 |
ความคิดเห็นที่ 8 |
สัญญาณอันตรายตลาดหุ้นฟองสบู่
เงินนอกทะลักดันดัชนีกระฉูดหนัก ไม่ถึงเดือนตปท.ซื้อสุทธิ2หมื่นล.
โบรกเกอร์เตือนภัยตลาดหุ้นใกล้ถึงจุดฟองสบู่แตก ชี้เหตุเงินนอกทะลักเข้า ไม่ถึงเดือนต่างชาติตะลุยซื้อสุทธิแล้ว 2 หมื่นล้าน ดันดัชนีปรับขึ้นเกินปัจจัยพื้นฐาน ระบุแค่ 600 จุดก็แพงแล้ว ชี้แนวโน้มดอลล์จะอ่อนยวบ มีสิทธิเห็นบาทแตะ 32 สิ้นปีนี้
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตก เนื่องจากดัชนีได้ปรับสูงขึ้นมากเกินปัจจัยพื้นฐาน โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นเกิน 600 จุดก็ถือว่าแพงแล้ว แต่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 700 จุด และยังมีโอกาสที่ปรับขึ้นไปแตะ 800 จุดได้ จากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าตลาดหุ้นจำนวนมาก หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแรง ซึ่งจากนี้จะต้องจับตาดูค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้ดี เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย
"หลังครบรอบ 1 ปีวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทุกคนเชื่อว่าเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุดแล้ว เงินดอลลาร์สหรัฐจึงไม่น่าถือครองไว้ นอกจากนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ยกเว้นจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอีกรอบ เม็ดเงินจึงไหลออกแล้วเข้าตลาดหุ้นแทน ซึ่งถึงสิ้นปีนี้อาจจะเห็นค่าเงินดอลลาร์ไปอยู่ที่ระดับ 1.5-1.6 ดอลลาร์ต่อยูโร จากปัจจุบันอยู่ประมาณ 1.4 และอาจเห็นเงินบาทแข็งค่าถึงระดับ 33-32 บาทต่อดอลลาร์"
นายสุกิจกล่าวว่า จากนี้จะต้องจับตาการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยอย่างใกล้ชิด โดยหากมีการซื้อสุทธิเกิน 30,000 ล้านบาทต่อเดือน ก็ถือว่าไหลเข้าร้อนแรงมากไป และมีความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นจะเกิดฟองสบู่ ซึ่งปัจจุบันก็ใกล้เคียง เพราะในเดือนกันยายนนี้ ยังไม่ครบเดือนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิแล้ว 20,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่าเงินทุนต่างชาติจะไม่ไหลเข้ามากเหมือนช่วงปลายปี 2550 จนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องใช้มาตรการกันสำรอง 30% อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้นเงินก็ไหลเข้าเพราะค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่ามากเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเริ่มปรับขึ้นรอบแรกในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากความคาดหวังของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และปรับขึ้นรอบ 2 หลังจากเห็นตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้แย่อย่างที่คาดการณ์ ปัจจุบันเป็นการปรับขึ้นรอบที่ 3 และยังไม่จบรอบ ผลจากต่างชาติเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจน
"ปัจจุบันยังมีเม็ดเงินอยู่ในระบบจำนวนมากที่ไม่มีที่ลง ซึ่งเชื่อว่าจะเริ่มไหลเข้าตลาดหุ้น และจะทำให้หุ้นปรับขึ้นมาก ซึ่งเมื่อหุ้นขึ้นมากก็มีความเสี่ยงที่จะปรับลงมากเช่นเดียวกัน โดยประเมินว่าในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้าอาจะเห็นหุ้นตกแรง เพราะหลายประเทศจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรง จากแรงกดดันเงินเฟ้อ เช่น ออสเตรเลีย อินเดีย จีน เกาหลี เป็นต้น"
นายสุกิจกล่าวว่า ในช่วงนี้จึงแนะนำว่าให้นักลงทุนลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น จากเดิมลงทุนอยู่ 50% ให้ลดลงต่ำกว่า 30% และหันไปลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก หรือในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เพราะยังมีแนวโน้มการเติบโตดี และไม่มีความเสี่ยงฟองสบู่ของราคาหุ้น
------------------------------------------------------------------ http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01eco02230952§ionid=0103&day=2009-09-23 -----------------------------------------------------------------
ดีใจกันต่อไป หุ หุ ขนาดห้องสินธร ยังเตรียมตัว เตรียมความพร้อมกันไว้แล้ว
ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่ามันขึ้นเพราะอะไร
จากคุณ |
:
Mars2005
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ก.ย. 52 00:51:19
A:222.123.201.238 X:
|
|
|
|
 |