล้ว ปลูกไปแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะขายได้เท่าไร เพราะรัฐบาลมาประกาศราคารับจำนำเอาตอนที่จะเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว...ชาวนาเลย ไม่รู้อนาคตของตัวเอง
ชาวนารู้แค่วันๆ ทำไปแบบวันๆ...ไม่รู้อนาคต เลยวางแผนชีวิตให้ตัวเองไม่ได้
จากคุณ |
:
tarthewise
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ค. 52 13:37:14
A:203.185.154.66 X:
|
|
|
|
 |