"อดีตผู้นำ"พยายามเดินทางกลับประเทศ/ปชช.หนุนให้กลับ/"ฮิลลารี "เตือน"บุ่มบ่าม"ไม่เป็นปชต./เซลายาสวน ให้มาดูด้วยตาตัวเอง

ไทยรัฐออนไลน์
27 กรกฎาคม 2552
NEEDS CHANGE
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8105700/P8105700.html

ผู้นำฮอนดูรัสเดินทางข้ามชายแดนนิคารากัว เข้าฮอนดูรัส แล้วตัดสินใจเดินกลับนิคารากัวตามเดิม ขณะที่รัฐบาลเฉพาะกาลฮอนดูรัส ประกาศเคอร์ฟิวส์ ที่ชายแดนนิคารากัว

ประธานาธิบดีมานูเอล เซลาย่า ของฮอนดูรัส ได้เดินข้ามชายแดนนิคารากัว ที่เมืองลอส มานอส ซึ่งเป็นเมืองชายแดนระหว่างนิคารากัว กับฮอนดูรัส ท่ามกลางผู้คนแวดล้อม ซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้สนับสนุน และผู้สื่อข่าว ท่ามกลางการสังเกตการณ์ และการตรึงกำลังของทหาร ที่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีเซลาย่า ที่สวมเครื่องแต่งกายตามสไตล์คาวบอย ได้เดินมาถึงเพียงป้ายข้อความที่เขียนว่า "ยินดีต้อนรับสู่ฮอนดูรัส" แล้วหยุดเพียงแค่นั้น ก่อนข้ามกลับไปยังนิคารากัวตามเดิม  

ก่อนหน้านี้ กองทัพได้เข้าตรึงกำลังบนถนนทุกสาย ตามแนวชายแดน เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร และรัฐบาลเฉพาะกาล ของฮอนดูรัส ได้ประกาศว่า จะจับกุมประธานาธิบดีเซลาย่า แม้เดินเท้าเข้ามาในฮอนดูรัส ขณะที่ประชาชนหลายร้อยคน ในฮอนดูรัส ได้ขว้างปาก้อนหิน ใส่ทหาร ซึ่งตอบโต้ด้วยการใช้แก๊สน้ำตา หลังจากรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวส์ เป็นเวลา 18 ชั่วโมง ตลอดแนวชายแดนนิคารากัว

บรรดาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีมานูเอล เซลาย่า ของฮอนดูรัส ได้รวมตัวที่บริเวณชายแดนนิคารากัว เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำของเขากลับบ้าน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันนี้ (26 ก.ค.) ว่า กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีมานูเอล เซลาย่า ของฮอนดูรัส ได้รวมตัวชุมนุม ที่บริเวณชายแดนนิคารากัว เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเซลาย่า ที่อยู่ในนิคารากัว เดินทางกลับฮอนดูรัส ขณะที่รัฐบาลเฉพาะกาลของฮอนดูรัส ประกาศเคอร์ฟิวส์ ที่ชายแดน เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ของกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีเซลาย่า  

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเซลาย่าได้ข้ามผ่าน จากชายแดนนิคารากัว เข้ามาในชายแดนฮอนดูรัสแล้ว วานนี้ (25 ก.ค.) แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็กลับเข้านิคารากัวตามเดิม โดยอ้างว่า ต้องการหลีกเลี่ยงการปะทะ และการนองเลือด ระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนตน กับฝ่ายทหาร

อดีตประธานาธิบดีฮอนดูรัสประกาศเตรียมตั้งที่พัก ตรงชายแดนนิการากัว ติดกับฮอนดูรัส ขณะที่กองทัพฮอนดูรัสตรึงกำลัง เข้าเขตแดนฮอนดูรัส 100 ม...

เมื่อ 26 ก.ค. นายมานูเอล เซลายา อดีตประธานาธิบดีฮอนดูรัส วัย 56 ปี ผู้ถูกทำรัฐประหารขับไล่ออกนอกประเทศ ย้อนกลับไปบริเวณชายแดนเมืองเอล โอโคตัล ประเทศนิการากัว ที่ติดกับพรมแดนฮอนดูรัส เป็นครั้งที่ 2 พร้อมประกาศผ่านโทรโข่งท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนราว 300 คน ที่มาคอยให้ กำลังใจและกองทัไสื่อมวลชนว่า จะตั้งค่ายที่พักบริเวณดังกล่าวจนกว่าจะได้กลับมาตุภูมิตัวเอง และวิจารณ์ รัฐบาลเฉพาะกาลที่ขัดขวางไม่ให้เขาได้พบหน้าครอบครัว ซึ่งต้องอยู่แยกจากกันตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นางซิโอมารา คาสโตร ภริยานายเซลายา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า เธอและคนอื่นๆถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดขวางทางไม่ให้เข้าไปถึงแนวชายแดน

นอกจากนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนเซลายากล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ฮอนดูรัสลงมือฆ่าประชาชน หลังพบศพชายหนุ่มนอนเสียชีวิตอยู่บนถนนใกล้กับทุ่งกาแฟติดชายแดนนิการากัว ห่างจากจุดรวมตัวของกลุ่มผู้สนับสนุนเซลายาไป 50 เมตร ทราบชื่อต่อมาว่านายเปโดร มูนอซ อัลวาราโด วัย 23 ปี อาศัยอยู่ในย่านชนชั้นแรงงานของกรุงเตกูซิกัลปาของฮอนดูรัส สภาพศพถูกซ้อมและถูกแทงหลายแผล

ขณะเดียวกัน กองทัพฮอนดูรัสระดมกำลังกว่า 50 นาย มาตั้งแถวเรียงหน้ากระดานลึกเข้าไปในเขตแดนฮอนดูรัสราว   100   ม. เพื่อกันไม่ให้นายเซลายากระทำการท้าทายข้ามพรมแดนเหมือนเมื่อ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นางฮิลลารี ร็อดแฮม คลินตัน รมว. ต่างประเทศสหรัฐฯ กลับมองว่าการกระทำของเซลายานั้น "บุ่มบ่าม" และไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยและกฎรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่เห็นด้วยกับวิธีรัฐประหารก็ตาม ทำให้นายเซลายากล่าวว่า นางคลินตันควรมาดูด้วยตนเองว่าเกิดอะไรขึ้นที่ฮอนดูรัสเพื่อรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง และคำที่พูดมาทั้งหมดควรเอาไปโจมตีคณะปฏิวัติมากกว่าตน

จากคุณ	: Milan Sheva
เขียนเมื่อ	: 27 ก.ค. 52 20:48:35 A:58.8.116.124 X: