ความคิดเห็นที่ 1 2 จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 07:18:53 A:125.26.232.190 X:

ความคิดเห็นที่ 2 3 จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 07:22:57 A:125.26.232.190 X:

ความคิดเห็นที่ 3 เขียนได้มีเหตุผลดีครับ แต่อย่าลืมว่า พวกเขาสติวิปลาสไปแล้ว คงไม่รับฟังอะไรที่มันแสลงหู จะเอาข้อหาอะไรดีหละ คุณนิธิ ทักษิณซื้อไปเท่าไหร่ ลิ่วล้อทักษิณ เตรียมใจไว้เลยครับ จากคุณ : Hug Bakery เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 07:28:31 A:118.173.254.38 X:

ความคิดเห็นที่ 4 จบ จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 07:28:49 A:125.26.232.190 X:

ความคิดเห็นที่ 5 รัฐธรรมนูญเขียนไว้นี่ครับว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการให้อภัยโทษ... ทำไมถึงกล่าวว่าไม่มีอำนาจ ? จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 07:29:15 A:57.59.68.205 X:202.122.130.31

ความคิดเห็นที่ 6 อยากหัวเราะ... สมัย แม้ว เป็นนายกฯ หลายคนออกมาดึงฟ้าต่ำ พร่ำพูดเรื่องพระราชอำนาจ ทั้งๆที่รู้ว่า พระราชอำนาจของพระองค์ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ อย่างว่า........เรื่องแบบนี้ ดึงลงมาป้ายใคร ก็ตกนรกทั้งเป็น จากคุณ : JohnHenry เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 07:31:38 A:222.123.161.167 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ประโยคทิ้งท้ายของบทความคือของแท้เลยท่านตระกองขวัญ และบทความนี้ท่านนิธิกล้าพูดความจริง ที่เป็นวิชาการมาก  นั่นคือ สถาบันพระมหากษัตริย์  คือสถาบันการเมือง ที่นักการเมือง และสารพัดนัก ดึงมาเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ของพวกตน (ข้อความนี้ ผมขยายความนิดหน่อย  ท่านนิธิคงไม่ว่ากัน) จากคุณ : สาละวิน เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 07:58:47 A:110.164.8.204 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ทั้งๆที่รู้ว่า พระราชอำนาจของพระองค์ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่... รัฐธรรมนูญเขียนไว้ พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ... หมายถึง อยู่ใต้ รธน. ที่กำหนดให้พระราชธานอภัยโทษได้   ตัวอย่างเช่น ตอน จำลอง กับ สุจินดา และ ชาติชายที่คณะ รสช.ตั้งข้อหาไว้  สรุป ก็คือถ้าได้ประโยชน์กับพวกต้นก็ออกมาทรงพระเจริญ แต่ถ้าเห็นต่างก็หุบปากไว้ แล้วมองให้เป็นประโยชน์ให้ได้  ไม่ใช่ออกมาตั้งโต๊ะคัดค้าน จากคุณ : หลุมดำคืนชีพ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 08:18:19 A:124.157.132.93 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ป่วยการที่จะหาเหตผลมาอธิบายครับ ต่อให้ชักแม่น้ำทั้ง 5 หรือทรงมีพระราชวินิจฉัย มาแล้วก็ตาม ถ้าขัดเคือง กับความต้องการของกลุ่มอำนาจ เค้าก็ต้องหาวิธีมาจัดการให้เป็นไปตามตวามต้องการของเค้าอยู่ดี ถึงขนาดที่ว่า พรรคพวกตนยึดทำเนียบอยู่ แล้วล๊อกห้อง ไม่ให้ออกมา พูด ยังเคยเลยครับ กับอีกหลายเหตการณ์ อย่าต้องให้ยกตัวอย่างเลยครับ เห็นๆกันอยู่ เดี๋ยวผมจะโดนยึดอมยิ้มซะเปล่าๆ เสียดายอมยิ้มครับ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 52 08:26:44 จากคุณ : nueid เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 08:24:45 A:58.9.131.80 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ความคิดเห็นที่ 6     หากใช้คำว่า"ฟ้าลงโทษ".......ไม่น่าจะตรงนัก.....เพราะตามความเป็นจริงแล้วน่าจะเป็น "คำตอบจากฟ้า"....มากกว่า เพราะ "สถาบัน" คือจุดเปราะบางที่สุดและเป็นจุดสำคัญเพื่อให้การทำรัฐประหาร......สำเร็จ เมื่อยึดอำนาจรัฐได้แล้ว หากไม่มีพระราชโอการโปรดเกล้าในทุกเรื่องที่คนทำรัฐประหารต้องการ......อะไรจะเกิดขึ้น ประชาชนจะรู้ได้ทันทีว่าท่านไม่เห็นด้วย.....ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง......ต้องมีแน่นอน.....ซึ่งย่อมไม่ใช่พระราชประสงค์ ดังนั้น จะเห็นว่าต้องทรงยินยอมทุกครั้งเพื่อรักษาเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น.....ยิ่งในยุคข่าวสารที่รวดเร็วเช่นนี้...ยิ่งอันตราย อย่าว่าแต่ประชาชนเลยที่ตกอยู่ในอำนาจของเผด็จการ ในวันที่ 19 กย.49......แม้แต่สถาบันเองก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของพวกเขา - พวกเขาสนใจวันที่ได้ทรงมีพระราชประสงค์ให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งใกล้จะถึงกำหนดไหม - พวกเขาสนใจไหมว่าวันนั้นทรงประชวร - พวกเขาสนใจไหมว่านั่นมันเวลาเท่าไหร่แล้ว - ทำไมพวกเขาจึงไม่นำพระราชดำรัสในขณะที่เข้าเฝ้ามาให้ประชาชนได้รับฟังบ้างว่าทรงตรัสสิ่งใด....พวกเขากลัวอะไรในพระราชดำรัสนั้น - พวกเขารู้ว่าถึงแม้พวกเขาจะทำอย่างไรต่อสถาบันก็ตาม สถาบันก็ไม่มีทางที่จะทำให้เรื่องที่เขาทำนั้นถึงหูประชาชนไปได้ ด้วยเพราะพระองค์ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงเสียเลือดเนื้อ - พวกเขาไม่รู้หรือว่าการนำคำว่า"อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"มาต่อท้ายชื่อคณะก่อการ จะนำความเสื่อมเสียไปยังสถาบันโดยตรง...ไม่ว่าจะได้รับการเข้าใจผิดจากชาวต่างชาติหรือแม้แต่พสกนิกรชาวไทยเอง....ทำไมเขาทำทั้ง ๆ ที่รู้...หรือว่าพวกเขาตั้งใจ - พวกเขากล้าแม้กระทั่งไม่ดำเนินคดีกับตำรวจใหญ่ที่ละทิ้งหน้าที่อารักขาที่ประทับ แม้จะมีหนังสือจากสำนักราชเลขา......เพราะเขารู้ว่าแม้เขาจะไม่ทำอะไรสถาบันก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้...ใช่หรือไม่ สิ่งเหล่านี้คือ "อำนาจ" ที่พวกเขาใช้ต่อสถาบันโดยตรง โดยที่สถาบันไม่สามารถปกป้องตนเองได้หรือแจกแจงให้ประชาชนเข้าใจโดยตรงได้ (ความคิดเห็นนี้คงอยู่ได้ไม่นาน แต่อยากขอร้องว่าหากพวกเราไม่กล้าพูดความจริงกัน ก็เท่ากับยอมก้มหัวให้กับอำนาจเผด็จการ......ซึ่งพวกเขาใช้อำนาจนั้นได้แม้กับสถาบัน.....แล้วบ้านเมืองจะเหลืออะไร....เราจะเป็นสุขในสภาพ"ทาส" ต่อไปอีกหรือ....เมือ่ไหร่ก็ตามที่ประชาชนละเลยและอ่อนแออย่าหวังเลยว่า"การทำรัฐประหาร"มันจะไม่กลับมาอีก) แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 52 20:34:24 จากคุณ : ชาติอนุรักษ์   เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 13:42:05 A:124.120.130.141 X:   ถูกใจ : แฟนปังคุง, abadibe จากคุณ : แสนเบื่อ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 08:47:45 A:220.245.97.120 X:

ความคิดเห็นที่ 11 มันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว มีคนไปถึงดาวอังคารแล้ว มีการค้นพบกาแลกซี่ใหม่ ๆ แล้ว ยอมรับความจริงกันบ้าง เรามาทำกฏหมายให้ดี จัดการคนที่ทำร้ายสังคมดีกว่า ประเภทที่ ไม่มีใครเดือดร้อนแล้วไปเอาเขาเข้าคุกน่ะ มันกฏหมายเพื่อการกลั่นแกล้งมากกว่า จากคุณ : เภสัชกรหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 08:57:56 A:58.9.111.215 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่สามารถเอา "มือ" ปิด ฟ้า ที่กว้างใหญ่ไพศาลได้มิดหรอก "ความจริง" ย่อมต้องปรากฏออกมา แม้ว่าจะ "ช้า" ก็ตาม ความเสื่อม จะอยู่ที่ ชนชั้นอำนาจปกครองเอง ถ้ายังคิดจะหยุดเวลาไว้อีก จากคุณ : องุ่นทอง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 09:22:34 A:124.120.155.248 X:

ความคิดเห็นที่ 13 เขียนได้มีเหตุผลดีครับ แต่อย่าลืมว่า พวกเขาสติวิปลาสไปแล้ว คงไม่รับฟังอะไรที่มันแสลงหู จะเอาข้อหาอะไรดีหละ คุณนิธิ ทักษิณซื้อไปเท่าไหร่ ลิ่วล้อทักษิณ เตรียมใจไว้เลยครับ จากคุณ : Hug Bakery   ^ ^ อ่านสิ่งที่ จขกท เอามาให้อ่านก่อนค่อยโพสก้ได้ครับคุณฮักเบเกอรี่ จากคุณ : หนานเมือง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 09:53:45 A:202.28.24.34 X:

ความคิดเห็นที่ 14 เหตุ ผล ของนักวิชาการชั้นบรมครู น่าฟังดี  แต่ อยากให้ย้อนกลับไปถึงสมัยหนึ่ง ที่การเมืองยุ่งเหยิง จน มีคณะบุคคลพวกหนึ่ง เห็นว่า ควรถวายพระราชอำนาจแด่องค์พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว  ตามที้ได้กพนหไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 7  ครั้ยเพื่อพระองค์ ได้มีดำรัสว่า เหตุการณ์การเมืองที่ยุ่งยากนั้น    ให้ฝ่ายยุติธรรม เป็นผู้แก้ไข     คณะบุคคล ดังกล่าว ต่างก็น้อมรับใส่เกล้า โดยดุษณีย์  กลับมีบุคคลอีกพวกหนึ่ง ที่พยายาม สร้างกระแส ต่อต้าน และ สร้างกระแส ลดความน่าเชื่อถือ discredit กระบวนการยุติธรรมกันสลอนทีเดียว     มันเป็นใครพวกไหน  เชื่อว่า ทุกๆคนทราบดีแก่ใจ             ความแตกแยก วุ่นวาย ทางการเมือง จึงมิอาจรำงับได้ด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : วอน (วอน) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 10:12:52 A:125.27.251.12 X:

ความคิดเห็นที่ 15 เหตุ ผล ของนักวิชาการชั้นบรมครู น่าฟังดี  แต่ อยากให้ย้อนกลับไปถึงสมัยหนึ่ง ที่การเมืองยุ่งเหยิง จน มีคณะบุคคลพวกหนึ่ง เห็นว่า ควรถวายพระราชอำนาจแด่องค์พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว  ตามที้ได้กพนหไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ครั้ยเพื่อพระองค์ ได้มีดำรัสว่า เหตุการณ์การเมืองที่ยุ่งยากนั้น    ให้ฝ่ายยุติธรรม เป็นผู้แก้ไข    คณะบุคคล ดังกล่าว ต่างก็น้อมรับใส่เกล้า โดยดุษณีย์ กลับมีบุคคลอีกพวกหนึ่ง ที่พยายาม สร้างกระแส ต่อต้าน และ สร้างกระแส ลดความน่าเชื่อถือ discredit กระบวนการยุติธรรมกันสลอนทีเดียว    มันเป็นใครพวกไหน  เชื่อว่า ทุกๆคนทราบดีแก่ใจ            ความแตกแยก วุ่นวาย ทางการเมือง จึงมิอาจรำงับได้ด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : วอน (วอน) .................................................................. พูดไม่หมด ทีหลังก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะ คุณ วอนน น   น      น  .... หากแต่บุคคลบางกลุ่มในกระบวนการยุติธรรมไม่เอนเอียง ลงมาเล่นการเมืองโดยใช้การตั้งธงตีความให้เป็นไปตามประสงค์ของพลพรรคด้วยกันแล้ว ก็คงไม่มีใครสามารถลดเครดิตตุลาการได้หรอก ... แต่ไหนแต่ไร การคานอำนาจของทั้งสามอำนาจอยู่ในภาวะที่อาจเรียกได้ว่าสมดุลพอสมควร อย่างน้อย สิ่งที่แสดงให้เห็นก็คือ ไม่มีการแตกแยก ไม่มีคำว่า "สองมาตรฐาน" ที่พูดกันเกร่อในสังคมปัจจุบันนี้ ... ที่เห็นกันชัดๆ ก็คือ ก่อนหน้าที่จะเกิดการขับไล่ทักษิน กฏหมาย ก็ยังเป็นกฏหมาย กระบวนการยุติธรรมยังไม่ถูกวิพากย์วิจารณ์ เป็นที่ยอมรับของประชาชนในระดับหนึ่ง การอ้างพระราชดำรัสแบบเรื่อยเปื่อยเพื่อให้เอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายตนก็กระทำกันทุกฝ่ายอยู่แล้ว แต่จะตรงกับความหมายและพระราชประสงค์เยี่ยงไร เท่าไหร่ นั้น ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจ ... ฉะนั้น ทีหลังจะอ้างจะกล่าวอะไร อย่าพูดข้างเดียว มันฟังไม่ขึ้นแล้วหล่ะท่าน วอนนน น  น   น     น        น จากคุณ : คนไทยใจกว้าง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 10:56:02 A:210.246.192.48 X:

ความคิดเห็นที่ 16 ทุกฝ่ายก็เข้าใจดี ไม่ใช่จะขอเอาเดือนเอาดาว ก็จะให้ได้หมด เพราะมีระเบียบ กฎหมาย ประเพณี กำกับอยู่ แม้แต่การพระราชทานเพลิงศพ ก็ไม่ใช่ใครจะขอได้ง่ายๆเช่นกัน แต่ความเสมอภาคสำคัญ ไม่ใช่ว่าฝ่ายตนขอไม่เป้นไร ฝ่ายอื่นขอถือว่าหมิ่น กดดัน จะเอาเข้าคุกให้ได้ จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 11:00:29 A:61.19.66.203 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ปัญหาคือ การเมืองของชนชั้นนำ อันนี้คือ ปัญหาสำคัญมาก เพราะ จากการเปลี่ยนแปลงที่เห็นทุกวันนี้ เกิดจาก ชนชั้นนำกลัวเสียอำนาจ และด้วยวิวัฒนาการได้เจริญไปมาก ผู้คนรับข่าวสารมากขึ้น อันนี้แหละปัญหาของคนชนชั้นนำที่จะ ครอบชนชั้นล่างไม่ได้อีก จากคุณ : villageheadman เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 11:04:59 A:58.8.22.217 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ก็สรรพสิ่งล้วนมีศักยภาพแห่งการพัฒนา ก็คงจะมีแต่ คนบ้าลุ่มหลงในอำนาจตัวเอง อมาตย์ นักวิชาการ(ที่รู้ข้อมูลแต่ตำรา ไร้พัฒนาการทางสมอง ทั้งชีวิตเป็นได้แค่นักวิชาการ) และพรรคประชาธิปัตย์ ที่หยุดการพัฒนา คงแต่ยึดติดแต่อำนาจรสชาดเก่าๆแบบระบบขุนนางอุปถัมภ์ โง่ไม่พอแต่กำลังทำให้ชาติย่อยยับอีกต่างหาก จากคุณ : แมวสะเดิ่ง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 11:11:00 A:112.142.148.234 X:

ความคิดเห็นที่ 19 เหตุ ผล ของนักวิชาการชั้นบรมครู น่าฟังดี  แต่ อยากให้ย้อนกลับไปถึงสมัยหนึ่ง ที่การเมืองยุ่งเหยิง จน มีคณะบุคคลพวกหนึ่ง เห็นว่า ควรถวายพระราชอำนาจแด่องค์พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว  ตามที้ได้กพนหไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ครั้ยเพื่อพระองค์ ได้มีดำรัสว่า เหตุการณ์การเมืองที่ยุ่งยากนั้น    ให้ฝ่ายยุติธรรม เป็นผู้แก้ไข    คณะบุคคล ดังกล่าว ต่างก็น้อมรับใส่เกล้า โดยดุษณีย์ กลับมีบุคคลอีกพวกหนึ่ง ที่พยายาม สร้างกระแส ต่อต้าน และ สร้างกระแส ลดความน่าเชื่อถือ discredit กระบวนการยุติธรรมกันสลอนทีเดียว    มันเป็นใครพวกไหน  เชื่อว่า ทุกๆคนทราบดีแก่ใจ            ความแตกแยก วุ่นวาย ทางการเมือง จึงมิอาจรำงับได้ด้วยประการฉะนี้ -----------------------------------------------------------------------------ก็ถ้าไม่เหร่อ ปฏิวัตรก่อน ก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก แต่นี้ดันทำปฏิวัตรก่อนแล้วแต่งตั้งพวกตนขึ้นมาทำหน้าที่พิพากษาตรวจสอบ .... แล้วคดีมันก็ 2 มาตราฐานเห็นได้ชัด .... พระราชดำรัสที่อ้างมาน่ะ มีก่อนที่จะเกิดการปฏิวัตร ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามทางที่พระองค์ทรงตรัสไว้ ไม่เหร่อไปปฏิวัตรก่อน ป่านนี้ก็คงลงตัวแล้ว ดูที่มาที่ไปซะด้วย........ไม่ใช่อ้างโน่นอ้างนี่ปนกันไปหมด ไม่ลำดับเวลา เหตุการณ์ ...... จริงๆก็แค่คน 2 คน ที่เคยเป็นเพื่อนแล้วมาขัดผลประโยชน์กันแหล่ะ ลากคนโน้นคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องนัว..มั่วกันไปหมด จากคุณ : ชิงหง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 11:48:14 A:58.8.168.65 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ผู้เขียนบทความนี้  ในสมัยที่นายกฯทักษิณยังมีอำนาจอยู่นั้น เป็นนักวิชาการฟากฝั่งที่โจมตี นายกฯทักษิณมาตลอด ณ ขณะนี้ ดวงตาคงเห็นธรรมแล้ว หรือไม่ก็พวกอำมาตย์ทำอย่างโจ่งแจ้งจนคนบางคนที่เคยหมั่นไส้นายกฯทักษิณ ก็คงทนไม่ได้เช่นกันว่า ทำกันเกินไปแล้ว..........(น้ำเสียงแบบจักรภพ เพ็ญแข) จากคุณ : หนูจันทร์ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 14:03:30 A:10.10.11.205 X:61.47.113.57

ความคิดเห็นที่ 21 ของแท้มาแล้ว - ความเห็นในเรื่องการถวายฎีกาของคนเสื้อแดง       อ่านความเห็นของนักกฎหมาย นักวิชาการสายอำมาตย์มาเยอะแล้ว  วันนี้อ่านของแท้มั่ง  ของแท้ที่ไม่เอนเอียงฝ่ายใด   เป็นการเขียนบทความที่สะท้อนให้เห็นสภาพที่เป็นจริงในสังคมวันนี้ ส่วนผู้ตั้งกระทู้  ขอให้ความเห็นเพียงว่า  "เชื่อมั่นในพระอัจฉริยภาพ" เท่านั้น จากคุณ : ตระกองขวัญ   ------------------------------------------------------------------------------------------ ของแท้มาแล้ว...     ของแท้เพราะเขียนถูกใจ ? ... "เชื่อมั่นในพระอัจฉริยภาพ" ... เพราะมีความคิดเห็นอย่างนี้กันทั้งสองฝ่ายนี่แหละ ถึงได้มีคนค้านการถวายฎีกา เพราะถ้าผลลัพธ์เป็นคุณกับฝั่งไหน ก็มีคนกลัวว่าความเชื่อมั่นของอีกฝั่งจะสั่นคลอน ถ้าพระองค์ยึดมั่นในระบบ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ผลจะออกมาอย่างไร ? มีทั้งคนถูกใจและไม่ถูกใจ มีทั้งไม่ถูกใจธรรมดาและไม่ถูกใจอย่างรุนแรง ... "พระราชอำนาจในทางวัฒนธรรม" ... ดิ้นนึกหาทางออกกันสุดๆแล้วตอนนี้ จากคุณ : Buymadh เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 16:18:30 A:118.173.251.167 X: