@@##นาย วีระ สมความคิด คุณได้รับพระบรมราชานุญาติหรือไม่กับการนำ"ตราครุฑ"ขึ้นไปบนเขาพระวิหาร##@@
|
|
นาย วีระ สมความคิดได้รับพระบรมราชานุญาติหรือไม่ที่กระทำการนำ"ตราครุฑพ่าน์"ขึ้นไปบนเขาพระวิหาร
พระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์
พ.ศ. 2534
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2534
เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายครุฑพ่าห์
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำ และยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์ พ.ศ. 2534
มาตรา 2(1) พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 บรรดากฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ประกาศ และระเบียบในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา 4(2) ในพระราชบัญญัตินี้
เครื่องหมายครุฑพ่าห์ หมายความว่า เครื่องหมายรูปครุฑ พระครุฑพ่าห หรือพระครุฑพ่าห์ ไม่ว่าในอิริยาบถใด และไม่ว่ามีข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายอื่นประกอบด้วยหรือไม่
ห้างร้านบริษัท หมายความว่า กิจการที่ตั้งขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจโดยใช้ชื่อทางธุรกิจว่า ห้าง ร้าน บริษัท หรือชื่ออื่นในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ก็ตาม
ตราตั้ง หมายความว่า หนังสือรับรองการพระราชทานพระบรมราชานุญาตที่ออกให้แก่บุคคลหรือห้างร้านบริษัท เพื่อแสดงว่าบุคคลหรือห้างร้าน บริษัทตามที่ระบุชื่อเป็นผู้ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์ในกิจการที่ระบุได้
เครื่องหมายตราตั้ง หมายความว่า เครื่องหมายครุฑพ่าห์ที่มีข้อความประกอบเบื้องล่างว่า โดยได้รับพระบรมราชา-
นุญาต หรือข้อความเป็นอักษรต่างประเทศตามที่สำนักพระราชวังกำหนด ที่บุคคลหรือห้างร้านบริษัทมีสิทธิที่จะใช้เมื่อได้รับตราตั้งแล้ว
มาตรา 5 การทำหรือใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์ในราชการให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 6 การทำหรือใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์ในราชการในพระองค์พระมหากษัตริย์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
มาตรา 7 การทำหรือใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์ในกรณีอื่นใดนอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 5 หรือมาตรา 6 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 8 การขอพระราชทานตราตั้ง คุณสมบัติอื่นของผู้ขอพระราชทานตราตั้งและการทำหรือใช้เครื่องหมายตราตั้งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 9(1) บุคคลหรือห้างร้านบริษัท ที่ขอพระราชทานตราตั้ง ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(1) มีฐานะการเงินดี และไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว
(2) ประกอบกิจการโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
(3) คุณสมบัติอื่นใดที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 8
มาตรา 10(2) คำขอพระราชทานตราตั้งให้ยื่นต่อสำนักพระราชวังเมื่อสำนักพระราชวังได้ตรวจสอบและพิจารณาเห็นว่าบุคคลหรือห้างร้านบริษัทใดที่ขอพระราชทานตราตั้งมีคุณสมบัติตามมาตรา 9 และสมควรได้รับพระราชทานตราตั้ง ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะบังคับบัญชาสำนักพระราชวังออกตราตั้งให้และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 11(3) ตราตั้งเป็นของพระราชทานเฉพาะบุคคล สิทธิรับพระราชทานตราตั้งและใช้เครื่องหมายตราตั้งย่อมสิ้นสุดลง เมื่อปรากฏว่า
(1) สำนักพระราชวังเรียกคืน เพราะบุคคลหรือห้างร้านบริษัทที่ได้รับพระราชทานตราตั้ง
(ก) ตาย
(ข) เลิกประกอบกิจการประเภทที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตราตั้งนั้น
(ค) โอนกิจการดังกล่าวให้ผู้อื่นดำเนินการ หรือ
(2) สำนักพระราชวังเห็นสมควรเพิกถอน ตามมาตรา 11 ทวิ วรรคสอง
