ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ถนัดเรื่องนี้ แต่ก็อาจจะจริงอย่าง จขกท ว่าไว้ก็ได้ จากคุณ : ไกด์ไม่เก่า เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:06:56 A:114.128.181.169 X:

ความคิดเห็นที่ 2 น่าจะเรื่องธงที่ตั้งไว้มากกว่า จากคุณ : อ้ายเซียงเมี่ยง เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:09:10 A:58.137.173.132 X:

ความคิดเห็นที่ 3 รู้จักธงมั้ย คนเรียนนิติทุกคนก็ต้องตอบให้ตรงกับธงถึงจะได้คะแนน ไม่เกี่ยวกับทนายตรงไหน ตอนเรียนทนายเน้นเขียนคำร้องคำฟ้อง อะไรแบบนี้ จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:10:36 A:61.90.249.228 X:203.144.144.165

ความคิดเห็นที่ 4 ทนายเก่งระดับโลกก็แพ้ จากคุณ : สมาน (มัง มัง) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:16:27 A:222.123.182.61 X:

ความคิดเห็นที่ 5 แพ้เพราะชื่อทักษิณ   เพราะตามกฎหมายไม่ติดคุก แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 11:17:39 จากคุณ : คนสงสัย (คนผ่านเวบ) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:17:10 A:113.53.165.144 X:

ความคิดเห็นที่ 6 "จำเลยเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่อาจใช้เป็นข้ออ้างได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น..." เห็นเด็กๆ ที่เล่นกองทรายกำลังเล่นกันอยู่แบบนี้ จากคุณ : ฝรั่งดิบ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:17:25 A:118.172.32.63 X:

ความคิดเห็นที่ 7 เราเห็นตามความเห็น 2 เราไม่เชื่อว่าการนำหลักฐานต่าง ๆ มาแสดง,มาพิสูจน์ให้ศาลดู แล้วศาลจะพิจารณาตามข้อเท็จจริงของพยาน ถ้าสุ้กันด้วยพยานหลักฐานตามประมวลกฏหมาย คุณสมัคร์รอดไปแล้วละ ไม่มีหลักฐานใด ๆ เลยที่แสดงว่าคุณสมัคร์รับจ้างทำรายการ จนกระทั่งศาลไปนำเอาพจณานุกรมมาพิจารณา...โดนเลย และเราก็คิดต่อไปว่าถึงแม้พิจารณาตามพจณานุกรมแล้ว ถ้าไม่พบความผิดที่จะมอบให้อีก ก็คงจะมีประเด็นอื่น ๆ ตามมาเรื่อย ๆ จนกระทั่ง.....ผิด จากคุณ : กุญชรลายคำ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:17:28 A:112.142.126.246 X:

ความคิดเห็นที่ 8 คือ ประเด็นอื่นๆ นั้น เป็นประเด็นที่ศาลต้องใช้ดุลยพินิจ แต่ประเด็น การมีส่วนรู้เห็น ศาลต้องดูตามพยานหลักฐาน เมื่อจำเลยไม่แย้งในประเด็นนี้ ศาลก็เชื่อว่าจำเลยยอมรับว่ามีส่วนรู้เห็น แต่ถ้าจำเลยต่อสู้ประเด็นนี้ แล้ว ศาลไม่มีพยานหลักฐาน จะไปอนุมานว่า เป็นสามีกับภรรยากัน  ภรรยาไปซื้ออะไรทำอะไรก็ต้องขออนุญาตสามีทุกอย่างนั้นคงไม่ได้ ถ้าแบบนี้แล้วก็คงไม่ต้องมีการทำหนังสือยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร     แต่เมื่อมาทำหนังสือยินยอมหลังจากภรรยาชำระเงินไปหมดแล้ว สามีที่ดีจะไปห้ามภรรยาได้อย่างไร เพราะถ้าสามีบอกให้ยกเลิกสัญญา ก็ต้องโดนริบเงินไปหมด จากคุณ : จขกท (webkit) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:19:26 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ให้คุณพ่อของทนายความ มาช่วยว่าความอีกแรง  ก็แพ้ธง อยู่ดีละครับ จากคุณ : เกมส์123 เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:24:48 A:202.176.185.226 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ตาม คห.6 ถ้าศาลกล้าตัดสินแบบนี้ "จำเลยเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่อาจใช้เป็นข้ออ้างได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น..." ผมว่าเรื่องมันจะยุ่งครับ เพราะเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย ก็ทำแทนกันได้หมด โดยไม่ต้องมีหนังสือยินยอมนะสิ เพราะ ศาลบอกว่า สามีภรรยากันตามกฎหมาย ถือว่ามีส่วนรู้เห็นการกระทำของอีกฝ่าย สามีไปปล้นร้านทองเอาเงินมาให้ภรรยา ภรรยาก็ต้องติดคุกไปด้วย เพราะมีส่วนรู้เห็น ภรรยาเอาบ้านไปจำนองธนาคาร คนเดียวได้เลย เพราะถือว่าสามีรู้แล้ว ต่อไปเวลาไปทำนิติกรรมอะไร ก็ไม่ต้องใช้ สำเนาบัตรของสามี หรือ ภรรยาแล้ว ผมว่าศาลไม่กล้าตัดสินแบบนี้ แน่นอนเพราะมันจะกระทบกว้างมาก ต่างจากคดี นายกสมัคร ที่กระทบเพราะ พวกที่อยู่ตำแหน่งสูงๆ ไม่กี่คน ซึ่งหาข้ออ้าง ยกเว้นได้  แต่ถ้าตัดสินให้ เป็นสามี ภรรยา ต้องส่วนรู้เห็นการกระทำของอีกฝ่าย มันกระทบกับทุกครอบครัวในประเทศ ผมจึงมองว่า ที่คุณทักษิณโดน ไป 2 ปี ถึงแม้ว่าจะมีธง แต่ถ้า ต่อสู้ ให้ครอบคลุมทุกประเด็น จะมีธง หรือ ไม่ ศาลก็คงไม่สามารถหาประเด็นมาเอาผิด จากคุณ : จขกท (webkit) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:29:33 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 11 มันมีธงครับ ถ้าจะทำให้ผิด ยังไงก็ต้องผิด ถ้าจะให้ผิด เขาก็จะอ้างกฏหมายเป๊ะ บางทีก็อ้างพจนานุกรมไปนุ่น แล้วตบท้าย มีเจตนาทำให้รัฐเสียหาย หรือทุจริต ถ้าจะให้รอด ก็แค่บอกว่าไม่มีเจตนาทุจริต จากคุณ : น้ำแข็งnk เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:32:16 A:124.157.150.216 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ทนายเทวดา   ก็แพ้ครับ หากใช้ ตรรกแบบนั้น จากคุณ : รสกร เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:33:30 A:10.2.7.9 X:115.31.143.71

ความคิดเห็นที่ 13 ตัดสินแบบนี้ เทวดาก็ช่วยไม่ได้คับ จากคุณ : Caesar. เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:34:57 A:124.120.11.63 X:

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องแบบนี้ต้องไปถกกันที่ห้อง หว้ากอ ครับ เพราะมันเป็นเรื่องทางด้าน คณิตศาสตร์ โดยเฉพาะครับ ด้านคณิตศาสตร์ ใครๆก็รู้ครับว่า ถ้า ในสมการ มีตัวแปร Tsin อยู่ จะได้ค่าเป็นลบ เสมอ จากคุณ : JohnHenry เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:35:31 A:114.128.202.60 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ผมชอบนิทานอีสปเรื่องหนึ่ง " หมาป่า กับลูกแกะ "................ จากคุณ : หนึ่งจุดแดง เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:35:56 A:112.142.133.163 X:

ความคิดเห็นที่ 16 ประเด็นมีเป็นสิบ ยังหาเหตุผลได้ แค่รู้เห็นไม่รู้เห็นสบายมาก เท่าที่จำได้ก็เช่น เชื่อได้ว่าสองบริษัทที่ยื่น... จำคำพูดไม่ได้สรุปว่าฮั้วแล้วกัน มันควรเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องพิสุจน์ หรือเป็นแค่ข้อคิดเห็นจากตัวเลข จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:37:29 A:61.90.249.228 X:203.144.144.165

ความคิดเห็นที่ 17 ปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นไม่น่าจะฟังขึ้น เพราะมีรับรองในสำเนาบัตรประชาชน จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:42:31 A:61.19.66.1 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ขอค้าน แพ้ เพราะธง ต้องการหาเรื่องให้ผิดจนได้ เช่นเดียวกับ หันตูด ลงคะแนเสียงเลือกตั้ง มันเป็นเรื่อง ขำกลิ้ง สำหรับประเทศไทย จากคุณ : ไททักษิณ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:46:22 A:124.120.73.159 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ดูกรณีนายกสมัครเป็นตัวอย่างครับ ไม่เข้าข่ายลูกจ้างตามตัวบท พี่ท่านเล่นเปิดพจนาณุกรมหน้าตาเฉย เชื่อเหอะ ไม่ว่าจะสู้แง่ไหนนายกทักษิณก็ติดคุกอยู่ดี จากคุณ : stockmachine เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:50:47 A:58.64.58.57 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ขนาดหนังสือพิมพ์ หรือใครๆก็รู้กันหมดทั้งประเทศ สามีบอกไม่รู้ คงขำกลิ้ง จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:50:50 A:61.90.249.228 X:203.144.144.165

ความคิดเห็นที่ 21 ต่อให้เอา "เปาปุ้นจิ้น" มาเป็นทนายให้  ก็ไม่รอดครับ เชื่อดิ ... จากคุณ : แบดแมน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:53:04 A:58.97.9.41 X:

ความคิดเห็นที่ 22 ขอทำนายไว้ตรงนี้เลยว่า... คดีใด ที่ไม่มีชื่อทักษิณเป็นจำเลย...จะยกฟ้อง คดีใด ที่มีทักษิณเป็นจำเลย...จะโดนตัดสินว่าผิด ฟันธง !  รอ...รอ...รอดูผลกันต่อไป   ...บ้านนี้ เมืองนี้  ความยุติธรรม  สั่งได้ !!! จากคุณ : กาแฟดำขม เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:55:29 A:125.27.95.34 X:

ความคิดเห็นที่ 23 ธง บอกว่า ผิดก็ต้องผิด ไม่ใช่เพราะทนายความครับ จากคุณ : BMT830 เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:56:56 A:202.149.25.225 X:

ความคิดเห็นที่ 25 เพราะมันไม่ใช่ศาลไคฟง ตะหาก ครับ จากคุณ : kiamour เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:07:24 A:58.9.83.126 X:

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 18     ขอค้าน แพ้ เพราะธง ต้องการหาเรื่องให้ผิดจนได้ เช่นเดียวกับ หันตูด ลงคะแนเสียงเลือกตั้ง มันเป็นเรื่อง ขำกลิ้ง สำหรับประเทศไทย จากคุณ : ไททักษิณ   เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 11:46:22 A:124.120.73.159 X:   +++ ใช่เลยครับ ใช้ตรรกะแบบศาล นายกฯควบคุมทุกอย่างได้ในประเทศ??? แบบนี้ ฝากเงินแบงค์กรุงไทย ยังผิดเลยครับ ประมูลทะเบียนก็(คง)ผิด...แต่ไหงสุริยะรอดหว่า มันอยู่ที่"จะเล่นงาน"ก็เท่านั้นแหละ กฏหมายเมืองไทย...ศานเมืองไทย จากคุณ : yod_envi เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:10:11 A:210.1.59.100 X:

ความคิดเห็นที่ 27 มันเป็นหลักว่า ทนายสำคัญมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กรณีทนายถุงขนม จริง ๆ น่าจะให้ติดคุกแทนทักษิณด้วยซ้ำ และคนที่ดุแลเรื่องทนาย สมควรถูกตำหนิอย่างมาก จากคุณ : ตริวิกรมเสน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:21:19 A:58.8.74.187 X:

ความคิดเห็นที่ 28 แพ้เพราะ เป็นบุคคลที่มีฐานะ  มีชื่อเสียง มีอำนาจ ทั้งๆที่ มีบอกไว้ว่า ให้ตัดสินโดยทุกคนเท่าเทียม ไม่มีแบ่งแยกชนชั้น และ ฐานะ แต่ คำพูดพวกนี้ หลุดจากปาก ได้ ก็สมควรแล้วครับที่ แพ้คดี อีกอย่าง ตอนชวน ก็รอดไม่ใช่หรอที่ว่า เป็น รมต. แต่ ไม่ได้เป็นคนควบคุม ปรส. จากคุณ : Force-X เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:33:41 A:118.174.80.220 X:

ความคิดเห็นที่ 29 นิดเดียว... " 2. ประเด็การต่อสู้ ว่า ทำไมทนายจึงไม่พยายามสู้ในประเด็นที่ สามีไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย  ทำไมจึงสู้เฉพาะในประเด็นเรื่องของอำนาจนายก " ประเด็นนี้ ท่านนายกฯทักษิณ...อาจให้นโยบายว่าให้คุณหญิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นสำคัญ เนื่องจากห่วงใย ครอบครัว...ว่าจะต้องมารับเคราะห์กรรมกับท่านไปด้วย จากผลของการรัฐประหาร ของคนเลว ท่านจึงเข้าคุ้มครอง ตามที่ใช้หลักฐานบัตรประจำตัวรับรอง...แม้เป็นการซื้อไม่ใช่การขาย ตั้งแต่แรกทำสัญญา... เรียกว่า...ผู้นำครอบครัวต้องพร้อมปกป้องภัยอันตรายของคนในครอบครัวเสมอ นิสัยผู้ชายดีๆธรรมดา ( ผู้หญิงที่ได้สามีเป็นเกย์...จะไม่ได้รับสิ่งเหล่านี้ เพราะต่างก็เป็นผู้หญิง เป็นเรื่องธรรมชาติ ขออภัยเกย์...สักครั้ง คงมองออกว่าไม่ใช่การโจมตี-ต่อว่าเกย์ ขอให้เกียรติเกย์เท่าเทียมกับ หญิงและชาย เพียงพูดในประเด็นว่า ต่างเพศก็มีความเหมาะสมในเรื่องราวต่างกัน ธรรมชาติจึงสร้างไว้ให้ต่างกัน ไม่มีความคิดดูถูกเหยียดหยาม ยกย่องในความสามารถเสมอ ตลกตามสังคมตามโลกบ้าง แต่ก็ตลกเกย์น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อยู่แล้ว โลก...มันก็โหดร้ายอย่างนี้ ระยะหลังสังคมก็ยอมรับ เกย์ก็แต่งงานกับผู้หญิงเพื่อรักษาสถานะน้อยลงตามสมัยแล้ว ) นอกจากนั้น...ไม่สามารถเดาทางของคณะรัฐประหารได้ ก็หัวหน้ามันกะล่อนซะ ลับลวงพราง...ป๋ามันสิ คำตัดสินมันออกมาทีหลัง...เราดักทางก่อนอย่างไร ถ้ามีธง...ไม่มีทาง ธง 4 ข้อก็ชัดเรื่องความเป็นธรรม ไม่ใช่การดูถูก ดูหมิ่นศาล แต่ทัศนคติของจรัลพันบาท และแนวคิดตุลาภิวัตน์ มันฟ้องตัวเองอยู่ เห็นกันทั้งโลก ( การร่วมถวายฎีกาฯ...เพราะประชาชนรู้ในพระปัญญาของในหลวงดีมากกว่า 60 ปี ทรงเข้าพระทัยในธรรมแน่นอน ) ประเด็นอื่นๆ...ไม่ขอแตะ ไม่อยากลงรายละอียด ไม่ถนัดด้วย รู้แต่ว่า ไม่เป็นธรรมแน่ คุณ  webkit...ตั้งข้อสังเกตในความชอบมาพากล สื่อสารให้สังคมเข้าใจถึงความไม่เป็นธรรมของสังคม เหมาะสมดีแล้วครับ แม้จะเป็นเรื่องทีมทนายอาจต่อสู้ด้วยประเด็นที่ไม่แหลมคมพอ ฉลาดพอ แต่ก็สะท้อน ว่าต่อสู้กับคตส.ที่มาจากรัฐประหาร คนคตส.ก็โกรธ-เกลียดท่านนายกฯทักษิณ...มาก่อนชัดเจน ดูทีวีก็เห็น วิธีการสืบ วิธีใช้พยาน-หลักฐาน หลักการก็สุดจะคนป่า ไร้อารยะโดยสิ้นเชิง คตส.ทำตามใบสั่งอำมาตย์ เรื่องนี้คุยกันประเด็นไหน...ก็ไม่เสียเปรียบ ธรรมะ...ไม่เคยเสียเปรียบอธรรมอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับการใช้ และเวลา ( ธรรมะเพียงสร้างอธรรมมาเพื่อให้คนเข้าใจ-เข้าถึงธรรมะได้ดียิ่งขึ้น จนถึงใช้ธรรมะในการดำเนืนชีวิตกัน...ว่างั้น ) ขอให้คตส.พบแต่ความวิบัติ ถ้าความดี - ความเลวในโลกนี้มีจริง และคนคตส.ก็โกรธ-เกลียดท่านนายกฯทักษิณ...มาก่อนจริง เลือกปฎิบัติจริง...ปล่อย CTX สุริยะไปตามคำสั่งอำมาตย์ หรือคำสั่งธิดำ หรือก็รับเงินเองด้วยจริง ในทางตรงกันข้าม ขอให้คตส.และครอบครัวเจริญๆขึ้น...ถ้าเงื่อนไขข้างบนไม่เป็นจริง จากคุณ : คตส.จงวิบัติซะ... (SS) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:33:48 A:58.8.123.82 X:

ความคิดเห็นที่ 30 เอาแค่ว่าสมัครตกเก้าอี้เพราะพจนานุกรมแล้วละก็ต่อให้สุดยอดทนายก็ว่าความแพ้คดีที่รัชดา จากคุณ : Havest of Sorrow เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:36:05 A:110.49.23.144 X:

ความคิดเห็นที่ 31 ก่อนจะถามถึงเจตนา เคยกลับไปนึกหรือไม่ ว่า เหตุใด จึงต้องมีกฏหมายข้อนี้ห้ามไว้ กฏหมายข้อนี้ มีขึ้นมาเพื่อ ป้องกัน ไม่ให้ ผู้มีอำนาจรัฐ ใช้ความได้เปรียบของตนเอง ไปหาผลประโยชน์ กับหน่วยงานราชการที่ตัวเองกำกับ เพราะอะไรน่ะหรือครับ ในความเป็นจริง เราไม่อาจทราบได้ว่า -ผู้มีอำนาจคนนั้น ใช้ความได้เปรียบในการรับทราบข้อมูลภายในหรือเปล่า -ใช้อำนาจรู้ข้อมูลหรือราคที่คนอื่นเสนอได้หรือไม่ -ใช้อำนาจทางการเมือง บีบเอกชนให้ถอนตัวหรือไม่ -ใช้อำนาจของตัวเอง ไปกดดันให้ผู้บริหารกองทุนเปลี่ยนแปลงนโยบาย เปลี่ยนแปลงราคากลาง เปลี่ยนแปลงจำนวนเงินมัดจำ หรือไม่ ไม่มีใครคิดว่าถ้าเค้าทำจริง มันจะรู้ได้ง่ายๆครับ เพราะมันไม่ได้มีใครตามถ่ายวีดีโอ ไม่มีใครออกเปนหนังสือคำสั่ง ดังนั้น จะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา หรือเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น คนร่างกฏหมาย ดค้าจึงเลือกที่จะห้าม ไม่ให้ ผู้มีอำนาจเหนือองค์กรนั้น มาทำการใดๆที่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่คดีนี้ มันเกิดขึ้น เพราะมีการฝ่าฝืนกฏหมาย คุณอาจจะคิดว่า ศาลหาข้อพิศูจน์ไม่ได้ว่าคุณหญิงและนายกมีเจตนาทำผิด ก้ออาจจะจริงครับ เพราะผมบอกได้เลย ว่าถ้าศาลมีหลักฐานว่าเจตนา ไม่โดนแค่สองปีแน่ๆครับ แต่ศาลพิจรณาความผิดในการฝ่าฝืนกฏหมาย เปนเหตุให้สังคมเชื่อได้ว่า มีการทุจริต ศาลไม่ได้ชี้ไปว่า คุณหญิงและนายกได้มีการไปกดดันผู้เสนอเจ้าอื่นให้ถอนตัว ศาลไม่ได้ชี้ไปว่า คุณหญิงและนายกไปกดดันให้ผู้บริหารกองทุนปรับเงินมัดจำเปน 100 ล้าน ศาลบอกว่า คุณ ฝ่าฝืนกฏหมาย คุณมีความผิด แต่กรณีนี้ มันอยู่ที่ตัวกฏหมาย เค้าตีความกันมาว่า ผู้ดำรงตำแหน่งมีอำนาจกำกับดูแล คุณหญิงเปนภรรยา ไม่มีอำนาจกำกับ แต่ แต่ครับแต่ มีการพบยว่า การซื้อขายครั้งนี้ ได้รับการเห็นชอบ รับรอง จาก สามี ซึ่งเปนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจกำกับดูแล นายกรัฐมนตรี รู้เห็น และเห็นดีเห็นงาม สนับสนุน การฝ่าฝืนกฏหมายของภรรยาซึ่งเปนเสมือนบุคคลเดียวกัน  ทั้งๆที่ตัวเองเปนนายกกลับไม่ดูแลให้การซื้อขายเปนไปตามกฏหมาย แถมยังสนับสนุน ศาลเลยตัดสิน จำคุก สองปี ไม่รอลงอาญา จำนะครับ สองปีเพราะทำผิดกฏหมาย ที่ไม่รอลงอาญา เพราะ ศาลเห็นว่า คนเปนายกรัฐมนตรี ควรจะเปนแบบอย่าง ควรมีจริยธรรม แต่กลับทำผิดกฏหมายซะเอง คดีจบลงด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : เด็กรู้ทัน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:37:40 A:61.19.88.226 X:

ความคิดเห็นที่ 32 เนวินยังรอดเลย เเล้วเเต่ว่าเขาจะชี้ให้ใคร ผิด หรือ ถูก เหตุผลไม่จำเป็น จากคุณ : โลหิตสีชมพู (โลหิตสีชมพู) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:52:45 A:61.90.90.173 X:

ความคิดเห็นที่ 33 ..ถ้าจะตัดสินแบบ คห 31 ละก็ ทำไมไม่ยกประเด็นที่นายกทักษิณ  ได้สร้างผลงาน บริหารประเทศให้พ้นวิกฤต IMF  สร้างงานสร้างคน   ปราบปรามยาเสพติด ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า ฯลฯ...   ทำไมไม่ยกประเด็นนี้มาหักล้างบ้างล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะจะเอาผิดให้ได้จริงมั้ย ..ตัวอย่าง อาจารย์นิด้าฆ่าภรรยาตาย ยังรอด.. จากคุณ : จูต้า เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 12:56:34 A:10.172.54.232 X:203.146.128.138

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องรอ หรือ ไม่รอลงอาญา ต้องถามดุลยพินิชของศาลเอาเองครับ แต่คุณต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าศาลตัดสินว่าผิด ไม่ใช่ใครสั่งได้ ศาลฎีกานะครับ สูงสุดแล้ว เค้าตัดสินไปตามตัวบทกฏหมาย พยานหลักฐาน บางคนก้อเอาแต่เถียงศาล บางคนโทษไปนู่นว่ามีศาลเดียว ไม่เปนประชาธิปไตย แล้วเค้ามีมาตั้งแต่ปี 40 ใช้มาสิบปี ไม่มีใครค้านสักแอะล่ะคับ ทำไมไม่มีใครออกมาค้านแทน นายรักเกียรติ สุทธนะล่ะ ว่ามีศาลเดียว แล้วถ้าจะเอาเรื่องการทำประโยชน์ให้ประเทศนี่ จะยกมาได้อย่างไร เมื่อสิ่งที่ทักษิณทำ แค่ที่คุณยกมา ยังเปนเรื่องถกเถียงอยู่เลย บริหารประเทศให้พ้นวิกฤต IMF  หลายฝ่ายก็มีหลักฐานก็ชัดเจนว่าทักษิณไม่ใช่คนกู้ประเทศจากวิกฤติ ประเทศพ้นวิกฤติไปแล้ว ตอนยุค นายชวน ปราบปรามยาเสพติด  เรื่องยาเสพติด ตกลงว่ามันหายไปหรือไม่ครับ เห็นได้ชัดว่ามันยังอยู่ แถมมีการฆ่าตัดตอนไปเปนพันศพ ผู้บริสุทธิ์ปะปนไปกี่ราย ไม่มีใครรู้ ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า  ไม่ได้อยากจะด่าประเทศตัวเอง แต่จนวันนี้ ผมมองไม่เห็นว่า ประเทศเรา มีรายได้ต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้น ยังไม่เห็นว่าคนจนน้อยลง ยังไม่เห็นคนทุกคนได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง พัฒนาตรงไหน แม้แต่สาธารณูปโภคพื้นฐาน เป็นนายก 6 ปี ไม่เคยมีการพัฒนา เอาแต่แจกเงินให้ชาวบ้านไปซื้อทีวีกับมือถือ จากคุณ : เด็กรู้ทัน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:09:49 A:61.19.88.226 X:

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่มีผลครับ... ผมพูดตามตรงเลย... เพราะเขาก็จะอ้างว่า " เป็นสามีภรรยา อยู่บ้านเดียวกันทุกวัน จะไม่รู้เห็นได้อย่างไร ? " ซึ่งก็อย่างที่ผมบอกไปแล้วล่ะ ไอ้ตรงนี้มัน " จุดหมกเม็ด " ชัดๆ จะให้ใครผิดหรือไม่ก็บิดตรงนี้เอาก็ได้ สรุปก็คือ ถ้าในตอนนั้น ทักษิณ ไม่ได้ป่วยนอนโรงบาลอยู่ หรือมีธุรกิจต่างประเทศ ฯลฯ ประมาณนี้ ก็คงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ( หรือพูดง่ายๆก็คือ ธง ) ของผู้ตัดสินล่ะครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:11:31 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 36 อยากถามท่านที่ว่าผ่านมาถูกต้องแล้ว ว่าผู้พิพากษาได้ตัดสินตามกฎหมายทุกข้อหรือไม่ เพราะการที่จะเอาคนติดคุกต้องไม่ให้โต้แย้งทางข้อกฎหมายได้ หากทำตามกฎหมายทุกข้อไม่คิดว่าจะติดคุก จากคุณ : คนสงสัย (คนผ่านเวบ) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:17:50 A:113.53.165.144 X:

ความคิดเห็นที่ 37 rep 31 ผมก็บอกไปหลายทีแล้ว... ไอ้ที่ยกมาเนี่ยมันเกี่ยวกะอำนาจตรงไหน ??? จะ insider จะรู้ข้อมูลวงใน จะกดดันเอกชน จำเป็นต้องมีอำนาจควบคุมดูแลด้วยเหรอ ??? ไม่ต้องมีหรอก... ขอผมชื่อ ป. สี่เสา หรือ เมธ เฟอร์รารี่ ก็พอ... ไม่เห็นต้องมีอำนาจกำกับอะไรเลย... ก็ทำพวกนี้ได้เหมือนกันหมดเป๊ะๆ ที่เขาห้ามก็เพราะ คุณจะใช้อำนาจตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายไปแก้นู่นแก้นี่ต่างหาก ที่เขาห้าม เพราะ คุณมีอำนาจตามกฎหมายที่จะทำ แต่นี่มาตัดสินเขาในสิ่งที่เขาไม่มีอำนาจจะทำ หรือถ้าจะทำก็ไม่เกี่ยวกับอำนาจเลย ผมถึงบอกว่า ศาลกำลังตัดสินในสิ่งที่อยู่นอกเหนือประเด็นของกฎหมายอยู่ จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:17:51 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 38 เงียบไปแล้ว ไม่มีใคร มาเถียง ต่อกับ คุณ เด็กรู้ทัน ละคับเนี่ย หายไปหมดเลยทีนี้ จากคุณ : 946 เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:21:22 A:58.8.80.122 X:

