 |
ความคิดเห็นที่ 13 |
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน...ผมขอลองจินตนาการโดยสมมุติว่าประเทศไทยไม่มีทักษิณขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาเริ่มต้นจากจุดนั้น
...........................................................................................................
ถ้าไม่มีทักษิณก็หมายความว่าไม่มีพรรคไทยรักไทย ดังนั้นพรรคการเมืองที่ยังวนเวียนอยู่บนเวทีที่สำคัญๆจะได้แก่ 1.พรรคประชาธิปัตย์ 2.พรรคความหวังใหม่ 3.พรรคชาติไทย โดยพรรคตัวประกอบที่เหลือก็คือ 1.พรรคประชากรไทย 2.พรรคกิจสังคมโดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ และ 3.พรรคพลังธรรมโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
ซึ่งเหตุการณ์สำคัญๆก่อนถึงการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2542 นั้นได้แก่.....
นายบรรหารถูกประชาธิปัตย์กระหน่ำตีหน้าฉาก และถูกพลเอกชวลิตบีบอย่างหนักหลังฉากเสียจนจำใจต้องลงจากตำแหน่งไปแล้ว
ต่อด้วยตัวบิ๊กจิ๋วเองก็โดนพิษต้มยำกุ้งจนต้องประกาศลอยตัวค่าเงิรบาท และการตัดสินใจปิดสถาบันการเงิน 54 แห่งจนเศรษฐกิจปั่นป่วน และเจ้าของ"เบนซ์ทองหล่อ"จัดงานมหกรรมเปิดท้ายขายของพร้อมคิดค้นเกมส์ปาเป้าหุ่นหน้าเหมือนบิ๊กจิ๋วเพื่อระบายแค้นเป็นที่ครื้นเครงปนแค้นใจ
และช่วงประมาณ 2 ปีของการเป็นรัฐบาลชวน 2 เศรษฐกิจของไทยอยู่ในยุคเงินฝืดขนาดหนัก การดำเนินนโยบายแบบเอาใจสถาบันการเงินอย่างออกนอกหน้า การหวังพึ่งให้เจ้าของวิสาหกิจขนาดใหญ่ (ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุวิกฤตเนื่องจากการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน) เป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่คนพวกนั้นกลับจงใจแสดงพฤติกรรมไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่ายเพื่อต่อรองลดหนี้ที่ตนเองบริหารจนพังกันเป็นแถบๆ โดยที่รัฐบาลชวนไม่กล้าไปทำอะไรเลย นอกจากนั้นยังไปทำข้อตกลงยอมรับเงื่อนไขสัญญาทาสกับ IMF เพื่อแลกกับการขอรับความช่วยเหลือวงเงิน 1.7 หมื่นล้านเหรียญ จนเกิด"ม็อบสีลม"ที่ออกมาขับไล่รัฐบาลชวนด้วยข้อหาการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ
สรุปแล้วบุคคลที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ 3 พรรคซึ่งมีศักยภาพสูงสุดล้วนแล้วแต่หมดสภาพไปแล้ว ขุนพลทางเศรษฐกิจแถวหน้าอย่าง ดร.อำนวย วีรวรรณ, นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไปจนถึงดร.ทนง พิทยะ หรือผู้ว่าธนาคารชาติอีก 2 คนก็ต้องมัวหมองเพราะกรณีนำเงินบาทไปสู้กับ "จอร์จ โซรอส" จนเงินเกลี้ยงคลัง เหลือตัวเลือกที่รองๆลงมาอย่างสมัคร, เฉลิม หรือไชยวัฒน์ก็ไม่มีเสียงพอที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำได้ ส่วนดร.ศุภชัย พานิชย์ภักดิ์ก็น้อยใจนายชวนจนหนีไปอยู่ UNCTUD แล้ว
เพราะฉะนั้นประเทศไทยจะเหลืออยู่แค่ 2 ทางเลือกคือทนเลือกพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคนแรกที่ยอมรับไม่ได้ก็คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะตอนนั้นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการไล่กัดรัฐบาลชวน...โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายธารินทร์ซึ่งนายสนธิอ้างว่าจงใจเปิดช่องให้ GE Capital ซื้อทรัพย์สินหนี้เน่าในราคาถูกๆ ถึงขนาดประกาศผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ว่า..."ถ้าสำนักกฎหมายประชาธิปัตย์ยังคงบริหารประเทศไปอีก 3 วันประเทศไทยก็จะ ship hai ไปภายใน 3 วัน อยู่อีก 5 วันประเทศไทยก็จะวายวอดไปภายใน 5 วัน" .....ดีไม่ดีนายสนธิอาจจะก่อม็อบประเภทเสื้อเหลืองเพื่อเล่นงานประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปีนั้นเลยก็อาจเป็นไปได้เหมือนกัน
หรือไม่ก็ปล่อยให้ความวุ่นวายเกิดขึ้นเรื่อยๆจนทหารทนไม่ไหวออกมาทำรัฐประหารอีกด้วยเหตุผลที่จะบอกว่าประเทศไทยถึงทางตันแล้ว และต้องการ"คนกลาง"ประเภทนายอานันท์ ปันยารชุนออกมามากู้วิกฤตก่อนที่จะสายเกินไป
................................................................................................
นอกเหนือจากนี้ผมคิดไม่ออกครับ.....ภาพมันมืดไปหมด
แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 20:03:42
จากคุณ |
:
สัมมาชน
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ส.ค. 52 19:56:01
A:124.120.21.51 X:
|
|
|
|
 |