Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เห่าไฟ...กับการเมืองวันนี้...ไทยรัฐ  

เหตุปาระเบิดใส่บ้านที่ วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เคยพักอาศัย ซึ่งปัจจุบันขายต่อให้อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีไปแล้ว แสดงให้เห็นว่า  ความขัดแย้งทางการเมือง ภายใต้การบริหารงานของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ได้ลดลง มีแต่จะเพิ่ม ความร้อนแรง มากขึ้นเรื่อยๆ!!!

โดยเฉพาะการชี้มูลความผิด สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 อดีต ผบช.น. ว่า กระทำความผิดในเหตุการณ์สลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ยิ่งทำให้ปัญหาขัดแย้ง บานปลายไม่มีที่สิ้นสุด!!!

เรื่องนี้ได้เกิดคำถามตามมามากมาย และไม่มีใครตอบให้หายข้องใจได้เลย ยกตัวอย่าง คำถามของ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร. ที่ว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมาจาก คำสั่งคณะปฏิวัติ และการใช้ดุลพินิจของ ป.ป.ช.ไม่เหมาะ สมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะเป็นการพิจารณาโดย ฟังความข้างเดียว!

ข้อสำคัญ ตามหลักสากล ตำรวจมีอำนาจหน้าที่ในการระงับ ปราบปรามการจลาจลจากการชุมนุมที่ละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะการชุมนุมของพันธมิตรฯนั้น ศาลปกครองกลางได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2551 หลังเกิดเหตุ 2 วันว่า การชุมนุมดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการบาดเจ็บของตำรวจที่เข้าสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะบาดเจ็บเล็กน้อยหรือสาหัส แต่ ป.ป.ช.กลับไม่นำมาพิจารณา!!!

นอกจากนี้ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ยังตั้งข้อสังเกตไว้น่าคิดว่า กรณีที่ ป.ป.ช.ระบุว่า มีการตาย ขาขาด อันเนื่องมาจากแก๊สน้ำตา แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการพิสูจน์ชัดเลยว่า การตายครั้งนั้น มาจากแก๊สน้ำตาจริงหรือไม่ และแก๊สน้ำตาชนิดเดียวกันก็ถูกใช้ในการชุมนุมของ กลุ่ม นปช. ในวันที่ 29 ส.ค. 2551 ที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ก็ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บถึงแก่ชีวิต หรือสาหัส ผู้ปฏิบัติการในครั้งนั้นก็ไม่ได้รับโทษทางอาญาใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่ กลุ่มผู้ชุมนุม ถูกดำเนินคดีอาญา และอัยการสั่งฟ้องแล้วด้วย!!!

"เห่าไฟ" บอกตามตรง หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของ  รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่กำลังกลายเป็นเหตุให้สถานการณ์ ความขัดแย้ง บานปลายมากยิ่งขึ้น ลองคิดดูให้ดีว่า หากตำรวจส่วนใหญ่เกิดน้อยใจ เพราะได้รับการปฏิบัติสองมาตรฐาน ความมั่นคงในแผ่นดินนี้จะตกอยู่ในสภาพใด!!!

พูดยังไม่ทันขาดคำ ทนายความกลุ่ม นปช. ก็นำประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 12 เม.ย. เข้ายื่นร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ช. ให้เอาผิดกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่มีคำสั่งใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมโดยไม่เป็นไปตามขั้นตอนการสลายการชุมนุม ที่ศาลปกครองเคยมีคำสั่งว่าจะต้องดำเนินการจากเบาไปหาหนัก ถือว่า นายกฯ และ พล.อ.ทรง-กิตติ ร่วมกันกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าบุคคลอื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน!!!

เรื่องนี้ ดูเหมือน กลุ่ม นปช. ไม่ได้ต้องการหวังผลทางคดีสักเท่าไหร่ แต่ต้องการพิสูจน์มาตรฐานของ ป.ป.ช.ว่า จะใช้ มาตรฐานเดียวกับที่ชี้มูลความผิด กรณีการสลายการชุมนุม 7 ต.ค.หรือไม่ เห็นหรือยังว่า หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามเพียงไร ไม่ว่าจะ ออกหัวออกก้อย ก็วุ่นไม่จบ ขืนยังดันทุรัง เดินกันต่อไปแบบนี้ คงได้เห็น เลือดนองแผ่นดินแน่นอน!!!

ถกปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง หลังจาก ประชาธิปัตย์ กับ ภูมิใจไทย ออกมาผลัดกันรุกผลัดกันรับ จนเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โต แต่สุดท้าย ต่างฝ่ายต่างก็นึกขึ้นได้ว่า ถ้าขาดใครไป รัฐบาลก็เจ๊ง ฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ ชกปากกันเสร็จ ก็ต้องหันมา จับมือร่วมทำงานกันต่อไป ไม่งั้น ก็เตรียมตัวม้วนเสื่อกลับบ้าน ตัวใครตัวมันได้เลย!!!

สำหรับคนที่รับบทหนักที่สุดตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้น สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้จัดการรัฐบาล ต้องเที่ยววิ่งปฏิเสธข่าวลือสารพัดรูปแบบ นับจากการปรับ พรรคภูมิใจไทย ออกแล้วเอา พรรคเพื่อไทย มาเสียบแทน การปลด ถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ที่ไปแหย่เรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ และล่าสุด สดๆร้อนๆ ข่าวลือปลด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้วตั้ง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น รมว. กลาโหม แทน!!!

ว่ากันว่า รัฐบาลที่เต็มไปด้วยข่าวลือ มักไปไม่รอด เพราะข่าวลือที่มีการพูดต่อๆไม่หยุด แสดงว่า ต้องปล่อยมาจาก คนในรัฐบาล หรือบุคคลที่ค่อนข้างสำคัญ จึงมีน้ำหนักทำให้หลายๆคนเอาไปพูดต่อในวงกว้าง เรียกว่า คนวงในเล่นกันเอง เนื่องจากขัดแย้งกัน หรือไม่พอใจกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องฆ่ากันให้ตาย สรุปได้ว่า ข่าวลือระยะนี้ จะเป็นข่าวที่ไม่จริง แต่ความขัดแย้งภายในรัฐบาลนั้น ขอยืนยันว่า เป็นจริงพันเปอร์เซ็นต์!!!

ขานรับนโยบายรัฐบาล  อุทัย สอนหลักทรัพย์ กรรมการกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เตรียมผลักดันรัฐบาลให้อนุมัติงบ 1.6 หมื่นล้านบาท ในโครงการ ไทยเข้มแข็ง เพื่อนำไปสนับสนุนการขยายพื้นที่ปลูกยางพาราในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน 4 ล้านไร่ หลังจากพบว่า โครงการอีสานเขียว ได้ผลดีเกินคาด โดยเฉพาะต้นยางโครงการยางล้านไร่ เติบโตตามมาตรฐานร้อยละ 90 แถมเกษตรกรยังมีรายได้และความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม!!!

http://www.thairath.co.th/content/life/32647

จากคุณ : sao..เหลือ..noi
เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 09:23:52 A:58.8.169.164 X:




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com