ความคิดเห็นที่ 39 อ้อ... แล้วเห็นมีถกเถียงกันเรื่องทนาย ผมเอาคำให้การของฝ่ายทักษิณมาลงให้ละกัน... ลองอ่านดูจะรู้ครับว่า คำให้การนี้เกือบจะสมบูรณ์เลย ดักไว้ได้เกือบทุกมุมที่จะบิดไป ไม่ว่าจะเป็นความเห็นของนักวิชาการท่านต่างๆก็จะเห็นได้ว่า คำให้การนี้ครอบคลุมได้หมด ยกเว้นอย่างเดียวคือ โดนตัดสินโดยใช้ " หลัก gu " ไม่ใช่ " หลักกฎหมาย " แบบที่เราเห็นๆกัน แบบนี้ต่อให้ คำให้การ เลิศเลอขนาดไหนก็คงช่วยอะไรไม่ได้... คำให้การ ของ นายกทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน คดีที่ดินรัชดา เป็นคำให้การที่ละเอียดและสมบูรณ์แบบ คดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสีย ในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบ คุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงานและผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้เสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้นเป็นเจ้าพนักงานและผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีในปัญหาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายดังนี้ ข้อ 1. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มิใช่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจกำกับดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ดังนี้ 1.1 หลักกฎหมาย “ไม่มีอำนาจกำกับดูแลมากไปกว่าที่กฎหมายกำหนด หากกฎหมายไม่กำหนดให้มีอำนาจย่อมไม่มีอำนาจ” หมาย ความว่า เมื่อกฎหมายไม่บัญญัติให้อำนาจ ย่อมไม่มีอำนาจ พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 ไม่มีบทบัญญัติ ในมาตราใดให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 1.2 หลักการปกครองในระบบรัฐสภา ถือหักการบริหารกิจการของรัฐในรูปของ “คณะบุคคล” ในที่นี้แก่ “คณะรัฐมนตรี” ตามหลัก การของรัฐธรรมนูญ “คณะรัฐมนตรี เป็นผู้มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน” 1.3 หลักการ “การบริหารราชการแผ่นดิน” หมายถึง “การจัดส่วนของราชการ รวมทั้งการจัดระเบียบวิธีการปฏิบัติราชสาร อำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ” กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มิใช่องค์กรของรัฐภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายในเรื่องการจัดส่วนราชการ รวมทั้งการจัดระเบียบวิธีการ ปฏิบัติราชการ หากแต่เป็นองค์กรของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการเป็นองค์การที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะและกฎหมายพิเศษ คือ พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 ซึ่งได้บัญญัติถึงวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งไว้ต่างหากจากการบริหาร ราชการดังกล่าวข้างต้น เพราะมีการกำหนดระเบียบ ข้อบังคับ วัตถุประสงค์ ในการดำเนินการไว้ต่างหากจากการบริหารราชการ ไม่ว่าจะเป็นในแง่บุคคลาการที่เข้าสู่ตำแหน่ง ในแง่ทางการเงิน ในแง่วัสดุ และในแง่กิจกรรมของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เป็นเรื่อง ต่างหากจากการบริหารราชการ การจัดการส่วนราชการและการจัดระเบียบวิธีการปฏิบัติราชการทั้งสิ้น การจัดตั้งกองทุนเพื่อการฟื้ฟูฯ เมื่อตรวจสอบในด้าน “วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ” เป็นองค์กรของรัฐ ตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 มาตรา 29 อัฏฐ พบว่า มีวัตถุประสงค์ตามกฎหมายที่จัดตั้ง “ไม่ใช่การ บริหารราชการแผ่นดิน” เมื่อไม่ใช่องค์กรของรัฐที่มีวัตถุประสงค์ในเรื่อง “การบริหารราชการแผ่นดิน” ประกอบกับเมื่อพิจารณา ในแง่ “เงินเดือนและเงินอื่นๆ” ของ “ลูกจ้างและพนักงาน” ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ใช้งบประมาณของกองทุนเพื้อการฟื้นฟูฯ เอง มิใช่จากเงินคัดสรรงบประมาณของ “สำนักงบประมาณ” ที่อยู่ภายใต้การกำกับ ควบคุม ดูแล ของกระทรวงการคลังตามพระราช บัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 มาตรา 6 และมาตรา 10 เหมือนเจ้าราชการและลูกจ้างของรัฐบาล ดังนั้น พนักงานของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จึง “มิใช่พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐบาล” ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่ง มาตรา 286(2) จากสิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงไม่อาจนำพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 11 มาใช้บังคับกับคดีนี้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจ กำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้ 1.4 “หลักการทางฝ่ายปกครอง” นายกรัฐมนตรีไม่มีหน้าที่ “ในฐานะฝ่ายปกครอง” ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพราะหน้าที่ใน ฐานะฝ่ายปกครองต้องเป็นหน้าที่ปฏิบัติกิจการที่เป็น “ปกติธุระ” ตามพระราชบัญญัติธนาราคแห่งประเทสไทย พ.ศง 2485 มาตรา 29 เตรส ซึ่งบัญญัติอำนาจหน้าที่ไว้เป็นการเฉพาะ และเป็นกรณีพิเศษตามกฎหมายที่จัดตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งอำนาจหน้าที่ นี้ได้บัญญัติไว้ชัดเจนให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ “คณะกรรมการจัดการองทุน” หากให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับในฐานะฝ่าย ปกครองของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แล้ว จะทำให้มีอำนาจ “ซ้ำซ้อน” กับคณะกรรมการจัดการกองทุน แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 13:27:40 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:24:37 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 40 ข้อ 2. กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เป็นองค์กรของรัฐใน “ภาคนโยบายการเงิน” ที่แยกต่างหากจากองค์กรของรัฐ หรือแยกจากการกำกับ ควบคุม ดูแล ของนายกรัฐมนตรีซึ่งมีอำนาจกำกับควบคุมดูแลใน “ภาคนโยบายคลัง” ในเศรษฐศาสตร์มหภาคของทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ได้แบ่งแยกองค์กรของรัฐที่กำกับ ควบคุม ดูแล ภาค “ นโยบายการเงิน” (Money Policy) แยกเป็นอิสระต่างหากจากองค์กรของรัฐที่กำกับ ควบคุม ดูแล”ภาคนโยบายการคลัง” (Fiscal Policy) ธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงืนเป็นองค์กรของรัฐที่กำกับ ควบคุม ดูแล ใน ภาคนโยบายการเงินซึ่งเป็นอิสระจากการกำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ ของนายกรัฐมนตรี แม้คณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้เคยวินิจฉัยว่า กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติการงบประมาณ พ.ศ.2502 ก็ตาม แต่ยังไม่มีความชัดแจ้งเพราะ “กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มิได้นำกฎหมายเกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจมาบังคับใช้และกระทรวงการคลังยังมิ ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2523” และเมื่อตรวจสอบข้อมูลจาก “สำนักงานคณะกรรมการนโยบาย รัฐวิสาหกิจ” (สตง) ที่อยู่ในกำกับของกระทรวงการคลัง ที่มีอำนาจ กำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ รัฐวิสาหกิจของประเทศไทย พบว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มิได้มีกฎหมายกำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทบและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ข้อ 3. ธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งเป็นนิติบุคคล เกิดจาก “การตัดตั้งองค์กรของรัฐในรูปแบบที่สาม” ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการและมิใช่รัฐวิสาหกิจจัดตั้งโดยการตราพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การขึ้นเป็นการเฉพาะราย ตามความจำเป็นของภารกิจ เมื่อกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มิใช่องค์กรของรัฐที่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจแล้ว กองทุนเพื่อการ ฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงืนจึงไม่อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และพระ ราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 เช่นเดียวกับองค์การในลักษณะเดียวกัน คือสำนักงานคณะกรรมการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ องค์การทหารผ่านศึก และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ข้อ 4. แม้จะอ้างว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่นายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจกำกับ ดูแล รัฐวิสาหกิจ ที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมาย จะต้องมีกฎหมายที่จัดตั้งกำหนดไว้เป็นพิเศษ และเป็นบทบัญญัติในกฎหมายเฉพาะเท่านั้น เพราะเป็น “หลักการของการ กระจายอำนาจ” ที่ต้องการให้พ้นจากการเป็น “ส่วนราชการ” ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และ พระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2544 และไม่เป็นส่วนราชการตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 นายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจจะต้องมีกฎหมายที่จัดตั้งรัฐวิสาหกิจกำหนดไว้เป็นพิเศษ และเป็นบทบัญญัติใน กฎหมายเฉพาะเท่านั้นที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับ ควบคุม ดูแล รัฐวิสาหกิจนั้นๆ ไว้เป็นการชัดแจ้ง อาทิเช่นพระราช บัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 มาตรา 5 และมาตรา 31 พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ.2522 มาตรา 15-17 พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2528 มาตรา 45-47 พระราชกฤษฎีกาองค์การสวนพฤษศาสตร์ พ.ศ.2535 มาตรา 11 และพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การรถไฟฟ้ามหานคร พ.ศ.2535 มาตรา 26-28 เป็นไปตามหลักกฎหมาย ที่ว่า “ไม่มีอำนาจกำกับดูแลมากไปกว่าที่กฎหมายกำหนด” ข้อ 5.การกำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีที่จะถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2542 มาตรา 100 ต้องเป็นงานในอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ หมายถึง “เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในฐานะเป็นฝ่าย ปกครอง เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติกิจการที่เป็นปกติธุระ กล่าวคือ มีอำนาจหน้าที่กำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีใน กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน อย่างเป็นปกติธุระประจำตามที่กฎหมายบัญญัติ” นายกรัฐมนตรีมิใช่ฝ่าย ปกครองโดยตรงของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติกิจการที่เป็นปกติธุระ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติ คณะกรรมการจัดการกองทุนจะวางนโยบายและควบคุมและโดยทั่วไปซึ่งคือการทำงานของกองทุนและออกข้อบังคับเพื่อปฏิบัติ การให้เป็นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ คณะกรรมการจัดการกองทุนสามารถดำเนินการได้เองโดยมิต้องขออนุมัติหรือขอความเห็น ชอบจากนายกรัฐมนตรี การขายที่ดินเป็นปัญหาในคดีที่คณะกรรมการการจัดการกองทุนสามารถดำเนินการได้โดยลำพัง ไม่มีบท บัญญัติหรือข้อบังคับที่ต้องให้ขออนุมัติ ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่อย่างใด ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่องกำหนดตำแหน่งหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐี่ต้องห้ามมิให้ ดำเนินการตามความในมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัยและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 บทบัญญัติดังกล่าวหมายความว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดมีอำนาจในการกำกับดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี สำหรับหน่วยงานใด เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นย่อมต้องห้ามมิให้เป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้ในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานนั้น ข้อ 6 “เจตนารมณ์ของกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2542 มาตรา 100 (1) เป็นการบัญญัติ “แบบมีเงื่อนไข” ว่าหมายถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐมนหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจกำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ เท่านั้น เพราะเป็น “กฎหมายจำกัดสิทธิ” มีหน้าที่สำคัญที่ควรนำมาตรวจสอบคือ หลักฐาน จากรายงานการประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2542 ในหน้าที่ 55 และสามารถเปรียบ เทียบได้กับมาตรา 100 (3) ที่บัญญัติไว้แบบไม่มีเงื่อนไข ข้อ 7. นายกรัฐมนตรีไม่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา การจะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาต้องเป็นกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายนั้นๆ บัญญัติไว้โดยชัดแจ้ง อาทิเช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2542 มาตรา 31 พระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ 2542 มาตรา 12 ฯลฯ กรณีคดีนี้ไม่มีบทบัญญัติตามกฎหมายให้นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:25:15 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 41 ข้อ8 กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัมนาระบบสถาบันการเงิน มีอำนาจหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ในการประกาศขายที่ดิน ทำสัญญาซื้อ ขายที่ดิน ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินโดยชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ เปรียบเทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 4655/2533 ระหว่าง นางลาวัณย์ ดิลคณารักษ์ โจทก์ กระทรวงการคลังกับพวก จำเลย วินิจฉัยไว้ว่า “กองทุนเพื่อการพื้นฟูฯ เป็น นิติบุคคลต่างหากจากกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยมีสิทธิและหน้าที่ต่างๆ ตามบทบัญญัติทั้งปวงแห่ง กฎหมายภายในของวัตถุประสงค์ของตน” และแม้จะอ้างว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินมีฐานะเป็นรัฐ วิสาหกิจ แต่จะนำเอาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบรามการทุจริต พ.ศ 2542 หมวด 9 ว่าด้วย การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลปละประโยชน์ส่วนรวมตามมาตรา 100 (1) มาบังคับใช้ไม่ได้ เพราะบทบัญญัติในมาตรา 100 (1) มิได้บัญญัติหน่วยงานของรัฐประเภท “รัฐวิสหกิจ” ไว้เช่นกันกับบทบัญญัติในมาตรา 100 (3) และสัญญาซื้อขายระหว่าง คุณหญิงพจมาน ชินวัตร กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มิใช่ “สัญญาสัมปทาน” ข้อ 9. สัญญาซื้อขายที่ดินที่จัดให้มี “การประกวดราคา” ไม่เป็นเรื่องประโยชน์ส่วนบุคคลขัดแย่งกับประโยชน์ส่วนรวม มิได้ลิด รอนผลประโยชน์ของประชาชน ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมประมูลในการประกวดราคาตามประกาศของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้ การกระทำของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ผู้ขายและ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ผู้ซื้อ กระทำโดยสุจริต เปิดเผย มีการแข่งขันราคาโดยชอบด้วยกฎหมาย มีการศึกษา และตรวจสอบแล้วว่า ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ต้องห้ามในการทำสัญญาซื้อ ขายที่ดิน การจำหน่ายที่ดินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เป็นไปตามหลักเกณฑ์การประมูลขายที่ดินและการขายที่ดินเป็นไปโดยชอบด้วย กฎหมาย และเป็นไปตามข้อบังคับและเป็นไปตามมติของคณะกรรมการจัดการกองทุน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 มาตรา 29 เตรส ข้อ 10. กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่ได้รับความเสียหายจากการจำหน่ายที่ดินแปลงพิพาทแต่ได้รับ ประโยชน์จากการจำหน่ายที่ดิน คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด เดิมราคาที่ดินที่แท้จริงที่ บริษัท เอราวัณทรัสต์ ซื้อมาเพียงราคา 103 ล้านบาท หากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ไม่จำหน่ายที่ดินต้องมีภาระดอกเบี้ยปีละประมาณ 35 ล้านบาท การที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ปรับลดราคาที่ดิน และออกหลักเกณฑ์การขาย การประกาศประกวดราคาที่ดิน ราคาที่ดินอนุมัติขาย รวมทั้ง ข้อกำหนดในการส่งมอบที่ดิน กระบวนการ ต้งแต่การประกาศขายจนกระทั่งมีการทำสัญญาซื้อขายทิ่ดนทุกขั้นตอนเป็นไป โดยเปิดเผยสามารถตราจสอบได้ เพราะในเรื่องดังกล่าวกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ทำ รายงานการขายที่ดินถึงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้เข้าทำการตรวจสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เสร็จสิ้นแล้ว มิได้มีข้อ สังเกตหรือมีข้อทักท้วงในรายงานการตรวจสอบบัญชีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินว่า การปรับลดราคาที่ดินและการขายที่ดินใน ครั้งนี้ ทำให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เสียหาย และการปรับลดราคาที่ดินและการขายที่ดินเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดการ กองทุน สำหรับที่มีการกล่าวว่าภายหลัง คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซื้อที่ดิน มีการยกเลิกข้อจำกัดเรื่องความสูงในการก่อสร้างอาการ มีข้อ เท็จจริงดังนี้ (1.) ข้อกำหนดตามกฎหมายผังเมืองใหม่ (พ.ศ.2549) ที่ดินที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซื้อ มาอยู่ “ประเภท ย 6 “ ซึ่ง “ห้ามสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษ” (อาคารที่มีพื้นที่ตั้ง 10,000 ตามรางเมตรขึ้นไป) (2.) ข้อกำหนดการยกเลิกข้อจำกัดความสูงในการก่อสร้างอาคาร เป็นกรณีที่อาคาร สำนักงานหรืออาคารประกอบพาณิชยกรรมจะสร้างอาคารสูงประเภทดังกล่าวไม่ได้ เพราะที่ดินที่ประมูลได้มีเขตทางไม่ถึง 30 เมตร (ถนนเทียมร่วมมิตร มีเขตทางเพียง 17-20 เมตรเท่านั้น ตามหนังสือสำนักงานเขตห้วยขวางที่ กท04803/6436 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2550 ) และที่ดินดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายในระยะ 500 เมตรจากศูนย์กลางสถานีรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน จากข้อกำหนดที่ (1) และ (2) ข้างต้น สรุปได้ว่าการยกเลิกข้อจำกัดความสูงในการก่อสร้างอาคารไม่ได้ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น เพราะแม้จะให้สร้างอาคารสูงได้ แต่ข้อกำหนดเรื่องอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดินตามกฎหมายผังเมืองใหม่ (พ.ศ.2549) กำหนดไว้ไม่เกิน 45 : 1 (ตามกฎหมายผังเมืองใหม่ข้อ 17 (21) ใน (1) ย่อย กล่าวคือ ที่ดิน 1 ไร่ (1,600 ตารางเมตร) สามารถ สร้างอาคารได้เพียง 7,200 ตารางเมตรเท่านั้น) ซึ่งข้อกำหนดนี้เดิมกฎหมายผังเมืองใหม่ไม่ได้ดำหนดไว้ แต่ใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 หมวดที่ 1 ข้อ 5 กำหนดไว้ที่อัตราส่วนไม่เกิน 10 : 1 กล่าวคือ ที่ดิน 1 ไร่ (1,600 ตารางเมตร) สามารถสร้างอาคารได้ 15,000 ตารางเมตร จะเห็นว่าพื้นที่อาคารได้หายไป กว่าครึ่ง ดังนั้นผังเมืองใหม่ดังกล่าวจึงไม่ได้เอื้อประโยชน์ (ทำให้ราคาสูงขึ้น ให้แก่ที่ดินที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซื้อแต่อย่างใด แต่ใน ทางตรงกันข้ามผังเมืองใหม่ดังกล่าวกลับทำให้ราคาที่ดินที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซื้อ มีมูลค่าที่ดินลดลง เพราะไม่สามารถ สร้างอาคารให้ได้พื้นที่ใช้สอย เท่ากับกฎหมายเดิมตามที่กล่าวมาข้างต้น (ลดลงกว่าครึ่ง) การจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร จะดำเนินการจัดทำใหม่ทุก 5 ปี ตามพระราชบัญญัติผังเมืองมาตรา 26 ถ้าไม่ทันให้ขยาย เวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงตามผังรวมเดิมได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ปี ตามมาตรา 26 วรรคห้า และกระบวนการในการ จัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร มีขั้นตอนมากมายเช่นต้องผ่าน “คณะกรรมการผังเมือง” ซึ่งตามมาตรา 6 แห่งพระราช บัญญัติการผังเมือง (พ.ศ.2518) กำหนดให้ข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการแล้วยังมีผู้ทรงคุณวุฒิทางการผัง เมืองหรือสาขาวิชากที่เกี่ยววข้องโดยตรงกับการผังเมืองไม่เกิน 7 คน และผุ้แทนสถาบันองค์กรอิสระและบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยว ข้องกับการผังเมืองไม่เกิน 7 คน ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมาเป็นกรรมการด้วย นอกจากนี้คณะกรรมการผังเมืองยังมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามความเหมาะสมขึ้นมาพิจารณาดำเนินการได้อีก ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติผังเมือง (พ.ศ.2518) ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน คณะกรรมการร่างกฎหมายกระทรวง มหาดไทย และคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการกฤษฎีกา จะเห็นว่าการจัดผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร จะต้องผ่านขั้นตอนและการ พิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบันองค์กรอิสระมากมาย และที่สำคัญคือมีการผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การจัดกำหนดผังเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่งจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนากยรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่ได้กำกับ ควบคุม ดูแลกรุงเทพมหานคร และมีข้อเท็จจริงที่สังคม ทราบโดยทั่วไปว่า ในขณะนั้น “กรุงเทพมหานคร มีผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครเป็นสมาชิก และผู้บริหารพรรคการเมือง ที่เป็นคู่แข่งและเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับพรรคการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะให้อำนาจหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีไปแทรกแซง สั่งการใดๆ ให้กรุงเทพ มหานคร ซึ่งมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาจากพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับพรรคการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำ ยอมต้องยกเลิกข้อบังคับเรื่องอาคารสูง เพื่อให้เป็นประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้น credit : มาหาอะไร แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 13:26:31 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:25:49 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 42 เมื่ออ่านจากคำให้การแล้ว ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดของทีมทนายหรอกครับ... เพราะมันรวมอยู่แล้วแทบทุกประเด็น ทีนี้ถามว่า " ทำไมไม่แก้ต่างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น ? " ต้องบอกว่า คดีที่ดินรัชดา เป็นคดีตัวอย่างคดีแรกนะครับ คุณต้องแก้ต่างให้ครอบคลุมไว้ก่อน และถึงแม้กฎหมายจะเขียนไว้คลุมเครืออย่างไร ในการตัดสินตามหลักกฎหมายจะต้องไม่ทำให้เกิดกรณี " แปลกประหลาด " ขึ้นมาได้ในภายหลัง เพราะในอนาคต คดีที่ดินรัชดา ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้กับกรณีอื่นๆต่อไป ใครจะนึกล่ะครับ... ว่าจะมีคนวิปริตขนาดกล้าตัดสินเช่นนี้เพียงเพื่อเอาคนเข้าคุก โดยสร้างบรรทัดฐานบูดๆเบี้ยวๆให้กับวงการยุติธรรมไทย ต่อไปนี้ นายก , รองนายก ขอน้ำ ขอไฟ ขอโทรศัพท์ ไม่ได้แล้วครับ ถ้าใช้บรรทัดฐานคดีที่ดินรัชดา เพราะไปตีความว่า " สัญญาตามกฎหมาย คือ สัญญาทุกประเภท และ นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทุกส่วนราชการ " ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า ไอ้กรณี ขอน้ำ ขอไฟ เนี่ย มันจะเป็นการ " ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับส่วนรวม " ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายตรงไหน... แต่ในเมื่ออยากจะเอา ทักษิณ เข้าคุกนัก... ก็ดีครับ... จะได้รู้ครับว่า จะคุ้มค่ากับความล้มเหลวในระบบยุติธรรมที่จะต้องเผชิญในอนาคตได้หรือไม่... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:42:11 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 43 ตกลงที่คุณต้องการสื่อคืออะไรครับ ระหว่าง ไม่เห็นจำเปนต้องมีกฏหมายข้อนี้ เพราะไม่เกี่ยวข้อง ไม่เปนผู้บังคับบัญชา  ก็แทรกแซงได้ ถ้ายืนยันข้อนี้ นู่นเลยครับ ไปด่าคนร่างกฏหมาย เพราะศาลตัดสินตามกฏหมายนั่นแหละ กับ ทักษิณไม่มีอำนาจควบคุมดูแลกองทุน เรื่องนี้ ทำไมเอาแต่คำแก้ต่างของทนายมาลงล่ะคับ คำพิพากษาหายไปไหน ศาลเค้าก็พิจารณามาแล้วเรื่อง มีอำนาจหรือเปล่า ก็คำให้การมันยืนยันแล้วว่า กองทุนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจสั่งการได้ ศาลพิจารณาจากโครงสร้างการสั่งการของคณะรัฐมนตรี นายกมีอำนาจสั่งการเต็ม รมว การคลัง ศาลจึงตัดสินว่า มีอำนาจควบคุมดูแล เรื่องนี้ แน่นอนครับมีคนเห็นต่าง ถ้าวันนั้นศาลตัดสินว่าทักษิณไม่มีอำนาจดูแล ผมก็ว่าคนหลายคนก้อคงออกมมาพูดว่า "ไม่มีได้ไงเป็นนายก มันต้องสั่งรมว คลังได้เด่ะ" การที่อดีตนายกหลายท่านมาให้การว่า ตัวเองไม่เคยเข้าไปกำกับดูแล ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอำนาจนะครับ ก้อท่านเอาแต่เชื่อตัวเอง ไม่เคารพในดุลยพินิจ ของคณะตุลาการศาลฎีกา ตั้ง 9 คน ก่อนอ่านคำพิพากษา เอาอคติออกให้หมดก่อน อ่านดูก้อจะรู้ว่า มันอธิบายได้ทุกเรื่องแหละ วันนี้ถ้าทักษิณไปนั่งในคุกเพราะเรื่องนี้อย่างเดียวจริงๆเนี่ย ผมจะสงสารมันบ้างนะ เพราะเรื่องนี้แค่ตัวผมมองนะ มันไม่ได้โกงหรอก แต่เกิดขึ้นเพราะ มันกร่าง มันคิดว่ามันใหญ่ ประเทศนี้มันจะทำอะไรก็ได้ เพราะ ปปช ก้อพวกมัน สว ก้อพวกมัน แม้แต่เรื่องที่ละเมิดกฏหมาย แต่ตอนนี้ ไม่ใช่ครับ กลายเปนยิ่งเกลียดมัน เพราะมันมาปลุกให้พวกชาวบ้านที่นิยมมัน ต่อต้านกระบวนการยุติธรรม อันไหนตัดสินพวกมันผิด ก้อคือ ตั้งธงไว้แล้ว อันไหนตัดสินพวกมันถูก มันเงียบ แถมมีแอบชมอีก จากคุณ : เด็กรู้ทัน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:46:28 A:61.19.88.226 X:

ความคิดเห็นที่ 44 ลองอ่าน ความเห็นของ คุณเด็กรู้ทัน ก็จะทราบว่า เพราะทนายไม่ต่อสู้ประเด็นนี้ คนถึงเข้าใจผิดกันทั้งบ้านทั้งเมือง จาก คห. แบบนี้ "มีการพบยว่า การซื้อขายครั้งนี้ ได้รับการเห็นชอบ รับรอง จาก สามี ซึ่งเปนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจกำกับดูแล  นายกรัฐมนตรี รู้เห็น และเห็นดีเห็นงาม สนับสนุน การฝ่าฝืนกฏหมายของภรรยาซึ่งเปนเสมือนบุคคลเดียวกัน  ทั้งๆที่ตัวเองเปนนายกกลับไม่ดูแลให้การซื้อขายเปนไปตามกฏหมาย แถมยังสนับสนุน" แสดงว่า ผู้คนเข้าใจผิดไปจริงๆ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรแบบที่ว่าเลย หลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวนายก อันนั้น เป็นหนังสือยินยอม ที่เขียนขึ้นหลังจากการ ซื้อขาย เสร็จสมบูรณ์แล้วต่างหาก เพราะการประมูลซื้อทรัพย์สินจากกองทุน หรือ จากกรมบังคับคดี ไม่ต้องใช้หนังสือยินยอมจากคู่สมรส 1. ขั้นตอนเข้าประมูล 2. ชนะประมูล ทำสัญญา 3. จ่ายเงินค่าทรัพย์สิน 4. โอนที่ดิน มีแค่ขั้นตอนที่ 4 เท่านั้นที่ใช้ หนังสือยินยอมจากคู่สมรส ส่วนขั้นที่ 1,2,3  ไม่ต้องใช้ แล้วจะบอกว่า การซื้อขายครั้งนี้ได้รับการเห็นชอบรับรองจากสามี ได้อย่างไร เพราะ ภรรยาถูกบังคับจากสัญญาที่ทำไว้ตอนเข้าประมูลแล้ว การวางเงินมัดจำ 100 ล้าน นั่นแหละคือสัญญา ซึ่งสัญญานั้น สามีไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย ภรรยาประมูลได้ ถ้าไม่ซื้อ เขาก็ยึดเงิน 100 ล้าน ภรรยาซื้อ จ่ายเงิน 700 ล้าน แล้วไม่โอน เขาก็ไม่คืนเงิน ยอมเสียเงิน 700 ล้านบาทฟรีๆ หรือ พอจะเข้าใจหรือยังครับ จากคุณ : จขกท (webkit) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:53:55 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่รู้จริงๆเหรอว่านี่เป็นการกำจัดฝ่ายตรงข้าม จะยกอะไรมาอ้างก็ได้ เถียงกันไปก็เท่านั้น เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว อนาคตก็ยังต้องมีอยู่ จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:56:01 A:124.121.147.215 X:203.144.144.165

ความคิดเห็นที่ 46 งั้นคงต้องบอกให้ทนายสู้ว่า ทักษิณถูกภรรยาบังคับให้ช่วยทำผิดกฏหมาย เพราะทักษิณเสียดายเงิน 700 ล้านจะถูกยึด ลองถวายฎีกา ของสู้คดีด้วยหลักฐานใหม่สิครับ เผื่อได้ สู้ประเด็นนี้นะ หะหะ  อาจจะรอดก้อได้ จากคุณ : เด็กรู้ทัน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 13:59:10 A:61.19.88.226 X:

ความคิดเห็นที่ 47 อืมๆ ต้องรอโอกาส พิจารณาความคดีใหม่อ่ะ แต่จะทำยังไงให้ได้พิจารณาคดีใหม่ตะหาก มันแทบ จะไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วล่ะมั้ง มันต้องมีคนยอมรับ ว่า "ตัวเองผิด" ให้ศาล พูด ว่า "ผมทำตามใบสั่ง" หรือ อยากจะได้ยิน ทักษิณพูด ว่า "ผมผิดเองที่ดูกฏหมายพลาดไป" แต่ยังไง คดี กระทำโดย พิสูจน์ เจตนาไม่ได้ ดึงเรื่องไปยังไงก็ต้องยกฟ้อง มัน แปลก ที่สุด ที่โดนตัดสินให้จำคุกเนี่ยแหละ(ไม่รอลงอาญาด้วยนะ) จากคุณ : อะไรๆก็แพนด้า เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:04:34 A:124.121.11.143 X:

ความคิดเห็นที่ 48 รัฐธรรมนูญทุกฉบับ เขียนว่าถ้าปฏิวัติ มีโทษประหารหรือจำคุก อย่างนั้นอย่างนี้ แล้วไงครับ ปฏิวัติซะ 17 รอบ ต่อไปนี้นายก มีอำนาจกกำกับดูแลควบคุม กองทุนฟื้นฟูแล้วครับ จากคำตัดสินของศาล กฏหมายชั่งมัน จากคุณ : ลานดิน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:11:08 A:202.29.60.211 X:

ความคิดเห็นที่ 49 "...1. เรื่องถุงขนม ที่มีเงิน 2 ล้าน ที่มีทนายความถูกจำคุก 2 คน   อันนี้เราไม่รู้ว่าใครทำ ทำจริงหรือไม่ เพราะ มีแต่พยาน   ไม่หลักฐาน แม้แต่รูปถ่าย และ ของกลาง..." ...ตรงนี้ จขกท คงเข้าใจผิดแล้ว ครับ ...เรื่องถุงขนม 2 ล้าน มีหลักฐาน พยาน ครบถ้วนทุกอย่าง ...ทนายที่ทำเค้าไม่ได้แก้ตัวว่า ไม่รู้เรื่อง หรือ ถุงนั้นไม่ใช่ของเค้า หรือ เค้ายังไม่ได้ให้เลย ...เพราะมีการให้เรียบร้อยแล้ว และทนายก็ยอมรับแล้วว่าเป็นคนยื่นกล่องขนมใส่เงินให้จริง ...แต่ทนายแก้ตัวว่า "หยิบขนมผิดกล่อง" ครับ ...กรณีนี้ผมว่า ศาลท่านปราณี ...เพราะเห็นว่าได้จำคุกทนาย กรณีละเมิดศาลไป 1 ปีแล้ว ...และปัจจุบันก็ยังมีเรื่องจะโดนถอดถอนจากวิชาชีพทนายอยู่ ...ส่วนใครจะเชื่ออย่างที่ทนายอ้างว่า "หยิบขนมผิดกล่อง" หรือไม่ ...ก็เป็น สิทธิและวิจารณญาณ ของท่านครับ ...ประเด็นการต่อสู้คดี ...ผมคิดคล้ายๆกับ จขกท แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว ...เพราะกรณีของ จขกท นั้น ทักษิณ ก็มีสิทธิที่จะไม่เซ็นได้ครับ ถึงภรรยาจะชำระเงินค่าที่ดินไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม ...และเหตุผลตรงนี้ อาจจะฟังไม่ขึ้นในศาล (ทนายเก่งอย่างนั้น มีหรือจะไม่รู้) ...ทักษิณ เซ็นชื่อพร้อมแสดง สำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประเภทข้าราชการการ เมือง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ...องค์ประกอบ หลักฐาน พยาน ครบถ้วนตามความผิด ...ถ้า ทักษิณ จะไม่มีความผิด ...ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ที่เซ็นชื่อไปในเอกสารยินยอมนั้น  ขณะที่เซ็น ตนไม่ได้รู้เรื่องหรือรับรู้ เลย ...เช่น เมา, ง่วง หรือ เซ็นไปโดยไม่ได้อ่านว่ามันเป็นเอกสารอะไร ภรรยาเอามาให้เซ็นก็เซ็นๆไป ...หรือถ้าจะให้ดี ภรรยาเป็นคนปลอมลายเซ็นเอง ...ส่วน สำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ภรรยาก็เป็นคนแอบเอาไปทำสำเนาเองโดยไม่บอกกล่าว ...ถ้าพิสูจน์ได้ตามนี้ ทักษิณ ก็ไม่ผิดครับ ...ส่วนประเด็นเรื่องการตีความ คำว่า "เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับดูแล" ...ถ้า ทักษิณ เป็นแค่ รัฐมนตรีกระทรวงอื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย อาจจะง่ายกว่านั้น ...แต่พอตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี เรื่องมันเลยยุ่ง เพราะท่านมีอำนาจสั่งการผ่านกระทรวงการคลังได้ ...ยังไม่นับเรื่องการแก้กฎหมาย ให้ที่ดินนั้นสามารถสร้างอาคารสูงได้ภายหลัง ...เจตนา มันเลยดูไม่บริสุทธิ์ ครับ ...คำตัดสินของศาลฎีกาคดีทุจริตที่ดินรัชดา =============================================================================== องค์คณะผู้พิพากษาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลกองทุน เพื้อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 การซื้อขาย ที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนบุคคลขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งต้องห้ามมิให้กระทำ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2552 มาตรา 100(1) ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น มาตรา 100 เป็นบทบัญญัติให้การกระทำเป็นความผิด เนื่องจากผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งยังบัญญัติให้การกระทำของคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถึงเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเอง แต่มาตรา 122 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษของผู้ฝ่าฝืนมาตรา 100 ระบุไว้ชัดเจนว่า ให้ลงโทษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ฝ่าฝืนมาตรา 100 ไม่ได้ระบุให้ลงโทษรวมไปถึงคู่สมรสหรือบุคคลอื่นด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิด และไม่ต้องร่วมรับโทษตามมาตรา 122 กับจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 เมื่อจำเลยที่ 1 มีความผิดเพราะถือว่า การดำเนินกิจการประมูลซื้อขายที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ เป็นการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 ด้วยฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 2 ความผิดของจำเลยที่ 1 จึงหาใช่เพราะเป็นเจ้าพนักงานมี หน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้นตามบทบัญญัติของมาตรา 152 หรือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัตหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว และจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 ด้วย ส่วนคำขอให้ริบทรัพย์นั้น การที่จำเลยที่ 2 ร่วมประมูลราคาและทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทนั้น หาได้เป็นความผิดในตัวเองไม่ เหตุที่เป็นความผิดสืบเนื่องจากฐานะของจำเลยที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่กฎหมายห้ามมิให้กระทำสัญญา หรือมีส่วนได้เสียกับหน่วยงานของรัฐเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 มีความผิดและต้องรับโทษในความผิดดังกล่าว ที่ดินพิพาทจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองได้มาจากการกระทำความผิด ส่วนเงินที่จำเลยที่ 2 ชำระราคาที่ดินพิพาทไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง ทรัพย์ทั้งสองอย่างจึงไม่ใช่ทรัพย์อันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) และ (2) ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน แต่จำเลยที่ 1 กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายทั้งที่จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติตนในสิ่งที่ดีงามตามจริยธรรมของนักการเมือง ให้เหมาะสมกับที่ได้รับการไว้วางใจในตำแหน่งหน้าที่อันสำคัญยิ่ง จึงไม่สมควรรอการลงโทษ และพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100(1) วรรคสาม และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 เนื่องจากจำเลยที่ 1 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 เพื่อมาปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ส่วนจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง จึงให้เพิกถอนหมายจับจำเลยที่ 2 เฉพาะคดีนี้ =============================================================================== จากคุณ : sungod เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:13:54 A:125.24.251.136 X:

ความคิดเห็นที่ 50 ผมก็ไม่เข้าใจว่า คุณเด็กรู้ทัน รู้กฎหมายแค่ไหนนะ เป็นเด็กตามชื่อ หรือ เป็น พวก เด็กapp มา คุณอาจจะมองว่า เป็น นายก ไม่ควรจะมาประมูลซื้อที่ดินราคาถูก แต่ผมมองว่า ก็ถ้ากฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ ทำไมจะซื้อไม่ได้ ถ้าเป็นการซื้อขายที่แข่งขันกันอย่างเสรี และ เปิดเผย ใครซื้อก็ใช้เงินคนนั้น ไม่เหมือนบางคน ที่บ้านไม่เคยซื้อ หรือ เบียดบังที่ดินของหลวง มาเป็นของตัวเองฟรี ๆ บางคนก็ใช้อิทธิพลขมขู่ชาวบ้านเพื่อซื้อที่ดิน กลโกงสารพัด พวกนี้ต่างหากที่น่าสาปแช่ง ผมจึงไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไรที่นายกจะเข้าประมูล แต่กรณีนี้ นายกไม่ได้เข้าประมูล แต่เป็นภรรยาของนายก ถามว่าช่วงที่ยังไม่ประกาศผู้ชนะการประมูล มีใครรู้บ้างว่าภรรยานายกเข้าประมูล เพราะการยื่นซองประมูลจะกระทำเป็นความลับ ปกติผู้ที่เข้ายื่นซองจะไม่มีใครรู้ว่า คนอื่นๆ ที่ยื่นซองเป็นใคร เวลาไปยื่นซอง ภรรยานายกก็ไม่ได้ไปเอง แต่มอบอำนาจให้ลูกน้องไปดำเนินการแทน มีเฉพาะกรรมการกองทุน เท่านั่นที่รู้ว่ามีใครยื่นบ้าง พวกเราเริ่มรู้ข่าว ก็เมื่อกองทุนประกาศว่าใครชนะการประมูล ถ้าว่าตามแง่ของกฎหมาย โดยพฤตินัย นายกทักษิณ ก็ต้องรู้ตอนที่ประกาศผู้ชนะการประมูล  และ นายกทักษิณ ย่อมไม่มีสิทธิ์ในการห้าม มิให้ภรรยาของตนเข้าทำสัญญาหลังจากชนะการประมูล เพราะ การทำสัญญาจะซื้อ จะขาย ไม่ต้องใช้ความยินยอมของคู่สมรส   และ หากผู้ชนะการประมูลไม่ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ก็จะถูกริบเงินมัดจำ 100 ล้านบาท ประเด็นก็มีแค่นี้ คุณทักษิณ ไม่ได้เซ็นยินยอมให้เข้าประมูล คุณทักษิณ ไม่ได้เซ็นยินยอมให้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย คุณทักษิณ เซ็นยินยอมให้โอนที่ดิน จากคุณ : จขกท (webkit) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:18:46 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 51 คุณทักษิณ เซ็นยินยอมให้โอนที่ดิน _______   ก้อนั่นแหละ จบแล้ว ทักษิณรู้เรื่องว่ามีการทำผิดกฏหมาย แต่ต้องจำยอมเซ็น เพราะกลัวถูกยึดเงิน 100 ล้าน ก้อผมพูดถูกแล้วไงครับ ก้อ twitter ไปบอกทักษิณสิ ว่าได้ประเด็นสู้ใหม่แล้ว บอกศาลไปเลย ผมต้องยอมทำผิดคับ เพราะผมเสียดายตังค์ มันตั้งเกือบ 0.5 % ของทรัพย์สินผม บอกไปเล้ยย.. ปล. ผมไม่ได้เปนเด็ก แบบ เด้กเด็ก หรอก แต่คุณคงไม่ค่อยเห็นคนวัยผมสนใจการเมือง แค่นั้นแหละ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 14:27:33 จากคุณ : เด็กรู้ทัน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:24:26 A:61.19.88.226 X:

ความคิดเห็นที่ 52 คุณเด็กรู้ทันครับ คงไม่มีใครไปบังคับให้เซ็นชื่อหรอกครับ 1 2 3 จ่ายเงินหมดแล้ว ถ้าไม่โอนเขาก็ยึดเงิน ยึดที่ดิน ของภรรยา ไปหมด โดยสามัญสำนึก เมื่อ เห็นว่ากระบวนการซื้อขาย เป็นไปอย่างถูกต้อง สุจริตแล้ว อยากรู้ว่าจะมี คนบ้าที่ไหน ที่จะไม่เซ็นชื่อให้ภรรยาโอนที่ดิน ถึงจะรวย แต่เงิน 700 ล้าน มันก็ไม่ใช่น้อย ๆ จะมาบอกว่า เมื่อเป็น นายก ร่ำรวย เงินแค่ 700 ล้าน ทิ้งๆ ไปก็ได้ แบบนั้นหรือ ผมทำงานทั้งชาติ ยังไม่รู้จะได้ถึง 20 ล้านหรือเปล่า จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:32:34 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 53 ความคิดเห็นที่ 51     คุณทักษิณ เซ็นยินยอมให้โอนที่ดิน _______   ก้อนั่นแหละ จบแล้ว ทักษิณรู้เรื่องว่ามีการทำผิดกฏหมาย แต่ต้องจำยอมเซ็น เพราะกลัวถูกยึดเงิน 700 ล้าน ก้อผมพูดถูกแล้วไงครับ ก้อ twitter ไปบอกทักษิณสิ ว่าได้ประเด็นสู้ใหม่แล้ว ปล. ผมไม่ได้เปนเด็ก แบบ เด้กเด็ก หรอก แต่คุณคงไม่ค่อยเห็นคนวัยผมสนใจการเมือง แค่นั้นแหละ จากคุณ : เด็กรู้ทัน   เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:24:26 A:61.19.88.226 X:     +++ ดูยังไงก็เด็กดื้อจะเอาชนะ นะครับ จากคุณ : yod_envi เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:32:53 A:210.1.59.100 X:

ความคิดเห็นที่ 54 rep 43 ไอ้เรื่องจะสั่ง รมต. คลัง แล้วให้ รมต. คลัง ไปสั่ง ผู้ว่า ธปท. แล้วถึงจะไปสั่ง กรรมการกองทุน อีกที นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่อง " สมมติซ้อนสมมติซ้อนสมมติ " นะครับ ในคำตัดสินของศาลมีเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้อย่างไร... และในความเป็นจริงแล้ว รมต. คลัง หรือ ผู้ว่า ธปท. หรือแม้แต่ รมต. กระทรวง อื่นๆ ก็ไม่ใช่ผู้ที่จะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ นายกรัฐมนตรี นายก สั่ง รมต. ไม่ได้ แต่ นายก ต้องกำหนดให้ รมต. ทำงานไปตามกรอบของรัฐบาล นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง และจะเห็นได้จากความจริงตามหลายๆตัวอย่าง เช่น กรณีรับจำนำสินค้าเกษตร อภิสิทธิ์ ไม่มีอำนาจควบคุม รมต. พาณิชย์ ทาง รมต. ก็มีความคิดในนโยบายต่างๆของเขาเอง แต่ถ้านโยบายนั้นจะทำให้รัฐเสียหายหรือผิดแนวทาง นั่นก็คือสิ่งที่จะต้องมาคุยกัน แล้วในเรื่องนี้กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ว่า " นายกสั่งกองทุนได้ " แต่คุณกลับคิดเองเออเองว่า " เป็นนายกทำไมจะสั่งไม่ได้ " ถามว่า " คุณกำลังใช้หลักอะไรในการตัดสินครับ หลักกฎหมาย หรือ หลัก gu คนเดียว ??? " จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:39:21 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 55 จขกทคับ...คำตัดสินไม่ได้พูดเรื่องทุจริต...            ...แต่พูดเรื่องจริยธรรม....ซึ่งไม่มีในสำนวน...            ...ในสำนวนฟ้องว่ากระทำโดยมิชอบ...แต่ตัดสินผิดจริยธรรม...            ...ถือเป็นการกล่าวโทษโดย...สาร...เอง..            ...แล้วการลงนามยินยอมกลายเป็นจริยธรรมที่เลว...            ...ไม่ควรทำเป็นเยี่ยงอย่าง...ต่อไปต้องทำแบบหัวหน้าคมช..            ...เมียไม่จดทะเบียนไม่ต้องแสดงทรัพย์สิน...จริยธรรมน่ายกย่อง.. ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า "มีอะไรบ้างเมื่อทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว..แต่ผิดจริยธรรม." จากคุณ : bang_rud เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:48:29 A:192.168.1.2 X:125.25.99.142

ความคิดเห็นที่ 56 และอีกประเด็นหนึ่งนะครับ คุณเด็กรู้ทัน ณ. ก่อนที่จะมีการตัดสินคดีนี้ ไม่มีมนุษย์คนไหนรู้ว่า การกระทำแบบนั้นผิด หรือ ไม่ผิด กฎหมาย หลังตัดสินคดีแล้ว ผู้พิพากษา 4 คน ไม่คิดว่า การกระทำนั้นผิดกฎหมาย มีผู้พิพากษา 5 คน บอกว่า การกระทำนั้นผิดกฎหมาย แล้วคิดว่าตอนนั้น คุณทักษิณ จะรู้หรือเปล่าละว่ามันผิดกฎหมาย ดังนั้นที่คุณบอกว่า ทักษิณรู้เรื่องว่ามีการทำผิดกฏหมาย แต่ต้องจำยอมเซ็น เพราะกลัวถูกยึดเงิน 100 ล้าน เป็นแค่เรื่องที่คุณใส่ร้ายเขาเท่านั้นเอง และที่จะถูกยึดไม่ใช่ 100 ล้าน แต่เป็น 700 ล้าน ครับ คดีนี้ไม่สามารถต่อสู้ได้แล้วในทางศาล เพราะเป็นศาสฎีกาไม่สามารถ อุธรณ์ต่อไปได้ และถ้าทีธงจะเอาผิดจริงๆ ศาลก็อาจจะตัดสินโดยเหตุผลที่คุณพูดมาก็ได้ ยกตัวอย่าง "แม้จำเลยไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฏหมาย และ ขณะที่ภรรยาเข้าประมูลจำเลยจะไม่ทราบ แต่การที่จำเลยเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อภรรยาแจ้งให้ทราบเพื่อให้เซ็นยินยอม เพราะการซื้อที่ดินจากกองทุนฯ เป็นสิ่งที่ไม่สมควร ดังนั้นจำเลยก็ควรจะคัดค้าน แต่จำเลยอ้างว่า ต้องยินยอม เพราะหากไม่ยินยอมจะถูกยึดเงินค่าที่ดิน ที่ภรรยาจ่ายไปแล้ว 720 ล้าน แต่ภรรยาจำเลยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยเงินดังกล่าวถือว่าไม่มาสำหรับฐานะของจำเลย ดังนั้นข้ออ้างของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น" แต่ถึงจะถูกตัดสินว่าผิด อย่างน้อย ผู้คนก็จะรู้ความจริงว่า คุณทักษินเซ็นยินยอมหลังจากที่จ่ายเงินแล้ว เจ็ดร้อยล้าน ไม่ใช่เซ็นยินยอมให้เข้าประมูล แบบที่ทุกคนเข้าใจผิด จากคุณ : จขกท (webkit) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:49:16 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 57 rep 43 ต่ออีกประเด็นหนึ่ง ประโยคที่คุณว่า... " ไม่เห็นจำเปนต้องมีกฏหมายข้อนี้ เพราะไม่เกี่ยวข้อง ไม่เปนผู้บังคับบัญชา  ก็แทรกแซงได้ ถ้ายืนยันข้อนี้ นู่นเลยครับ ไปด่าคนร่างกฏหมาย เพราะศาลตัดสินตามกฏหมายนั่นแหละ " มันก็ตรงตามที่ผมบอกไปแล้วว่า คดีนี้เป็นคดีแรก และการตัดสินของศาลจะถูกนำไปใช้เป็นบรรทัดฐานในอนาคตอย่างแน่นอน กฎหมายอาจดูคลุมเครือ แต่แล้วทำไมศาลถึงตัดสินในข้อที่จะทำให้เกิดกรณี " แปลกประหลาด " ขึ้นมาในอนาคตล่ะ... นี่เป็นการตีความที่ผิดหลักกฎหมายโดยสิ้นเชิงครับ เพราะถ้าตีความแบบนี้ ใช้บรรทัดฐานนี้ ต่อไป นายก , รองนายก จะขอไฟไม่ได้ ขอน้ำไม่ได้ ขอโทรศัพท์ไม่ได้ โดนจับเข้าคุก แบบนี้ใช้ได้เหรอครับ ? หรือถ้าจะยกเว้นในกรณีนี้ ก็จะกลายเป็น กฎหมายฉบับนี้ล้มละลาย เพราะไม่สามารถบังคับใช้ในทุกกรณีได้อย่างเท่าเทียมกัน ศาลตัดสินตามหลักกฎหมาย แต่ในที่นี้กฎหมายนั้นมีข้อที่จะต้องตีความ แต่ศาลเลือกที่จะตีความเพื่อ " เอาคนเข้าคุก " โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปแม้แต่น้อย แบบนี้เหมาะสมแล้วหรือ ??? จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 14:49:54 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 58 เท่าที่ทราบ มีการถามหน่วยงานทั้งหลายของรัฐแล้ว ว่าการประมูลนั้นสามารถทำได้หรือไม่  คำตอบ ทำได้ ไม่ผิดหลักเกณฑ์ ทางกองทุนตอนแรกไม่ยอมฟ้อง เพราะไม่ได้เสียหายจากการประมูล  แต่ถูกบีบให้ฟ้อง เพราะต้องการให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ จะได้มีมุลฟ้องได้ หากใครติดตามข่าวอย่างจริงๆจังๆตั้งแต่แรก คงจะผ่านตา มาบ้างนะครับ  แล้วจะให้ไม่เชื่อได้อย่างไรว่าไม่มีธง จากคุณ : N.SIXTWO เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 15:24:14 A:203.147.39.62 X:

ความคิดเห็นที่ 59 ผมว่ายังงี้นะครับ มาตรา 100  ปปช. นั้นบอกว่า  เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจกำกับ ควบคุม ดูแล ฯลฯ  ห้ามมิให้ทำสัญญา และศาลท่านก็ว่า  นายกฯ นั้น  มีอำนาจควบคุมหน่วยงานของรัฐทุกหน่วย หมายความว่า  คนเป็นนายกฯ จะทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐไม่ได้เลยจนกว่าจะออกจากตำแหน่ง มันผิดตรงนี้ล่ะครับ  ผิดเพราะศาลท่านตีความแบบนี้  ตัดสินแบบนี้ จะแปลกใจอะไร   คำว่า "อาจจะ" ซึ่งไม่มีในรัฐธรรมนูญ  ศาลท่านก็ยังใส่มาเฉยเลยว่าผิด จะแปลกใจอะไร  คำว่า "ลูกจ้าง" ศาลท่านยังเปิดพจนานุกรมแทนกฎหมายแรงงาน  แทนแพ่งและพาณิชย์ (แต่พวกท่านไม่ใช่ลูกจ้าง เพราะพวกท่าน "สอนหนังสือ") ฉะนั้น  เมื่อศาลท่านบอกว่านายกฯ ควบคุมหมด  มันก็ผิด ม.100 ปปช. วันยังค่ำ  จะต่อสู้ประเด็นใดก็ไม่รอด ใครจะให้การยังไงไม่เกี่ยว  เพราะจุดสำคัญมันอยู่ที่ศาลท่านพิเคราะห์แล้วเห็นว่าตำแหน่งนายกฯ ควบคุมหมด ฉะนั้น  ติดคุกซะดี ๆ จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 15:51:38 A:125.26.233.2 X:

ความคิดเห็นที่ 60 ให้ดูที่ 2ปี ไม่รอลงอาญา  เป็นคำตอบอยู่ในตัวว่าหมายความว่าอย่างไร? ให้ทนายเป็นเทวดา ยังไงก็แพ้ค่ะ จากคุณ : ศรีสะอ้าดสะอาด (ศรีสะอ้าดสะอาด) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 16:13:45 A:125.27.250.8 X:

ความคิดเห็นที่ 61 ความคิดเห็นที่ 51   [ถูกใจ]  [แจ้งลบ]   คุณทักษิณ เซ็นยินยอมให้โอนที่ดิน _______   ก้อนั่นแหละ จบแล้ว ทักษิณรู้เรื่องว่ามีการทำผิดกฏหมาย แต่ต้องจำยอมเซ็น เพราะกลัวถูกยึดเงิน 100 ล้าน ก้อผมพูดถูกแล้วไงครับ ก้อ twitter ไปบอกทักษิณสิ ว่าได้ประเด็นสู้ใหม่แล้ว บอกศาลไปเลย ผมต้องยอมทำผิดคับ เพราะผมเสียดายตังค์ มันตั้งเกือบ 0.5 % ของทรัพย์สินผม บอกไปเล้ยย.. ปล. ผมไม่ได้เปนเด็ก แบบ เด้กเด็ก หรอก แต่คุณคงไม่ค่อยเห็นคนวัยผมสนใจการเมือง แค่นั้นแหละ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 14:27:33 จากคุณ : เด็กรู้ทัน ^ ^ ^ อะไรจบครับ ปัญญาอ่อนรึเปล่า มันไม่เกี่ยวกับที่คุณนั่งเถียงมาตั้งแต่ต้นเลย เพราะ การรับโอนที่ดิน ไม่เกี่ยวกับการประมูล   ทุกอย่างเกี่ยวกับกระบวนการซื้อขาย จบไปหมดแล้ว แค่ไปทำการลงทะเบียนที่กรมที่ดิน เพื่อที่จะได้มีประวัติเป็นหลักฐาน ว่าปัจจุบัน ที่ดินเป็นของใคร ใครต้องจ่ายภาษี ใครต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับที่ดิน มันเกี่ยวกับจริยธรรมตอนซื้อตรงไหน จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 16:50:03 A:192.168.20.112 X:58.136.81.187

ความคิดเห็นที่ 62 หากมีเพื่อนเป็นทนาย...ก็ลองไปถามดู ร้อยทั้งร้อยก็ว่าผิด...กฎหมายเค้าห้ามแล้วยังไปทำ...คนที่เหลิงอำนาจคิดว่าตัวเองใหญ่สุด ๆ...สุดท้ายตายน้ำตื้น...เลิกเหอะกระทู้รัชดาน่ะ...ศาลไทยตัดสินไปแล้ว...ถ้าเป็นอเมริกาผมว่าทักษิณติดคุกไปแล้ว...ไม่ได้ประกันตัวหนีออกไปหรอก... จากคุณ : ด.ญ. สมพร เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 17:07:05 A:222.123.188.3 X:

ความคิดเห็นที่ 63 ผมว่าประเด็นที่เขาต่อสู้ถูกต้องแล้วครับเพราะเมื่อเอาหลักฐานของสามีไปให้เพื่อโอนที่ดินจะว่าไม่รู้มันคงเป็นไม่ได้ ประเด็นมันอยู่ที่คุณทักษิณได้ปรึกษานักกฎหมายและพิจารณาแล้วเห็นว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทุนมากกว่าครับจึงทำไปซึ่งนักกฎหมายส่วนมากก็พิจาณาเช่นนั้น แต่ ปปช.มันไม่พิจารณาอย่างนั้นซึ่งจะโดยสุจริตหรือไม่ไม่มีใครทราบได้นอกจาก ปปช.เองครับ จากคุณ : คนพิจิตร เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 17:09:38 A:113.53.205.63 X:

ความคิดเห็นที่ 64 ความคิดเห็นที่ 62   [ถูกใจ]  [แจ้งลบ]   หากมีเพื่อนเป็นทนาย...ก็ลองไปถามดู ร้อยทั้งร้อยก็ว่าผิด...กฎหมายเค้าห้ามแล้วยังไปทำ...คนที่เหลิงอำนาจคิดว่า ตัวเองใหญ่สุด ๆ...สุดท้ายตายน้ำตื้น...เลิกเหอะกระทู้รัชดาน่ะ...ศาลไทยตัดสินไปแล้ว... ถ้าเป็นอเมริกาผมว่าทักษิณติดคุกไปแล้ว...ไม่ได้ประกันตัวหนีออกไปหรอก... จากคุณ : ด.ญ. สมพร ู ^ ^ ^ เหรอ แปลกนะ เค้าก็ถามก่อนแล้ว กฤษฎีกา ยังบอกว่าไม่ผิดเลย "กฎหมายเค้าห้ามแล้วยังไปทำ" นี่ มันใส่ความเค้ารึเปล่า เค้าทำ เพราะตอนนั้น ถามแล้ว คำตอบคือทำได้ เกี่ยวอะไรกับเหลิงอำนาจ  เพ้อเจ้อ จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 17:16:10 A:192.168.20.112 X:58.136.81.187

ความคิดเห็นที่ 65 เหรอ แปลกนะ เค้าก็ถามก่อนแล้ว กฤษฎีกา ยังบอกว่าไม่ผิดเลย "กฎหมายเค้าห้ามแล้วยังไปทำ" นี่ มันใส่ความเค้ารึเปล่า เค้าทำ เพราะตอนนั้น ถามแล้ว คำตอบคือทำได้ เกี่ยวอะไรกับเหลิงอำนาจ  เพ้อเจ้อ _________ ^ ^ ^   เหรอ กฤษฎีกา ตีความว่าไม่ผิดเหรอ ไม่ใช่เค้าบอกว่า กองทุนไม่มีความเสียหายเหรอ แล้วที่ถามเนี่ย ถามใครครับ คนที่คุณหญิงไปถามนี่ เป็นใคร มีตำแหน่งอะไร มีหน้าที่โดยตรงในการตอบข้อซักถามต่อประชาชนที่แต่งตั้งโดยกองทุนฟื้นฟูหรือไม่ ในการตอบมีการส่งหนังสือ ถึงกองทุนฟื้นฟูอย่างเป็นทางการ และได้มีการตอบอย่างเปนทางการเปนเอกสารทางราชการ หรือไม่ครับ จริงๆผมเคยอธิบายไว้ในกระทู้ที่คุณ ดีไม่ห่างเหิน เข้าไปตอบด้วยแล้ว คิดว่าคงได้อ่าน จากคุณ : เด็กรู้ทัน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 17:52:59 A:61.19.88.226 X:

ความคิดเห็นที่ 66 คำตัดสินให้คุณทักษิณผิด 5 : 4 เสียง ผมว่าไม่ต้องไปดูข้อโต้แย้งอะไรแล้ว เมื่อผู้พิพากษาตัดสินให้ทักษิณผิดและถูกเท่ากันคือ 4 : 4 แต่ประธานกับไปมีคำพิพากษาให้ทักษิณผิดอีก 1 เสียง เสียงเลยออกมา 5: 4 ข้อสังเกตุมันอยู่ที่ประธานโดยปกติต้องออกเสียงเป็นคนสุดท้าย แต่ทำไปในคดีนี้ประธานศาลจึงออกเสียงก่อน และในกรณีเช่นนี้หากมีเสียงของผู้พิพากษาลงความเป็นเท่ากัน ประธานจะต้องออกเสียงให้เป็นประโยชน์ต่อจำเลย  โดยต้องสันนิฐานว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ในหลักสากลที่เขาใช้กัน  แต่คดีนี้กับไม่เป็นเช่นนั้น  อันนี้ถือว่าจะมีธงหรือไม่ก็ต้อง พิจารณากันเอง  ในเมื่อในคดีนี้ดูจากเจตนาคุณทักษิณไม่ได้ตั้งใจทำผิด และไม่เกิดความเสียหาย แต่มันเป็นเรื่องของกฏหมายที่ขบกันเหมือนผิดพลาดทางเทคนิค แต่กลับ ไม่ยกประโยชน์ให้จำเลย  ถ้าคดีแบบนี้เกิดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ทักษิณผมเชื่อ 1000 เปอร์เซ็นว่ารอดชั่ว จากคุณ : คำพอดี เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 17:55:55 A:124.120.132.83 X:

ความคิดเห็นที่ 67 คุณเด็กรู้ทัน " แถมมีการฆ่าตัดตอนไปเปนพันศพ ผู้บริสุทธิ์ปะปนไปกี่ราย ไม่มีใครรู้ " - คุณพูดเองว่า "ไม่มีใครรู้" แล้วคุณรู้แน่ชัดหรือมีการพิสูจน์แน่ชัดแล้วหรือว่า ที่ตายกันเป็นพันศพช่วงนั้น เกี่ยวข้องกับยาเสพติด "ทั้งหมด" ? " ทักษิณไม่มีอำนาจควบคุมดูแลกองทุน เรื่องนี้ ทำไมเอาแต่คำแก้ต่างของทนายมาลงล่ะคับ คำพิพากษาหายไปไหน " - กรณีนี้ไม่ใช่แค่ทนายที่พูด แต่ชวน บรรหาร ซึ่งเป็นพยานฝ่ายจำเลย ก็ให้การไว้แล้วว่า นายกไม่มีอำนาจควบคุมดูแลกองทุนฯ แต่ทำไมถึงไม่มีการพิจารณาในส่วนนี้ไม่ทราบได้ ยิ่งกรณีชวนเองเคยถูกฟ้องคดีหนึ่งในสมัยเป็นนายกฯ เกี่ยวกับกองทุนฯ นี้แหละ ชวนก็ใช้ประเด็นไม่มีอำนาจควบคุมดูแลเหมือนกันในการต่อสู้ และชวนก็ชนะคดีนั้นไป ก็งงเหมือนกันที่ไม่มีการนำคดีเก่ามาเป็นบรรทัดฐาน " กองทุนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจสั่งการได้ ศาลพิจารณาจากโครงสร้างการสั่งการของคณะรัฐมนตรี นายกมีอำนาจสั่งการเต็ม รมว การคลัง ศาลจึงตัดสินว่า มีอำนาจควบคุมดูแล " - ถ้าเช่นนั้นแสดงว่า นายกมีอำนาจควบคุมองค์กรอิสระทั้งหมดด้วยเช่นกัน อย่างธปท.ที่ถือเป็นองค์กรอิสระ แต่มีรมต.คลังดูแล นายกก็เข้าไปสั่งการได้อย่างนั้นหรือ ??? ปปช. , กกต. , สตง. หรือแม้แต่ศาลยุติธรรมที่ถือเป็นองค์กรอิสระ แต่มีรัฐบาลคอยดูแลจัดสรรงบประมาณและขึ้นเงินเดือนให้ หมายความว่า องค์กรเหล่านี้นายกหรือรัฐบาลมีอำนาจเข้าไปสั่งการได้เช่นกันใช่หรือไม่ ? จริงๆ แล้วการที่องค์กรอิสระต่างๆ ต้องมีฝ่ายรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้อง จะเป็นในเรื่องของการจัดสรรงบประมาณและขึ้นเงินเดือนให้เป็นหลัก แต่ไม่มีอำนาจควบคุมและสั่งการ ที่เป็นเช่นนี้เพราะองค์กรอิสระไม่มีหน้าที่ในการหาเงินหรือหาเงินเองไม่ได้ จึงต้องให้รัฐบาลที่เป็นฝ่ายบริหาร มีหน้าที่หาเงินและจัดสรรงบให้กับองค์กรต่างๆ โดยผ่านมติครม. แต่ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลให้เงินแล้วจะสั่งการองค์กรนั้นๆ ได้อย่างที่ตีความกัน แล้วกรณีกองทุนฟิ้นฟูฯ เป็นนิติบุคคลขึ้นอยู่กับธปท. ในเมื่อรมต.คลังมีหน้าที่แค่ดูแลธปท.แต่ไม่มีอำนาจสั่งการธปท. แล้วรมต.หรือนายกจะไปมีอำนาจสั่งการกองทุนฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานของธปท.ได้อย่างไรกัน...จริงไหม จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:16:57 A:124.121.34.54 X:

ความคิดเห็นที่ 68 ถ้าประเทศไทยใช้กฏหมายควบคุมนักการเมืองเหมือนอเมริกาหรือยุโรปที่คนบอกว่าเข้มงวดกัน ผมว่าไม่รอดตั้งแต่ลดสัมประทานให้ชินคอร์ปแล้วครับ หรือไม่ก็ตั้งแต่ซุกหุ้นแล้ว ไม่ต้องมามีโอกาสพิจารณาเรื่องนี้หรอก (ถ้าเข้มแต่แรกก็ไม่ต้องมาปวดหัวทีหลัง) จากคุณ : john_ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:17:13 A:124.120.116.165 X:

ความคิดเห็นที่ 69 คุณ sungod ...ตรงนี้ จขกท คงเข้าใจผิดแล้ว ครับ ...เรื่องถุงขนม 2 ล้าน มีหลักฐาน พยาน ครบถ้วนทุกอย่าง ...ทนายที่ทำเค้าไม่ได้แก้ตัวว่า ไม่รู้เรื่อง หรือ ถุงนั้นไม่ใช่ของเค้า หรือ เค้ายังไม่ได้ให้เลย ...เพราะมีการให้เรียบร้อยแล้ว และทนายก็ยอมรับแล้วว่าเป็นคนยื่นกล่องขนมใส่เงินให้จริง ...แต่ทนายแก้ตัวว่า "หยิบขนมผิดกล่อง" ครับ ...กรณีนี้ผมว่า ศาลท่านปราณี ...เพราะเห็นว่าได้จำคุกทนาย กรณีละเมิดศาลไป 1 ปีแล้ว - เข้าใจผิดแล้ว กรณีนี้มี 2 เรื่องคือ ละเมิดอำนาจศาล กับ ถุงขนม ที่ทนายโดนจำคุก 6 เดือน อันนี้มาจากคดีละเมิดอำนาจศาล แต่กรณีถุงขนมเรื่องยังไม่ถึงศาล เพราะตำรวจและอัยการเห็นตรงกันว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอ จึงไม่สั่งฟ้อง ... ไม่ใช่ศ.ปราณีอย่างที่คุณเข้าใจ ...ส่วนประเด็นเรื่องการตีความ คำว่า "เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับดูแล" ...ถ้า ทักษิณ เป็นแค่ รัฐมนตรีกระทรวงอื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย อาจจะง่ายกว่านั้น ...แต่พอตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี เรื่องมันเลยยุ่ง เพราะท่านมีอำนาจสั่งการผ่านกระทรวงการคลังได้ - ช่วยอ่านความคิดเห็นที่ 67 ที่เราคุยกับคุณเด็กรู้ทันอีกที ...ยังไม่นับเรื่องการแก้กฎหมาย ให้ที่ดินนั้นสามารถสร้างอาคารสูงได้ภายหลัง ...เจตนา มันเลยดูไม่บริสุทธิ์ ครับ - เรื่องนี้ไม่เห็นมีการตัดสินว่าผิดอะไร และที่สำคัญ ไม่มีข้อเท็จจริงว่ากฎหมายนี้มีการแก้ไขหรือไม่อย่างไร เพราะเรื่องนี้เป็นเพียงข้อกล่าวหาของแป๊ะลิ้มเท่านั้น ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:19:21 A:124.121.34.54 X:

ความคิดเห็นที่ 70 คห.34.เรื่องอื่นผมไม่เถียงกับคุณ เพราะเป็นข้อโต้แย้งที่ไม่สิ้นสุด แต่เรื่อง วิกฤติ IMF ที่คุณยกมาบอกว่า มันสิ้นสุดไปตั้งแต่สมัยนาย ชวน นะผมว่ามันมั่วไปหน่อย เพราะในขณะนั้นดัชนีทุกตัวยังไม่ขยับขึ้นเลย ทักษิณ เข้ามาถึง 2 ปีจึงเริ่มกระดิกตัว ในขณะที่นาย ชวน พ้นจากตำแหน่งเพิ่งใช้เงินคืนไปแค่ 1,000 ล้านดอลล่าเท่านั้น ตลาดหุ้นยังอยู่ที่ 250 กว่าจุดเท่านั้น ไปเอาข้อมูลจากไหนมาครับ มองความจริงเสียบ้างครับ............ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 52 18:24:26 จากคุณ : อ้วน กทม. เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:20:18 A:125.24.183.254 X:

ความคิดเห็นที่ 71 อ่านความเห็นหลายๆ ท่านแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่า ท่านเข้าใจตรงกันหรือเปล่า ขอสรุปใหม่นะครับ ขั้นตอนคร่าวๆของ คดีนี้ ขอแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ให้เข้าใจง่ายๆ 1. เข้าประมูล 2. กรรมการประกาศตัดสินชนะประมูล ผู้ชนะทำสัญญาจะซื้อจะขาย 3. ผู้ชนะประมูลจ่ายเงินค่าทรัพย์สิน 4. กองทุนโอนที่ดินให้ จากหลักฐานที่ คตส มี ท่านทักษินเซ็นยินยอมรับโอนที่ดิน ไม่ได้มีหลักฐานว่ารับรู้ หรือ ไปเกี่ยวข้องกับขั้นตอน 1,2,3 สัญญา มันเกิดในตอนขั้นที่ 2 ท่านทักษิณไปเกี่ยวข้องในขั้นตอนที่ 4 ประเด็นที่ผมติดใจว่า ทำไม ทนายความไม่ต่อสู้ในเรื่องนี้ด้วย อย่างน้อย ถึงจะแพ้คดี ก็จะทำให้คนเข้าใจมากกว่านี้ เพราะชาวบ้านทั่วไปเข้าใจว่า  ท่านทักษิณเข้าไปเกี่ยวตั้งแต่ใน ขั้นที่ 1 ส่วนประเด็น ธง ของศาล ผมไม่ขอวิจารณ์ เพราะถึงจะตั้งธงยังไง ถ้าไม่มีช่องให้เอาผิด ก็คงจะเอาผิดไม่ได้ หรือ ถึงจะหาเหตุเอาผิดได้ คนก็จะไม่ยอมรับ จากคุณ : จขกท (webkit) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:35:57 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 72 ส่วนเรื่องประเด็นอำนาจ ผมเข้าใจตรงกับหลายๆ ท่าน (ไม่ตรงกับศาล) เพราะความจริง นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจ สั่งการกระทรวงใดๆ ได้ ตามกฎหมาย ผู้ที่มีอำนาจคือ รมต กระทรวงนั้น นายกจะไปสั่งการแทนไม่ได้ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:42:50 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 73 ^ ^ มันต้องมีทั้งสองประเด็นน่ะครับ... คือ อำนาจในการควบคุมดูแล และ สัญญาที่เป็นแบบผูกพันสามารถแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์กันได้ คือ ถ้าคิดในแง่ " อำนาจ " อย่างเดียว แบบนี้ รมต. ไอซีที ขอ อินเตอร์เน็ท จาก กสท. ไม่ได้ ผมก็ว่ามันปัญญาอ่อนแล้ว เพราะสัญญาเช่าบริการอินเตอร์เน็ทมันทำเหมือนๆกันทุกคน จึงไม่เกี่ยวกับอำนาจอะไรเลย แล้วมาดูกรณีที่ดินรัชดาครับ... อำนาจในการกำกับดูแล - ทักษิณ อยู่ห่างๆไปประมาณ 4 ทอด ลักษณะของสัญญา - เป็นสัญญาซื้อขายจากการประมูล ไม่ว่าคนนั้นจะชื่ออะไร จะชื่อทักษิณ หรือชื่อณัฐวุฒิ มันก็ทำแบบนี้กันทุกคน แล้วก็ลองเปรียบเทียบกับ กรณีที่ดินรัชดา ดูนะครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:58:36 A:124.120.14.18 X:

ความคิดเห็นที่ 74 เป็นกระทู้ที่ดี น่าจะมีการขยายผล ส่งต่อไปให้สารดีกาดู ใครมีช่องทางช่วยส่งกระทู้นี้ต่อด้วยครับ จากคุณ : สิ้นหวังระบบยุติธรรม (ดูแรน) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 19:42:04 A:114.128.29.176 X:

ความคิดเห็นที่ 75 จขกทไม่ต้องวิเคราะให้เสียเวล่าเลยและไม่ต้องไปว่าทนายด้วย ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ลงเอยแบบนี้ ถ้าจะถามว่าเป็นเพราะอะไรก็แสดงว่าคนถามนี่โง่ชมัดเลยเพราะแม้แต่เด็กปัญญาอ่อนยังรู้เลยว่าเป็นเพราะอะไร จากคุณ : มอ2 (มอ2) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 21:52:33 A:210.86.208.23 X:

ความคิดเห็นที่ 76 ขอเรื่องไม่รอลงอาญาหน่อย บอกว่านายกไม่มีจริยธรรม เพราะเมียประมูลที่ดิน ที่ตัวเองมีอำนาจกำกับดูแลอยู่ ในเมื่อ อดีตนายก ทั้งชวน ทั้งบรรหาร ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองมีอำนาจกำกับกองทุน ในเมื่อ ผู้รับคำสั่งตามอำนาจ นั้น อันได้แก่ผู้ว่าแบงค์ชาติ ผจก กองทุน ต่างระบุตรงกันว่า นายกไม่มีอำนาจกำกับดูแล คือ ต่อให้นายกมาสั่งการจริง คนเหล่านี้ก็ไม่เชื่อถือทำตาม เพราะคิดว่านายกไม่มีสิทธิมาสั่งอะไรเขาได้ ต่อให้นายกมีอำนาจจริงก็สั่งอะไรไม่ได้ครับ เพราะสั่งแล้วเขาไม่เชื่อ ไม่ทำตาม อำนาจที่ว่า มีศาลคนเดียวที่รู้ว่า นายก มี ทักษิณเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีอำนาจที่ศาลว่า แบบนี้แล้ว ไม่มีจริยธรรมยังไงครับ งง จากคุณ : ดาวเหิน เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 23:57:08 A:110.164.1.142 X:

ความคิดเห็นที่ 77 ที่จริงตามหลักการแล้วการจะรอหรือไม่รอลงอาญา  ต้องมาลงมติกันอีกทีครับ แค่ คำพิพากษารวม กลับเขียนมาเลยว่า "ไม่มีเหตุรอลงอาญา" โดยไม่มีการลงมติแต่อย่างใด จากคุณ : นอนดูดาว (นอนดูดาว) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 00:10:08 A:192.168.100.105 X:125.25.4.120

ความคิดเห็นที่ 78 ความคิดเห็นที่ 62   [ถูกใจ]  [แจ้งลบ]   หากมีเพื่อนเป็นทนาย...ก็ลองไปถามดู ร้อยทั้งร้อยก็ว่าผิด...กฎหมายเค้าห้ามแล้วยังไปทำ...คนที่เหลิงอำนาจคิดว่า ตัวเองใหญ่สุด ๆ...สุดท้ายตายน้ำตื้น...เลิกเหอะกระทู้รัชดาน่ะ...ศาลไทยตัดสินไปแล้ว... ถ้าเป็นอเมริกาผมว่าทักษิณติดคุกไปแล้ว...ไม่ได้ประกันตัวหนีออกไปหรอก... จากคุณ : ด.ญ. สมพร ไม่ต้องถามทนายหรอกครับ ลองถามศาล 4 เสียงดูก็ได้ครับ ว่าทำไมเขาถึงบอกว่าไม่ผิด จากคุณ : รสกร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 09:52:30 A:10.2.7.9 X:115.31.143.71

ความคิดเห็นที่ 80 พวกเด็กมันจะเถียงเอาชนะ  อยากรู้จริงๆ ว่า ได้อ่าน ความเห็น อื่นๆที่เขาอธิบายจนจบ ไหม.. เถียงโอยมีอคติ มากไป มันจะวิเคราะห์ข้อมูลผิดพลาดได้นะครับ จากคุณ : the_joke เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 16:05:29 A:61.47.68.22 X:

ความคิดเห็นที่ 81 เรื่องนี้เป็นผลพวงมาจาก รัฐประหาร 49 ครับ ว่า คุณทักษิณต้องเป็นคนที่มีความผิด จึงจะสมเหตุสมผลของการรัฐประหาร  มิฉะนั้น คณะผู้ทำรัฐประหารจะถูกมองว่าเป็นคนผิด ครับ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ แผนการทำลายคุณทักษิณ ให้พ้นจากวงการเมือง   ที่จริง ไม่ต้องมีคดีแบบนี้ก็ได้ ถ้าหากประชาชน ไม่เรียกร้องใฝ่หาคุณทักษิณตลอดเวลาในช่วงรัฐบาล สุรยุทธ์ (ดัง อดีตผู้นำรัฐบาลคนก่อนๆ โน้น ที่ถูกทำรัฐประหาร)   แต่กลายเป็นว่า ยิ่งนานไป ผู้คนก็ยิ่งห่วงหา ตัวคุณทักษิณ เลยทำให้ ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐประหารสั่งการอย่างหนักว่า ต้องหาความผิดคุณทักษิณให้ได้  จนมาฟลุ๊คเจอ คดีที่ดินรัชดา ที่ถือเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคุณทักษิณ กับ ภริยา มากกว่า ซึ่งปกติเรื่องนี้ ถ้าหากเป็นคนอื่น ก็จะโดนแค่ ให้การซื้อขายครั้งนั้นเป็นโมฆะไป ต้องจัดประมูลใหม่  แต่เรื่องกลับกลายเป็นตรงกันข้าม  คือการซื้อขายครั้งนั้น "ถูกต้อง" คู่สัญญาคนซื้อขาย "ถูกต้อง"  แต่ คนเซ็นต์ชื่อยินยอมให้มีการโอนที่ดิน "ผิด" คนเดียว และแถมยังเอาเรื่องอย่างนักที่สุดคือ ติดคุกโดยไม่รอลงอาญาด้วย..... ทั้งๆ ที่เจตนาคุณหญิง ภริยา คุณทักษิณ มีเจตนาช่วยชาติ ในการซื้อที่ดินที่ ป.ร.ส.ยึดมาขายทอดตลาด แล้วไม่มีใครซื้อในครั้งแรก (จนต้องมีการแบ่งที่ออกเป็น 2 ส่วน เพื่อจะได้ลดมูลค่าที่ดินลง ในการประมูลครั้งที่สอง) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 52 17:06:08 A:58.9.187.37 X: