 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
ไม่รวมเรื่องที่ผู้เขียนเดินทางไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีการปฎิวัติรัฐประหารไปอยู่เกาะฮ่องกง ทั้งๆ ที่ผลการเลือกตั้ง ( 23 ธันวาคม 2550 ) ออกมาแล้วว่า พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคที่ได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล และเป็นที่รู้กันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือหัวหน้าพรรคตัวจริง ข้าพเจ้าจึงหวังจะทำหน้าที่ตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ นั่นคือ การสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีตัวจริง ที่ลี้ภัยอยู่ในเกาะฮ่องกง แต่สุดท้ายนอกจากการสัมภาษณ์ครั้งนั้นจะถูกระงับไม่ให้ออกอากาศแล้ว ผู้เขียนกลับได้รับคำประณามทั้งจากเพื่อนร่วมงาน และความไม่สนใจใยดีจากสมาคมวิชาชีพอีกเช่นกัน และเมื่อพรรคพลังประชาชนขึ้นมาเป็นรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี คุณสมัครก็ได้เชิญบรรดานักข่าว ไอทีวี. ที่ถูกลอยแพอย่างไร้ความปราณี ( เพราะถูกป้ายสีมาตลอดเวลาว่า เป็นนักข่าวไร้อุดมการณ์ รับใช้ระบอบทักษิณ ) มาทำงานข่าวที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ซึ่งได้เปลี่ยนเป็น เอ็นบีที. ผู้เขียนก็ได้ขอเข้าพบกับ คุณจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ว่า ขอทำหน้าที่อย่างมีอิสระและมีเสรีภาพ โดยไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เหมือนที่สังคมกำลังตั้งคำถาม ซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นที่พอใจว่า จะให้อิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ เพราะนี่คือจุดเด่นของคนไอทีวี. ที่ทำให้ ไอทีวี. เป็นที่ยอมรับของความเป็นสถานีข่าวจนถึงปัจจุบัน แต่วันแรกของเปิดสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ผู้เขียนก็ถูกแทรกแซงการทำงานอย่างรุนแรงทั้งจากผู้บริหารสถานีฯ และจากบริษัทที่ว่าจ้างให้เข้าไปทำงาน โดยผู้เขียน ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ ถามจริงตอบตรง ประสงค์ที่จะเชิญตัวแทนฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล มาพูดคุยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นปมปัญหาแห่งความขัดแย้งของฝ่ายการเมือง ( เดิมนั้น คุณสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะมาเป็นแขกในรายการ แต่ท่านป่วยไม่สามารถมาร่วมรายการได้) แต่ผู้บริหารสถานีเห็นว่า ไม่เหมาะสม เพราะวันแรกของการเปิดสถานีที่เปลี่ยนโฉมใหม่ ควรให้รัฐบาลในฐานะผู้กำกับดูแลโทรทัศน์ช่องนี้มาออกอากาศ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่า ตลอดทั้งวันของการเปิดสถานี เอ็นบีที. รัฐบาลก็พูดฝ่ายเดียวมาตลอดทั้งวันแล้ว หลังจากถกเถียงกัน จนเกือบจะทำให้ผู้เขียนตัดสินใจยุติการทำหน้าที่อีกครั้ง แต่ก็มาลงเอยด้วยข้อต่อรองที่ว่า ให้ฝ่ายรัฐบาลมาออกรายการในวันแรกก่อน แล้ววันถัดไป ผู้เขียนขอเชิญ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน คือคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นแขกในรายการ ซึ่งทางผู้บริหารสถานีก็ตกลงร่วมกันเช่นนั้น เมื่อถึงวันที่จะออกอากาศหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน กลับเป็นว่า ออกอากาศไม่ได้ เพราะไม่มีเวลา ทั้งๆ ที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังเดินทางมาเข้ารายการ ต้องยกเลิกการออกอากาศกลางคัน ข้าพเจ้าต้องทำหนังสือขอโทษอย่างเป็นทางการ และเดินทางไปขอโทษกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านด้วยตัวเองที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนอกจากจะได้รับการต่อว่าจากปากของคุณอภิสิทธิ์ว่า นักการเมือง เมื่อมาเป็นรัฐบาล ทำอะไรไม่เกรงใจประชาชน พยายามใช้อำนาจของตัวเอง ใช้สื่อของรัฐซึ่งเป็นสื่อของประชาชนด้วยเช่นกันมาเป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการเมือง ถึงตอนนั้น นักข่าวหลายสำนัก ให้ความสนใจ ติดตามสอบถามมายังผู้เขียน ถึงการแทรกแซงสื่อของพรรคพลังประชาชนอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะๆ โดยเฉพาะสำนักข่าวเนชั่น และเมื่อพรรคพลังประชาชน จัดให้มีรายการ ความจริงวันนี้ ทางเอ็นบีที. ผู้เขียนก็แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระถึงความไม่เหมาะสมของการเป็นทีวีของรัฐ แต่ฝ่ายการเมืองกลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการเมือง ซึ่งก็มีหลายสำนักข่าวอีกเช่นกัน ได้ให้ความสนใจ จนนำไปสู่การถอดรายการ ถามจริงตอบตรง ออกจากผังรายการ แต่ด้วยความปราณีที่ยังคงให้ผู้เขียนจัดรายการต่อไป แต่เปลี่ยนชื่อรายการเป็น ทางออกสังคมไทย และเตือนไม่ให้เล่นประเด็นขัดแย้งทางการเมืองอีก ผู้เขียนต้องยอมจำนน เพราะไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานนับสิบคนต้องมาตกงานจากตัดสินใจของผู้เขียนเพียงคนเดียว เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ได้ร่วมกับกลุ่มบริษัท และคณะบุคคลที่มีคนข่าวจากหลายสำนักร่วมขบวนการปฎิวัติช่อง 11 ให้กลายเป็น หอยม่วง อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน โดยที่ผู้เขียนก็ถูกปรับเปลี่ยนสถานะเป็นเพียงผู้จัดรายการอิสระชั่วคราว (จะอ้างว่าหมดสัญญาจ้างก็ตามที) แต่ถูกว่าจ้างจาก ศอบต.ให้ทำรายการเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้ ซึ่งเป็นการวางแผนและพูดคุยกันมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนแล้ว ดังนั้นจะเห็นว่า ตลอดการทำงานของผู้เขียน ไม่ว่ารัฐบาลยุคใดสมัยใด จะเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองไปอย่างไร แต่ผู้เขียนก็ยังยืนยันอยู่บนหลักการที่ถูกต้องของวิชาชีพไม่เคยเป็นเครื่องทางการเมือง หรือรับใช้การเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด พยายามอย่างเต็มที่ (แม้จะเจ็บปวดกับความพยายามที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ตาม) ดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม การให้โอกาส และที่สำคัญคือสิทธิเสรีภาพของคนสื่อ เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับผู้เขียน ในฐานะที่เป็นคนข่าวคนหนึ่ง และในฐานะประชาชนคนหนึ่งด้วย อยากจะเรียกร้องให้ สมาคมวิชาชีพสื่อ เป็นที่พึ่ง เป็นความหวัง เป็นองค์กรวิชาชีพที่ไม่เลือกข้าง ไม่ตัดสินใจแทนประชาชน กับความเห็นต่างทางการเมือง จนถูกมองว่า สมาคมวิชาชีพสื่ออคติกับประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง และขอให้สมาคมวิชาชีพสื่อ ยืนหยัดอยู่บนหลักการแห่งความเป็นธรรม สิทธิเสรีภาพ และเคารพสิทธิมนุษยชนไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ไม่เฉพาะกับผู้เขียน แต่สำหรับประชาชนทั้งประเทศ ต่างก็รอความหวังว่า เมื่อไหร่ ผู้ที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน หรือองค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชนทั้งหลาย ซึ่งได้รับเกียรติจากสังคมมาโดยตลอด จะได้ทำหน้าที่แก้วิกฤตของชาติ สร้างความปรองดอง และสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นภายในชาติของเราเสียที
(ที่มา ประชาไท , 15 กันยายน 2552)
จากคุณ |
:
จำปีเขียว
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ย. 52 18:51:01
A:118.172.193.245 X:
|
|
|
|
 |