มาตรา 11 ทวิ(4) เมื่อปรากฏกรณีตามมาตรา 11(1) ให้สำนักพระราชวังเรียกให้บุคคลหรือห้างร้านบริษัทที่ได้รับพระราชทาน ทายาท หรือผู้รับโอนกิจการแล้วแต่กรณี ส่งคืนตราตั้งที่นายกรัฐมนตรีออกให้ตามมาตรา 10 ภายในเวลาที่กำหนด
เมื่อสำนักพระราชวังได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับตราตั้งคืนภายในเวลาที่กำหนด หรือเมื่อได้ตรวจสอบและพิจารณาเห็นว่า บุคคล หรือห้างร้านบริษัทที่ได้รับพระราชทานตราตั้งขาดคุณสมบัติตามมาตรา 9 หรือคุณสมบัติอันเป็นเหตุให้การได้รับพระราชทานตราตั้งเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ หรือมีเหตุอื่นอันสมควรเพิกถอนตราตั้ง ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีสั่งเพิกถอนตราตั้งที่ได้ออกให้ตามมาตรา 10
เมื่อสำนักพระราชวังได้รับตราตั้งคืนตามวรรคหนึ่ง หรือเมื่อนายกรัฐมนตรีสั่งเพิกถอนตราตั้งตามวรรคสองแล้ว ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 12(5) ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 7 หรือพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการทำหรือใช้เครื่องหมายตราตั้งที่ออกตามมาตรา 8 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 13(6) ผู้ใดไม่มีสิทธิที่จะทำหรือใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์ ตราตั้งหรือเครื่องหมายตราตั้ง หรือมีสิทธิแต่สิทธิเช่นว่านั้นสิ้นสุดลงแล้วตามมาตรา 11 กระทำการเช่นนั้นเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิหรือยังคงมีสิทธิต่อไป หรือไม่ยอมส่งคืนตราตั้งเมื่อถูกเรียกให้ส่งคืนตามมาตรา 11 ทวิ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14 ในระหว่างที่ยังมิได้ออกระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 5 หรือมีพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 7 หรือมาตรา 8 การทำหรือใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์หรือเครื่องหมายตราตั้งให้คงเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ประกาศ และระเบียบว่าด้วยการนั้นต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 15 ผู้ใดได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์หรือมีสิทธิใช้เครื่องหมายตราตั้งอยู่แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ผู้นั้นยังคงมีสิทธิใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์หรือเครื่องหมายตราตั้งนั้นได้ต่อไป เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
ในกรณีที่รัฐวิสาหกิจใดได้ใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้รัฐวิสาหกิจนั้นแจ้งเป็นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และให้ดำเนินการเลิกใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์นั้นให้เสร็จสิ้นภายในสองปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา 16 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์ซึ่งเป็นดวงตราแผ่นดินชนิดหนึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการงานในราชการ และเป็นเครื่องหมายตราตั้งแสดงถึงห้างร้านหรือบริษัทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนแพร่หลายเป็นที่ทราบกันทั่วไป สมควรกำหนดให้การใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์เป็นไปโดยมีระเบียบเรียบร้อยยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ผมถือว่านาย วีระ สมความคิด กระทำการหมิ่นพระมหากษัตริย์อย่างร้ายแรงที่สุดที่ผมเคยเห็นมา ฉะนั้นผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการโดยด่วน ทุกท่านที่ป่าวประกาศว่าจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องออกมาจัดการกับเรื่องเหล่านี้โดยด่วนอย่าให้เป็นเยี่ยงอย่างกับเยาวชนรุ่นหลังๆเป็นอันขาด
จากคุณ |
:
ชัย พัฒนาการ
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ย. 52 15:56:08
A:125.24.221.92 X:
|
|
|
|