 |
-- ใครเป็นใครในเกม "พาวเวอร์เพลย์" มาร์ค-สนธิ-ทักษิณ-อำนาจใหม่ ? --
|
|
เผลอแป็ปเดียว เวลาผ่านพราวพราดมาแล้วถึง 3 ปีนับจากปฏิวัติเมื่อเดือนกันยาฯ 2549
ลองมาย้อนดูภาพในอดีตจนปัจจุบันกันดีไหม อะไรที่เราไม่เคยรู้
---------------------------------------------------------------------
ในห้วงเวลานั้น ภาพความขัดแย้งดูออกได้ไม่ยาก เพราะภาพที่ปรากฏก็มีเพียงแค่ เสื้อเหลือง-ทักษิณ แค่นั้น
แต่นั่นก็เป็นเพียงภาพ "ฉากหน้า"
ประชาธิปปัตย์ ที่นั่งเป็นฝ่ายค้านมาหลายปี สบช่องที่ได้โอกาสกลับมาเป็นรัฐบาล จึงไม่แปลกที่จะเปิดหน้าเปิดตาชนิดไม่กลัวคำครหากับการหนุนหลังเสื้อเหลืองทั้งใน ภาค 1 และ ภาค 2 อย่างโจ่งแจ้ง
แต่ที่น่ากลัว "ของจริง" กลับเป็น "อำนาจสีเขียว" ที่ค่อยๆ มีอิทธิพลมากขึ้นอย่างช้าๆ เงียบๆ, อำนาจสีเขียวแสดงพลังครั้งแรกก็ในการปฏิวัติโค่นล้ม "ทักษิณ" แต่ภาพในสังคมตอนนั้นไม่มีใครเอะใจหรือว่าสงสัยในตัวทหารหรือพลังสีเขียว
เพราะ?
ก็เพราะกระแสทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่ "เสื้อเหลือง-ทักษิณ"
เสื้อเหลืองในเวลานั้นทำหน้าที่เป็นเหมือนนักรบแนวหน้าให้ทั้งกับ "พลังสีเขียว" และ "ประชาธิปปัตย์" โดยนักการเมืองเขี้ยวลากดินในเวลานั้นเองก็คงไม่คิดว่า "พลังสีเขียว" จะหวังเอี่ยวในขั้วอำนาจในเวลาต่อมา
ประชาธิปปัตย์จึงสบายใจ เมื่อได้รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะได้รับการหนุนหลังอย่างสุดกู่จากรัฐบาลขิงแก่ที่ทำคลอดโดย "พลังสีเขียวสายป๋า"
กระนั้น กระแสระแวงการ "สืบทอดอำนาจ" จากสังคมก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสังคมหวาดระแวงว่า "พลังสีเขียว" จะคิดสืบทอดอำนาจ (ซึ่งก็จริง) เมื่อเป็นช่นนี้แล้ว กลุ่มขั้วอำนาจใหม่จึงต้องเด้งเชือกหลบกันพัลวัน ต้องแก้ข่าวที่ว่าจะลงเลือกตั้งกันให้วุ่น
และที่สำคัญ ต้องหาทางลงให้กับรัฐบาลขิงแก่ที่อุตส่าห์คาดหวังจะเป็นตัวปูทางต่อมายังกลุ่ม "อำนาจใหม่" หรือ "พลังสีเขียว" นั่นเอง
เดิมที "พลังสีเขียว" หรือ "กลุ่มอำนาจ" ไม่ได้กะจะผ่องถ่ายอำนาจในมือให้ "ประชาธิปปัตย์" แต่จำใจต้องเล่นบท "พี่อุ้ม" ให้ประชาธิปปัตย์ด้วยเพราะกระแสจับผิดจากสังคมยังแรงเกินไป
ในเวลานั้น ถ้าจำกันได้ ก็มีคนไปถามอดีตนายก พ.ต.ท. ทักษิณ ว่าคิดว่าคณะปฏิวัติ (คมช.) จะคิดสืบทอดอำนาจไหม ซึ่งอดีตนายกฯก็พูดไว้ง่ายๆ ว่า
"แน่นอน"
อย่างที่บอกว่าด้วยกระแสเพ่งเล็งจากสังคม ทำให้กลุ่มพลังใหม่ไม่อาจก้าวขึ้นสู่อำนาจได้ จึงต้อง "ผ่องถ่าย" อำนาจไปสู่อีกมือ
แต่ในสถานการณ์การเมืองในเวลานั้น กลับพลิกไม่เป็นท่า ด้วยเพราะแม้ว่า "พลังสีเขียว" จะจับมือแบบหลวมๆ กับ "ประชาธิปปัตย์" แต่ก็ยังพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง
ส่งผลให้สิ่งที่ "พลังสีเขียว" เกลียดและกลัวที่สุดกลับมาเกิดจนได้ นั่นคือการฟื้นคืนชีพของ "ไทยรักไทยในคราบพลังประชาชน" ซึ่งมันก็หมายถึง "ทักษิณยังไม่ตาย" นั่นเอง
แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่ "พลังสีเขียว" ทำเอาไว้เมื่อตอนปฏิวัติจะไม่ผลิดอกออกผลเลย เมื่อบรรดานักเมืองในขั้ว "ทักษิณ" พากันล้มตายเป็นเบือจากผลการ "ยุบพรรค" แบบน่ากังขา ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
แน่นอนว่า ตลอดเวลา "พลังสีเขียว" ก็อุ้มประชาธิปปัตย์อย่างเงียบๆ (แต่ก็รู้กันดีในหมู่นักเลือกตั้งและคนทั่วไป) มาตลอด ด้วยเพราะต้องการใช้ "ประชาธิปปัตย์" เป็นเหมือนเครื่องมือในการจัดการถอนรากถอนโคนทักษิณให้สิ้นซาก
แต่ "พลังสีเขียว" นั้นจะทำเองไม่ได้ เพราะก็ให้สัมภาษณ์ปาวๆ ว่า "ทหารจะไม่ยุ่งการเมือง" ถ้าจะเปรียบ ก็อาจเปรียบได้ว่า
"พลังสีเขียว" เป็น "มือ"
"ประชาธิปปัตย์" เป็น "ถุงมือ"
"เสื้อเหลือง" เป็น "ดาบ"
นอกจากประชาธิปปัตย์จะโดนหลอกใช้ อีกฝ่ายหนึ่งที่เจ็บตัวไม่น้อย ก็คือ "เสื้อเหลือง" กลุ่มพธม.นั้นก็คงไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไม่ได้มีผลแต่กับเฉพาะ "ทักษิณ" หรือ "ประชาธิปปัตย์" เท่านั้นแต่มันยังทำให้คนอีกกลุ่มนั่งหัวเราหึๆ อยู่ลำพัง
หลังจากแท็คทีมกันแบบต่างฝ่ายต่างหวังผลประโยชน์จากกันและกัน "พลังเขียว", "ประชาธิปปัตย์" และ "เสื้อเหลือง" ก็บรรลุผลที่ตั้งไว้ เมื่อรัฐบาลพรรคพลังประชาชนในที่สุดก็ล้มครืนหลังยื้อต่อมาได้อีก 2 สมัยสั้นๆ ในยุครัฐบาลสมัคร และ สมชาย
ถึงตรงนี้ "พลังสีเขียว" ตระหนักดีว่าโอกาสนี้เป็น "โอกาสทองฝังเพชร" พวกเขาจึงไม่มีทางยอมให้โอกาสผ่านไปง่ายๆ เป็นแน่ จึงได้ต่อสายตรง เรียกพรรคร่วมฯในตอนนั้นทั้งหมด รวมทั้งประชาธิปปัตย์มาคุยกันถึงในกรม เรียกว่าไม่กลัวกันเลย เปิดหน้าไปเลย
พรรคการเมืองทุกพรรค ถูก "พลังสีเขียว" เรียกพบเพื่อจับมือกันพิฆาต "พรรคพลังประชาชน" หรือ "ทักษิณ"
ผลจึงได้ออกมาตามนั้น เมื่อบรรดาพรรคร่วมพากันสลัดหนีพรรคพลังประชาชนไปเกาะกลุ่มกับประชาธิปปัตย์แทน และจัดตั้งรัฐบาล "มาร์ค 1 ในเวลาต่อมา"
แต่ "ตัวละครหลัก" อีกตัวในบทใหม่นี้คือ ..
"เนวิน ชิดชอบ"
คนๆ นี้ "พลังสีเขียว" ให้เรตไว้สุง สูงมากคนหนึ่งด้วยเพราะเชื่อว่าจะเป็นอีกคนที่มีผลต่อการล้มหรือจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้
นั่นเป็นจุดเริ่มของ "พลังสีเขียว+น้ำเงิน"
แต่ ประชาธิปปัตย์ที่กำลังสบายใจกับชิ้นปลามันที่จู่ๆ ก็ตกมาแบบไม่คาดฝัน จะเคยคาดคิดไว้หรือไม่?
ในตอนนั้น "พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน" ก็ปล่อยให้ประชาธิปปัตย์จัดการกับ "ทักษิณ" ไป โดยตัวเองไม่ต้องลงแรงอะไร เพราะอีกส่วนหนึ่งก็รู้ว่าถ้าหากกระโตกกระตากไปจะยิ่งเข้าตัว
แต่ "สนธิ" นั้นเริ่มรู้ตัวแล้ว และดูท่าว่า "ประชาธิปปัตย์" เองก็เริ่มมองเห็นสัญญานอันตรายเช่นกัน
"ใครเป็นคนลอบยิงคุณสนธิ ใครปองร้ายท่านนายกฯอภิสิทธิ์ ต้องไปถามคุณสุเทพ คุณสุเทพต้องตอบ"
เป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากรัฐมาตรีสายล่อฟ้า นายกษิต พิรมย์ ด้วยเพราะข่าวลือว่ามีทหารเอ่ยปากขอให้ปลดตัวเอง
กษิต หูผึ่งเลย
"พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน" ในตอนนี้นั้น สุกงอมพอจะขึ้นสืบทอดอำนาจได้อย่างเต็มตัวแล้ว เพราะก็ห่างเหินจากกระแส "สือทอดอำนาจ" ในตอนทำปฏิวัติใหม่ๆ มานานพอสมควร และเปลี่ยนรัฐบาลกันมานานพอสมควร
แต่อีกใจ "พลังสีเขียวบอกน้ำเงิน" ก็มองว่า ถ้ากษิต พิรมย์ ยังยื้ออยู่ต่อก็จะยิ่งทำให้รัฐบาลมาร์คพังเร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจมีการ "เปลี่ยนขั้ว" กันอีก
ซึ่ง ผลเลือกตั้งซ่อมในจังหวัดสกลนครและอุดรธานีก็ชี้ชัดเจนว่า "ทักษิณ" ยังแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่
ขนาดที่แม่ทัพใหญ่ที่ "พลังสีเขียว" หมายมั่นปั้นมือว่าจะหยิบจับใช้งานได้อย่าง "เนวิน" ยังต้องพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ทั้งๆ ที่เหนือว่าทั้งกำลังอำนาจรัฐ, คน, และกระสุนดินดำ ที่รัฐบาลมาร์คป้อนให้ผ่านกระทรวงสำคัญๆ
นั่นทำให้ "พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน" ไม่คิดจะเสี่ยงปล่อยให้หุ่นกระบอกอย่าง "ประชาธิปปัตย์" พังลงตรงหน้าแล้วปล่อยให้ "ทักษิณ" กลับมากู้ชีพได้อีกครั้ง
"ทักษิณต้องตาย" นั่นคือเป้าหมาย
แล้วทำไมต้องคิดปลิดชีพ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ด้วยล่ะ?
อาจจะน่าสับสน เพราะเสื้อเหลืองก็มีจุดร่วมที่ใช้ประโยชน์ได้จากการไล่ถลุงทักษิณ แต่ถึงตอนนี้ "พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน" เริ่มมองว่า หากพวกเขาจะขึ้นเถลิงอำนาจ ก็คงไม่พ้นถูก "พรรคการเมืองใหม่" ของสนธิ ลิ้มทองกุล พิฆาตเป็นแน่
คำว่า "พิฆาต" ในทีนี้ ไม่ใช่การแข่งกันทางการเมือง แต่เป็นการ "พิฆาต" ในแบบที่สนธิ ลิ้มทองกุลถนัด นั่นคือ "ทางข่าว"
สนธิ ลิ้มทองกุล พิสูจน์มาแล้วว่า "ข่าว" ที่เขาคิดจะจุด คิดจะปั้น คิดจะเล่น เขาทำได้จริง และถ้าใครคิดเป็นปฏิปักษ์ก็มีอันต้องสิ้นไปทุกราย
จาก "นายแบงค์" ที่ปล่อยกู้ให้สนธิเมื่อ 10 ปีก่อน จนนายสนธิต้องขึ้นโรงขึ้นศาลด้วยเพราะข้อหาทำเอกสารกู้เงินปลอมนับ 1,000 ล้านบาท
สนธิ ก็เล่นข่าว "นายแบงค์" คนนี้จนต้องลาออก
แต่ผลงานเด่นที่สุดคงเป็นการ "พิชิต ทักษิณ ชินวัตร" ด้วยการปลุกข่าว สร้างกระแส จนคนมากมายในตอนนั้นพากันขับไล่ และล้มรัฐบาลทักษิณสำเร็จ
ซึ่ง ถ้า "พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน" คิดจะเป็นใหญ่ก็จึงต้อง "กำจัด" สนธิเสียก่อน
แต่อย่างที่เขาว่า "คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต" ทำให้เกมพลิก ตอนนี้ "กลุ่มอำนาจใหม่" หรือ "พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน" ถึงได้ถูกขุดขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง
สนธิ ฉลาดด้วยการโยนหินถามทางไปกับผู้ร่วมชะตากรรมอย่าง นายอภิสิทธิ์ ที่อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ว่ากันว่า ก็เพราะโชคอีกนั่นแหละ ที่ทำให้แผน "ล่อมาร์คติดกับที่มหาดไทย" ล้มเหลว ด้วยในตอนนั้น สถานการณ์กำลังสุกงอม "ขั้วพลังใหม่" จึงต้องการจัดการเรียบให้หมดทั้ง "มาร์ค" และ "สนธิ" เพราะหมดประโยชน์ใช้งานแล้ว
แถมยังจะได้กำจัด "เสื้อแดง-ทักษิณ" ไปในคราวเดียวกันอีก
แต่การโยนบาปให้เสื้อแดงในการลอบสังหารนายสนธิ กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ด้วยเพราะสนธิเองนั้นรู้อยู่แล้วว่าใคร กลุ่มไหนที่ต้องการกำจัดเขา
แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใด นายสนธิถึงเงียบอยู่ตั้งนานนับเดือนกว่าจะออกมาไล่ "เช็คบิล" กลุ่ม "พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน"
ด้วยก็เพราะเขารู้ดีว่า ลำพังเขาคนเดียวไม่อาจงัดข้อกับซุปเปอร์อภิมหาอำนาจของ "พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน" ได้แน่ ดังนั้นเขาจึงต้องแอบๆ จับมือปนขู่ "อภิสิทธิ์" อยู่กลายๆ ว่าให้รีบๆ ทำซะ ไม่งั้น "อำนาจในมืออาจหมดลงเสียก่อน!"
ลำพังฝ่ายทหารที่ยืนข้างนายสนธินั้น ก็เล็กน้อยจนไม่อาจต่อกรกับขั้วอำนาจใหม่ได้
ใหญ่แค่ไหนน่ะหรือ? ก็เอาเป็นว่า "ซุปเปอร์บิ๊ก" ก็แล้วกัน ซึ่งชื่อเสียงก็ไม่ได้ใหม่อะไร แต่เราๆ ท่านๆ ก็คงเคยได้ยินกันมาแล้ว
"หน่วยรบพิเศษป่าหวาย จ.ลพบุรี" คงเป็นอีกหน่วยที่หลายๆ ท่านจำได้ ว่า.. อยู่ใต้บังคับบัญชาของ "พล.อ. นอกราชการ" ที่มีบารมีระดับ "ซุปเปอร์บิ๊ก" อยู่คนหนึ่ง
มันน่าตลก ที่เมื่อครั้ง "เสื้อเหลือง" ระดมพลใหญ่ล้มรัฐบาลสมัคร-สมชาย นั้น มีข่าวลือว่า มีหน่วยรบพิเศษป่าหวาย จ.ลพบุรี หลักพันนายแฝงตัวเข้าร่วมชุมนุมเพื่อช่วยเสื้อเหลืองอีกแรง
แต่ก็กลับเป็นหน่วยรบพิเศษป่าหวายนี่เอง ที่กำลังดิ้นอย่างหนักให้รอดข้อหา "ลอบยิง สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำเสื้อเหลือง"
ตระกูล "โครตบิ๊ก" ที่ก็กำลังดิ้นอย่างหนักในตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในกลุ่ม "พลังสีเขียวบวกน้ำเงิน" .. และก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้จะเป็นอย่างไรไปแล้ว ก็คงเป็นการวัดพลังภายในกันของ ..
"เสื้อเหลือง-กลุ่มอำนาจใหม่-มาร์ค" ต่อไป
แม้จริงๆ จะว่าไปแล้ว สังเกตุดูดีๆ จะเห็นว่า "มาร์ค" นั้นเล่นบทยืดหยุ่น โหนเหวี่ยงไปตามแรงรอบตัว "ชวน" คงติวมาดี
ถึงจะไม่เจ็บตัว ไม่เปลืองตัว แต่ตอนนี้ก็คง "อ่วม" ไม่น้อย
ที่น่าสนใจคือ ถึงตรงนี้ เรียกได้ว่า "รู้หน้ารู้ตัว" กันหมดแล้ว แล้วพลังแอบ ที่หลบซ่อนมานานจะเดินต่อ หรือจะหยุดพักเพื่อหลบกระแสสังคม
สนธิ จะรอดจากสารพัดวิบากกรรมที่จะตามมาเล่นงานระลอก 2 หรือไม่
รัฐบาลมาร์ค จะได้รับการ "อุ้ม" ต่อไปหรือจะถูก "ทิ้ง"
และ.. "ทักษิณ" จะเดิมหมากต่อไป อย่างไร
จากคุณ |
:
art_sarawut
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ส.ค. 52 11:16:14
A:110.164.12.168 X:
|
|
|
|  |