ความคิดเห็นที่ 1 บ้านเมือง สงบสุข ไม่มีเหลืองไม่มีแดง เรื่อยๆไปเรียงๆ ทำมาหากินไปตามบุญตามกรรม ไม่เกิดวิฤกิตครั้งใหม่ ไม่ได้รับผลกระทบจากอเมริกา ใครมีนาทำนา ใครมีไร่ทำไร ใครใคร่ค้าม้า ค้า ใครใคร่ค้าเนื้อ ค้า... ศาลก็ยังเป็นศาล ทหารไม่เสียสัตย์ ไม่เสียคน สื่อมวลชน ก็ยังเป็นสื่อมวลชน แต่ทุกวันนี้ เพราะ แม้วคนเดียว บ้านเมืองจึงเป็นเช่นนี้ จากคุณ : JohnHenry เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:39:27 A:114.128.88.93 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเอดิสันไม่ได้คิดหลอดไฟเมื่อครั้งกระโน้น ป่านนี้เราคงต้องนั่งเล่นเน็ตกันในห้องมืดๆ เป็นแน่แท้ จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:43:46 A:203.153.160.139 X:

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องนโยบายต่างๆของทักษิณประโยชน์เยอะครับเห็นด้วย แต่สงสัยว่าทักษิณนี่เป็นคนทำให้ใช้หนี้ IMF เหรอครับ ถ้าไม่มีทักษิณจะใช้หนี้ไม่ได้ หรือใช้ได้ช้าลงเหรอครับ? เรื่องใช้หนี้ IMF ได้นี่เป็นผลจากตลาดโลกมากกว่า ส่วนเรื่องคุณภาพชีวิตที่เป็นผลจากนโยบาย เช่น 30 บาท หรือปรายยาเสพติด อันนี้ถึงจะเป็นผลงานทักษิณ จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 13:49:07 A:58.8.16.227 X:

ความคิดเห็นที่ 4 เขียนผิดป่าวครับ ไม่น่าเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟครั้งแรกมั้ง จากคุณ : ขยะสังคม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:15:40 A:110.164.123.47 X:

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่มีโครงการอะไรที่ทำยากๆ แบบ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน OTOP จะมีแต่โครงการง่ายๆ -แจกเงิน -แจกเครื่องกรองน้ำ -แจกปลากระป๋อง สนามบินดอนเมือง ก็คงยังใช้เป็นสนามบินหลัก เพราะ สุวรรณภูมิ ก็คงสร้างไม่เสร็จ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:22:08 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ : papafun  ช่วง2-3ปีที่ผ่านมา จะมีบทความหรือเมล์ บทความว่า แม้วไม่ได้เป็นคนใช้หนี้ IMF... เรื่องแบบนี้  มันเห็นๆครับ บ่ายเบี่ยงหรือบิดเบือนกันยาก 1.แม้วเป็นคนใช้หนี้งวดสุดท้าย 6หมื่นล้านบาท 2.ใช้หนี้ก่อนกำหนด 2ปี 3.ลดภาระดอกเบี้ย 5000ล้านบาท 4.ฝ่ายค้านในขณะนั้น ไม่เห็นด้วย 5.รัฐบาลไม่ต้องขึ้น vat  จาก  7 เป็น 10 ตามเงื่อนไข 6.บางคนบอกว่าเงินใ้ช้หนี้ ชวนหาไว้ แต่อย่าลืมว่า แม้วเข้ามาบริหาร ประมาณ 3ปี จึงใช้หนี้ก่อนนี้.. ของแบบนี้ มันวัดกันที่ "การตัดสินใจ"ครับ เป็น นายกฯชวนจะตัดสินใจอย่างไร เป็น หนูมาร์คจะตัดสินใจอย่างไร จะใช้หนี้หมดก่อนดีหรือไม่ หรือว่าค่อยๆผ่อนไป มันวัดกันตรงนี้ครับ จากคุณ : JohnHenry เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:23:07 A:114.128.88.93 X:

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ ขยะสังคม ผมเห็นว่าทุกวันนี้ประเทศไทยมันยุ่งเหยิง ไม่รู้จะจบยังไง ไอ้ที่เราเลือกก็ถูกทำลาย ไอ้ที่เราไม่ได้เลือก ก็ดันได้เป็นรัฐบาล แค่อยากรู้ว่า ถ้ายังปล่อยให้ปชป.เป็นรัฐบาล โดยที่ทักษิณไม่ได้เป็นรัฐบาลต่อจากนายชวน ไม่รู้ป่านนี้บ้านเมืองจะยังไง ใช้หนี้หมดหรือยัง หรือว่าดอกเบี้ยพอกพูน จากคุณ : Dusty เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:24:05 A:114.128.119.240 X:

ความคิดเห็นที่ 8 สมัย ปี 42-43 เหล่าคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ต่างๆ ต่างพากันสดุดีฝีมือการนำพาประเทศจำนำกับ IMF ของธารินทร์.. ทุกคน พากันพูดเป็นเสียงเดียวว่าไม่รู้เราจะต้องใช้หนี้ IMF ไปอีก 30-50 ปีโดยประมาณ.. แต่สิ่งที่คุณทักษิณทำคือ เคลียร์หนี้ IMF ภายใน 2 ปีหลังจากการบริหาร..ทำให้เหล่าเทคโนแครกเสียหน้าที่มีคนบังอาจเก่งกว่าตัวเอง (คือตัวเองเก่งแค่ปาก..แต่คนอื่นเก่งทั้งตัว ) จากคุณ : กาแฟยามบ่าย เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:25:14 A:125.25.87.208 X:

ความคิดเห็นที่ 9 คุณเปื้อนฝุ่น จขกท คงไม่รู้พอในเรื่องนี้ ยังมีคนโง่จำนวนมากที่คิดว่าการก่อหนี้สาธารณะเป็นสิ่งที่ผิด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีความผิดที่กู้เงินแล้วยังไม่ได้เป็นผู้ชำระหนี้คืน IMF คุณทักษิณเป็น Hero มาใช้หนี้ IMF แทนคนไทยทุกคน ความจริงคือ รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นผู้เบิกจ่ายเงินกู้ IMF เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ใช้หนี้+ดอกเบี้ยเงินกู้ IMF ในส่วนที่ได้เบิกจ่ายไปแล้วแก่ IMF ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่หนี้เงินกู้ IMF ในส่วนที่เหลือจากการเบิกจ่ายและไม่ต้องเบิกจ่ายแล้วเพราะเศรษฐกิจฟื้นแล้วที่รัฐบาลทักษิณชำระคืน IMF เพียงแต่โยกเงินมาชะระหนี้ก่อนกำหนดเพื่อสร้างภาพให้ตัวเอง --เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นเหมือนกัน ที่รัฐบาลทักษิณสามารถทำอะำไรได้เยอะแยะส่วนที่สำคัญที่สุดคือเพราะเศรษฐกิจในขณะนั้นฟื้นตัวแล้ว วิกฤตเศรษฐกิจเนื่องจากวิกฤตการณ์น้ำมันและเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก เมื่อปี 22 23 24 ซึ่งถือว่าเป็นการแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่ยากที่สุด เนื่องจากประเทศไทยไม่มีเงินคงคลังเหลือก็เหมือนกัน รัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้ทำให้ประเทศรอดพ้นจากความเป็นประเทศล้มละลายและกลียุค ทำให้ประเทศเศรษฐกิจดีมีเงินคงคลังเต็มพิกัด ทำให้รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ที่มีชื่อเล่นว่า "ฺีBuffet Cabinet" นำมาผลาญเล่นแบ่งกันกินได้ รู้สึกว่าคนที่ชอบทักษิณ ส่วนใหญ่ก็ชอบพลเอกชาติชายเหมือนกันนะครับ ก็เพราะทั้ง 2 คนนี้มีอะไรเหมือนๆ กัน ให้ข้อสังเกตไว้ ณ ที่นี้นะครับ ที่ผ่านมาที่เราพ้นวิกฤตเศรษฐกิจได้เร็วเพราะการเมืองนิ่ง (ประสิทธิภาพการบริหารเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวสัมพันธ์กับความนิ่งของการเมือง) จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:28:18 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ผมจะบอกว่า ท่านทักษิณมีฝีมือในการบริหาร เดี๋ยวก็จะมีคนมาต่อว่าผม เอาเป็นอย่างนี้ละกัน ทักษิณ ฟลุคที่คิดได้ว่า ค่าเงินบาทอ่อน เป็นผลดีต่อการส่งออกของประเทศ เลยสั่งให้บรรดาเอกอัครราชฑูตไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ เปลี่ยนเสื้อผ้า แปลงร่างเป็น เซลแมนระดับชาติ ขายสิ้นค้าไทยไปด้วย เมื่อตัวเลขการส่งออกดีขึ้น ทำให้ ดุลการเงินของประเทศดีขึ้น (ส่งออกมากกว่านำเข้า) ส่งผลให้ เงินทุนสำรองของประเทศเพิ่มขึ้น และเมื่อทุนสำรองในประเทศสูงเกินความจำเป็น ก็เลยเอาไปใช้หนี่้ IMF เรื่องมันก็มีเท่านี้เอง เห็นมัยครับว่า ท่านทักษิณ ฟลุค ปล. ฟลุคแบบนี้ต้องมีสมองนะครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆก็ฟลุคขึ้นมาได้ จากคุณ : คนเรื่องมาก เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:32:14 A:124.122.187.166 X:

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ Dusty คุณ กาแฟยามบ่าย คุณ JohnHenry ศึกษา อีกนิดนะครับ มีกระทู้ที่แสดงให้เห็นว่าผู้โพสต์เข้าใจผิดอย่างนี้บ่อยๆ น่าจะปักหมุดได้แล้วนะครับ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:32:16 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ...ก่อนอื่น จขกท ไปหาความรู้มาใหม่ดีกว่าครับ ...ว่าหนี้ IMF เกิดมาจากรัฐบาลใคร ...ส่วนเรื่องการใช้หนี้ IMF ถ้าอธิบายกันจริงๆก็คงเป็นเรื่องยาว และยากที่จะเข้าใจ ...ผมขอยกเอาข้อเขียนของ เปลว สีเงิน ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2552 มาให้อ่านดีกว่า ...เพราะแกใช้ภาษาเขียนได้เข้าใจง่ายดี ถึงจะมีคำเสียดสีปนอยู่บ้าง แต่ตัวเนื้อหาก็อธิบายได้ชัดเจน ครบถ้วน ...อาจจะยาวหน่อย แต่ถ้าค่อยๆอ่าน ก็จะเข้าใจข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ครับ จากคุณ : sungod เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:45:59 A:125.24.199.143 X:

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 10  แจ้งลบ         (ต่อ 9) เอ้า...คุณจตุพร ชาวคณะเสื้อแดง และชาวคณะเพื่อไทย ทั้งหลาย มาดูข้อมูลของ "แบงก์ชาติ" จากตัวเลขเปรียบเทียบนี่ จะได้เข้าใจถูกต้องเสียทีว่า ที่ไทยมีดอลลาร์เอาไปใช้หนี้ IMF ๑๒,๒๙๖ ล้านเหรียญสหรัฐนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไร กับ ทักษิณ เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ ทักษิณ เป็นนักฉวยโอกาสตัวฉกาจ และใช้ความเป็น นายกฯ ตัดสินใจ เอา (ตัวเลข) เงินที่ไหลเข้าประเทศตามกลไกเศรษฐกิจตลาดไปไว้ที่ IMF แทนที่ จะเก็บไว้เอง โดยไม่เกิดมรรคผลอะไรเท่านั้นเอง! - ช่วงท้ายรัฐบาลพลเอกชวลิต ไทยมีทุนสำรองสุทธิ ๘,๙๖๒ ล้านหรียญสหรัฐ - ช่วงท้ายรัฐบาลชวน 2 ไทยมีทุนสำรองสุทธิ ๓๐,๕๒๖ ล้านเหรียญสหรัฐ - ช่วงท้ายรัฐบาลทักษิณ ไทยมีทุนสำรองสุทธิ ๗๓,๙๒๖ ล้านเหรียญสหรัฐ เห็นอย่างนี้ คุณจตุพร อาจ ตบจมูกอุรังอุตัง ตัวเองซักฉาดแล้วร้องว่า "ก็นั่นไง..ยุคทักษิณนายใหญ่ สามารถทำให้ประเทศไทยร่ำรวย มีเงินทุนสำรองมากที่สุดตั้ง ๗ หมื่นกว่าล้านเหรียญ เห็นมั้ยล่ะ..นั่น?" ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งทึกทัก โวยวายไป ก็อย่างที่บอกไง   คุณ : กล้วยไม้ป่า Post : 7680 ครั้ง วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552  22:20:12 น.  202.176.136.XXX   -------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 11  แจ้งลบ         (ต่อ 10) เงินนอกไหลท่วมโลก ไม่เพียง ไทย ที่ดอลลาร์ไหลเข้า อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ที่ หมดตูด ต้องเอาประเทศไปตึ๊ง IMF เหมือนกับเรา ดอลลาร์ ก็ไปท่วมเขาเหมือนๆ กัน และเขาก็เอาเงินที่ไหลเข้าไปคืนหนี้ให้ IMF ก่อนกำหนดเหมือนๆกับเรา แต่ผู้นำเขาซื่อสัตย์ จึงไม่ปิดทองที่หน้าผากตัวเอง! ยังไม่เชื่อที่ผมพูดใช่มั้ยว่า เงินใช้หนี้ IMF เป็นเงินนอกที่ไหลเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง เอ้า..หยวนๆ เป็นว่า วัดความสามารถในการบริหารประเทศจากจำนวนเงินสำรองที่มากกว่าก็แล้วกัน จาก ๓ นายกฯ ข้างบนนั้น ตัวเลขชี้ "ทักษิณมีความสามารถที่สุด" ทีนี้มาดูต่อ ต่อจาก ทักษิณ ใครเป็นนายกฯ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ใช่มั้ย แต่ปรากฏว่า ในขณะที่ ทักษิณ บริหาร ๖ ปี เงินสำรองของประเทศมีแค่ ๗๓,๙๒๖ ล้านเหรียญ แต่พอ พลเอกสุรยุทธ์ บริหารปีเดียว เงินสำรองของประเทศมีสูงตั้ง ๑๐๖,๕๔๑ ล้านเหรียญสหรัฐ!   คุณ : กล้วยไม้ป่า Post : 7680 ครั้ง วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552  22:24:38 น.  202.176.136.XXX   -------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 12  แจ้งลบ         (ตอนจบ) อย่างนี้ หมายความว่า ความสามารถเชิงบริหารประเทศให้ร่ำรวยของ ทักษิณ ก็แค่ระดับ "นิ้วก้อยข้างซ้าย" ของพลเอกสุรยุทธ์น่ะซี จริงมั้ย คุณจตุพร? ต่อจากนี้ เลิกพูดกันเสียทีได้แล้วว่า "ทักษิณเก่ง บริหารประเทศมีเงินใช้หนี้ IMF ก่อนกำหนด" เพราะมันไม่เกี่ยวกับ ใครเก่ง-ใครไม่เก่ง เลย มันเกี่ยวแค่ ใครมี "วิสัยทัศน์บริหาร" สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่ากันเท่านั้น กรณีนำเงินไปใช้หนี้ มันเป็นเงินที่มาตามกลไกแสวงหาผลกำไรที่ "กลุ่มทุนนอก" เคลื่อนย้ายเม็ดเงินเข้า-ออก ตามปกติของตลาดเงินเสรี ถ้าจะดู ใครเก่ง-ไม่เก่ง จากทุนสำรอง ขณะนี้ - นายกฯ อภิสิทธิ์ เก่งที่ ๑ - พลเอกสุรยุทธ์ เก่งที่ ๒ - ส่วนทักษิณเก่งแค่ที่ ๓ แต่ถ้าดู "ด้านการตลาด" และ "การฉกฉวยโอกาส" ด้วยการบิดเบือน ทักษิณ...เก่งที่ ๑ ในโลก! ทักสิน...สู้...สู้ ทักสิน...สู้ตาย ทักสิน...ไปตาย ทักสิน....เข้า...คุก 555555555555 จากคุณ : มัสแตง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:47:36 A:117.47.178.172 X:

ความคิดเห็นที่ 14 คำกล่าวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในรายการ “นายกฯทักษิณคุยกับประซาชน” คลื่นเอฟ.เอ็ม 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วันเสาร์ 4 มกราคม 2546 ------------------------------------------------     รัฐบาลจะทยอยชำระคืนหนี้ให้ไอเอ็มเอฟเป็นงวดให้หมดภายใน 6 เดือน     เรื่องที่อยากจะเล่าให้พี่น้องประชาชนฟังอีกเรื่องคือ เรื่องของการชำระคืนหนี้ไอเอ็มเอฟ เมื่อปีใหม่ผมได้บอกกับพี่น้องประชาชนว่าอยากให้ปี 2546 เป็นปีแห่งศักดิ์ศรีของคนไทยและประเทศไทย อยากให้คนไทยและประเทศไทย ได้มีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย มีความภาคภูมิใจในประเทศของเราเอง ต้องทำทุกๆ ด้านเพื่อเราจะได้มีความฮึกเหิม ที่จะต้องต้องพยายามที่จะพัฒนาตัวเองและพัฒนาประเทศเรา ในมิตินี้เริ่มต้นเราขอใช้คืนหนี้ไอเอ็มเอฟ มีการวิพากษิวจารณ์ต่างต่างนานา ผมไม่เข้าใจครับตอนไปเป็นหนี้เขา ก็บ่นว่าเขาสั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอใช้หนี้คนที่บ่นคนเดียวกันออกมาว่าทำไมต้องใช้ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ รอก่อนก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องของมนุษย์ ต้องเรียนว่ารัฐบาลนี้จะไม่ใช้อารมณ์ จะทำด้วยหลักวิชาการ หลักการบริหารการจัดการที่ถูกต้อง ไม่มีหลักอื่นเลย เพราะฉะนั้น ได้คิดแล้วคิดอีกว่า สมควรต้องใช้เขาหรือไม่ หลักการไม่มีอะไรครับคือสัญญาที่เรามีอยู่กับไอเอ็มเอฟ เราต้องใช้ให้หมดภายในปี 2548 รัฐบาลนี้เข้ามาใช้หนี้ไอเอ็มเอฟมาตลอดตั้งแต่ปี 2544-2545 คือหนี้เรากู้มา เขาให้กู้ 14.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เราเบิกมาจริงๆ 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ รัฐบาลที่แล้วใช้หนี้ไป 200 ล้านเหรียญ พอรัฐบาลนี้เข้ามาก็ผ่อนใช้หนี้ปี 2544-2545 ไปแล้ว 7,000 ล้านเหรียญ ฉะนั้น หนี้คงเหลือ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 208,000 ล้านบาท ทีนี้เรามานั่งดูเงินของเรา มีเงินสำรองอยู่มากพอ แล้วดูกระแสเงินต่างประเทศที่จะไหลเข้าประเทศไทยในปี 2546 ดูแล้วกระแสเงินจะไหลเข้าต่อเนื่องเป็นบวกหมด แล้วเราจะใช้หนี้ก่อนเป็นอะไรมั้ย     ความจริงวันนี้สามารถใช้หนี้ทีเดียว 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐได้หมด แต่เรากันเหนียวไว้ เพราะว่าเดี๋ยวเกิดสงครามขึ้น วันนี้สัญญาณชัดเจนแล้วว่าน้ำมันยังไงก็ไม่แพง เพราะโอเปคต้องช่วยสหรัฐอเมริกาในการที่จะรักษาราคาน้ำมันไม่ให้ขึ้นไปเกิน 28 เหรียญต่อบาร์เรล  เราไม่เดือดร้อนตรงนี้แต่เรากันเหนียวไว้ครับ เลยขอชำระเป็น 3 งวด งวดที่ 1 จะพยายามชำระให้ได้ภายในปลายเดือนมกราคม เพราะเราต้องไปเจรจาขอชำระคืนก่อนเวลา จากงวดแรกแล้วทุกสองเดือนจะจ่ายอีกทีภายใน 6 เดือนจะหมด ประมาณเดือนกรกฎาคม น่าจะชำระหมด จะเป็นการชำระหมดก่อนเวลาที่ตกลงกันไว้ 2 ปี เพราะว่าเราต้องการจะแสดงให้ชัดเจนว่า เราไม่อยู่ภายใต้หนี้ของไอเอ็มเอฟอีกแล้ว นั่นคือทำให้ประเทศได้รับการยอมรับ ในเรื่องสถานะการเงินความเข้มแข็งมากขึ้นเยอะ มากกว่าที่เราอยู่ในโปรแกรมของไอเอ็มเอฟ คือถ้าประเทศไหนอยู่ในไอเอ็มเอฟ เหมือนกับประเทศนั้นยังอยู่ในภาวะที่บอบบาง เหมือนกับคล้ายๆ เกือบจะล้มละลาย คนที่เข้าหาไอเอ็มเอฟคือภาวะเกือบจะล้มละลาย     เพราะฉะนั้น เราเข้าไอเอ็มเอฟแล้ว เราออกเร็วเท่าไร ภาพของภาวะคนเกือบล้มละลายจะไม่มีและจริงๆ เราแข็งแรงแล้ว เลยขอคืน  เก็บไว้ก็เสียดอกเบี้ย เสียภาพพจน์ ไม่ค่อยมีอิสระ จะต้องรายงานเจ้าหนี้ตลอดจะทำอะไรไม่ทำอะไร ว่างๆ เจ้าหน้าที่เข้ามาถาม ทำไมคุณทำอย่างนั้นล่ะ ทำไมคุณไม่ทำอย่างนี้ เขามีสิทธิครับเพราะเขาเป็นเจ้าหนี้เรา เพราะฉะนั้น วันนี้คืนเขาดีกว่า เรามีสติปัญญาที่จะคิดในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยตัวเราเอง เราควรอย่างยิ่งที่จะใช้หนี้เขาไปและประหยัดดอกเบี้ยไป 5,000 ล้านบาท ผมคิดว่าจ่ายไปดีกว่า ขอให้พี่น้องได้โปรดเข้าใจว่า รัฐบาลใช้ความรอบคอบดูตัวเลขอย่างเต็มที่ ผมเคยอธิบายตัวเลขไปหลายครั้งว่า วันนี้เงินสำรองที่เรามีอยู่มีมากเกินพอ ใช้ทีเดียวยังใช้ได้เลย แต่เราผ่อน 6 เดือน 3 งวด เพื่อจะได้ไม่ประมาท ฉะนั้นผมมั่นใจว่า ทุกขณะระหว่างใช้หนี้จนใช้หนี้หมด จะไม่มีทางที่เงินสำรองของเพราะจะต่ำกว่า 35 พันล้านเหรียญสนรัฐ ซึ่งเหลือเฟือเกินพอ ขอให้พี่น้องได้สบายใจ  บางคนออกมาวิจารณ์ต่างๆ นานาเป็นเรื่องธรรมดาเป็นสิทธิของเขาที่จะวิจารณ์ แต่ขอเรียนว่ารัฐบาลของพี่น้องประชาชนเป็นรัฐบาลที่ใช้สติปัญญา ใช้หลักวิชา ใช้หลักการบริหารการจัดการที่ถูกต้อง ทำงานอย่างเต็มที่ ขอให้วางใจในส่วนนี้ได้เลย ----------------------------------- เผอิญผมไปเก็บตกหนังสือ “นายกฯทักษิณคุยกับประซาชน” ที่เขียนไว้เมื่อหลายปีก่อนได้..หนังสือที่ตีพิมพ์ในยุคที่ยังไม่มีการบิดเบือนของสื่อ เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าอ้างอิงได้มากกว่าข้อเขียนในยุคหลังๆ ปล. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ Tarthewise แต่คุณคงไม่ทราบว่าผมมีหนังสือไว้เพื่อการศึกษามากน้อยเพียงใด..เอาเป็นว่าน้อมรับไว้ล่ะกัน ************** แก้ไขเพิ่มเติมตัวหนาและเส้นใต้ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 15:01:10 จากคุณ : กาแฟยามบ่าย เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:57:24 A:125.25.48.225 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ท่าน JohnHenry คห.1 ส่วนตัวผมว่าถ้าทุกคนที่ท่านกล่าวมาไม่เป็นพวก"ขี้อิจฉา" บ้านเมืองก็ไม่เป็นแบบนี้ ตาม้นร้อน เห็นใครดีกว่าไม่ได้ จากคุณ : ajibjoy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:59:12 A:125.24.153.192 X:

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ webkit ครับ โครงการที่คุณคิดว่าทำยากเช่น 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน OTOP เป็นโครงการที่คิดยากแต่ทำง่ายมากนะครับ ถ้ารัฐบาลนั้นเป็นรัฐบาลพรรคเดียวและอยู่ในช่วงที่ "มีเงิน" ที่ว่าทำง่ายเพราะมีนักวิชาการ (โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐศาสตร์การเมือง) นักปฏิบัติ และปราชญ์สังคม ได้คิด+ศึกษาทั้งในหลักการและแนวทางปฏิบัติตกผลึกกันมานานแล้วครับ ในช่วงแรกเขาคิดว่าคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยจะเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองในมิติใหม่ จึงยิืนดีมอบองค์ความรู้ต่างๆ ให้เป็นโปรเจ็คของพรรคไทยรักไทย แต่คุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยกลับนำนโยบายนั้นมาบิดเบือนหลักการในทางปฏิบัติเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของตัวเองและพวก ทำให้นักวิชาการ นักปฏิบัติ และปราชญ์สังคมทั้งหลายต่างเดินออกห่างคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยทีละคนๆ - 30 บาทรักษาทุกโรค  คุณทักษิณเล่นให้คนจนคนรวยเหมือนกันหมด บิดเบือนหลักการลดช่องว่างทางรายได้และโอกาส และก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ (เรื่องการเงิน) แทนที่จะเก็บจากคนรวยไปสมทบคนจน - กองทุนหมู่บ้าน หลักการคือให้ชาวบ้านสะสมเงินกันเอง ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูความเป็นชุมชน ให้คนในชุมชนกลับมามีกิจกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะอีกครั้ง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นผลพลอยได้ แต่คุณทักษิณเล่นเอาทำง่ายๆ โดยนำเงินจำนวนมากลงไปในชุมชนโดยขาดปราการที่ดี ผลคือประโยชน์ตกแก่ชุมชนแบบกระจุกตัวคือที่กลุ่มผู้มีอำนาจในชุมชน เพิ่มความขัดแย้งและความเป็นปัจเจกในชุมชนมากยิ่งขึ้น แนวโน้มความล่มสลายของชุมชนชนบทซึ่งเป็นแหล่งความมั่นคงแหล่งสุดท้ายของประเทศในชุมชนที่อ่อนแอที่ใกล้ล่มสลายอยู่แล้วมีมากขึ้น (นโยบายนี้ได้ผลดีเฉพาะในชุมชนที่เข้มแข็งอยู่แล้ว) เรื่องนี้อธิบายยาวมากครับ โครงการง่ายๆ ที่คุณว่า - แจกเงิน นี่เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลมากที่สุดนะครับ เพราะมีการเบิกจ่ายถึงร้อยละ 80 และขณะนี้สามารถสร้างตัวทวีในเชิงเศรษฐกิจหมุนได้อย่างน้อย 2 รอบแล้ว -แจกปลากระป๋อง อันนี้ช่วยผู้ประสบภัยไม่ใช่หรือครับ?? ลองศึกษาโครงการประกันรายได้ขั้นต่ำเกษตรกร ที่คุณอภิสิทธิ์และรัฐบาลอภิสิทธิ์คิดสิครับ ผมว่ากล้าหาญ แยบคาย จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ทั้งระบบอย่างยั่งยืน เสาร์ที่ผ่านมารายการช่อง 11 ได้เอาเทปที่บันทึกตอนนายกไปอธิบายและสนทนากับชาวบ้านที่ลพบุรีมาออกแล้ว นโยบายนี้คนในวงการเกษตรชื่นชมมากนะครับ นี่สิของยากของจริง จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:59:41 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าการใช้หนี้ หรือไม่ใช้หนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตอนปี 40 เศรษฐกิจบ้านเราล้มเหลวจริงๆ มีคนฆ่าตัวตายมากมายจากวิกฤตนั้น ต่างชาติพยายามที่จะหุบ ทรัพย์สินประเทศไทย ซึ่งตรงนี้เราเห็นกันได้ดี มันก็เป็นความจริงอย่างที่บางท่านคิด คือการค้านั้น เราเป็นหนี้ เราต้องหาเงินต้นมาโป๊ะ เพื่อให้ต้นลงดอกจะได้ไม่เสียมาก สเหมือนการซื้อบ้าน เราได้รับธารน้ำใจมากมายจากประชาชนทุกหมู่เหล่า ที่ได้บริจาคเงิน ทอง ในหลายๆโครงการที่ผุดขึ้นมา ณ เวลานั้น จึงทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ถ้าเวลานั้น เราไม่โป๊ะหนี้ เราจะนำเงินจากไหนมาใช้หนี้เขา เพราะเศรษฐกิจ ล้ม จะรีดภาษีจากไหน ในเมื่อตอนนั้นทุกคนรัดเข็มขัดไม่ใช้เงิน อสังหาริมทรัพย์ล้มเป็นนาบ การเกษตรซึงไม่เคยถูกมองเห็นค่า ไม่ต้องกล่าวถึงได้เลย การคอลัปชั่น ไม่ต้องกล่าวเลย มีทุกยุกทุกสมัย มีให้เห็นกันทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ เพียงแต่แค่ว่า ตัวใหญ่ไม่โดน ทุกอย่างโดนตัดที่ตัวเล็กหมด สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้พลาดคือ การผูกขาดทางการค้า สินค้าเกษตร อย่างที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้กระทำ ราคาข้าวที่ต่ำลง ราคายางที่ร่วงลงอย่างน่าใจหาย พืชผลการเกษตร ที่ราคาตกต่ำนั้น แทบจะไม่เห็นอนาคต เห็นแต่หนี้ ผมแค่อยากจะบอกว่า ผู้นำประเทศต้องปรับตัว ปรับทัศนวิสัยให้เข้ากับ ช่วงเวลา ปัญหาระยะสั้นแก้ได้ต้องแก้ก่อน อย่าได้นำการแก้ปัญหาระยะยาว มาชู มันจะไม่ได้อะไร จากคุณ : bongvoyard เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:03:37 A:58.9.131.202 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ลองอ่านบทความนี้ดูครับ "รวมข้อเขียนเรื่อง ความจริงคือ...การปลดหนี้ IMF ไม่ใช่ผลงานคุณทักษิณ" http://www.oknation.net/blog/benz/2007/08/01/entry-1 จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:06:06 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 19 เอาแต่ละลิ้งมาให้อ่าน น่าเชื่อถือ จริงๆ จากคุณ : ผู้ได้รับบาดเจ็บ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:09:45 A:124.120.176.80 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ตกลงที่ทักษิณทำมา ให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นหนี้ IMFก่อนกำหนดแล้วยังมีเงินคงคลังเหลือแล้วยังเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กลับถูกให้มีคดีเพียบผมว่าเป็นแค่การกล่าวหาให้ร้ายทักษิณมากกว่าเพื่อเป็นข้ออ้างมีเหตุมีผลในการปฎิวัติ แล้วคมช.เอาความดีความชอบไป ลิงค์ที่คุณ tartawise เอามาเช่น okanation มันเอียงสุดขั้วเลยครับ จากคุณ : Dusty เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:10:58 A:114.128.163.19 X:

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ : tarthewise ถามย้อนง่ายๆครับ -ใครเป็นคนตัดสินใจใช้คืนเงินกู้ ก้อนสุดท้าย ก่อนกำหนด 2ปี -ใคร คัดค้านเพราะไม่เห็นด้วย  ที่จะใช้เงินคืนก่อนกำหนด ใช่ฝ่ายค้านหรือไม่ -การใช้เงินกู้ ไอเอ็มเอฟ คืนเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลใด จากคุณ : JohnHenry เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:17:09 A:114.128.88.93 X:

ความคิดเห็นที่ 22 จิ๋วทำพัง  จิ๋วไปขอกู้ ชวนเริ่มคืนก้อนแรก ทักษิณคืนที่เหลือทั้งหมด แถมคืน ล่วงหน้าสองปี ปล. แต่ค้างตัวอื่นที่ดอกเบี้ยแพงกว่า .... จากคุณ : twenty-four เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:18:06 A:125.25.147.251 X:

ความคิดเห็นที่ 23 วิกฤตค่าเงิน หรือ ต้มยำกุ้ง ในปี 2540 ที่เป็นต้นเรื่องของ หนี้ IMF เอาแบบสั้นๆ เริ่มต้นวิกฤตจาก การโจมตีค่าเงินบาทจากบรรดา เฮดฟัน ธนาคารประเทศไทยพยายามเข้าแทรกแซง แต่ไม่สำเร็จ ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศหมดไป เกิดในรัฐบาล บิ๊กจิ๋ว ทำให้มีการประกาศลอยตัว ค่าเงินบาท รัฐบาลชวน 2 กู้ IMF มาแก้วิกฤต แต่ถ้าอยากรู้ว่า ประเทศไทยเจ๊ง ตอนปี 2540 เพราะอะไร ก่อนอื่นต้องกลับไปถามก่อนว่า อยู่ดีๆทำไม เฮดฟัน ถึงมาถล่มค่าเงินบาทได้ ทั้งๆที่ แต่เดิมประัเทศไทยมีการจำกัดปริมาณเงินเข้าออกไว้ แล้วทำไมเฮดฟัน ถึงมาถล่มไทยได้ คำตอบอยู่ที่ BIBF หรือ การเปิดเสรีทางการเงิน ในสมัย ชวน 1 โดย รตม.ธารินทร์ คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มแล้วนะครับ เพราะคำว่า เสรี ก็แปลว่า เสรีจริงๆ โดยไม่มีมาตราการสำรองใดๆรองรับ พอมีคนมาโจมตี ก็เลยรับไม่ทัน เจ๊งครับ จากคุณ : คนเรื่องมาก เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:19:32 A:124.122.187.166 X:

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ  tarthewise  อย่ามาแถเลยครับ ของมันเห็นๆ เปรียบเทียบกันได้ชัดๆ สมัยทักษิน เอาเงิน 1 ล้านบาท ไปตั้งเป็นกองทุนหมู่บ้าน ตอนนี้เงินก็ยังอยู่และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หมู่บ้านผม มีเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ล้านแล้ว รัฐบาลมาร์ค กับ ชวนก็คงคิดแบบเดียวกัน แจกเงิน แจกของ ใช้แล้วก็หมดไป เหมือนกับที่พวกมันกำลังทำอยู่ตอนนี้ ผมถึงบอกคิด โครงการง่ายๆ มันทำ  โครงการยากๆ มันไม่ทำหรอก แจกเงิน 2000 บาท ท่าน  tarthewise บอกหมุน 2 รอบ แต่กองทุนหมู่บ้าน หมุนทุกวัน ตอนนี้เป็นพันรอบแล้วมั้ง แทนที่จะแจกเงิน ทำเป็นกองทุนให้กู้เงินด่วนระยะสั้นปลอดดอกเบี้ย มันหมุนได้ไม่มีวันหมด  โครงการที่ต้องบริหาร จัดการยากๆ รัฐบาลนี้มันไม่หวังจะทำหรอก จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:20:53 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 6   [ถูกใจ]  [แจ้งลบ]   คุณ : papafun  ช่วง2-3ปีที่ผ่านมา จะมีบทความหรือเมล์ บทความว่า แม้วไม่ได้เป็นคนใช้หนี้ IMF... เรื่องแบบนี้  มันเห็นๆครับ บ่ายเบี่ยงหรือบิดเบือนกันยาก 1.แม้วเป็นคนใช้หนี้งวดสุดท้าย 6หมื่นล้านบาท 2.ใช้หนี้ก่อนกำหนด 2ปี 3.ลดภาระดอกเบี้ย 5000ล้านบาท 4.ฝ่ายค้านในขณะนั้น ไม่เห็นด้วย 5.รัฐบาลไม่ต้องขึ้น vat  จาก  7 เป็น 10 ตามเงื่อนไข 6.บางคนบอกว่าเงินใ้ช้หนี้ ชวนหาไว้ แต่อย่าลืมว่า แม้วเข้ามาบริหาร ประมาณ 3ปี จึงใช้หนี้ก่อนนี้.. ของแบบนี้ มันวัดกันที่ "การตัดสินใจ"ครับ เป็น นายกฯชวนจะตัดสินใจอย่างไร เป็น หนูมาร์คจะตัดสินใจอย่างไร จะใช้หนี้หมดก่อนดีหรือไม่ หรือว่าค่อยๆผ่อนไป มันวัดกันตรงนี้ครับ จากคุณ : JohnHenry เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 14:23:07 A:114.128.88.93 X ------------------------------------------------------------- ผมไม่อยากยกอะไรยาวๆมาอธิบาย เอาแค่จากที่คุณพูดไว้ละกันครับ จากที่คุณพูดแปลได้ว่าว่าทักษิณเอาเงินที่มีอยู่ไปจ่าย แล้วคุณยังบอกต่อท้ายอีกว่าของแบบนี้มันวัดกันกี่ "การตัดสินใจ" ผมก็ไม่ได้เถียงอะไรเพราะมันเลือกได้ว่าจะเป็นหนี้ต่อ เพื่อเอาเงินมาหมุนทำอะไรได้มากมายก่อน หรือจะใช้ไปก่อนเพื่อให้จ่ายดอกน้อยลง มันเป็นแค่ทางเลือกครับ ไม่ได้ใช้ความเก่งอะไรเลย จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:25:41 A:58.8.16.227 X:

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยกับคุณ webkit คห.24 ครับ ลงทุนอะไรที่เป็นระยะยาวดีกว่าแน่นอน แต่ต้องมองด้วยนะครับว่าอันไหนเห็นผลเร็วกว่า เครื่องมือมีหลายอย่างมันขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ด้วยครับ จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:27:01 A:58.8.16.227 X:

ความคิดเห็นที่ 27 ...บทความใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 13 มีนาคม 2552 ...อธิบายได้ชัดเจนครับ ว่าเหตุใด ทักษิณ ถึงใช้หนี้ IMF ได้ก่อนกำหนด จากคุณ : sungod เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:30:44 A:125.24.199.143 X:

ความคิดเห็นที่ 28 ...อีกบทความหนึ่ง ที่ตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้หนี้ IMF ของ ทักษิณ ได้น่าสนใจ ครัีบ จากคุณ : sungod เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:32:19 A:125.24.199.143 X:

ความคิดเห็นที่ 29 จะให้บอกอีกกี่ครั้งเนี่ย... ไอ้ทุนสำรองที่เพิ่มขึ้นมามหาศาลในสมัยรัฐบาลสุรยุทธนั่นน่ะ มันเกิดมาจากการนโยบายตุนดอลลาร์เพื่อแทรกแซงค่าเงินของ ธปท. โดยมาจากมันสมองของ อัจฉริยะ 2 คน คือ หม่อมอุ๋ย และ คุณธาริษา ที่นักเล่นหุ้นคงรู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของทั้งสองดีนักแล ทุนสำรองที่เพิ่มขึ้นมาในสมัยทักษิณ เกิดจาก ซื้อมา - ขายไป ขายมากกว่าซื้อ ทุนสำรองก็เพิ่ม ส่วนทุนสำรองสมัยสุรยุทธ ให้ซื้อดอลล์มาเก็บในทุนสำรองตรงๆเลย ซื้อมาซื้อไปทุนสำรองล้น ประเทศขาดทุนค่าเงินเป็นแสนล้าน ทำแบบไหนใช้ฝีมือมากกว่ากัน ??? ทำแบบไหนให้ ด.ช. หม่อง มาทำก็ยังได้ ??? ผมบอกได้เลยว่า... ใครเชื่อ ไอ้เปลวสีเงิน เรื่องทุนสำรองเพิ่มมาสมัยสุรยุทธ แปลว่า สุรยุทธ บริหารดี ก็โง่เต็มทีล่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 19:58:28 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:33:01 A:124.122.66.242 X:

ความคิดเห็นที่ 30 คำพูด แม้ว ออกทีวีรวมการเฉพาะกิจ กับบทความจับแพะชนแกะนั่งเทียนเขียนของใครก็ไม่รู้ อันไหนน่าเชื่อถือกว่ากัน ??? ----------------------------------------------------------- วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ทำให้ไทยต้องกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) พร้อมกับยอมรับเงื่อนไขที่เข้มงวด ซึ่งเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดและไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพนั้นอีก ปัจจุบันเศรษฐกิจดีขึ้นโดยลำดับ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม รัฐบาลนี้ได้ประกาศชำระหนี้ก้อนสุดท้ายกว่า 6 หมื่นล้านบาท ทำให้ไทยพ้นจากพันธกรณีกับไอเอ็มเอฟ สามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเป็นของตนเอง หมายเหตุ - เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ สถานะการเงิน-การคลังของประเทศไทย รวมทั้งการชำระหนี้งวดสุดท้ายให้กับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งสามารถชำระก่อนครบกำหนด 2 ปี มีรายละเอียดดังนี้ วันนี้เป็นวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ชำระหนี้ก้อนสุดท้าย เมื่อเย็นวันนี้ ได้ชำระก้อนสุดท้ายคืนไอเอ็มเอฟจำนวน 6 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งได้กู้ยืมมาในช่วงเกิดวิกฤตเมื่อปี 2540 โดยไอเอ็มเอฟอนุมัติวงเงินให้ไทย 14,500 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เบิกมาใช้จริงเพียง 12,296 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.1 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลชุดที่แล้ว(รัฐบาลนายชวน หลีกภัย) ได้ชำระไป 1 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลนี้ได้ชำระครบทั้ง 5 แสนล้านบาท ทำให้ไทยพ้นจากพันธกรณีกับไอเอ็มเอฟ ประเทศไทยเคยเข้าโปรแกรมของไอเอ็มเอฟมาแล้วหลายครั้ง คือ เมื่อปี 2524, 2525, 2528 ทั้ง 3 สัญญาเป็นเงิน 982 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช้หมดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2533 แต่หลังจากนั้น 7 ปี เกิดวิกฤตอีกครั้ง เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ถ้าวิเคราะห์แล้ว วิกฤตที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลใดหรือคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการสะสม ที่เราไม่ได้ติดตามสถานการณ์ ไม่ได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ได้ใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด ไม่ได้รับรู้ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดอีก ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ที่ต้องเข้าโปรแกรมของไอเอ็มเอฟ รัฐบาลนี้พยายามแก้ไขปัญหาหลายๆ อย่าง เพื่อให้เกิดความมั่นคง ดูทิศทางทุกอย่างไม่ให้เกิดปัญหาอีก เชื่อว่า ในปี 2540 จนถึงวันนี้ ยังมีหลายคนยังไม่หายเจ็บปวด บาดเจ็บอยู่ เป็นบทเรียนของหลายคนในประเทศ ต้องร่วมคิดร่วมกันแก้ปัญหา ประเทศต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เป็นเหยื่อของการแข่งขันทุนนิยมที่เราไม่รู้เท่านั้น รัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อวางกติกา วางระบบ และพัฒนาทุกๆ อย่าง เพื่อให้เรารู้เท่าทันได้อย่างทันท่วงที วันนี้ ทำไมเรากล้าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ก่อนครบกำหนดเวลาล่วงหน้าถึง 2 ปี ก็เพราะเราสามารถปรับพลิกสถานการณ์ได้แล้ว และมีเงินทุนเพียงพอ ไม่ต้องเก็บหนี้ไว้ การใช้หนี้ครั้งนี้ทำให้ประหยัดดอกเบี้ยถึง 5 พันล้านบาท และยังสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยมากขึ้น ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจหลายสาขา ภาคเกษตร รายได้เกษตรกรจากพืชผลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อปลายรัฐบาลที่แล้ว รายได้ติดลบ 3.4% ปี 2544 เพิ่มขึ้น 8.1% ปี 2545 เพิ่ม 11.7% ในปี 2546 เพิ่มขึ้น 25% ในภาคอุตสาหกรรม ปี 2544 ติดลบ ในปี 2545 เพิ่มขึ้นมา 59.5% ครึ่งปีแรกของปี 2546 เพิ่มขึ้นถึง 66.6% ตัวเลขมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่อัตราการว่างงานปี 2546 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกดีขึ้นมาก ปี 2544 ติดลบ 1.7% เพราะเหตุการณ์ 11 กันยายน ในสหรัฐอเมริกา ส่วนปี 2545 สามารถเติบโตได้ 5.7% ปีนี้เพียงครึ่งปีแรก โตได้ถึง 19% ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ปี 2543 มีกำไร 4.15 หมื่นล้านบาท ปี 2544 มีกำไร 1.12 แสนล้านบาท ปี 2545 มีกำไร 1.7 แสนล้าน และปี 2546 ไม่น่าจะน้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ส่วนรายได้ภาครัฐบาล รายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้รวมเพียง 9 เดือนแรกของปี 2546 มีถึง 9 แสนกว่าล้าน พอๆ กับปี 2543 ทั้งปี ส่วนดุลงบประมาณ การขาดดุลกำลังจะสิ้นสุดลง ในปี 2543 ประเทศไทยขาดดุล 1.2 แสนล้าน ปี 2544 ขาดดุล 1.1 แสนล้าน ปี 2545 ขาดดุล 1.26 แสนล้าน แต่ในปี 2546 เพียงแค่ 9 เดือนแรก ก็เกินดุลแล้ว 1.46 หมื่นล้าน สถานการณ์ด้านงบประมาณดีขึ้นมาก ส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศ ปี 2543 มี 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2544 เพิ่มเป็น 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2545 เพิ่มเป็น 38,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2546 เมื่อชำระหนี้ไอเอ็มเอฟหมดแล้ว จะมีทุนสำรอง 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าไทยมีสถานะการเงินแข็งแกร่งมาก รัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งว่า ประเทศไทยวันนี้ ผมอยากจะบอกให้พี่น้องประชาชนให้มีความมั่นใจ และภูมิใจในความเป็นคนไทย ว่าวันนี้เราไม่มีพันธะใดๆ สิ่งที่จะทำต่อไปก็คือว่า จะต้องทำประเทศให้เข้มแข็ง ปี 2545 ผมตั้งเป้าเศรษฐกิจ 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่มีใครเชื่อ ตอนนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาตั้งว่าจะโตแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ต่างกันถึง 150 เปอร์เซ็นต์ แต่ในที่สุดรัฐบาลก็ทำได้คือโต 5.2 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2546 ผมตั้งเป้า 6 เปอร์เซ็นต์ แม้จะประสบปัญหาโรคซาร์ส แต่มั่นใจว่าไม่เกินความสามารถ เชื่อว่าจะทำได้ใกล้เคียงคือเกิน 5.5 เปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะข้าราชการและเอกชน ประชาชนมีกำลังใจ และไม่ใช่วิสัยของรัฐบาลนี้ที่จะงอมืองอเท้า เราต้องกำหนดชีวิตเราเอง ตั้งใจว่าปีหน้าจะทำให้ดีกว่านี้อีก คนไทยต้องมีงานทำ ต้องกระจายความเจริญไปสู่รากหญ้า ให้ความเจริญกระจายไปอย่างทั่วถึง ต้องปรับเศรษฐกิจให้ได้ จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:38:10 A:124.122.66.242 X:

ความคิดเห็นที่ 31 ....#16 ลองยกตัวอย่าง "แนวโน้มความล่มสลายของชุมชนชนบท"     มาให้ดูหน่อยปะไรว่าเป็นยังไง   กองทุนหมู่บ้านคุณเคยได้ไปนั่งคุยกับชาวบ้านจริง ๆ หรือเปล่า   และได้ไปเห็นการบริหารจัดการจริง ๆ หรือเปล่า ??    ยังไงก็คงไม่เหมือนงบ มิยาซาวา สมัยนายชวนแน่เรียกว่าสูญเปล่า    พอมาสมัยนายอภิสิทธิ์ประเดิมแจก 2000 ทำแบบนี้มันยั่งยืนตรงไหน จากคุณ : จูต้า เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:38:33 A:10.172.54.232 X:203.146.128.138

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องอื่นๆมีคุณ papafun, คุณ tarthewiseฒ คุณ sungod มาอธิบายไว้แล้ว ผมขอย้ำอีกทีว่าจขกท.เข้าใจผิดครับ รัฐบาลที่ก่อหนี้กับไอเอมเอฟ คือรัฐบาล พล.อ.ชวลิตครับ (มีทักษิณ เป็นรองนายกฯ) เงินกู้งวดแรกเข้ามาในสมัย พล.อ.ชวลิตครับ รัฐบาลชวนเสียอีก ในเวลาสามปีต่อมา กู้เงินไม่ครบวงเงินที่พล.อ.ชวลิต ทำเรื่องขอไว้ แถมยังเริ่ม ทยอยจ่ายเงินกู้คืนให้ไอเอ็มเอฟตั้งแต่ ปี 2543 กังนั้นต่อให้ทักษิณไม่เข้ามา รัฐบาลที่มาต่อจากรับบาลชวน ก็จะสามารถคืนหนี้ให้ไอเอมเอฟได้แน่นอน เพราะขนาด ปลายรัฐบาลชวน ไทยยังงดการกู้เงินจากไอเอมไอฟเลย ทั้งที่มีวงเงินหลือให้กู้ได้ ก็ไม่กู้แล้ว แถมยังเริ่มคืนเงินให้กับ ไอเอมเอฟด้วย (รัฐบาลที่เริ่มการคืนให้ไอเอมเอฟ คือรัฐบาลชวนครับ และรัฐบาลที่เซ็นสัญญากู้เงินจากไอเอมเอฟ คือรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ที่มีทักษิณ เป็นรองนายกฯ ไม่ใช่รัฐบาลชวนนะครับ) จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 15:55:39 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 33 ขอเสริมอีกนิด เมื่อกี้เว็บเข้าไม่ได้พอดี รัฐบาลนี้ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คือใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบ 2 แนวทาง คืออาศัยทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศและการส่งออก จากเดิมที่เราพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก รัฐบาลนี้ได้กระจายเศรษฐกิจไปยังรากหญ้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่มีกำลังใจ ไม่สู้ แต่รัฐบาลมีทิศทางที่จะทำให้ท่านสู้ และสิ่งนี้จะเกิดไม่ได้ ถ้าราชการไม่ทุ่มเท 2 ปีครึ่งของรัฐบาลชุดนี้ ข้าราชการเหนื่อยกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ทุกคนทุ่มเท และทำให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว การใช้หนี้วันนี้ทำให้ประเทศหมดพันธกรณีหลายๆ อย่าง เราไม่ต้องขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ต้องทำตามคำสั่งของไอเอ็มเอฟ เราสามารถที่จะเลือกยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะดำรงภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 7 เปอร์เซ็นต์ ไม่ขึ้นเป็น 10 เปอร์เซ็นต์อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ การพ้นจากไอเอ็มเอฟ ทำให้รัฐบาลสามารถจะแก้ไขกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ 11 ฉบับ (ซึ่งออกในสมัยนายชวน หลีกภัย) ที่หลายฝ่ายห่วงใยกัน อยากให้มีการแก้ไข ซึ่งรัฐบาลได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุย และสรุปว่าจะแก้ไขกฎหมายบางฉบับ คือ 1.กฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งตามข้อกำหนดของไอเอ็มเอฟต้องขายมาใช้หนี้ แต่เราจะกระจายหุ้นในตลาด เพื่อขยายตลาดอย่างมืออาชีพ และตรวจสอบด้วยระบบจะเข้มแข็ง ทำให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ขายมาใช้หนี้ เพราะไม่จำเป็น จึงจะมีการออก กม.ปรับปรุงพัฒนารัฐวิสาหกิจ เพื่อปรับปรุงองค์กร 2.กฎหมายล้มละลาย ให้มีความเป็นธรรมลูกหนี้และเจ้าหนี้ 3.กฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าว รักษาผลประโยชน์ประชาชน พันธสัญญาต่างตอบแทน 4.กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 5.กฎหมายอาคารชุด 6.กฎหมายประกันสังคม ซึ่งจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ต่อไปนี้รัฐบาลมีภารกิจทำต่อ เพื่อให้ตัวเลขเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ต่อไป ที่ผ่านมาขาดดุลและหนี้มาก แต่ปัจจุบันหนี้ลดลงและปรับเป็นบวก เพราะส่งเสริมเศรษฐกิจรากหญ้า ไม่ส่งเสริมการนำเข้า เพื่อมาแทรกแซงการส่งออก รัฐบาลท่องคาถา "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส" เราจะเดินหน้าต่อไปในเรื่องการแปลงทรัพย์สินเป็นทุน เพื่อให้ดินที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์มาเป็นทุนได้ เพื่อนำมาต่อยอดให้กองทุนหมู่บ้านที่ดี กลายเป็นธนาคารประจำหมู่บ้าน ใช้ระบบเทคโนโลยีมาบริหารจัดการ ใช้ผู้ว่าฯซีอีโอมาพัฒนาประเทศ เร่งปฏิรูปการศึกษาในทุกๆ ด้าน พร้อมเร่งปราบปรามยาเสพติด ใช้ความเด็ดขาดอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้ผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย หยุดการกระทำที่ผิดกฎหมาย ให้ธุรกิจใต้ดินถูกจัดการเสียภาษีให้อย่างถูกต้อง ไม่มีระบบมาเฟีย วันนี้ เป็นอีกวาระหนึ่ง ซึ่งผมเพิ่งลงนามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้ การชัก ธงชาติ เพื่อให้ประเทศไทย สามารถที่จะชูธงชาติได้สะดวกขึ้น ไม่มีข้อกฎหมายอะไรห้ามไว้ ผมเห็นนานาประเทศใช้ธงชาติอย่างชัดเจน ผมขอถือโอกาสนี้ ใช้พันธกรณีที่ปลดหนี้จากไอเอ็มเอฟได้ ให้ช่วยกันชักธงชาติให้เป็นหนึ่ง เหมือนประเทศทุนนิยมที่ประสบผลสำเร็จ ที่จะมีเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก โดยใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ของผลประโยชน์แห่งชาติ จึงอยากให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศชักธงชาติ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราได้หมดหนี้จากไอเอ็มเอฟแล้ว โดยทุกส่วนราชการได้สั่งให้ปักธงไว้แล้ว ส่วนสินค้าที่เหมาะสม ก็สามารถใช้ธงชาติเป็นสัญลักษณ์ได้ ขอให้ชูธงเพื่อชูชาติ วันนี้ อยากจะบอกว่า รัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ และเพิ่มบทบาทในระดับนานาชาติ เพื่อให้คนไทยมีงานทำ และในสิ้นปีนี้ เราจะมีทุนสำรองที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ วันนี้ถือโอกาสขอบคุณมิตรประเทศ ที่ให้ไทยได้กู้ยืมเงินในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า เพื่อนยามยาก โดยญี่ปุ่นให้เรากู้เท่ากับไอเอ็มเอฟ ธนาคารกลางของจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ออสเตรเลีย และแคนาดา รวมถึงอินโดนีเซียที่เอ่ยปาก ให้ไทยกู้เงินจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ทุกวันนี้ ไอเอ็มเอฟไม่ได้ผิดอะไรกับเรา การให้ยารักษาเราในช่วงปี 2524-2525 เป็นการให้ยาที่ถูกต้องถูกสมัย เพราะช่วงนั้น เรามีคนไทยไปร่วมทำงานกับไอเอ็มเอฟด้วย เขายินดีรับฟังคนของเรา แต่งวดนี้ ยาของไอเอ็มเอฟผิด ทำให้เราต้องเสียหายมากกว่าที่ควรจะเป็น แต่ขณะนี้ ความเสียหายในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน เป็นวงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ที่ได้ตกลงกันแล้วว่า จะจัดการหนี้เหล่านี้ให้เรียบร้อย โดยจะไม่มีผลกระทบต่องบประมาณของประเทศไทย ทีแรกธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงเจตจำนง จะนำรายได้ของธนาคารแห่งประเทศไทยไปใช้หนี้ โดยกำหนดว่าจะใช้เวลาประมาณ 29 ปี แต่วันนี้แนวโน้มเหล่านี้ หนี้ที่เกิดจากการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน คาดว่าจะสามารถชำระหนี้คืนได้หมด โดยเร็ว เพราะหนี้เหล่านี้เป็นหนี้เงินบาท ไม่มีปัญหา เหมือนเงินสกุลต่างประเทศ แต่วันนี้หนี้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ เราใช้หนี้หมดแล้ว วันนี้เราต้องมีกำลังใจ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำธุรกิจ ครอบครัว และกิจวัตรอย่างดีที่สุด ด้วยความทุ่มเท และประเทศไทยเราจะเข้มแข็ง ไม่มีวันที่จะกลับไปสู่ไอเอ็มเอฟอีก หากผมยังอยู่ ผมจะวางระบบและจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อให้คนที่มารับงานต่อจากผม มาทำงานอย่างเป็นระบบ โดยจะได้ไม่ต้องพาคนไทยเข้าไอเอ็มเอฟอีก ขอแสดงความยินดีและดีใจกับประชาชนคนไทย สำหรับชัยชนะที่เราได้ร่วมกันพิชิตในวันนี้ (หน้า 2 มติชน ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 2546) --------------------------------------------------- ความหลังครั้งหนึ่ง ที่คนไทยหลายๆ คนลืมเลือนไปแล้ว ลืมเลือนขนาดเชื่อการบิดเบือน เรื่องชวนใช้หนี้ IMF จวนจะหมด ทักษิณมาใช้ต่อไม่กี่งวด ยุคนี้ไม่ใช่ยุคใบลานอีกแล้ว แต่ก็มีคนพยายามมาสร้างข่าวบิดเบือน หลอกลวงผู้คนเพื่อทำลายล้างกันไปวันๆ วันที่ 31 ก.ค. 46 วันนั้นคนไทยแทบทั้งแผ่นดิน อาจรู้สึกภาคภูมิใจเหมือนกับผม อย่างน้อยการได้เป็นไทอีกครั้ง ไม่ต้องทำตามข้อตกลงผูกมัดกับ IMF ที่แต่ละเรื่องล้วนกำลังทำให้ประเทศไทยล่มจม ก็เป็นเรื่องที่ภูมใจได้แล้ว ใครจะลืมก็ลืมไป แต่ผมไม่ลืม อย่างน้อยชายคนนี้ ก็มีความดีที่เคยให้ไว้กับแผ่นดินนี้ วันที่เขาเ็ป็นนายก คนไทยสามารถยืนยืดอกไปทั่วโลก ได้อย่างสง่าผ่าเผย และภาคภูมิใจในสายตาที่ชาวโลกมองมา เมื่อรู้ว่าคุณเป็นคนไทย ซึ่งผิดกับวันนี้โดยสิ้นเชิง แต่คนไทยลืมง่าย คนที่เคยทำให้ประเทศเกือบล่มจม กับไปหลงว่าเขาจะมาช่วยแก้ปัญหาได้ งวดนั้นก็ทำตามที่ IMF บอกทุกอย่าง สุดท้ายเกือบเสร็จ IMF ขนาด IMF ยังชมว่าไทยมาถูกทางแล้ว วันนี้มีคนชมทำนองเดียวกันอีกแล้ว คือแบงค์โลก ซึ่งไทยก็กำลังไปถูกทางที่แบงค์โลกบอก คือทางไปกู้แบงค์โลกอีกไม่ช้าไม่นานนี่แหละ โดย มาหาอะไร จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:03:28 A:124.120.21.167 X:

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็น เงินที่ใช้คืน IMF เอามาจากไหน ? จำนวนเงินที่ รัฐบาล ทรท. ใช้คืนมีจำนวนเท่าไหร่ ? ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ แม้ว เคยพูดออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจมาแล้วทั้งนั้นครับ... ถ้าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องโกหกดังที่บทความนั่งเทียนที่ออกมาที่หลังกล่าวหา เช่น แม้ว ไปกู้ ADB มา refinance เงินกู้ IMF หรือ ความจริงแล้ว รบ. แม้ว ใช้หนี้ IMF ไปจิ๊ดเดียว ชวน ใช้เยอะกว่า แล้ว แม้ว เอาเครดิตไป ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ รับรองครับว่า แม้ว ในตอนนั้น " เละ " ( และยิ่งเป็นการออกรายการพิเศษในโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจด้วย ) เพราะฉะนั้นอย่าพยายามบิดเบือน เรื่องที่มันง่ายๆโง่ๆ และเขาอธิบายไปแล้วหลายครั้งเช่นนี้เลยครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:27:19 A:124.120.21.167 X:

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 9     คุณเปื้อนฝุ่น จขกท คงไม่รู้พอในเรื่องนี้ ยังมีคนโง่จำนวนมากที่คิดว่าการก่อหนี้สาธารณะเป็นสิ่งที่ผิด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีความผิดที่กู้เงินแล้วยังไม่ได้เป็นผู้ชำระหนี้คืน IMF คุณทักษิณเป็น Hero มาใช้หนี้ IMF แทนคนไทยทุกคน ความจริงคือ รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นผู้เบิกจ่ายเงินกู้ IMF เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ใช้หนี้+ดอกเบี้ยเงินกู้ IMF ในส่วนที่ได้เบิกจ่ายไปแล้วแก่ IMF ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่หนี้เงินกู้ IMF ในส่วนที่เหลือจากการเบิกจ่ายและไม่ต้องเบิกจ่ายแล้วเพราะเศรษฐกิจฟื้นแล้วที่รัฐบาลทักษิณชำระคืน IMF เพียงแต่โยกเงินมาชะระหนี้ก่อนกำหนดเพื่อสร้างภาพให้ตัวเอง --เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นเหมือนกัน ------------------------------------------------- ความเห็นของคุณ tarthewise ใน rep 9 ก็เป็นอีกอย่างของการบิดเบือน ลองไปอ่านดูดีๆว่า ทักษิณ ใช้หนี้ไปเท่าไหร่ ? ชวน ใช้ไปเท่าไหร่กันแน่ ? และ... หนี้ IMF กู้มาเพื่อทำอะไรครับ ? ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่คุณว่าแน่ๆ จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:31:22 A:124.120.21.167 X:

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 35   [ถูกใจ]  [แจ้งลบ]   ความคิดเห็นที่ 9     คุณเปื้อนฝุ่น จขกท คงไม่รู้พอในเรื่องนี้ ยัง มีคนโง่จำนวนมากที่คิดว่าการก่อหนี้สาธารณะเป็นสิ่งที่ผิด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีความผิดที่กู้เงินแล้วยังไม่ได้เป็นผู้ชำระหนี้คืน IMF คุณทักษิณเป็น Hero มาใช้หนี้ IMF แทนคนไทยทุกคน ความจริงคือ รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว รัฐบาล ประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นผู้เบิกจ่ายเงินกู้ IMF เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ใช้หนี้+ดอกเบี้ยเงินกู้ IMF ในส่วนที่ได้เบิกจ่ายไปแล้วแก่ IMF ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่หนี้เงินกู้ IMF ในส่วนที่เหลือจากการเบิกจ่ายและไม่ต้องเบิกจ่ายแล้วเพราะเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ที่รัฐบาลทักษิณชำระคืน IMF เพียงแต่โยกเงินมาชะระหนี้ก่อนกำหนดเพื่อสร้างภาพให้ตัวเอง --เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นเหมือนกัน ------------------------------------------------- ความเห็นของคุณ tarthewise ใน rep 9 ก็เป็นอีกอย่างของการบิดเบือน ลองไปอ่านดูดีๆว่า ทักษิณ ใช้หนี้ไปเท่าไหร่ ? ชวน ใช้ไปเท่าไหร่กันแน่ ? และ... หนี้ IMF กู้มาเพื่อทำอะไรครับ ? ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่คุณว่าแน่ๆ จากคุณ : SaVor [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:31:22 A:124.120.21.167 X --------------------------------------------------------- หาเงินมาใช้หนี้กับโยกเงินมาใช้หนี้มันต่างกันนะครับ จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:47:06 A:58.8.16.227 X:

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ webkit ครับ ลองอ่านพิจารณาด้วยโยนิโสมนสิการเสียก่อนที่จะมาว่าผมครับ ผมสิควรคิดคุณเว็บคิตทั้งในการโพสต์และในการที่ว่าผม แต่ในระดับที่คุณโพสต์นี้ผมคิดว่าคุณโพสต์ด้วยความรู้ที่ต่างไปจากผมก็เท่านั้นเอง ผมเคยสัมผัสกับผู้คิดนโยบายต่างๆ เหล่านั้นมาครับ (น.พ. สงวน นิตยารัมภ์พงค์, อาจารย์กลุ่มเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ) รวมถึงได้มีโอกาสลงไปสัมผัสชุมชนบางชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา ตราด นครศรีธรรมราช ระนอง และลำพูน รวมกันแล้วเป็นปีๆ เพื่อเปรียบเทียบชุมชนและองค์กรชุมชน(ซึ่งเป็นนวัตกรรมของกระบวนทัศน์ใหม่ในการพัฒนาชนบท) โดยเฉพาะองค์กรการเงินชุมชนมาเป็นปีๆ ขอย้ำว่าคุณทักษิณไม่ได้คิดนโยบาย คุณทักษิณรับเอาของเขามาทำ และทำอย่างบิดเบือนหลักการ ให้ความสำคัญกับประโยชน์ของตัวเองมากกว่าประโยชน์ที่ยั่งยืนของชุมชน และละเลยผลกระทบด้านเสียที่จะเกิดแก่ชุมชน ขอย้ำอีกครั้งว่า คุณทักษิณไม่จริงใจ ง่าย ฉาบฉวย ไม่อดทน ไม่ยั่งยืน และคุณทักษิณเป็นนักธนกิจการเมืองและมีกระบวนทัศน์แบบวิทยาศาสตร์เพื่อความมั่งคั่งมีความคิดแบบลดทอนแยกส่วนซึ่งเป็นกระบวนทัศน์การพัฒนาที่เราใช้มาตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ทศวรรษการพัฒนา ซึ่งผลเป็นอย่างไรเราก็ทราบกันอยู่ ยังดีอยู่ที่ยังคงมีคน/สังคมที่ไม่ยอมตามกระบวนทัศน์กระแสหลักนั้น โดยยังคงใช้กระบวนทัศน์ความมั่นคงเชิงระบบความสัมพันธ์ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์ที่มีอยู่ตลอดก่อนยุคการพัฒนาในการพัฒนา ขอถามว่า "ที่ทักษิณทำยากตรงไหนครับ" กองทุนหมู่บ้านคุณเกือบ 10 ปีแล้ว การพัฒนาในเชิงปริมาณ--มีการเพิ่มในเชิงปริมาณ 2 เท่าเองหรือครับ เทียบไม่ได้กับกลุ่มการเงินที่เกิดจากชาวบ้านเองชาวบ้านสะสมเงินกันเองเดือนละ 10 บาท 20 บาท บริหารงานกันเองโดยใช้ต้นทุนของชุมชน เช่น กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนาคุณธรรมครบวงจรชีวิตเลยครับ ในเชิงคุณภาพ-- คุณจะเห็นความต่างระหว่างกองทุนหมู่บ้านกับองค์กรการเงินชุมชน องค์กรการเงินของชุมชนโดยชุมชนมีเป้าหมายและวิธีการที่แยบคายกว่ากันเยอะครับ มีการพัฒนาในมิติอื่นๆ นอกจากมิติทางเศรษฐกิจซึ่งกองทุนหมู่บ้านไม่มีและกลับทำลายสิ่งเหล่านั้นในหลายๆ ชุมชน กระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด  พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ การปฏิรูปการศึกษา (พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ) คุณอธิบายนโยบายเหล่านี้สิครับว่ามันไม่ยากในความคิดคุณอย่างไร?? เพิ่มตัวคูณทางเศรษฐกิจโดยการแจกคูปองในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจดูง่ายแต่มันได้ผลนะครับ นี่คือตัวคูณในระดับมหภาคนะครับ ไม่ใช่เงินหมุนเวียน ทักษิณง่ายทั้งนั้นครับ ปราบยาเสพติด นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ง่ายและคิดน้อยครับ ผมไม่ชอบอะไรง่ายๆ  จึงไม่ชอบทักษิณซึ่งเป็นคนง่ายครับ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:47:07 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 38 ผมสงสัยว่าทำไมเรื่องเข้าใจง่ายๆถึงได้เข้าใจยากจัง ถ้าเรื่องไหนกำกวมจะเถียงกันยาวๆนี่ผมเฉยๆเลยนะ แต่เรื่องนี้น่าจะกระ่จ่างแล้วนะครับ จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:48:46 A:58.8.16.227 X:

ความคิดเห็นที่ 39 ผมไม่ได้บิดเบือนเลยครับ ทักษิณนั่นล่ะพูดบิดเบือน จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:49:53 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 40 ทักษิณตอนเป็นนายกนี่เป็นคนที่เก่งนะครับ เก่งในหลายด้าน หลายๆนโยบายที่ดีต่อประเทศก็เกิดขึ้นในยุกของทักษิณ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างมาก แต่อีกเรื่องของทักษิณที่เก่งคือการพรีเซนต์ตัวเองครับ ถ้าพูดให้แย่ๆหน่อยก็คือสร้างภาพ (คล้ายๆกับที่ ปชป.สมัยนี้โดนด่า) เรื่องคืนเงิน imf ได้ก่อนก็เป็นอีกเรื่องที่แสดงความสามารถในการนำเสนอผลงานให้ตัวเองของทักษิณ จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:56:50 A:58.8.16.227 X:

ความคิดเห็นที่ 41 ครม. ชุดที่มีมติให้กู้เงิน IMF ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 มีพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย ถ้าเป็นทักษิณทำคุณก็จะเห็นว่าถูกต้องกันใช่ไหมครับ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 16:58:43 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 42 เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเสียด้วยถ้าจำไม่ผิดนะครับ อิอิ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:03:25 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 43 โทษนะครับ ขอแปะบ้าง บทสัมภาษณ์ รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ คอลัมน์ สกู๊ป หน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา 2549 เพียงไม่กี่วัน ....................... คนไทยหลายส่วนยังเชื่อกันว่า รัฐบาล ทักษิณ มีฝีไม้ลายมือในการบิรหารเศรษฐกิจ ผลงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ ก็คือ ทำให้ประเทศชาติร่ำรวย มีเงินไปใช้หนี้ IMF ได้หมด ...................ประเทศชาติขาด ทักษิณ ไปซะคน เศรษฐกิจไทยจะไม่ย่ำแย่หรืออย่างไร ......................."การปฏิวัติ รัฐประหารที่เกิดขึ้น แน่นอน ย่อมต้องส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว รัฐประหารน่าจะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย" ..............เป็นคำสรุปสั้นๆจาก รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ................ประเด็น ประเทศไทยขาดผู้นำที่กอบกู้วิกฤติ IMF แล้วเศรษฐกิจจะแย่ .......... ดร.สมภพ บอกว่า การปลดหนี้ IMF ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลทักษิณ แต่เป็นผลงานที่เกิดจากความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล นายชวน หลีกภัย มากกว่า ...............รัฐบาลทักษิณ เป็นแค่พียงมาชุบมือเปิบ เอามาอวดโชว์ว่าเป็นผลงานของตัวเอง ................นักเศรษฐศาสตร์ จากรั้วจามจุรีชี้หลักฐานให้ดูตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศไทย ตั้งแต่ ปี 2540 จนถึง ปีปลดหนี้ IMF ..............ปี 2540 เริ่มเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจไทยเติบโตติดลบ 1.8 % ..............ปี 2541 รัฐบาลชวน 2 เข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่วิกฤติเศรษฐกิจออกอาการหนักพอดี จนต้องกู้ IMF เศรษฐกิจโตติดลบ 10.4 % ...............ปี 2542 เศรษฐกิจเริ่มเงยหัวมาอยู่ในแดนบวก เติบโต 4.4 % และ 2543 โต 4.6 % .............ปี 2544 ทักษิณเข้ามาบริหารประเทศ เศรษฐกิจเติบโตลดลงเหลือ 1.8 % ปี 2545 ปลดหนี้ IMF เศรษฐกิจโต 5.6 % .............."จะเห็นว่า รัฐบาลชวน 2 บริหารเศรษฐกิจไว้ดี กอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจให้ตั้งหลักขึ้นมาได้ หารายได้เข้าประเทศเก็บเงินสะสมไว้มาก รัฐบาลทักษิณถึงมีเงินตราต่างประเทศไปจ่ายหนี้ IMF ได้ .............ฉะนั้น จะมาอ้างว่า เป็นผลงานของรัฐบาลทักษิณ คนเดียวไม่ได้ ต้องให้เครดิตรัฐบาล ชวน 2 ด้วยถึงจะถูกต้อง " ............ส่วนการรัฐประหาร จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่าผลเสียนั้น ดร.สมภพ ชี้ว่า ผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกินั้น ถ้าว่าไปแล้ว รัฐประหารไม่ใช่ตัวการสำคัญ แต่หากเกิดจากเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศที่เกิดมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า .............."ที่ผ่านมา เหตุการณ์ประท้วง ชุมนุมทางการเมือง บวกผสมกับเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ และกรณีคาร์บอมบ์ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยไม่ดีในสายตาชาวโลก ....สำนักข่าวต่างประเทศก็ให้ความสนใจที่จะติดตามรายงานข่าวในประเทศไทยมา ตลอด .พอเกิดการรัฐประหาร ก็เลยยิ่งรายงานข่าวกันไปในทางไม่ดี เลยทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายมากขึ้น ............แต่ผลกระทบ คงมีในระยะสั้น ๆ เพราะนักลงทุนหน้าเดิมๆ นักท่องเที่ยวคุ้นเคยกับ ประเพณีการเมืองแบบไทยๆ การรัฐประหารจะไม่ส่งผลกระทบเลย ยังคงลงทุนเหมือนเดิมและอาจจะเพิ่มมากขึ้น ................... ............นักลงทุนกลุ่มนี้รู้ดีว่า การรัฐประหารในประเทศไทยนั้นเป็นอย่างไร ยิ่งนักข่าวต่างชาติเห็นการรัฐประหารในไทยแล้วก็ งง ที่คนไทยแสดงความดีใจ มอบดอกไม้ ซื้ออาหารมาแจกเลี้ยงทหาร ถ่ายรูปกับรถถังแบบกันเอง จุดนี้ น่าจะผ่อนคลายความกังวลให้กับนักท่องเที่ยว และนักลงทุนได้ระดับหนึ่ง **************************************************** ............................ส่วนผลกระทบด้านดีต่อเศรษฐกิจ ดร.สมภพ บอกว่า เป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้ปรับความสมดุลของระบบเศรษฐกิจเสียที ................."การบริหารเศรษฐกิจ ของรัฐบาลทักษิณ ที่ผ่านมา 5 ปี ได้ทำให้ระบบเศรษฐกิจ ไทยบิดเบี้ยวขาดความสมดุลเป็นอย่างมาก และถ้า ไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้น อีกไม่เกิน 1 ปี เศรษฐกิจประเทศจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติเหมือนเมื่อปี 2540 " ................เนื่องจากรัฐบาลทักษิณ พึ่งพาการส่งออกมากจนเกินไป ถึง 70 % ในขณะที่ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยพึ่งการส่งออกเพียง 40 - 50 % เท่านั้น การพึ่งพาการส่งออกมาก ดูผิวเผินน่าจะเป็นเรื่องดี แต่นักเศรษฐศาสตร์ มองว่า อันตราย เนื่องจาก ขณะนี้ เกิดวิกฤติพลังงานไปทั่วโลก และประเทศไทย ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเพื่อส่งออกประเทศเดียว ............... ......... .............."ตอนนี้ ในตลาดโลก เรามีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมาย อย่าง จีน อินเดีย เวียดนาม จำนวนคู่แข่งก็มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้โอกาสที่เราจะขายสินค้าได้น้อยลง และเมื่อบวกกับวิกฤติพลังงาน ทำให้หลายประเทศมีอำนาจซื้อน้อยลง ............ถ้ายังบริหารเศรษฐกิจในแบบพึ่งพาการส่งออกอย่างนี้ ต่างชาติมีอำนาจซื้อน้อยลง คู่แข่งมากขึ้น เกิดปัญหาเราขายสินค้าสู้คู่แข่งไม่ได้ การส่งออกจะลากพาให้ประเทศเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ " ................นอกจากนั้น เศรษฐกิจภาคการบริโภคในประเทศ ก็เกิดการบิดเบี้ยวต่างกัน ............นโยบายสารพัดประชานิยม ของทักษิณ ได้ทำให้ภาคการบริโภคของคนไทย บิดเบี้ยว จากเดิมที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 เน้นพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียง ด้วยสโลแกน ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง ...........แต่พอถึง แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 ทักษิณเข้ามาบริหารประเทศไม่มีการสานต่อเศรษฐกิจพอเพียง หันไปใช้การพัฒนาในรูปแบบแจกเงิน เศรษฐกิจภาคการบริโภคเลยเข้าสู่ "เศรษฐกิจแบบวณิพก" พึ่งพาเงินให้ทานจากรัฐบาลอย่างเดียว ..................."การนำเงินไปให้ชาวบ้าน ช่วยคนยากจน ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ต้องเป็นแบบช่วยให้ชาวบ้านพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน คือ ให้เบ็ดตกปลา ให้แห เพื่อให้ชาวบ้านทำมาหากินได้ แต่ทักษิณ กลับใช้วิธีลัด ไม่ให้เบ็ด ไม่ให้แห แต่เอาปลามาให้ชาวบ้านกินเลย ชาวบ้านก็กินกันเพลินจนเคยตัว หาจับปลากินเองไม่ได้ รอแต่ปลาแจกจากทักษิณ " ...............ดร. สมภพ อธิบายเปรียบเปรยเศรษฐกิจแบบวณิพกของรัฐบาลทักษิณ ที่ทุ่มเงินลงส่งผลให้ชาวบ้านใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลตลอด เพราะเชื่อว่า ถ้าให้คะแนนเสียงไป ยังไงรัฐบาลก็จะเอาเงินมาให้ .............สิ่งนี้ไม่เพียงจะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจเท่านั้น ยังสร้างความเสียหายด้านสังคมมากมายมหาศาล .........."ในยุคของ รัฐบาลทักษิณ เรามักจะได้ยินข่าวเด็กและเยาวชน ก่ออาชญากรรมมากขึ้น ทั้ง ฉกชิงวิ่งราว ขายตัว ฯ สาเหตุก็มาจากการแจกเงินเพื่อกระตุ้นสให้คนบริโภคจนเคยตัว .................ได้งินจากรัฐบาลแทนที่จะเอาเงินมาลงทุน แต่กลับไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ซื้อมอเตอร์ไซด์ ซื้อโทรศัพท์มือถือ ทำให้เกิดแฟชั่นระบาดไปทั่ว เห็นเพื่อนมี ก็อยากได้ คนไม่มีก็ขวนขวาย ลักวิ่งชิงปล้น หรือไม่ก็ขายตัว เพื่อได้เงินมาซื้อสิ่งเหล่านี้ ..............และที่สำคัญ เงินที่นำไปใช้สารพัดโครงการประชานิยมของรัฐบาลทักษิณ ในที่สุดก็หมุนวนกลับเข้าสู่กระเป๋าบริษัทใหญ่ในเครือผู้มีอำนาจ เป็นส่วนใหญ่ .................5 ปีที่ผ่านมาของทักษิณ มีตัวเลขจีดีพี โชว์ให้เห็นว่า เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น แต่คนไทยเป็นหนี้เพิ่ม เหตุเพราะการบิรหารเศรษฐกิจของทักษิณ ได้ทำให้สังคมไทยเกิดสภาพ รวยกระจุก จนกระจาย รวยเป็นหย่อมๆ เฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ในเครือข่ายใกล้ชิด ส่วนคนจนมีกระจายอยู่ทั่วไทย ...............ด้วยเหตุเหล่านี้ ดร.สมภพ จึงมั่นใจว่า รัฐประหาร แม้จะสร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจบ้าง แต่ก็ยังดีกว่า ปล่อยให้ทักษิณ เครือญาติและบริวาร บริหารประเทศไทยต่อไป .. ....................................จบ........คำให้สัมภาษณ์ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:08:17 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 44 ขอแปะอีกทีครับ วันที่2 กรกฎาคม พ.ศ.2540 รัฐบาลไทย ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เอกชนทั้งภาคธุรกิจและโดยเฉพาะภาคการเงิน ต่างไม่มีวันลืมความทรงจำในวันนั้นแสนเจ็บปวดในวันนั้น และอีกเพียง4วันจากนี้ก็จะครบรอบ10ปี" วิกฤตเศรษฐกิจไทย" ที่แม้วันนี้จะครบ10ปีแล้วก็ตาม แต่ซากของปัญหายังคงอยู่ ในขณะที่วันนี้เราอาจกำลังก้าวสู่วิกฤติการณ์นั้นอีกครั้งเหตุเพราะ นิสัย เจ็บแล้วไม่เคยจำ ของคนไทย เหตุ เกิดเมื่อเช้าวันที่ 2 กรกฎาคม เวลา 7.32 น. ประกาศจาก กรมประชาสัมพันธ์ก็ได้ถูกนำเผยแพร่ เป็นสื่อแรกว่า "ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ตั้งแต่วันนี้(2 กค.40) เป็นต้นไป เพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินมีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ" โดยรัฐมนตรีว่าการผู้ลงนามคือ นายทนง พิทยะ สัมฤทธิ์ผลทางนโยบายของคณะรัฐบาลชุดนั้นก็คือ จากการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ฯ-บาท ในตลาดระหว่างธนาคารพาณิชย์ ในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิถุนายน ที่อยู่ระหว่าง 25.83 - 26.10 บาท หรือ จากค่าอัตรากลางของทางการที่อยู่ในช่วง 25.77 - 25.81 บาทนั้น แต่ตั้งแต่วันที่2กรกฏาคม เป็นต้นมาค่าเงินบาทได้ร่วงถล่มทลายลงมาอยู่ที่55-58 บาทต่อดอลล่าห์สหรัฐ อย่างไม่มีใครคาดคิด นักธุรกิจโดยเฉพาะที่ต้องสัมพันธ์กับต่างประเทศที่จำเป็นต้องใช้เงิน ดอลล่าห์ต่างขาดทุนจากการดำเนินการ จากการกู้เงินและแน่นอนที่สุดสถาบันการเงินคือผู้รับเคราะห์แบบเต็มๆทำให้มี การปิดกิจการไปถึง56แห่ง นอกจากนี้รัฐบาลชุดประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ยังได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกที่สามารถทำให้ ระบบเศรษฐกิจเกือบทั่วเอเชียต้องพังพาบไปตามๆกัน หรือเรียกว่า วิกฤต"Tom-yam-kung" จากความเผ็ดร้อนดังกล่าวทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต่อมา ความ ลับของเรื่องนี้อยู่ที่คำถามสำคัญว่า มีคนรู้เรื่องการจะประกาศลดค่าเงินบาท ล่วงหน้าอยู่กี่คนและเป็นใครบ้าง? และความลับของเรื่องนี้ก็ยังอยู่อีกคำถามนึงว่าเหตุใดบางกลุ่มบริษัทในตลาด หลักทรัพย์จึงได้รู้ทันสำรองเงินตราต่างประเทศรวมถึงยอมลงทุนประกันอัตรา ดอกเบี้ยล่วงหน้า ? อาทิเช่น กลุ่มสื่อสาร! คำ ตอบอาจหาได้จาก กลุ่มก๊วนไม่กี่คนที่อาจจะมีบางคนหรือทั้งหมด อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า"พวกปฏิญญาฟินแลนด์" กลุ่มบุคคลที่ประกอบไปด้วยนักธุรกิจการเมืองและสหาย กลุ่มที่ยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้คิดทำลายประเทศไทยและไม่ได้คิดล้มล้างสถาบันฯ กลุ่มที่มีแกนนำร่ำรวยจากการได้รับสัมปทานในยุค รสช. เมื่อปี2534 จนมีเงินทุนพอที่จะมาสนับสนุนพรรคการเมืองในเวลาต่อมา กลุ่มที่มีกิจการขนาดใหญ่กิจการหลักคือรับสัมปทานรัฐบาลจึงต้องเกาะอยู่กับ เกือบทุกรัฐบาล หูตากว้างไกด้วยการผลัดกันไปนั่งในตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลโดยเฉพาะด้านการเงิน การคลังกับการต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระสุดท้ายของประเทศก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจนั่งกันอยู่ พร้อมหน้าพร้อมตาก่อนจะสลายตัวไปหลบซ่อนตามหลืบของธุรกิจต่างๆที่สุดท้าย หลังประเทศฟื้นตัวดีแล้วก็พร้อมใจกันดิ้นรนมานั่งในตำแหน่งเดิมกันอย่างแข็ง ขันสุดท้ายก็มิวายทำร้ายทำรายเศรษฐกิจประเทศไปอีกรอบ คราวนี้ฉลองครบรอบ10ปีวิกฤติเศรษฐกิจด้วยการแถมวิกฤติการณ์ทางการเมืองเข้า ไปด้วย ที่ นายซื่อตรงต้องขออธิบายเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจในวันนี้ก็เพราะเห็นจากหน้าข่าว หลายฉบับที่ต่างรำลึก ระลึกถึง หรือแม้กระทั่งกระทรวงการคลังเองก็ยังจัดเสวนากันอย่างเอิกเริก โดยยังไม่เห็นมีใครออกมายอมรับสาเหตุที่แท้จริงว่า วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ หรือวิกฤติการณ์อะไรก็ตามในระดับชาติล้วนมาจากรัฐบาลที่มาจากนักธุรกิจการ เมืองทั้งนั้น เหตุเพราะปกติพวกนักธุรกิจต่างก็มาสอดแทรกอยู่กับทุกรัฐบาลอยู่แล้วในฐานะ กลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งก็ไม่แปลกหากมีรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองทีดีที่จะสามารถ ถ่วงดุลผลประโยชน์ต่างๆให้แต่ละฝ่ายพอใจ ประชาชนอยู่ได้ และประเทศเติบโตอย่างไม่เดือดร้อน แต่จากประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงมานั่งอยู่ในอำนาจเมื่อใดประเทศไม่พ้นวิกฤติ เมื่อนั้น จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:11:04 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 45 ขอแปะอีกนิด   เรื่อง เงินกู้ IMFนี้ ปรากฏว่า ทักษิณ ชินวัตร ยังเอามาโฆษณาชวนเชื่อว่า เป็นคนใช้หนี้ทำให้ชาติหลุดพ้นจากความเป็นทาส และก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งเชื่ออย่างสนิทใจว่า ทักษิณ ชินวัตร มีบุญคุณหนักหนากับประเทศไทย จึงใคร่ขอนำเอาข้อมูลจริงเรื่องเงินกู้ IMFตลอดจน การใช้หนี้ ข้อดีข้อเสียต่างๆที่เกิดขึ้น โดยขอย้อนกลับไปถึงมูลเหตุเบื้องต้นถึงสาเหตุที่ประเทศต้องกู้ IMFดังนี้ ปี2540 สมัยรัฐบาล พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ถูก จอร์ช โซลอส โจมตีค่าเงินบาท และรัฐบาลได้ทุ่มเงินกว่า3หมื่นล้านเหรียญต่อสู้ เพื่อพยุงค่าเงินบาทไว้ แต่ผลปรากฏว่าแพ้อย่างราบคาบ จนเงินทุนสำรองเหลือเพียง 800 ล้านเหรียญซึ่งมีผลทำให้เครดิต ของประเทศไม่เป็นที่ยอมรับเพื่อจะทำการค้าระหว่างประเทศ รัฐบาลชวลิต ต้องลอยค่าเงินบาทเป็นผลให้ ค่าของเงินตกต่ำอย่างสุดขีด จากเดิม 25 บาทล่วงไปถึง56บาทต่อ1ดอลล่าร์ และเป็นเหตุให้ รัฐบาล พล.อ.ชวลิต จำเป็นต้องกู้เงินจาก IMFมาเพื่อพยุงสถานะของประเทศเมื่อ 22 กรกฎาคา 2540 จำนวน 17200 ล้านเหรียญ และจากการกู้เงินนี้ ทำให้ประเทศต้องอยู่ในเงินไขของIMF หรือที่เรียกกันว่าLOI ในทุกครั้งที่ไปเบิกเงินกู้ และหลังจากทำสัญญาเงินกู้ได้ 2 วัน ทักษิณ ชินวัตร ก็เข้าร่วมเป็นรองนายกรัฐมนตรีโดยดูแลด้านเศรษฐกิจ มีข้อสังเกตุที่น่าสนใจ ในช่วงลอยค่าเงินบาท จาก25บาทต่อเหรียญเป็น 56 บาทต่อเหรียญซึ่งตอนนั้น บริษัทต่างๆกู้เงินตราต่างประเทศมาลงทุน ล้มทั้งยืน มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเท่าตัว อาทิเช่น ปูนซีเมนต์ไทย  ทีพีไอ เป็นต้น แต่ ไทยคม ของ ทักษิณ ชินวัตร กลับไม่กระทบเลย จนเป็นที่มาของคำพูด นายเสนาะเทียนทอง ที่ว่า คนบางคนยอมเผาบ้านเผาเมืองตนเองเพื่อความร่ำรวย หลังจากกู้เงินIMFแล้ว รัฐบาล พล.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี พยายามแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่และได้เบิกเงิน จากIMF มา2งวดแล้ว จำนวนเงิน4000ล้านเหรียญ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเสรษฐกิจได้ จนต้องยอม ลาออกไปในปลายปี2540 ปี2541 รัฐบาลชวนเข้ามาบริหารงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อ และได้เบิกเงินกู้เพิ่มอีก9ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวม 10000 ล้านเหรียญ สรุป รัฐบาล พล.อ. ชวลิต รวมกับ รัฐบาล ชวน กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 4000+10000 = 14000 ล้านเหรียญสหรัฐ (น้อยกว่าที่ทำสัญญากู้กับ IMF 3200 ล้านเหรียญ) ตั้งแต่ปลายปี 2543-2545 เงินกู้จำนวนดังกล่าวได้ถูกทยอยใช้หนี้มาโดยตลอด จนเหลือหนี้ 4800 ล้านเหรียญ รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจใช้หนี้ส่วนที่เหลือทั้งหมด ในปี 2546 จำนวนเงิน 4800 ล้านดอลล่าร์ โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวดๆละ 1600 ล้าน ซึ่งก่อนกำหนดสัญญาไว้ 2 ปี ประเด็นที่ต้อง วิเคราะห์คือ การที่ ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจใช้หนี้ก่อนถึงกำหนด 2 ปี มีผลดี หรือ ผลเสีย กันแน่ถ้าใช้หลักทางเศรษฐศาสตร์ ในปี 2546 ดอกเบี้ยเงินฝากภายในประเทศเฉลี่ยปีละ 8%  ในขณะที่IMF คิดดอกเบี้ยจากเราแค่ 0.25% และอีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ ถ้าจ่ายหนี้ก่อนกำหนด ต้องเสียค่าปรับอีก 2% ถ้าตอนนั้น เรามีเงิน 4800 ล้านเหรียญ แปลงเป็นเงินไทย อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น 41 บาทต่อดอล่าร์ คิดเป้นเงินไทย 196,800 ล้านบาท เอาฝากธนาคารไว้ 2ปี หักภาษีแล้วจะได้ ดอกเบี้ย ประมาณ 28000 ล้านบาท และ เสียดอกเบี้ยให้ IMF 2ปี จำนวน 984 ล้านบาท คงเหลือกำไร กว่า 27000 ล้านบาท แต่ ทักษิณ เลือกที่จะใช้หนี้ก่อน ผลคือ เราเสียค่าปรับ 2% จำนวน 3936 ล้านบาท ลดดอกเบี้ย 2ปีลงได้ 984 ล้านบาท ถ้าเอาค่าปรับที่เสีย ลบด้วยดอกเบี้ยที่ไม่ต้องจ่าย จะเหลือ ค่าปรับ 2952ล้านบาท คำถามก็คือ ถ้า ณ.วันนั้น ประเทศเรามีเงินสด 4800 ล้านเหรียญ หรือ 196,800 ล้านบาท เรายังไม่ชำระหนี้ แต่ฝากในธนาคารไว้เราจะได้ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นฟรีๆประมาณ27000 ล้านบาท แต่ถ้าเราชำระหนี้ก่อนกำหนด เราต้องเสียเงินเพิ่มอีก 2952 ล้านบาท คำถามก็คือ ประเทศได้อะไร จากการตัดสิ้นใจครั้งนี้ จะว่า เพราะทำให้ประเทศพ้นจากหนี้สิน แต่เมื่อไปดูข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย กลับปรากฏว่า เงินจำนวน4800ล้านเหรียญ ที่ ทักษิณ ชำระหนี้นั้น ส่วนหนึ่ง กลับเป็นเงินกู้จาก เอ ดี บี  และเมื่อดูหนี้ สาธารณะของประเทศ ณ.ปี 2546 หลังจากจ่ายเงินคืน IMF หมดแล้ว กลับเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับหนี้สาธารณะช่วงปลายรัฐบาล ชวน2 ส่งไม้ให้กับ รัฐบาล ทักษิณ1 ถึงกว่า4000ล้าน คำถามที่คาใจจริงๆคือ หนี้สินของประเทศกHไม่ได้ลดลงจากการใช้หนี้IMF แล้ว ทักษิณ ไปกู้ เอดีบี มาเพื่อใช้หนี้ IMF ทำไม อีกคำถามหนึ่งคือ ทักษิณ ประกาศให้ชาวบ้านรู้กันทั้วว่า เขาเป็นคนใช้หนี้IMF ทั้งๆ ตอนไปเบิกเงินกู้ก้อนที่1 และก้อนที่2 เขาเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชวลิต และการที่ใช้หนี้ก่อนกำหนด ประเทศต้องเสียค่าปรับตั้ง2%ซึ่งเป็นเงินถึง 3636 ล้านบาท จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:17:23 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 46 รัฐบาลบิ๊กจิ๋วกู้ไอเอ็มเอฟนั้นเป็นเรื่องจริง แต่การที่ประเทศเราจะต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจแบบนี้  มันเกิดจากรัฐบาลก่อนหน้านั้นไม่ใช่หรือ????? อยู่ดีๆ ประเทศไทยเราจะล้มละลายจนต้องกู้เงินต่างประเทศได้อย่างไร ไม่เพราะเราเอาเงินกู้ต่างประเทศมาฝากกินดอกเบี้ยในประเทศ โดยไม่ได้เอามาลงทุน  ไม่ใช่หรือ??? การคลังของประเทศไม่ได้พังได้ในวันเดียวหรอกครับ  นอกจากเราเดินนโยบายผิด และจะส่งผลต่อเนื่องไปในภายภาคหน้า มันก็เหมือนกับนายมาร์คกับกำลัง กู้ กู้ กู้  อยู่นี่แหละครับ และพรรค ปชป ก็ไม่ได้หวังว่าจะเป็นรัฐบาลต่อเนื่องอีกด้วย เพราะจะต้องรับภาระใช้จ่ายหนี้สินที่ตัวเองก่อเอาไว้ รอเป็นฝ่ายค้านดีกว่า  ตีกินรัฐบาล โดยอ้างว่ารัฐบาลทำงานไม่เก่ง ทั้งๆที่รัฐบาลชุดต่อไป จะต้องเจอภาระที่รัฐบาลชุดนี้ทิ้งเอาไว้ให้  แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาทำงานหละครับ จะพูดเรื่องอะไร  อย่าพูดแค่ครึ่งๆกลางๆสิครับ จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:17:49 A:124.122.167.69 X:

ความคิดเห็นที่ 47 ประเด็นเรื่องการที่รัฐบาลทักษิณนำเงินที่รัฐบาลชวนสะสมมาไว้ให้มาใช้ให้แก่ไอเอมเอฟนี้ สามารถดูได้จากหลักฐาน การประชุมของอบร์ดบริหารไอเอมไอฟ เมื่อสิงหาคม 2544 ในเวลานั้นเอกสารการประชุมระบุไว้ว่า - รัฐบาลไทยได้มีการชำระเงินคืนให้แก่ไอเอมเอฟมาตั้งแต่ปลายปี 2543 แล้ว เป็นจำนวน 150 ล้านดอลลาร์ สรอ. - ในเวลาที่มีการประชุม คือ 2 สิงหาคม 2544 นั้น ยอกเงินทั้งหมดที่ไอเอมเอฟ ได้คืนจากไทยนั้น ทั้งยอดเงินต้น และ ดอกเบี้ย หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆนั้น รวมแล้ว เท่ากับ 1.6 พันล้านดอลลาร์สรอ. โดยคิดเป็นการส่งเงินต้นคืนในปี 2544 เท่า กับ 1.012 พันล้านดอลลาร์สรอ. โดยเงินจำนวนนี้ ส่งให้แก่ไอเอมเอฟก่อนการประชุม นั้นคือราวเดือนกรกฏกาคม 44 - รัฐบาลทักษิณเข้ามาบริหาร กลาง กพ 2544 จาก กพ ไป กค 2544 เป็นเวลา 4-5 เดือนเท่านั้น รัฐบาลทักษิณเพิ่งตั้ง ไข่ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินที่ส่งให้เขา ในปี 2544 จำนวน 1.012 +0.097 พันล้านดอลลาร์สรอ. ย่อมต้องมาจากรัฐบาล ก่อนหาไว้ให้ ปีต่อมา 2545 ฝีมือของทักษิณเองนั้น หาเงินส่งให้ไอเอมเอฟในช่วงเวลา 12 เดือนได้ 1.05 +0.028 พันล้านดอลลาร์ จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:23:39 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 48 หลักฐานการประชุมของบอร์ดบริหารไอเอมไอฟ เมื่อสิงหาคม 2544 อ่านได้ที่ http://www.imf.org/external/np/sec/pn/2001/pn0190.htm มีความว่าดังนี้ จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:24:57 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 49 คุณ เรารักเมืองไทยเหมือนกัน ค่ำๆ ผมจะมาอธิบายคุณนะครับ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:26:36 A:202.47.237.156 X:

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ tarthewise , คุณ thyrocyte " รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว " - ถ้าเช่นนั้น ทำไมประชาชนไม่เลือกปชป.กลับเข้ามาบริหารประเทศอีกหลังจากนั้น ? " รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นผู้เบิกจ่ายเงินกู้ IMF เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ใช้หนี้+ดอกเบี้ยเงินกู้ IMF ในส่วนที่ได้เบิกจ่ายไปแล้วแก่ IMF ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว " - รัฐบาลชวน 2 ใช้เพียงหนี้งวดหรือ 2 งวดแรกเท่านั้น ยังเหลืออีกหลายงวด ซึ่งเขาวางตารางกันไว้หลายปีกว่าจะใช้หนี้หมด จนมีการพูดเล่นในช่วงนั้นว่า เกิดใหม่ชาติหน้าก็ใช้หนี้ไม่หมด กับเงินกู้ IMF เอามาเรียงกันก็รอบโลก " นักปฏิบัติ และปราชญ์สังคม ได้คิด+ศึกษาทั้งในหลักการและแนวทางปฏิบัติตกผลึกกันมานานแล้วครับ ในช่วงแรกเขาคิดว่าคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยจะเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองในมิติใหม่ จึงยินดีมอบองค์ความรู้ต่างๆ ให้เป็นโปรเจ็คของพรรคไทยรักไทย " - โครงการ 30 บาท เป็นแนวคิดของหมอชนบทที่เสียชีวิตไปไม่นานนี้ คือ นพ.สงวน ซึ่งก่อนหน้าที่ทรท.จะมีนโยบายนี้ ทางเจ้าของแนวคิดเคยนำเสนอต่อปชป.มาแล้ว แต่พรรคนี้ไม่รับ ต่อมาเจ้าของแนวคิดจึงนำไปเสนอกับทรท.ก่อนเลือกตั้ง(เข้าใจว่ารู้จักกับหมอเลี๊ยบเพราะเป็นหมอชนบทเหมือนกัน) ตอนแรกทักษิณก็จะไม่เอา แต่หมอเลี๊ยบขอทำโครงการนี้เอง ทักษิณเลยให้โอกาส และประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา OTOP คุณก็มั่ว เพราะทักษิณบอกเองว่า นำมาจากแนวคิดของหมู่บ้านหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ผลิตสินค้าชุมนุมออกขายกันเป็นเรื่องเป็นราว ทักษิณชอบเลยขอแนวคิดเขามาใช้ และตอนไปเยือนญี่ปุ่น ทางการญี่ปุ่นก็ยังพาคณะของทักษิณไปเยี่ยมชมชุมชนแห่งนี้ด้วย " แจกเงิน นี่เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลมากที่สุดนะครับ เพราะมีการเบิกจ่ายถึงร้อยละ 80 และขณะนี้สามารถสร้างตัวทวีในเชิงเศรษฐกิจหมุนได้อย่างน้อย 2 รอบแล้ว " - แล้วมันเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือยัง เห็นที่เป็นรูปธรรมก็คือโครงการโกงพอเพียงนั่นไง " แจกปลากระป๋อง อันนี้ช่วยผู้ประสบภัยไม่ใช่หรือครับ?? " - แต่คนของพรรคเก่าแก่เอาปลากระป๋องเน่าไปแจก ตลกลงช่วยหรือซ้ำเติมกันแน่ ? " ครม. ชุดที่มีมติให้กู้เงิน IMF ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 มีพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย ถ้าเป็นทักษิณทำคุณก็จะเห็นว่าถูกต้องกันใช่ไหมครับ " - ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ย้อนไปถึงสมัยชวน 1 ซะเลยล่ะ ที่เปิด BIBF หรือเสรีทางการเงิน จนทำให้เกิดวิกฤติปี 40 และรัฐบาลชวลิตเลยต้องขอกู้ IMF เพื่อนำเงินมาแก้ไขวิกฤติ ที่สร้างขึ้นโดยฝีมือปชป. ??? จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:43:57 A:124.122.4.32 X:

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ twenty-four " ปล. แต่ค้างตัวอื่นที่ดอกเบี้ยแพงกว่า ...." - ที่เขาเลือกคืนหนี้ IMF ก่อน เพราะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ และเงื่อนไขมหาโหด ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำกับ IMF คือแปรรูปรัฐวิสาหกิจ 100% นั่นคือให้เอกชนถือหุ้นทั้งหมด ไม่ให้รัฐบาลถือหุ้นเลยแม้แต่หุ้นเดียว โดยเงื่อนไขนี้รัฐบาลชวนยอมรับและลงนามในสัญญา จนนำไปสู่การออกกฎหมาย(ขายชาติ) 11 ฉบับ ถ้าไม่รีบปลดพันธนาการจาก IMF ไทยก็ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้ง 100% คุณยอมได้หรือ ? จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:46:28 A:124.122.4.32 X:

ความคิดเห็นที่ 52 คุณ thyrocyte " กังนั้นต่อให้ทักษิณไม่เข้ามา รัฐบาลที่มาต่อจากรับบาลชวน ก็จะสามารถคืนหนี้ให้ไอเอมเอฟได้แน่นอน " - ถ้าเช่นนั้น ตอนที่ทักษิณประกาศจะคืนหนี้ IMF ให้หมดภายใน 2 ปี ปชป.ออกมาคัดค้านทำไม ? จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:47:31 A:124.122.4.32 X:

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณ   คุณtarthewiseครับ แล้วจะตามมาอ่านครับ พอดีคืนนี้ต้องไปต่างประเทศ 1 อาทิตย์ครับ แต่คิดว่า คนอื่นก็อยากจะรู้เช่นกันครับ จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:54:29 A:124.120.74.123 X:

ความคิดเห็นที่ 54 จะอธิบายอะไรกันนักหนา  ถ้าการรับรู้ไม่บกพร่อง  ก็พอจะมองออกว่ายุคสมัยทักษิณประเทศไทยดูยิ่งใหญ่ขึ้นขนาดไหน  เป็นรัฐบาลอยู่ 5 ปี มีโครงการใหม่ๆ โผล่ขึ้นมาร้อยแปด  ถ้าพวกปชปทำได้ ทำไมไม่รีบทำ  พรรคการเมืองหัวโบราณ ไม่สร้างสรรค์ วันๆ ค่อยแต่ประดิษคำเพราะๆ  ก็เท่านั้น   เอาอย่างง่ายๆ ไอ้เสาโฮปเวลน่ะ  ใครดูแล โครงการมันถึงสร้างไม่เสร็จ  น่าอาย  จะเชียร์ก็เชียร์ให้มันอยู่ในพื้นฐานความจริงบ้าง  หรือไม่เคยเดินตลาดสดกันเลย  ถึงไม่รู้ว่า  ยุคปชปมันค้าขายลำบากกันขนาดไหน      ปชปมันก็ได้แต่ลอกการบ้านคนอื่นแหละ   คนนิสัยอย่างนี่มีให้เป็นกันทั่ว  เก่งจริงจะมั่วสนทักษิณอยู่ทำไม  รีบสร้างผลงานซะ  ขนาดสโลแกนพรรคยังลอกแนวคิดเขามาเลย   กำจริงๆ  ที่มีนักการเมืองอย่างพรรคปชป จากคุณ : numtyu เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:57:06 A:58.9.226.218 X:

ความคิดเห็นที่ 55 ความคิดเห็นที่ 52     คุณ thyrocyte " กังนั้นต่อให้ทักษิณไม่เข้ามา รัฐบาลที่มาต่อจากรับบาลชวน ก็จะสามารถคืนหนี้ให้ไอเอมเอฟได้แน่นอน " - ถ้าเช่นนั้น ตอนที่ทักษิณประกาศจะคืนหนี้ IMF ให้หมดภายใน 2 ปี ปชป.ออกมาคัดค้านทำไม ? จากคุณ : TSC   เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 17:47:31 A:124.122.4.32 X:   ---------------------------------------------------------------------------------- "รัฐบาลที่มาต่อจากรัฐบาลชวน ก็จะสามารถคืนหนี้ให้ไอเอมเอฟได้แน่นอนครับ " เพราะรัฐบาลชวนปูพื้นไว้ให้แล้ว แต่จังหวะการคืนนั้น ทางปชป.เห็นว่าไทยอาจจะเสียเปรียบเรื่องค่าปรับและดอกเบี้ย จึงท้วงติงไป ซึ่งประเด็นนี้ก็ไม่ ทราบเช่นกันว่าเท็จจริงอย่างไร แต่ที่แน่ๆก็คือ ไม่ว่าจะทักษิณหรือใครก็ตาม ที่เข้ามาบริหารต่อนั้น เป็นช่วงเศรษฐกิจ กำลังฟื้นตัว และความสามารถในการจ่ายเงินคืนให้เอมเอฟ ก็มีแน่นอนอยู่แล้ว ดังหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนประเด็นเรื่องการที่ ทรท.ชนะเลือกตั้งสมัยนั้น คุณ TSC ต้องยอมรับด้วยว่ามีปัจจัยจาก ฐานการเงินที่แข็งแกร่งของ ทรท เอง ซึ่งสามารถดูดนักการเมืองที่มีศักยภาพที่จะชนะเลือกตั้งเข้ามาได้มาก จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 18:31:10 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 56 ความคิดเห็นที่ 39     ผมไม่ได้บิดเบือนเลยครับ ทักษิณนั่นล่ะพูดบิดเบือน จากคุณ : tarthewise ----------------------------------------------------- โอ้วววว... ทักษิณ กล้าพูดบิดเบือนออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเลยเหรอครับ แล้วถ้าคำพูด ทักษิณ ในเวลานั้นบิดเบือนจริง ทำไมพลพรรค ปชป. ไม่ออกมาค้านครับ จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 18:33:10 A:124.120.21.167 X:

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดเห็นที่ 41     ครม. ชุดที่มีมติให้กู้เงิน IMF ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 มีพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย ถ้าเป็นทักษิณทำคุณก็จะเห็นว่าถูกต้องกันใช่ไหมครับ จากคุณ : tarthewise -------------------------------------- อันนี้ก็ " บิดเบือน " อีกแล้วนะครับ ไปดูก่อนครับ เขาเซ็น LOI กันวันไหน ? แล้วทักษิณรับตำแหน่งวันไหน ? จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 18:36:14 A:124.120.21.167 X:

ความคิดเห็นที่ 58 สงสัยเราจะเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าหนี้ทั้งหลายไปแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มมีวี่แววอีกครั้งหนึ่ง จากคุณ : วิทย์ศิลป์ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:17:15 A:125.25.126.129 X:

ความคิดเห็นที่ 59 ครับ ถ้าปชป เป็นรัฐบาลต่อ - ตอนนี้คงใช้หนี้ IMF ไม่เสร็จครับเขาวางแผนจะใช้หนี้ 30-50 ปีนู้น - รัฐวิสาหกิจก็คงแปรรูปไปเป็นของต่างชาติหมดแล้ว - คนดีๆตายเพราะยาเสพติดมากมาย - โจร ขโมย มาเฟีย หวยเถื่อน เต็มเมือง - มีม๊อบชาวนาล้อมทำเนียบทุกปี - และทักษิณ ก็เป็นเจ้าพ่อวงการสื่อสารมวลชน จากคุณ : ลานดิน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:19:49 A:202.29.60.211 X:

ความคิดเห็นที่ 60 ผมว่า..เลิกเหอะ ระบอบประธิปไตย กลับมาใช้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ดีกว่ามั้งครับ ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ใช้สมองคิด.. เบื่อ...ชิ.... จากคุณ : คุณธรรมค้ำโลกา (gratitude) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 19:46:36 A:10.101.1.206 X:203.144.135.159

ความคิดเห็นที่ 61 rep 47 คุณ thyrocyte - ในเวลาที่มีการประชุม คือ 2 สิงหาคม 2544 นั้น ยอกเงินทั้งหมดที่ไอเอมเอฟ ได้คืนจากไทยนั้น ทั้งยอดเงินต้น และ ดอกเบี้ย หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆนั้น รวมแล้ว เท่ากับ 1.6 พันล้านดอลลาร์สรอ. โดยคิดเป็นการส่งเงินต้นคืนในปี 2544 เท่า กับ 1.012 พันล้านดอลลาร์สรอ. โดยเงินจำนวนนี้ ส่งให้แก่ไอเอมเอฟก่อนการประชุม นั้นคือราวเดือนกรกฏกาคม 44 - รัฐบาลทักษิณเข้ามาบริหาร กลาง กพ 2544 จาก กพ ไป กค 2544 เป็นเวลา 4-5 เดือนเท่านั้น รัฐบาลทักษิณเพิ่งตั้ง ไข่ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินที่ส่งให้เขา ในปี 2544 จำนวน 1.012 +0.097 พันล้านดอลลาร์สรอ. ย่อมต้องมาจากรัฐบาล ก่อนหาไว้ให้ --------------------------------------------- เขาส่งคืนเป็นงวดย่อยๆ ทะยอยส่งเกือบทุกเดือนครับคุณ ไม่เชื่อลองเข้าหน้าเดิมแล้วกดไปดูได้ ไม่มีใครบ้าตามหนี้ทีเดียวก้อนละ 1000 ล้านดอลลาร์หรอกครับ... แล้วหน่วยที่เขาใช้เป็น SDR ครับ ไม่ใช่ดอลลาร์ ว่าจะ " วางเฉย " เกี่ยวกับข้อคิดเห็นทางเศรษฐกิจของคุณแล้วนะครับเนี่ย จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:19:14 A:124.120.21.167 X:

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณ คุณ SaVor ที่เอาวาทะของคุณทักษิณในวันที่ไทยเป็นไทอีกครั้ง ปลอดจากพันธการของ IMF มาลงครับ อ่านกี่ครั้ง กี่ทีก็อิ่มเอมครับ คือรู้สึกฮึกเหิมในความเป็นคนไทย และเรากำลังจะก้าวไปข้างหน้าอย่างนั้นแล้วจริงๆ เรื่องจริง ความจริง มันก็คือสิ่งที่จริงวันยังค่ำครับ แฟนๆ ปชป ถ้าคุณไม่หลอกตัวเอง ลองเหลียวไปมองสมัยคุณทักษิณ ไทยรักไทย เทียบกับ ปชป ทุกยุคทุกสมัยดูก็ได้ครับว่าจะมีสมัยใด ที่ประชาชนมีความหวัง ประเทศมีความหวัง ในการเปลี่ยนถ่ายไปสู่คำว่าอารยประเทศอย่างมุ่งมั่นและองอาจได้เพียงนี้ ไม่ต้องมองไกล เอาแค่ตอนนี้ กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์หนึ่ง อย่างนั้นหรือ จากคุณ : ปีกสีแดง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 20:19:15 A:110.49.133.1 X:64.255.180.117

ความคิดเห็นที่ 63 ทักษิณดำรงตำแหน่ง รอง นรม. 15 สิงหาคม 2540 - 8 พฤศจิกายน 2540 ฟอร์มทีมกันมาตั้งแต่หลังอำนวย วีรวรรณลาออกแล้วครับ เซ็น LOI วันที่ 14-15 สิงหาคม 2540 ครับ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:01:05 A:192.168.130.2 X:203.158.220.1

ความคิดเห็นที่ 64 เปิด BIBF เป็นสาเหตุหรือคุณ TSC ?? สาเหตุไม่ใช่เพราะธนาคารพาณิชย์และนักธนกิจการเมืองหรอกหรือ ไว้กลับบ้านผมจะมาอธิบาย จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:02:28 A:192.168.130.2 X:203.158.220.1

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ tarthewise " เปิด BIBF เป็นสาเหตุหรือคุณ TSC ?? สาเหตุไม่ใช่เพราะธนาคารพาณิชย์และนักธนกิจการเมืองหรอกหรือ " - ก็เพราะธ.ไปเดินตาม BIBF ไง อีกอย่าง อยู่ๆ มันจะเกิดวิกฤติปี 40 ได้อย่างไร ถ้ามันไม่มีตัวจุดชนวน อย่าลืมว่า วิกฤติตอนนั้นมันเกิดที่ไทยเป็นที่แรก ถึงได้ชื่อว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง แล้วอยู่ๆ ถ้าไม่มีเหตุมาก่อน มันจะมีผลเกิดขึ้นได้หรือ ? จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:19:28 A:124.121.35.125 X:

ความคิดเห็นที่ 66 ตอบคุณ TSC คร่าวๆ ก่อนกลับบ้าน " รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว " - ถ้าเช่นนั้น ทำไมประชาชนไม่เลือกปชป.กลับเข้ามาบริหารประเทศอีกหลังจากนั้น ? *** ประชาชนไม่ทราบครับว่าที่วิกฤตเศรษฐกิจ 2540 ฟื้นตัวกว่า ร้อยละ 80 เป็นฝีมือพรรคประชาธิปัตย์*** " รัฐบาลประชาธิปัตย์ (ชวน 2) เป็นผู้เบิกจ่ายเงินกู้ IMF เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ใช้หนี้+ดอกเบี้ยเงินกู้ IMF ในส่วนที่ได้เบิกจ่ายไปแล้วแก่ IMF ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว " - รัฐบาลชวน 2 ใช้เพียงหนี้งวดหรือ 2 งวดแรกเท่านั้น ยังเหลืออีกหลายงวด ซึ่งเขาวางตารางกันไว้หลายปีกว่าจะใช้หนี้หมด จนมีการพูดเล่นในช่วงนั้นว่า เกิดใหม่ชาติหน้าก็ใช้หนี้ไม่หมด กับเงินกู้ IMF เอามาเรียงกันก็รอบโลก **** ผมพูดถูกต้องแล้วครับ "รัฐบาลชวนผูกพันชำระหนี้ที่ได้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว รัฐบาลทักษิณชำระหนี้เพียง 4,800 ล้านเหรียญ ซึ่งเกือบทั้งจำนวนเป็นเงินกู้ที่ยังไม่ได้มีการเบิกจ่าย ส่วนรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจใช้หนี้ส่วนที่เหลือทั้งหมด ในปี 2546 จำนวนเงิน 4800 ล้านดอลล่าร์ โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวดๆละ 1600 ล้าน**** " นักปฏิบัติ และปราชญ์สังคม ได้คิด+ศึกษาทั้งในหลักการและแนวทางปฏิบัติตกผลึกกันมานานแล้วครับ ในช่วงแรกเขาคิดว่าคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยจะเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองในมิติใหม่ จึงยินดีมอบองค์ความรู้ต่างๆ ให้เป็นโปรเจ็คของพรรคไทยรักไทย " - โครงการ 30 บาท เป็นแนวคิดของหมอชนบทที่เสียชีวิตไปไม่นานนี้ คือ นพ.สงวน ****ผมรู้ครับเพราะผมเคยเรียนกับแกก่อนแกตายลองอ่านความเห็นที่ 37 สิครับ ซึ่งยังไงก็ไม่ใช่ความคิดของทักษิณอยู่ดี**** ซึ่งก่อนหน้าที่ทรท.จะมีนโยบายนี้ ทางเจ้าของแนวคิดเคยนำเสนอต่อปชป.มาแล้ว แต่พรรคนี้ไม่รับ ต่อมาเจ้าของแนวคิดจึงนำไปเสนอกับทรท.ก่อนเลือกตั้ง(เข้าใจว่ารู้จักกับหมอเลี๊ยบเพราะเป็นหมอชนบทเหมือนกัน) ตอนแรกทักษิณก็จะไม่เอา แต่หมอเลี๊ยบขอทำโครงการนี้เอง ทักษิณเลยให้โอกาส และประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา OTOP คุณก็มั่ว เพราะทักษิณบอกเองว่า นำมาจากแนวคิดของหมู่บ้านหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ผลิตสินค้าชุมนุมออกขายกันเป็นเรื่องเป็นราว ทักษิณชอบเลยขอแนวคิดเขามาใช้ และตอนไปเยือนญี่ปุ่น ทางการญี่ปุ่นก็ยังพาคณะของทักษิณไปเยี่ยมชมชุมชนแห่งนี้ด้วย ***ผมทราบครับ คุณก็ไม่ได้คิดนโยบายนี้ขึ้นมาเองเหมือนกันนี่ครับ**** " แจกเงิน นี่เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลมากที่สุดนะครับ เพราะมีการเบิกจ่ายถึงร้อยละ 80 และขณะนี้สามารถสร้างตัวทวีในเชิงเศรษฐกิจหมุนได้อย่างน้อย 2 รอบแล้ว " - แล้วมันเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือยัง เห็นที่เป็นรูปธรรมก็คือโครงการโกงพอเพียงนั่นไง ***นโยบายเช็คช่วยชาติเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด เกิดผลเป็นรูปธรรมแล้วครับคือดรรชีการบริโภคดีขึ้น และเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น**** " แจกปลากระป๋อง อันนี้ช่วยผู้ประสบภัยไม่ใช่หรือครับ?? " - แต่คนของพรรคเก่าแก่เอาปลากระป๋องเน่าไปแจก ตลกลงช่วยหรือซ้ำเติมกันแน่ ? ***ยังไม่พิสูจน์กันเลยครับ ระวังจะเป็นการโกงที่เชื่อมโยงมาจากรัฐบาลก่อนด้วย*** " ครม. ชุดที่มีมติให้กู้เงิน IMF ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 มีพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย ถ้าเป็นทักษิณทำคุณก็จะเห็นว่าถูกต้องกันใช่ไหมครับ " - ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ย้อนไปถึงสมัยชวน 1 ซะเลยล่ะ ที่เปิด BIBF หรือเสรีทางการเงิน จนทำให้เกิดวิกฤติปี 40 และรัฐบาลชวลิตเลยต้องขอกู้ IMF เพื่อนำเงินมาแก้ไขวิกฤติ ที่สร้างขึ้นโดยฝีมือปชป. ??? ***ตอบดังข้อข้างบนครับ***** คุณ TSC ชอบปิดท้ายเสมอ ผมจะมาตอบให้คุณ TSC ปิดท้ายครับ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:25:21 A:192.168.130.2 X:203.158.220.1

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่ใช่เพราะ BIBF หรอก BIBF เป็นสิ่งดี เดินตาม BIBF ก็เป็นสิ่งดีด้วย ช่วยอธิบายความดี/ไม่ดีของ BIBF หน่อยสิครับ แต่ทั้งหมดเป็นความเลวของธนาคารพาณิชย์และนักธนกิจการเมืองต่างหากต่างหาก จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:27:38 A:192.168.130.2 X:203.158.220.1

ความคิดเห็นที่ 68 กลับบ้านก่อนครับ ไว้จะมาตอบคนที่ไม่ยอมเป็นผู้แพ้และไม่ยอมให้ใครปิดท้ายอย่างคุณ TSC อิอิ จากคุณ : tarthewise เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:28:45 A:192.168.130.2 X:203.158.220.1

ความคิดเห็นที่ 69 ความคิดเห็นที่ 65     คุณ tarthewise " เปิด BIBF เป็นสาเหตุหรือคุณ TSC ?? สาเหตุไม่ใช่เพราะธนาคารพาณิชย์และนักธนกิจการเมืองหรอกหรือ " - ก็เพราะธ.ไปเดินตาม BIBF ไง อีกอย่าง อยู่ๆ มันจะเกิดวิกฤติปี 40 ได้อย่างไร ถ้ามันไม่มีตัวจุดชนวน อย่าลืมว่า วิกฤติตอนนั้นมันเกิดที่ไทยเป็นที่แรก ถึงได้ชื่อว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง แล้วอยู่ๆ ถ้าไม่มีเหตุมาก่อน มันจะมีผลเกิดขึ้นได้หรือ ? จากคุณ : TSC   ///////////////////////////////////////////////////////////////////// ขอเรียนทั้งสองท่านว่า การถกเรื่องนี้คงเข้าถึง การ"บูม"ของประเทศไทย จากการค้าจนถึงการเก็งกำไรในทีดิน(ทรัพย์สินในการลงทุน)และ"ดอกเบี้ย" ทำเป็นพ๊อคเก็ตบุ๊ค ได้เลย (คิดแล้วเจ็บหัวมากกกกกก) . จากคุณ : -สู่รู้สู่เห็น- เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 21:31:01 A:124.120.164.152 X:

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ thyrocyte " เพราะรัฐบาลชวนปูพื้นไว้ให้แล้ว แต่จังหวะการคืนนั้น ทางปชป.เห็นว่าไทยอาจจะเสียเปรียบเรื่องค่าปรับและดอกเบี้ย จึงท้วงติงไป ซึ่งประเด็นนี้ก็ไม่ ทราบเช่นกันว่าเท็จจริงอย่างไร " - คุณบอกเองว่าไม่ทราบ แล้วทำไมถึงบอกว่าปชป.ท้วงติงเรื่องค่าปรับและดอกเบี้ย แต่เรื่องค่าปรับไม่รู้จริงๆ ถ้าจ่ายหนี้หมดก่อนกำหนด ต้องเสียค่าปรับด้วยหรือ ??? " แต่ที่แน่ๆก็คือ ไม่ว่าจะทักษิณหรือใครก็ตาม ที่เข้ามาบริหารต่อนั้น เป็นช่วงเศรษฐกิจ กำลังฟื้นตัว และความสามารถในการจ่ายเงินคืนให้เอมเอฟ ก็มีแน่นอนอยู่แล้ว " - "จ่ายได้ตามแผน" กับ "จ่ายหมดก่อนกำหนดที่วางแผนไว้" ... ต่างกันนะ " ส่วนประเด็นเรื่องการที่ ทรท.ชนะเลือกตั้งสมัยนั้น คุณ TSC ต้องยอมรับด้วยว่ามีปัจจัยจาก ฐานการเงินที่แข็งแกร่งของ ทรท เอง ซึ่งสามารถดูดนักการเมืองที่มีศักยภาพที่จะชนะเลือกตั้งเข้ามาได้มาก " - ไม่จริงมั้ง ถ้าปชป.มีฝีมือจริง ต่อให้เป็นคนไม่มีชื่อเสียงลงสมัคร คนก็ต้องเลือกปชป. ไม่ใช่ไปเลือกพรรคอื่น แถมทรท.ตอนนั้นก็ไปดูดเอาเสนาะ-เฉลิมเข้ามา ซึ่งใครๆ ก็รู้อยู่ว่าภาพพจน์ไม่ได้ดีนัก แถมทักษิณยังหน้าใหม่ ถึงแม้ปชป.ไม่มีผลงานคนก็ต้องเลือกปชป.มากกว่าทรท.อยู่แล้ว แต่นี่คุณบอกปชป.แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ประชาชนกลับไม่เลือกอีกซะงั้น ทั้งที่ทีมเศรษฐกิจของปชป.ที่ว่าเก่งแก้ปัญหาได้ก็อยู่ครบทีม(ยกเว้นธารินทร์คนเดียว) คุณก็ดูพปช.ก็ได้ ขนาดไม่มี 111 คน ส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้ามาส่วนใหญ่ก็หน้าใหม่แทบทั้งนั้น พปช.ก็ยังชนะเลือกตั้งได้ทั้งที่มีข้อกล่าวหาติดตัวมาจากทรท.บานเบอะ ถ้าคุณอ้างว่าทรท.ได้เพราะไปดูดส.ส.เก่ามา นั่นก็แสดงว่าไม่เป็นความจริง จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:01:02 A:124.122.205.201 X:

ความคิดเห็นที่ 71 คุณ tarthewise " ประชาชนไม่ทราบครับว่าที่วิกฤตเศรษฐกิจ 2540 ฟื้นตัวกว่า ร้อยละ 80 เป็นฝีมือพรรคประชาธิปัตย์ " - ไปโทษประชาชนไม่รู้เรื่องซะงั้น ... 55555555 :D เอ...แล้วร้อยละ 80 นี่มาจากไหนหรือ สำรวจที่ไหน ??? " ผมพูดถูกต้องแล้วครับ "รัฐบาลชวนผูกพันชำระหนี้ที่ได้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว รัฐบาลทักษิณชำระหนี้เพียง 4,800 ล้านเหรียญ ซึ่งเกือบทั้งจำนวนเป็นเงินกู้ที่ยังไม่ได้มีการเบิกจ่าย ส่วนรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจใช้หนี้ส่วนที่เหลือทั้งหมด ในปี 2546 จำนวนเงิน 4800 ล้านดอลล่าร์ โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวดๆละ 1600 ล้าน " - เราบอกว่าเดิมรัฐบาลชวนวางแผนไว้ต้องใช้หนี้หลายงวดหลายปีกว่าจะหมด แต่รัฐบาลทักษิณเอาอีกหลายงวดที่เหลือนั้นมาจ่ายหมดได้ภายใน 2 ปี แทนที่จะปล่อยให้เสียดอกเบี้ยเยอะๆ หากจ่ายหลายๆ งวดตามที่รัฐบาลชวนวางไว้ " ผมรู้ครับเพราะผมเคยเรียนกับแกก่อนแกตายลองอ่านความเห็นที่ 37 สิครับ ซึ่งยังไงก็ไม่ใช่ความคิดของทักษิณอยู่ดี " - เราก็ไม่ได้บอกว่าเป็นความคิดทักษิณ แต่ทักษิณเป็นคนให้โอกาส ทั้งที่หมอสงวนเอาไปเสนอปชป.ก่อน แต่ปชป.กลับไม่ให้โอกาสเขาเอง " OTOP คุณก็มั่ว เพราะทักษิณบอกเองว่า นำมาจากแนวคิดของหมู่บ้านหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ผลิตสินค้าชุมนุมออกขายกันเป็นเรื่องเป็นราว ทักษิณชอบเลยขอแนวคิดเขามาใช้ และตอนไปเยือนญี่ปุ่น ทางการญี่ปุ่นก็ยังพาคณะของทักษิณไปเยี่ยมชมชุมชนแห่งนี้ด้วย ***ผมทราบครับ คุณก็ไม่ได้คิดนโยบายนี้ขึ้นมาเองเหมือนกันนี่ครับ**** " - ที่เราโต้แย้งคุณ เพราะคุณอ้างว่ามาจากแนวคิดของนักวิชาการ นักปราชญ์อะไรไปโน่น แต่ OTOP มาจากแนวคิดของทักษิณที่ไปได้ idea มาจากญี่ปุ่น ไม่ใช่นักวิชาการอย่างคุณว่า " นโยบายเช็คช่วยชาติเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด เกิดผลเป็นรูปธรรมแล้วครับคือดรรชีการบริโภคดีขึ้น และเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น* " - 5555555 ... ตลกน่ะคุณ ภาษีที่เก็บได้จากประชาชนไม่เท่าไหร่เนี่ยนะ แสดงถึงเศรษฐกิจดี เขาต้องดูที่ภาษีของผู้ผลิต เช่น ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก เป็นหลัก ไม่ใช่ดู vat จากผู้บริโภค แล้วเช็คช่วยชาติก็ไม่ได้แจกกันทุกเดือน มันได้ vat เพิ่มก็แค่ช่วงหลังจ่ายเช็คไม่นาน จากนั้นก็เหมือนเดิม ในเมื่อภาคอุตสาหกรรมยังไม่ได้รับการกระตุ้นให้ฟื้นตัว " แต่คนของพรรคเก่าแก่เอาปลากระป๋องเน่าไปแจก ตลกลงช่วยหรือซ้ำเติมกันแน่ ? ***ยังไม่พิสูจน์กันเลยครับ ระวังจะเป็นการโกงที่เชื่อมโยงมาจากรัฐบาลก่อนด้วย*** " - ข่าวลงออกจะครึกโครม คนแจกก็สวมเสื้อพรรค ยอมรับบ้างเถอะ ถ้าเกี่ยวกับรัฐบาลก่อน มีหรือปชป.จะไม่ดึงมาร่วมวง ก็นานแล้วนะ :P " ไว้จะมาตอบคนที่ไม่ยอมเป็นผู้แพ้และไม่ยอมให้ใครปิดท้ายอย่างคุณ TSC " - ถ้าตราบใดที่ทำให้เคลียร์ไม่ได้ ก็ต้อง post ต่อ มีกฎห้ามไว้หรือ ??? จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:05:56 A:124.122.205.201 X:

ความคิดเห็นที่ 72 ความคิดเห็นที่ 63     ทักษิณดำรงตำแหน่ง รอง นรม. 15 สิงหาคม 2540 - 8 พฤศจิกายน 2540 ฟอร์มทีมกันมาตั้งแต่หลังอำนวย วีรวรรณลาออกแล้วครับ เซ็น LOI วันที่ 14-15 สิงหาคม 2540 ครับ จากคุณ : tarthewise ------------------------------------------------- ยังจะพยายามบิดเบือน เอา ทักษิณ มาเกี่ยวซะให้ได้นะครับ เซ็น LOI กันวันที่ 14 ครับ วันเดียวจบ ส่วน ทักษิณ เข้ารับตำแหน่งวันที่ 15 แบบนี้ไม่ดีนะครับ แล้วที่บอกคุณ TSC ไปว่า... **** ผมพูดถูกต้องแล้วครับ "รัฐบาลชวนผูกพันชำระหนี้ที่ได้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว รัฐบาลทักษิณชำระหนี้เพียง 4,800 ล้านเหรียญ ซึ่งเกือบทั้งจำนวนเป็นเงินกู้ที่ยังไม่ได้มีการเบิกจ่าย ส่วนรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจใช้หนี้ส่วนที่เหลือทั้งหมด ในปี 2546 จำนวนเงิน 4800 ล้านดอลล่าร์ โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวดๆละ 1600 ล้าน**** แหม่... ยังจะมีหน้ามาบิดเบือนอีกนะครับ แต่ไม่ว่ากันครับ... มาดูข้อความนี้หน่อยครับ... เขาให้กู้ 14.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เราเบิกมาจริงๆ 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ รัฐบาลที่แล้วใช้หนี้ไป 200 ล้านเหรียญ พอรัฐบาลนี้เข้ามาก็ผ่อนใช้หนี้ปี 2544-2545 ไปแล้ว 7,000 ล้านเหรียญ ฉะนั้น หนี้คงเหลือ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 208,000 ล้านบาท ตัดมานิดนึง สรุปว่า ประโยคนี้ที่ ทักษิณ พูดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ออกทีวีทุกช่อง เป็นเรื่องโกหกทั้งเพใช่ไหมครับ ??? ผมจะได้รู้ไว้ เอ... แล้วทำไมพลพรรค ปชป. ไม่คัดค้านครับ ทักษิณ โกหกทั้งดุ้นออกทีวีหลอกคนทั้งประเทศแบบนั้น จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 22:18:50 A:124.120.21.167 X:

ความคิดเห็นที่ 74 http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2006/04/P4284179/P4284179.html อันนี้เก่าหน่อยแต่ข้อมูลเยอะดี http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2009/03/P7645932/P7645932.html http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2009/01/P7468348/P7468348.html http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2009/05/P7841060/P7841060.html แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 52 23:57:37 จากคุณ : ดาวเหิน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 23:52:03 A:110.164.8.210 X:

ความคิดเห็นที่ 75 คุณ TSC -แต่เรื่องค่าปรับไม่รู้จริงๆ ถ้าจ่ายหนี้หมดก่อนกำหนด ต้องเสียค่าปรับด้วยหรือ ??? <<< อ่าน คห.28 สิครับ (นั่นแน่ อ่านความเห็นก็ไม่หมด) -แถมทรท.ตอนนั้นก็ไปดูดเอาเสนาะ-เฉลิมเข้ามา ซึ่งใครๆ ก็รู้อยู่ว่าภาพพจน์ไม่ได้ดีนัก <<< ถ้าดูดมาแล้ว ไม่ช่วยให้พรรคมีฐานเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้น... จะดูดมาทำไมละครับ? แปลว่าทรท. สมัยนั้นโง่หรือครับ? (เหมือน ๆ กับปชป. จับมือกับเนวิน ก็รู้ ๆ อยู่ว่าภาพพจน์ไม่ได้ดีนัก หึหึ) - คุณก็ดูพปช.ก็ได้ ขนาดไม่มี 111 คน ส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้ามาส่วนใหญ่ก็หน้าใหม่แทบทั้งนั้น <<< จริงหรือครับ? แต่ฐานเสียงเก่าประเภทเครือญาติก็เยอะนะครับ ไม่ใช่หน้าใหม่ซิง ๆ ที่ไหนก็ไม่ทราบ -คุณอ้างว่าทรท.ได้เพราะไปดูดส.ส.เก่ามา นั่นก็แสดงว่าไม่เป็นความจริง <<< ตกลงอะไรที่ไม่จริงครับ? ดูดส.ส.เก่ามาไม่จริง? หรือดูดส.ส.จนได้รัฐบาลไม่จริง? (อย่างที่ถามข้างต้น ถ้าดูดมาแล้วไม่ได้ประโยชน์ จะดูดมาทำไม?) -แต่รัฐบาลทักษิณเอาอีกหลายงวดที่เหลือนั้นมาจ่ายหมด ได้ภายใน 2 ปี แทนที่จะปล่อยให้เสียดอกเบี้ยเยอะๆ หากจ่ายหลายๆ งวดตามที่รัฐบาลชวนวางไว้ <<< ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืน IMF ต่ำกว่าดอกเบี้ยถ้าเอาไปฝากที่อื่นครับ (ลองอ่านคห. 28 อีกที) -ที่เราโต้แย้งคุณ เพราะคุณอ้างว่ามาจากแนวคิดของนักวิชาการ นักปราชญ์อะไรไปโน่น แต่ OTOP มาจากแนวคิดของทักษิณที่ไปได้ idea มาจากญี่ปุ่น ไม่ใช่นักวิชาการอย่างคุณว่า <<< เอ้า ตกลงว่าคุณทักษิณเอานโยบายของฅนอื่นมาทำ (เรียกอีกอย่างว่าให้โอกาส) หรือว่าคิดนโยบายเองกันแน่ครับเนี่ย? (ฟังหลาย ๆ ที่เหมือนจะอ้างว่าคุณทักษิณคิดนโยบายเองทั้งนั้น) -  ภาษีที่เก็บได้จากประชาชนไม่เท่าไหร่เนี่ยนะ แสดงถึงเศรษฐกิจดี เขาต้องดูที่ภาษีของผู้ผลิต เช่น ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก เป็นหลัก ไม่ใช่ดู vat จากผู้บริโภค <<< คุณ TSC ครับ เช็คช่วยชาติมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้น 'การใช้จ่าย' จะไปดูภาษีผู้ผลิตทำแมวอะไรละครับ ดูภาษีบริโภคถูกแล้วครับ (ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าระยะสั้น ถ้าเศรษฐกิจที่กระตุ้นผู้ผลิต มันระยะกลางขึ้นไปครับ) - รอคุณ tarthewise มาตอบที่เหลือครับ จากคุณ : ราดหน้า (masatha) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 01:52:08 A:10.9.23.219 X:202.28.179.4

ความคิดเห็นที่ 76 ^ ^ ความเห็นที่ 28 แค่เรื่องจำนวนเงินที่ รบ. แม้ว ใช้ กับ รบ. ชวน ใช้ มันก็โกหกทั้งดุ้นแล้วครับ แบบนี้ก็ไม่รู้จะมีอะไรน่าเชื่อถืออีก หรือถ้า ความเห็นที่ 28 ไม่โกหก แสดงว่า แม้ว โกหกออกรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจต่อคนทั้งประเทศครับ... แล้วเรื่อง " เช็คช่วยชาติ " ตกลงว่า มีจุดประสงค์เพื่ออะไรกันแน่ครับ ??? กระตุ้นใช้จ่ายระยะสั้น ? ลดสินค้าในสต๊อค ? หรือว่าเพื่อให้หมุนครับ ? ผมเห็นเรื่องนี้ตอบไม่ตรงกันซักคน บางคนบอกถึงขนาดบอกว่า เงินเช็คช่วยชาติ จะหมุนได้ 7 - 8 รอบ ช่วย GDP ได้เยอะแน่ะ ( แบบนี้คงไม่ใช่ระยะสั้นแล้วมั้งครับ ) ปล. คิดว่า tarthewise ไม่มาตอบหรอกครับ... แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 08:46:31 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 08:45:52 A:124.120.18.165 X:

ความคิดเห็นที่ 77 คุณ SaVor อ่านความเห็น 14 เทียบกับความเห็น 28 สิครับ ความเห็น 28 ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลชวนใช้หนี้ไปเท่าไหร่นะครับ บอกแค่ว่าทยอยจ่ายจนถึงปี 2545 แล้วปี 46 ตัดสินใจใช้หนี้ที่เหลือ 4,800 ล้าน (ก็ตรงกับคห. 14 ที่คุณทักษิณพูดมาเอง) ส่วนที่ออกรวมการเฉพาะกิจ นั่นพูดถึงหนี้ทั้งหมดที่ใช้ตั้งแต่รัฐบาลคุณทักษิณเริ่มทำงาน หนี้ทั้งหมดที่จ่าย กับ หนี้ส่วนสุดท้ายที่ตัดสินใจจ่าย ไม่เหมือนกันนะครับ (ผมอ่านแล้วไม่มีตรงไหนที่ข้อมูลขัดแย้งกันครับ) ***** เรื่องเช็ค แล้วแต่ว่าคุณ SaVor ฟังมาจากใครครับ (ฅนออกมาพูดเยอะแยะไปหมด) แต่ที่แน่ ๆ คือเป็นมาตรการระยะสั้น (ส่วนลดสต็อกนี่ไม่น่าใช่ ฮา) ที่ว่าหมุน 7-8 รอบ เป็นการคาดการณ์น่ะครับ ทุกครั้งที่อ่านวิเคราะห์ ก็จะมีย้ำเสมอว่าเป็นการ 'คาดการณ์' ถ้าทำได้จริง ก็จะช่วยกระตุ้น GDP ซึ่งในวิเคราะห์ก็จะบอกชัดว่าเป็นในเชิง 'ทฤษฎี' เพราะของจริงไม่มีใครทราบว่าฅนจะเอาเงินไปใช้จริงหรือไม่ หรือเอาไปออม หรือเอาไปใช้จ่ายที่ไม่เกิดการหมุนเวียนต่อไป เพราะฉะนั้นมีหลายความเห็นน่ะไม่ได้ผิดหรือขัดแย้งกันครับ แต่ที่ชัวร์คือไม่มีใครหวังจะให้เป็นมาตรการระยะยาว หรือแจกแล้วแจกอีก แจกไปเรื่อย ๆ แน่ ๆ ครับ จากคุณ : ราดหน้า (masatha) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 09:36:23 A:10.9.23.219 X:202.28.179.4

ความคิดเห็นที่ 78 แค่นี้ผมก็ถือว่าพยายาม " บิดเบือน " แล้วครับ... เพราะพูดเหมือน ทักษิณ ใช้ก้อนสุดท้ายก้อนเดียว คือพยายามข้ามเนิ้อหาไปเลย แล้วมาจบที่ ทักษิณ ปิดหนี้อย่างเดียว... เรื่องดอกเบี้ยก็บิดเบือนครับ เพราะจากที่ ทักษิณ พูดไว้ในโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เราประหยัดดอกเบี้ยไปได้ 5000 ล้านบาท ไม่รู้ว่าไอ้ 984 ล้านนั่นเอามาจากไหน เรื่อง ADB ผมก็บอกไปแล้วว่า ถ้าทักษิณกล้าๆ refinance หนี้ IMF จริงๆ รับรองครับว่า " เละ " บทความมันโกหกเกือบหมดเลยครับ... ไม่รู้จะเชื่อตรงไหนได้บ้าง ถ้าจะโจมตีเรื่องนี้จริงๆ เอาจากเว็บ IMF มาเลย ผมก็ยังพอว่าครับ... อ่อ... แถมอีกว่า บทความนี้ยังเลือกที่จะมองข้าม " เงื่อนไขมหาโหด " ของ IMF เสียอีกครับ... แล้วเรื่อง " หนี้ต่างประเทศ " ในสมัยทักษิณ มันน้อยลงจริงๆครับ ดังนั้นจะมาบอกว่า refinance อันนี้คงไม่ใช่ล่ะ credit : รูป mcu51 ครับ พอดีสำนักงานบริหารมันเอาส่วนข้อมูลออกไปแล้ว ( คงกลัวโดนคุ้ยเรื่องหนี้สาธารณะของรัฐบาลปัจจุบัน ) จำไม่ได้แล้วว่า ตอนนั้นถกเรื่องอะไรกัน เขาถึงโยงตัวเลขบวกโน่นลบนี่ไปตั้งเยอะขนาดนั้น แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 10:23:57 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 10:18:55 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 10:17:39 A:124.120.18.165 X:

ความคิดเห็นที่ 79 เรื่อง เช็คช่วยชาติ นี่ ผมเห็นว่า ถ้ามีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร... ก็บอกกันตรงๆเลยดีกว่า ไม่ใช่มาอ้อมๆ บิดโน่นนี่ บอกว่า หมุนได้ 6 - 7 รอบแล้ว จะช่วย GDP ได้มหาศาล พูดไปตามทฤษฎี ? ใช่... แต่ ทฤษฎี ที่โอกาสเกิดตามมันแทบไม่มี แบบนี้ผมก็ว่าไม่ควรพูดนะครับ คุณคงเห็นด้วยใช่ไหม ? ปล. ผมเคยถกเถียงกับคนในนี้ เขาบอกว่า เช็คช่วยชาติ ช่วยลดสินค้าคงคลังได้จริงๆครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 10:22:09 A:124.120.18.165 X:

ความคิดเห็นที่ 80 เข้ามาถามประโยคสั้นๆ ถ้าการแก้ไขหนี้ IMF เป็นฝีมือและผลงานของรัฐบาล ปชป. ที่ปูทางไว้ให้กับรัฐบาลทักษิณ..ใครเป็นพระเอกที่ทำภารกิจนี้ครับ คุณชวน, คุณมาร์ค, เทพเทือก ? หรือนายธารินทร์ ผู้ล่วงลับหายไป.. ทำไมพระเอกของหนังเรื่องนี้ถึงเงียบหายไปในซอกหลืบของสังคม ไม่มีแม้แต่คำเยินยอจากพลพรรคตัวเอง.. ใครบอกได้บ้างครับ จากคุณ : กาแฟยามบ่าย เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 10:32:19 A:125.25.85.115 X:

ความคิดเห็นที่ 81 แค่นี้ผมก็ถือว่าพยายาม " บิดเบือน " แล้วครับ... เพราะพูดเหมือน ทักษิณ ใช้ก้อนสุดท้ายก้อนเดียว <<< ขอบคุณครับ ผมจะได้รับทราบว่า การที่ใครเขียนอะไรแล้วฅนอ่านตีความผิด เป็นความผิดของ "ฅนเขียน" ไม่ใช่ความผิดของ "ฅนอ่าน" นะครับ เรื่องเช็คช่วยชาติก็เหมือนกันครับ เวลาจะทำนโยบายก็ต้องวิเคราะห์ตามหลักทฤษฎีว่าโดยหลักแล้วได้เท่าไหร่ เวลาประเมินผลจริงจะได้เปรียบเทียบได้ถูกว่าหลักทฤษฎีถูกต้องเป็นจริงแค่ไหน เวลาฅนโจมตีว่าโครงการนี้จะช่วยได้เท่าไหร่ ฝ่ายนโยบายก็ต้องออกมาอธิบายสิครับ เวลาอธิบายก็บอกแล้วว่า ทฤษฎีได้แบบนี้นะ ส่วนของจริงยังไม่มีใครทราบ ถ้าคุณเป็นฅนออกนโยบาย ไม่ทราบว่าจะพูดอธิบายเรื่องนี้อย่างไรเล่าครับ (อธิบายก็ผิด ไม่อธิบายก็ผิด) **** คุณ กาแฟยามบ่าย ถ้าให้ตอบเล่น ๆ ก็เพราะว่าฅนพรรคนี้เค้าทำงานกันเป็นทีมครับ ผลงานออกมาก็เป็นเครดิตพรรค ไม่มีใครเค้าชอบอวด ชูตัวบุคคลราวกับว่าตัวเองเป็นพระเอกอยู่ฅนเดียวหรอกครับ ^_^ (แซวเล่นนะครับ) จากคุณ : ราดหน้า (masatha) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 11:00:27 A:10.9.23.219 X:202.28.179.4

ความคิดเห็นที่ 82 คุณ ราดหน้า (masatha) ผมเข้าใจระบบทีมเวิร์คดีครับ..แต่ไม่ว่าทีมเวิร์คจะดีแค่ไหน มันต้องมี:-)าน ต้องมีผู้นำที่รับผิดชอบความสำเร็จ.. แล้วเรื่องที่เราพูดถึงนี้.."ใคร" คือผู้นำในความสำเร็จ..พูดกันตรงๆเลยว่าแม้แต่แผนกอบกู้วิกฤติในเวลานั้น ผมก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินจากผู้รับผิดชอบของพรรค ปชป. แม้แต่คนเดียว.. มีแต่คำว่า "เรามาถูกทางแล้ว", "เศรษฐิกิจกำลังดีขึ้น".. นี่เป็นเรื่องของการบริหาร..ไม่ว่าจะบริษัทฯ หรือประเทศ หัวใจหลักของการบริหารคือวิสัยทัศน์, ทิศทางและความชัดเจน จนถึงเป้าหมาย..ซึ่ง ปชป. ไม่เคยมีหรือแสดงมาก่อนเลย..แต่พอมีผลสำเร็จ กลับแย่งกันออกหน้ามาเอาผลงาน..มันดูไม่เป็นตรรกะครับ จากคุณ : กาแฟยามบ่าย เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 11:27:59 A:125.25.85.115 X:

ความคิดเห็นที่ 83 rep 81 ผมว่าคุณต้องไปอ่านคำพูดของทักษิณอีกรอบ ว่าถ้าปล่อยให้ ธปท. จัดการ หนี้ IMF จะหมดภายในกี่ปี ? แล้วดูตาม schedule การชำระเงิน หรือเทียบกับ รบ. ชวน 2 ก็ได้ เพราะ ชวน 2 ชำระงวดแรกตามกำหนดเป๊ะๆ การที่เขียนมาเหมือนกับว่า " ถ้าเป็น รบ. ไหนก็หาเงินมาใช้หนี้ได้หมดแหละ " โดยไม่ให้เครดิตเขาเลย แบบนี้มันเข้าข่ายบิดเบือนหรือไม่ ? คิดเอาเองนะครับ... เรื่อง เช็คช่วยชาติ นี่คุณก็เข้าใจผิดอีกนะครับ... ผมก็พิมพ์บอกไปแล้วว่า ผมไม่ว่าครับ... ถ้าทฤษฎีที่มาอธิบายจะสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง หรือมีโอกาสเป็นไปได้สูง แต่นี่คุณคุยไว้ 500 ทำได้จริง 50 แบบนี้มันเหมือนกับโฆษณาชวนเชื่อ พวกแชร์แม่ชะม้อย แชร์ลูกโซ่ นะครับ เรื่องแบบนี้สมควรออกมาจากฝ่ายรัฐบาลเหรอครับ ??? แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 11:56:07 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 11:55:07 A:124.120.18.165 X:

ความคิดเห็นที่ 84 ในเรื่องนโยบายต่างๆว่านโยบายไหนดีไหนไม่ดีขอไม่ถกตอนนี้นะครับ ส่วนตัวชอบหลายๆนโยบายของทักษิณเหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่เห็นด้วยคือพูดเหมาผลงานการใช้หนี้ IMF ได้ก่อนกำหนด เพราะที่ใช้ได้ก่อนกำหนดไม่ใช่เพราะฝีมือหรือความเก่ง หรือวิสัยทรรศน์เลย เป็นเพียงการตัดสินใจว่าจะนำเงินที่มีอยู่ไปใช้หนี้ IMF เท่านั้น ซึ่งเงินที่มีอยู่ก้อนนั้นถึงแม้ทักษิณไม่ได้เป็นนายกเงินก้อนนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน เพิ่มลดไปกว่านั้นไม่มากหรอกครับ สำหรับผมผลงานทักษิณที่ผมเห็นเด่นๆ จะเป็นลักษณะโปรเจคมากกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นโปรเจคที่ส่งผลต่อคนระดับที่มีเงินน้อย เรื่องใช้หนี้ IMF ผมไม่คิดว่าเป็นผลงานทักษิณ ผมคิดว่าเป็นเพียงการตัดสินใจเท่านั้น *เพิ่มเติม สำหรับผมคำพูดของทักษิณฟังได้ครับ บางทีก็ได้มุมมองอะไรเพิ่มขึ้น แต่เชื่อหรือไม่คงต้องว่ากันอีกประเด็น เพราะจากอดีตคำพูดของคนคนนี้ทำให้ผมไม่แน่ใจ ว่าประโยคไหนบ้างที่เป็นความจริง แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 12:00:47 จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 11:57:57 A:58.8.211.165 X:

ความคิดเห็นที่ 85 ^ ^ คำพูดของ ทักษิณ อาจไม่ได้จริงเสมอไปครับ... นี่ถูกต้อง และก็เป็นจริงสำหรับทุกคนนั่นแหละ... แต่... นี่ไม่ใช่การพูดจากโฟนอินทั่วไปครับ เป็นการพูดผ่านรายการพิเศษผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ออกทีวีทุกช่องพร้อมกันทั่วประเทศ และในเวลานั้นก็ไม่มีใครแย้งเนื้อหาในนั้นเลย ( มีแต่แย้งว่า " อย่าพึ่งใช้หนี้เลย เด๋วตูเสียหน้า " ) ดังนั้นความน่าเชื่อถือ ผมว่ามีมากกว่า บทความที่ใช้การจับแพะชนแกะมาเขียนภายหลังจากนั้นมากเลยนะครับ ปล. อะไรที่เป็น comment ผมไม่ค่อยตัดแปะหรอกครับ ( ยกเว้นบทความเกี่ยวกับกฎหมาย ) เพราะ ผมวิเคราะห์เอง พิมพ์เองได้ แต่ความน่าเชื่อถือของเนื้อหาที่ทักษิณพูดผ่านทีวีรวมการเฉพาะกิจ ผมว่าใกล้เคียงกับ fact เลยนะ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 12:21:44 A:124.120.18.165 X:

ความคิดเห็นที่ 86 เรื่องจะมีหรือไม่มีคนออกมาวิจารณ์ไม่ได้เป็นตัวตัดสินนะครับว่าเรื่องนั้นถูกต้องหรือไม่ จะพูดออกรายการเฉพาะกิจก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริงถูกต้องเสมอไปนะครับ ตอน คมช.ก็มีพูดออกรายการเฉพาะกิจออกทีวีทุกช่องทั่วประเทศเหมือนกันนี่ครับ ส่วนเรื่องคำพูดของทักษิณนี่มันเป็นหนักกว่าคนปกติทั่วไปนะครับ ถ้าให้ยกตัวอย่างมีมากมายครับ เช่น เรื่องโกหกว่าจะไปนอกแล้วกลับมา แต่บินหนีคดี หรือที่โกหกว่าเสียงปืนลั่นจะกลับมา และโกหกเรื่องทหารฆ่าประชาชน มีรูปไปยืนยันอีกแฮะ โกหกประจานตัวเองออกข่าวทั่วโลกเลย ส่วนตัวผมชอบหลายนโยบายของทักษิณ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบคือคำพูดกลับกรอกเชื่อไม่ได้ จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 13:42:58 A:58.8.211.165 X:

ความคิดเห็นที่ 87 ^ ^ น้ำหนักมันคนละเรื่องเลยครับ... รัฐบาลทักษิณในตอนนั้นมี accountability ให้คุณตรวจสอบอย่างเต็มที่ ฝ่ายตรงข้ามอย่างพรรค ปชป. ก็ไม่ได้โดนบีบ ( ตรงข้ามกับ รบ. สิงคโปร์ ที่เล่นงานทุกอย่าง ) ส่วน คมช. แค่คำว่า " รัฎฐาธิปัตย์ " คำเดียวเลิกคุยครับ... ผมถึงบอกว่า " ถ้าทักษิณกล้าโกหกขณะออกทีวีต่อคนทั้งประเทศ ต่อพรรคฝ่ายค้านที่เชี่ยวชาญเกมการเมืองมากที่สุดอย่าง ปชป. ป่านนี้เขาเละไปแล้วครับ... " คำแย้งจากบทความทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งใครก็ไม่รู้เป็นคนเขียน ไม่มีหลักฐานอะไรรองรับ จึงแทบไม่มีน้ำหนักอะไรเลยครับ... ถ้ามาเทียบกับสิ่งที่พูดออกทีวีทั่วประเทศ ( แถมบางส่วนโกหกเห็นๆอีกด้วย เช่น บอกว่ากู้ ADB มาใช้หนี้ IMF แต่หนี้นอกดันลดแบบมหาศาล ) แต่... ถ้าเป็นการแย้งจากพรรค ปชป. จากคณะทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชวน 2 การแย้งโดยที่มีหลักฐานเป็นตัวเลขชัดเจน เช่น จาก ธปท. โดยตรง ผมก็คิดว่าเป็นสิ่งที่น่าจะนำมาถกเถียงกัน เห็นด้วยไหมครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 16:02:12 A:124.121.248.27 X:

ความคิดเห็นที่ 88 คุณราดหน้า (masatha) " แต่เรื่องค่าปรับไม่รู้จริงๆ ถ้าจ่ายหนี้หมดก่อนกำหนด ต้องเสียค่าปรับด้วยหรือ ??? <<< อ่าน คห.28 สิครับ (นั่นแน่ อ่านความเห็นก็ไม่หมด) " - เอาของจริง ไม่ใช่บทความของสื่อที่อยู่ตรงข้ามทักษิณ เพราะเราก็เพิ่งได้ยินนี่แหละ "จ่ายหนี้หมดก่อนกำหนดต้องเสียค่าปรับ" " ถ้าดูดมาแล้ว ไม่ช่วยให้พรรคมีฐานเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้น... จะดูดมาทำไมละครับ? แปลว่าทรท. สมัยนั้นโง่หรือครับ? (เหมือน ๆ กับปชป. จับมือกับเนวิน ก็รู้ ๆ อยู่ว่าภาพพจน์ไม่ได้ดีนัก หึหึ) " - อ้อ! อย่างนั้นก็หมายความว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นเสนาะ-เฉลิม ดีกว่าคนปชป.ใช่ไหม ถึงได้ไปยอมเลือกทรท. ทั้งที่มีแต่ส.ส.เสือสิงห์กระทิงแรด ในขณะที่ปชป.มีแต่ส.ส.ดรีมทีมที่(ยกหางตัวเอง)ว่าสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในช่วงนั้นได้ " คุณก็ดูพปช.ก็ได้ ขนาดไม่มี 111 คน ส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้ามาส่วนใหญ่ก็หน้าใหม่แทบทั้งนั้น <<< จริงหรือครับ? แต่ฐานเสียงเก่าประเภทเครือญาติก็เยอะนะครับ ไม่ใช่หน้าใหม่ซิง ๆ ที่ไหนก็ไม่ทราบ " - แล้วปชป.ของคุณไม่มีฐานเสียงเลยเหรอ โดยเฉพาะกทม.ที่ว่าพลเมืองส่วนใหญ่เป็นคนมีการศึกษาสูง แถมเป็นฐานเสียงปชป.เอง ช่วงนั้นก็ไม่ได้เลือกปชป.กันแบบถล่มทลาย แถมในการเลือกตั้งถัดมาก็แพ้ทรท.ราบคาบอีกต่างหาก " ตกลงอะไรที่ไม่จริงครับ? ดูดส.ส.เก่ามาไม่จริง? หรือดูดส.ส.จนได้รัฐบาลไม่จริง? " - ดูดส.ส.เก่ามาแล้วทำให้ได้รับเลือกตั้ง...ไม่เป็นความจริง ก็บอกว่าให้ดูสมัยพปช.เป็นตัวอย่าง คนที่แยกไปอยู่พผ. มฌ. ได้เข้ามากันกี่คน ขนาดสุวิทย์หน.พผ.ยอมลงแบบเขตยังสอบตกเลย นั่นก็ส.ส.เก่าของพื้นที่เลือกกี่ทีก็ได้ แต่ล่าสุดกลับสอบตก ซึ่งพรรคเหล่านี้ก็ส.ส.เก่าและเคยเป็นทรท.มาก่อนทั้งนั้น ส่วนพวกที่มีส.ส.เก่ามากที่สุดเหนียวแน่นที่สุดอย่างปชป. ยังไม่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งเลย " ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืน IMF ต่ำกว่าดอกเบี้ยถ้าเอาไปฝากที่อื่นครับ (ลองอ่านคห. 28 อีกที) " - เอาของจริง ไม่เอาบทความจากสื่อฝ่ายตรงข้าม " เอ้า ตกลงว่าคุณทักษิณเอานโยบายของฅนอื่นมาทำ (เรียกอีกอย่างว่าให้โอกาส) หรือว่าคิดนโยบายเองกันแน่ครับเนี่ย? (ฟังหลาย ๆ ที่เหมือนจะอ้างว่าคุณทักษิณคิดนโยบายเองทั้งนั้น) " - คุณนี่เป็นคนที่อ่านแล้วจับใจความไม่ได้เอาซะเลย คุณ tarthewise แกบอกว่า โครงการต่างๆ ที่ทักษิณทำนั้น มาจากนักปราชญ์-นักวิชาการของไทยหลายๆ คน โดยยกตัวอย่างโครงการมา 3 อัน เราก็บอกว่า กรณี OTOP กับ 30 บาทไม่ใช่อย่างที่เขาว่า OTOP เป็นแนวคิดของทักษิณที่ไปได้ idea มาจากหมู่บ้านหนึ่งในญี่ปุ่น ส่วน 30 บาท เป็นแนวคิดของหมอสงวนที่นำมาเสนอให้กับทรท. และทักษิณก็ให้โอกาสหมอเลี๊ยบได้ทำโครงการนี้ตามที่ขอ เพราะตอนแรกทักษิณจะไม่เอา เหมือนที่หมอสงวนเคยไปเสนอกับปชป.แล้วก็ปฏิเสธมา ปชป.ไม่ให้โอกาสนำแนวคิดนี้ของหมอสงวนไปใช้ ถ้ายังไม่เข้าใจ กรุณาอ่านหลายๆ รอบ " คุณ TSC ครับ เช็คช่วยชาติมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้น 'การใช้จ่าย' จะไปดูภาษีผู้ผลิตทำแมวอะไรละครับ ดูภาษีบริโภคถูกแล้วครับ " - นี่ก็มั่วอีก ไม่อ่านให้ละเอียดว่าเราตอบในประเด็นไหน คุณ tarthewise แกบอกว่ารัฐบวมมาร์คกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยอ้างเช็คช่วยชาติ ที่ทำให้เก็บ vat ได้มากขึ้น เราจึงบอกไปว่า ถ้ากระตุ้นได้จริงไม่ใช่ดูแค่เรื่องเช็คช่วยชาติหรือ vat ที่ได้จากนำเช็คนี้ไปซื้อของ เพราะมันแค่ระยะสั้น แต่จะต้องดูไปที่ภาคอุตสาหกรรมและส่งออก หากเก็บภาษีใน 2 ส่วนนี้ได้มาก นั่นแสดงว่านโยบายรัฐบาลถูกต้อง แต่ทุกวันนี้ส่งออกก็ต่ำกว่าเป้า ภาษีของภาคอุตสาหกรรมก็เก็บไม่ได้ตามเป้าหมายน้อยกว่าสมัยสมัครอีก จะได้ก็แต่ภาษีน้ำมันที่รัฐบวมนี้ไปเพิ่มขึ้น แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 52 17:18:24 จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:00:58 A:124.121.35.37 X:

ความคิดเห็นที่ 89 คุณ papafun " แต่สิ่งที่ไม่เห็นด้วยคือพูดเหมาผลงานการใช้หนี้ IMF ได้ก่อนกำหนด เพราะที่ใช้ได้ก่อนกำหนดไม่ใช่เพราะฝีมือหรือความเก่ง หรือวิสัยทรรศน์เลย เป็นเพียงการตัดสินใจว่าจะนำเงินที่มีอยู่ไปใช้หนี้ IMF เท่านั้น " - ต่างกันตรงไหน ? และการที่ทักษิณคืนหนี้ IMF หมดก่อนกำหนดก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่หรือ เช่นเดียวกับรัฐบาลชวน 2 เป็นผู้เริ่มจ่ายคืนหนี้ IMF 2 งวดแรก ก็เป็นความจริง ในเมื่อมันเป็นความจริงทั้งสองเหตุการณ์ มันก็ต้องให้เครดิตทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะไปอิจฉาทำไมทักษิณจ่ายหนี้หมด ชวนก็เริ่มจ่ายหนี้ก่อนเหมือนกัน " เรื่องใช้หนี้ IMF ผมไม่คิดว่าเป็นผลงานทักษิณ ผมคิดว่าเป็นเพียงการตัดสินใจเท่านั้น " - ถ้าทักษิณไม่ตัดสินใจ แล้วใช้หนี้ตามตารางที่รัฐบาลชวนวางไว้ นั่นถึงจะเรียกว่าไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลทักษิณ แต่ที่ทักษิณกล้าตัดสินใจใช้คืนหนี้หมด โดยการนำเงินที่ได้มาจากการทำตามนโยบายของรัฐบาลเขาไปใช้หนี้...ก็ต้องถือเป็นผลงานทักษิณด้วย เพราะการจะหาเงินมหาศาลมาคืนหนี้ได้หมดในเวลาอันสั้นได้นั้น แสดงว่ารัฐบาลทักษิณใช้นโยบายของตัวเองในการหาเงินก้อนนี้ อย่าบอกว่ารัฐบวลชวนเตรียมเงินไว้ให้นะ ... ไม่ใช่เลย เพราะรัฐบาลชวนแค่วางตารางไว้ให้ว่าถ้าจ่ายหนี้ตามเวลาที่วางไว้ก็มีเงินใช้หนี้ได้ตามปกติ แต่เขาไม่ได้วางหรือหาเงินไว้ล่วงหน้าสำหรับจ่ายคืนหนี้ก่อนกำหนด ถ้ารัฐบาลชวนมีเงินก้อนใหญ่สำหรับใช้หนี้คืนล่วงหน้าก่อนกำหนด นั่นค่อยถือเป็นผลงานของเขา จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:09:11 A:124.122.3.107 X:

ความคิดเห็นที่ 90 (เพิ่มเติม) มีเพื่อนให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการกู้ IMF มาให้ดู เป็นบทความของของก.คลัง ไม่ใช่จากคอลัมนิสต์ฝ่ายตรงข้ามทักษิณ ค่อนข้างชัดเจนว่า สาเหตุของการกู้ IMF หลักๆ มาจากการเปิด BIBF แต่กลับไม่มีมาตรการจัดการที่ดีพอ บวกกับความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารด้านการเงินของรัฐบาลในช่วงนั้น จึงทำให้เกิดวิกฤติทางการเงิน และรัฐบาลชวนเป็นผู้เซ็นสัญญากับ IMF ถึง 3 ครั้ง ซึ่งหนึ่งใน 3 ครั้งนี่แหละที่นำมาสู่การออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ เพื่อแปรรูปรัฐวิสาหกิจ 100% http://www.mof.go.th/fpobul/FFU001.htm จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:11:16 A:124.122.3.107 X:

ความคิดเห็นที่ 91 ผมไม่ตอบคุณครับ จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 17:37:11 A:58.8.211.165 X:

ความคิดเห็นที่ 92 เอ ผมสงสัยแล้วละครับว่าการอ่านจับใจความของผมจะมีปัญหาจริง ๆ หึหึ - ไม่เคยได้ยินเรื่องดอกเบี้ย ผมก็บอกว่า เอ๊ะ มันอยู่ในคห.28 แล้วหนิ คุณก็มาบอกว่า ถ้าเป็นบทความจากฝ่ายตรงข้าม ไม่อ่าน โอเค ไม่ว่ากัน ******* - คุณ tarthewise แกบอกว่า โครงการต่างๆ ที่ทักษิณทำนั้น มาจากนักปราชญ์นักวิชาการของไทยหลายๆ คน โดยยกตัวอย่างโครงการมา 3 อัน <<< ตลกมากครับ เขาไม่ได้คุยกันประเด็นว่าใครเป็นฅนต้นคิดครับ เขาพูดถึงเรื่องทำง่ายทำยาก แต่ีคุณก็ไปเล่นจับประเด็นว่าใครเป็นฅนต้นคิด ซึ่งฅนละใจความกันเลย ประเด็นของคุณ tarthewise คือโครงการเหล่านี้มีต้นแบบ หรือมีหลักการมาอยู่แล้ว ซึ่งการที่คุณ TSC ไปนั่งเถียงว่า โครงการนั้น ฅนนั้นเป็นฅนคิด โครงการนี้ฅนนี้เป็นฅนคิด ไม่ได้ทำให้หลักใหญ่ใจความที่คุณ tarthewise พูด เปลี่ยนไปเลยครับ (เว้นแต่จะบอกว่ามีโครงการไหนที่คุณทักษิณเป็นฅนต้นคิดจริง ๆ...) แล้วเรื่อง 30 บาท ที่คุณหมอสงวนเป็นฅนคิด ผมก็ไม่ทราบว่าคุณ TSC จะแย้งไปทำไม (ยกเว้นแต่คุณจะบอกว่า คุณหมอสงวนไม่นับเป็นนักวิชาการ โอเค ถือว่าตีความคำว่านักวิชาการแตกต่างกันก็ได้) ******* - เรื่องเ็ช็คช่วยชาติ คุณ tarthewise ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น "ส่วนหนึ่ง" ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด มันตลกตรงที่ว่า มาตรการหนึ่งก็มีเป้าหมายหนึ่ง แต่คุณ TSC เล่นไปเหมาว่า มาตรการแบบนี้ ทำไมไม่ใช้ตัววัดแบบอื่น ซึ่งเป็นฅนละตัวกัน (คุณ tarthewise ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเช็คช่วยชาติจะทำให้เศรษฐกิจ "ทั้งหมด" ดีขึ้นจนเอาตัววัดตัวไหนไปใช้ก็ได้) คุณเองก็รู้ว่าเป็นระยะสั้น แต่ก็ยังอยากจะเอาตัวชี้วัดอื่นมาใช้...ตลกน่าครับ ******* ขอบคุณสำหรับบทความครับ ไ้ด้ความรู้มากทีเดียว จากคุณ : ราดหน้า (masatha) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 52 21:57:56 A:10.9.23.219 X:202.28.179.4

ความคิดเห็นที่ 93 คุณ papafun " ผมไม่ตอบคุณครับ " - คุณนี่เหมือนพวกเหลือง(พธม.-ปชป.)หลายๆ คนที่เราคุยด้วยจริงๆ พอถึงคำถามสำคัญ จะอ้างโน่นอ้างนี่ เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบ ทั้งที่ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจก็ถกประเด็นไปตามปกติ เราเองยังไม่เคยที่จะเลี่ยงตอบในสิ่งที่คุณ post เลย ทำไมเหรอ คำถามยิงตรงแบบนี้ มันเป็นยังไงเหรอถึงไม่อยากตอบ ทีหลังไมค์เรื่องจักรภพก็ยังคุยได้ แต่พอมาเรื่องนี้เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ประเภทถามตรงๆ ไม่ตอบ แล้วก็เลี่ยงไปเรื่อยจนกระทั่งจับได้ว่าโกหก จะเป็นแบบเดิมอีกหรือ ไอ้เรารึอุตส่าห์ลืมไปแล้ว เรื่องที่คุณโกหกเราในกระทู้จับผิด และรู้สึกดีขึ้นบ้างที่คุณยอมถกกับเราหลังไมค์แบบฉันท์มิตร แต่ทำไมมากระทู้นี้เอาอีกแล้วล่ะ เราไปทำอะไรให้คุณหงุดหงิดอีก หรือเจอคำถามมันแทงใจดำเลยอาการออก จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 18:45:35 A:124.121.37.90 X:

ความคิดเห็นที่ 94 คุณ TSC ที่ผมไม่พูดชื่อคุณ และไม่พูดรายละเอียดอะไรมาก เพราะผมยังให้เกียรติคุณอยู่ เรื่องจักรภพที่ผมยอมคุยกับคุณหลังไมล์ เพราะเป็นประเด็นต่อเนื่องก่อนเกิดเรื่อง ซึ่งผมก็ชี้แจงคุณแล้วและก็รับฟังทีคุณชี้แจงแล้ว(ในเรื่องจักรภพ) คิดว่าประเด็นนั้นน่าจะจบไปแล้ว ผมจึงไม่มีเหตุผลที่จะเสวนากับคุณอีก แต่ในเืมื่อคุณพูดแบบนี้กับผมตรงหน้าบอร์ด ผมก็ขอบอกคุณตรงๆตรงหน้าบอร์ดเหมือนกันว่าผมไ่ม่อยากคุยกับคุณ ซึ่งเหตุผลได้ชี้แจงไปหมดแล้ว จะให้พูดสรุปสั้นๆคือคุยกับคุณแล้วเสียเวลาเสียความรู้สึก จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 19:01:39 A:58.8.12.220 X:

ความคิดเห็นที่ 95 คุณ papafun " คุณ TSC ที่ผมไม่พูดชื่อคุณ และไม่พูดรายละเอียดอะไรมาก เพราะผมยังให้เกียรติคุณอยู่ " - อ้อ! การ post ออกมาโครมเบ่อเริ่มว่า "ผมไม่ตอบคุณครับ" คือการให้เกียรติอย่างนั้นหรือ แล้วเราไปว่าอะไรคุณในความเห็นก่อนล่ะ คุณถึงมา post ใส่หน้าเราแบบนี้ แค่ไม่ระบุชื่อแล้วบอกเป็นการให้เกียรติ แล้วถ้าเกิดเราด่าคุณแต่เราไม่ใส่ชื่อคุณก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติเหมือนกันใช่ไหม ??? เราพยายามอ่านทบทวนความเห็นก่อนว่ามีคำไหนที่เป็นการตำหนิหรือกดดันใช้ภาษารุนแรงอะไรกับคุณหรือเปล่า ก็ไม่เห็นมี หรือถ้ามีคุณก็ช่วยบอกด้วยว่าไม่พอใจเรื่องอะไร ประโยคไหน และที่เรา post ทั้งหมดก็ใช้ภาษาธรรมดาๆ เพราะเห็นว่าเรากับคุณน่าจะพอคุยกันได้ตามปกติแล้ว จากที่หลังไมค์คุยกัน ก็ไม่คิดว่าคุณจะมาตอบเราด้วยภาษาและอารมณ์แบบนี้อีก จริงๆ แล้วที่เรา post ถกกับคุณประเด็นนั้น เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้คำตอบใดๆ จากคุณทั้งสิ้น แค่สงสัยบางส่วนก็ตั้งคำถามไว้ คุณจะตอบหรือไม่ก็ได้ เพราะถ้าอยากให้คุณตอบจริงๆ เราคงหลังไมค์เชิญคุณมาให้ข้อมูลแล้ว แต่นี่เราเฉยๆ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนไป ก็แปลกดีคุยหลังไมค์กันดีๆ นึกว่าจะคุยได้ดีเหมือนเดิม แต่คราวนี้เป็นเหมือนเดิมอีก ตี๊สแตกอีก เจอคำถามจี้ใจดำเข้าหน่อยแสดงอาการเลย แค่ถามว่า "ต่างกันตรงไหน ?" มันหนักหนาอะไรถึงกับทำให้อารมณ์ขึ้นแล้วพูดคุยกันดีๆ ไม่ได้ ก็ไม่คิดเลยนะที่อยู่ๆ คุณมาใส่อารมณ์แบบนี้กับเราอีก ทั้งที่เราลืมเรื่องก่อนแล้วหันกลับมามองคุณในแง่มุมดีๆ แล้วหลังจากที่ได้สนทนากันหลังไมค์ บอกตรงๆ ผิดหวังมาก นึกว่าอย่างน้อยก็จะได้มีคนเห็นต่างที่เสวนากันได้อีกสักคน และเราก็คงพูดคล้ายๆ คุณนั่นแหละ ...เสียดายเวลาที่เราตั้งใจสร้างบรรยากาศดีๆ ฉันท์มิตรต่อคุณ เสียความรู้สึกที่คุณมาใช้อารมณ์กับเราแบบไม่ให้เกียรติใดๆ... จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 20:20:41 A:124.122.205.68 X:

ความคิดเห็นที่ 96 คุณราดหน้า (masatha) " เอ ผมสงสัยแล้วละครับว่าการอ่านจับใจความของผมจะมีปัญหาจริง ๆ หึหึ - ไม่เคยได้ยินเรื่องดอกเบี้ย ผมก็บอกว่า เอ๊ะ มันอยู่ในคห.28 แล้วหนิ คุณก็มาบอกว่า ถ้าเป็นบทความจากฝ่ายตรงข้าม ไม่อ่าน " - กำเจงๆ...มาว่าเราอ่านจับใจความมีปัญหา ทั้งที่เราไม่ได้บอกเลยว่าสงสัยเรื่องดอกเบี้ย แต่เรา post ว่า... ...เอาของจริง ไม่ใช่บทความของสื่อที่อยู่ตรงข้ามทักษิณ เพราะเราก็เพิ่งได้ยินนี่แหละ "จ่ายหนี้หมดก่อนกำหนดต้องเสียค่าปรับ"... " คุณ tarthewise แกบอกว่า โครงการต่างๆ ที่ทักษิณทำนั้น มาจากนักปราชญ์นักวิชาการของไทยหลายๆ คน โดยยกตัวอย่างโครงการมา 3 อัน <<< ตลกมากครับ เขาไม่ได้คุยกันประเด็นว่าใครเป็นฅนต้นคิดครับ เขาพูดถึงเรื่องทำง่ายทำยาก " - เราพูดถึงสิ่งที่คุณ tarthewise แก post ไว้ในความคิดเห็นที่ 16... ...30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน OTOP เป็นโครงการที่คิดยากแต่ทำง่ายมากนะครับ ถ้ารัฐบาลนั้นเป็นรัฐบาลพรรคเดียวและอยู่ในช่วงที่ "มีเงิน" ที่ว่าทำง่ายเพราะมีนักวิชาการ (โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐศาสตร์การเมือง) นักปฏิบัติ และปราชญ์สังคม ได้คิด+ศึกษาทั้งในหลักการและแนวทางปฏิบัติตกผลึกกันมานานแล้วครับ ในช่วงแรกเขาคิดว่าคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยจะเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองในมิติใหม่ จึงยินดีมอบองค์ความรู้ต่างๆ ให้เป็นโปรเจ็คของพรรคไทยรักไทย แต่คุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยกลับนำนโยบายนั้นมาบิดเบือนหลักการในทางปฏิบัติเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของตัวเองและพวก ทำให้นักวิชาการ นักปฏิบัติ และปราชญ์สังคมทั้งหลายต่างเดินออกห่างคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยทีละคนๆ... เราก็แย้งเขาใน 2 โครงการที่เขายกมาว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณ tarthewise แกว่าไว้ทั้งหมด " แล้วเรื่อง 30 บาท ที่คุณหมอสงวนเป็นฅนคิด ผมก็ไม่ทราบว่าคุณ TSC จะแย้งไปทำไม (ยกเว้นแต่คุณจะบอกว่า คุณหมอสงวนไม่นับเป็นนักวิชาการ โอเค ถือว่าตีความคำว่านักวิชาการแตกต่างกันก็ได้) " - แย้งเพราะมันเป็นผลงานของหมอสงวนที่นำมาเสนอให้กับทรท.โดยตรง ไม่ได้มีนักปราชญ์ที่ไหนมามอบองค์ความรู้ให้ แต่หมอสงวนนำทั้งแนวคิดและแผนมาเสนอต่อทรท.เลย แต่ตัวทักษิณปฏิเสธ ดีว่าได้หมอเลี๊ยบมาขอโอกาสไปทำ " เรื่องเช็คช่วยชาติ คุณ tarthewise ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น "ส่วนหนึ่ง" ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด มันตลกตรงที่ว่า มาตรการหนึ่งก็มีเป้าหมายหนึ่ง แต่คุณ TSC เล่นไปเหมาว่า มาตรการแบบนี้ ทำไมไม่ใช้ตัววัดแบบอื่น ซึ่งเป็นฅนละตัวกัน (คุณ tarthewise ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเช็คช่วยชาติจะทำให้เศรษฐกิจ "ทั้งหมด" ดีขึ้นจนเอาตัววัดตัวไหนไปใช้ก็ได้) คุณเองก็รู้ว่าเป็นระยะสั้น แต่ก็ยังอยากจะเอาตัวชี้วัดอื่นมาใช้...ตลกน่าครับ " - เอ้า! ตลกก็ตลก แต่ก่อนจะหัวเราะช่วยทำความเข้าใจสักนิด มันเริ่มจากที่คุณ tarthewise บอกไว้ว่า... ...แจกเงิน นี่เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลมากที่สุดนะครับ เพราะมีการเบิกจ่ายถึงร้อยละ 80 และขณะนี้สามารถสร้างตัวทวีในเชิงเศรษฐกิจหมุนได้อย่างน้อย 2 รอบแล้ว... เราเลยถามว่า... ...แล้วมันเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือยัง เห็นที่เป็นรูปธรรมก็คือโครงการโกงพอเพียงนั่นไง... คุณ tarthewise ก็ย้อนกลับมาว่า... ...***นโยบายเช็คช่วยชาติเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด เกิดผลเป็นรูปธรรมแล้วครับคือดรรชีการบริโภคดีขึ้น และเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น****... เราจึงพูดถึงเรื่องภาคอุตสาหกรรมและส่งออก เพราะเรากำลังถกกับเขาเรื่องนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด แต่คุณ tarthewise ยกมาเฉพาะเรื่องเช็คช่วยชาติ เราจึงบอกว่า จะกระตุ้นได้จริงไม่ใช่แค่เช็คช่วยชาติ แต่ต้องเป็นรายได้ที่มาจากภาคอุตสาหกรรมและส่งออกเป็นหลัก เข้าใจหรือยังจ๊ะ ? จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 20:26:25 A:124.122.205.68 X:

ความคิดเห็นที่ 97 ผมบอกแล้วครับที่ยอมคุยด้วยเรื่องจักรภพเพราะเป็นต่อเนื่องก่อนเกิดเรื่อง ส่วนเรื่องที่คุณทบทวนตัวเอง หากทำจริงก็ดีครับ แต่อย่างไรก็ตาม ทบทวนแล้วก็อาจไม่รู้ตัว ผมไม่อยากเสียเวลา และความรู้สึกอีก ส่วนที่บอกว่าอยากสร้างบรรยากาศดีๆ ผมขอบคุณครับ แต่คงต้องขออภัยด้วยที่คงเป็นฉันมิตรกับคุณไม่ได้ ส่วนหากคุณทบทวนตัวเองแล้ว แล้วยังไม่รู้ตัวอันนั้นเป็นเรื่องของคุณครับไม่ใช่เรื่องของผม เพิ่มเติม สิ่งที่ผมจะพูดกับคุณหมดแล้วนะครับ หากคุณอยากจะตอบต่อเพื่อได้ตอบหลังผม(อาจะเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง) ก็ตามสบายนะครับ ผมไม่ตอบแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 20:47:07 จากคุณ : papafun เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 20:33:04 A:58.8.12.220 X:

ความคิดเห็นที่ 98 คุณ papafun " ส่วนที่บอกว่าอยากสร้างบรรยากาศดีๆ ผมขอบคุณครับ แต่คงต้องขออภัยด้วยที่คงเป็นฉันมิตรกับคุณไม่ได้ " - ก็ดีจะได้รู้เอาไว้ แล้วถ้าเราเกิดเผลอ post ไม่เข้าตาคุณ ก็อย่าเที่ยวเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นกล่าวหาเป็นความผิดของเราฝ่ายเดียวเหมือนที่คุณทำอยู่อีกก็แล้วกัน ในเมื่อคุณไม่ต้องการมิตรภาพที่เราหยิบยื่นให้เอง " หากคุณอยากจะตอบต่อเพื่อได้ตอบหลังผม(อาจะเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง) " - พอจะเริ่มรู้บ้างละ ว่ากลุ่มคุณที่นินทาเรากันนอกบอร์ดหรือหลังไมค์มีใครบ้าง เพราะประโยคนี้นี่แหละ พูดกันมาเป็นพิมพ์เดียวเลย แต่ก็สงสัย(อีกละ) การตอบต่อจาก(พวก)คุณมันเป็นความผิดยังไง ในเมื่อมันยังไม่เคลียร์ก็ post กันไปจนกว่าจะเคลียร์ แล้วขอโทษเถอะ เราจะต้องทบทวนตัวเองทำไม ตราบใดที่เราคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ยิ่งไม่มีคนบอกว่าเราผิดอะไรด้วยแล้วๆ เราจะทบทวนเรื่องอะไร ยกตนเกินไปหรือเปล่าที่คิดว่าเราต้องทบทวนตัวเองอะไรเพื่อคุณ แต่ที่เราพูดถึงคือพยายามจะคุยกับคุณดีๆ ทางหลังไมค์ และก็คิดว่าคุณน่าจะไม่ติดใจอะไรแล้ว เพราะเราเองก็ไม่ได้อยากจะยึดติดอะไรมากมาย แต่เจ็บน่ะจำแน่ไม่ลืม แต่ก็ไม่คิดจะรื้อฟื้นถ้ามันไม่มีอะไรแล้ว ถ้าคุยกันได้ก็คุยกันไป เรื่องผ่านไปแล้วก็แล้วไป แต่นี่คุณเองที่ยังเหมือนเดิม และก่อนจะให้คนอื่นทบทวนตัวเอง คุณก็ควรจะดูที่ตัวเองก่อนดีกว่าไหม ที่อยู่ๆ มาใส่อารมณ์กับคนที่เขาไม่ได้ทำอะไรให้คุณก่อน...ทำไม ......................................................... หมายเหตุ เพื่อนๆ ท่านใดที่เคยเอาเราไปเม้าท์นอกบอร์ดหรือหลังไมค์ช่วยประกาศตัวที คุณ papafun บอกว่ามีอยู่ 5-6 คน ใครบ้างเอ่ยเปิดตัวที ^_^ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 02:50:41 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 02:43:59 จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 02:31:56 A:124.121.33.106 X:

ความคิดเห็นที่ 99 เข้ามาดู นึกว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ที่ไหนได้   ท้ายสุดก็เหมือนเดิม ขอบคุณ คุณ TSC  SAVOR ที่เสียสละเวลามาอธิบายให้อีกครั้ง(และคงจะมีอีกในอนาคตอันใกล้) น่าจะตาสว่างกันได้แล้วนะครับ จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 11:54:14 A:124.121.243.167 X: