ความคิดเห็นที่ 1 (ต่อ..) เรื่องธรรมาภิบาลในภาครัฐพูดกันมานานแล้ว แต่ไม่เคยเห็นผลสัมฤทธิ์ ก็ต้องตรวจสอบกัน ก.พ.ร.ก็พยายามจุดประเด็นเรื่องนี้อยู่ และเลขาธิการ ก.พ.ร.คงจะไปคุยกับนายกรัฐมนตรีว่า ควรมีระบบธรรมาภิบาลของภาครัฐอย่างไร จากนั้น ก.พ.ร.ต้องไประดมสมองเพื่อออกแบบระบบโครงธรรมาภิบาล อย่างที่ผมพูดไปว่า ใครทำอะไร ใครรับผิดชอบอะไร เมื่อเอาไปทำแล้วใครจะประเมินความมีธรรมาภิบาลของกระทรวง ทบวง กรม สื่อก็ต้องไปช่วยดูแบบของระบบ เพื่อเป็นสะพานระหว่างภาครัฐกับประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนเข้าไปดูแลภาครัฐ ซึ่งเราก็รู้อยู่ตอนนี้ฝ่ายการเมืองเขาดูแลภาครัฐอยู่หมด ภาครัฐโดยฝ่ายปฏิบัติพยายามสร้างธรรมาภิบาล แต่ก็เพียงครึ่งเดียวเพราะอีกครึ่งคือฝ่ายการเมืองที่มักหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ ประชาชนต้องรับรู้ตรงนี้ และช่วยกันเรียกร้องให้มีขึ้น ฝ่ายการเมืองมาจากประชาชน ถ้าประชาชนไม่ร้องขอ ไม่เรียกร้อง โอกาสที่เขาจะทำ มันคงยาก สื่อต้องช่วยชี้เป้าด้วย เราพยายามสร้างระบบธรรมาภิบาล แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เรื่องระบอบการเมือง ก็ต้องมีความเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบก่อน ผมอ่านบทความ อ.เกษียร เตชะพีระ ในหนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 2 ตุลาคม 2552 ที่ยกผลวิจัยในหนังสือ How East Asians View Democracy 2008 ที่เพิ่งตีพิมพ์โดย สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่ประมวลผลสำรวจการวิจัยเรื่องชาวเอเชียตะวันออกมองประชาธิปไตยอย่างไร ครอบคลุม 8 ประเทศ มี ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน ฟิลิปปินส์ มองโกเลีย ไทย ซึ่งค่านิยมประชาธิปไตยของประเทศเราอยู่อันดับ 8 ผมไม่แปลกใจแต่มันอาย ตรงนี้มันน่าอายที่สุด มันต้องทำอะไรแล้วล่ะ ผมถึงบอกว่า เป็นภาวะใกล้ตาย ประชาธิปไตยถ้าตายเขาเรียกรัฐล้มเหลวหรือ Failed State ตอนนี้เราภาวะใกล้ตายแล้ว เพราะอะไรล่ะ ไปดูความคิดของคนไทยในรายงานการวิจัยดู เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วก็ต้องช่วยกันการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องช่วยกันทุกภาคส่วน เพราะเป็นภาวะที่แย่แล้ว ความไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกเยอะมากที่ทำให้มีผล ต่อความคิดของคนไทยที่ออกมาแบบนี้ มีปัญหาเยอะมาก (สวนทันที) แต่ผมพูดไม่ได้ (หัวเราะร่วน) แต่พูดเฉียดแล้วนะคือ มันต้องการการออกแบบใหม่ ออกแบบในการบริหารใหม่ ต้องปฏิรูป เพราะอยู่แบบนี้คงไม่ได้แล้ว เรื่องประชาธิปไตยเป้าหมายของผมคือ ภราดรภาพ คือความเป็นพี่น้อง ถ้าเราออกแบบประชาธิปไตยอะไรมาแล้วกลายเป็นศัตรูภาพมันผิดวัตถุประสงค์ของประชาธิปไตย ซึ่งวิธีการมี 2 ส่วนประกอบกันคือ มีเสรีภาพและ ความเสมอภาค ซึ่งเสรีภาพไม่ใช่ว่าฉันจะทำ อะไรตามใจก็ได้ แต่คือการที่ทุกคน ทุกครอบครัว ทุกชุมชน มีอิสระในการพัฒนาตน เองตามศักยภาพสูงสุด แล้วรัฐ รวมทั้งเอกชน เอ็นจีโอต้องมาช่วยกันว่า จะทำอย่างไรให้คนไทยทุกคนพัฒนาได้สูงสุด ทุกครอบครัวต้องพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของครอบครัว ถ้าเราตีความคำว่าเสรีภาพเป็นอย่างนี้ และทุกคนมีความรับผิดชอบต่อสังคมมาช่วยกัน ผมเชื่อว่าประเทศไทยจะเข้มแข็ง ส่วนความเสมอภาค ไม่ใช่ว่าเธอได้บาทนึง ฉันต้องได้บาทนึง แต่คือ ความเสมอภาคต่อกฎหมาย เช่น ทุกคนถ้าได้รายได้แค่นี้ต้องเสียภาษีเท่ากัน คือความเสมอภาคต่อกฎเกณฑ์สังคม เสมอภาคต่อศีลธรรม ซึ่งมันต้องเท่ากัน นี่คือ ซิงเกิลสแตนดาร์ด ไม่ใช่แค่การเรียกร้องเฉพาะระบบยุติธรรมว่า ต้องให้เราเหมือนกับคนอื่น แต่เราทุกคนต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวมหรือกฎหมายเท่ากับคนอื่น (เน้นเสียง) เนื้อหาของกฎหมายหลายฉบับ ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ ใครออกล่ะกฎหมาย ก็ผู้แทนประชาชนออกทั้งนั้นแหละ (หัวเราะ) ก็ที่มีปัญหากันส่วนหนึ่งเพราะผู้แทนประชาชนไม่ได้ออกกฎหมาย ไม่ได้ออก ก็ต้องเอาประชาชนไปออก (หัวเราะ) ยังมีปัญหาเรื้อรังในแง่การพัฒนาเศรษฐ กิจที่มีความเหลื่อมล้ำตลอด 40-50 ปีที่ผ่านมาด้วย อย่างที่ผมบอก มันละเลยกันจนมากเกิน ผมคิดว่า เอ่อ...จริงๆ มันเป็นโอกาสทอง เช่น ด้านการเกษตรที่จะเป็นสิ่งสำคัญของเศรษฐกิจโลก และประเทศไทยมีทุนทางเกษตรสูงมากๆ ทั้งพื้นที่วัฒนธรรมการเกษตร และทักษะที่เรามีคนกว่า 40 ล้านคน มีวิธีคิดแบบชุมชนเกษตร ต้นทุนของเรามีสูงมาก ต่างชาติถึงมาซื้อมาเช่าที่ดินทำกินในบ้านเรา ถ้ารัฐบาล นักวิชาการมาช่วยกันหาทางออก ฉวยโอกาสตรงนี้เป็นโอกาสทองจะไปได้เยอะ จะลดความแตกต่างระหว่างชนบทกับในเมืองและในเมืองหลวงคือ ขณะนี้มันมี 3 นครา ชนบท มีคุณภาพชีวิตชุดหนึ่ง เขตเทศบาลชุดหนึ่ง กทม.ชุดหนึ่ง อาจารย์ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เสนอทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย ผมบอกสามนครา ดูตัวอย่างงานวิจัยของเอแบค เมื่อ 2-3 ปีก่อน ไปสำรวจว่าเด็กและเยาวชนใช้เวลาว่างนอกห้องเรียนไปทำอะไร พบว่า เด็ก กทม.เดินห้างมากสุด รองลงมาคือเล่นเกมคอมพิวเตอร์ และอ่านหนังสือ ส่วนเด็กบ้านนอกดูทีวี เพราะห้างกับคอมพิวเตอร์ไม่ค่อยมี ส่วนเด็กเทศบาลเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เป็นเรื่องแปลกมาก จึงทำให้คนบ้านนอก เทศบาล กทม. จึงวิธีคิดไม่เหมือนกัน อาจารย์เอนกถึงชี้ว่าคนชนบทตั้งรัฐบาล คน กทม.ล้มรัฐบาล ผมจึงคิดว่าในปัจจัยโลกปัจจุบันที่มีประชากรมากเกิน บรรยากาศโลกเปลี่ยนแปลงหลายประเทศปลูกพืชไม่ได้ หรือเรื่องพลังงานทดแทน มันจึงบีบมาที่อาหารคน อาหารสัตว์ พลังงานชีวภาพ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในโอากาสที่ดีที่สุด การฉวยตรงนี้มาสร้างความมั่งคั่งให้ชนบท ให้ชีวิตอีกกว่า 40 ล้านคนในชนบทดีขึ้น มันจะตอบโจทย์หนักๆ ที่เราเจอในทุกวันนี้ เช่น เรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 13:50:16 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 2 (ต่อ..) สามนครา ตอนนี้มีพลังเพียงพอไหม ไม่ มันแล้วแต่พลังด้านไหน พลังด้านตัวเลขความสุข ความเอื้ออาทรเพื่อนบ้าน มลภาวะ ผมคิดว่า ชนบทน่าจะมีตัวเลขที่สูงนะ แต่ถ้าเป็นจีดีพี ความรวย กทม.สูงกว่า พลังในแง่การมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะเป็นอย่างไร ไม่รู้ใครจะเป็นคนออกแบบ (หัวเราะ) ผมอยากเห็นจังเลย จริงๆ ตอนนี้เรตติ้งประเทศไทยในหลายด้านแย่ แต่ผมไม่สิ้นหวัง คนไทยมีพลังและเก่ง ปล่อยปละละเลย อยู่ไปอย่างนี้แสดงว่ามีโอกาสที่สามนคราจะปะทะกันจนเกิดความรุนแรง มี (ตอบหนักแน่น) เพราะเป็นความจริงทางสังคมศาสตร์ เนื่องจากยิ่งมีความแตกต่างเท่าไหร่ ยิ่งมีความแปลกแยกมากเท่านั้น ยิ่งมีความแปลกแยกมากเท่าไหร่ ความขัดแย้งก็เกิดมากเท่านั้น สองประโยคนี้ชัดเจน พิสูจน์ที่ไหนก็ได้ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ยิ่งมีความแตกต่างมากเท่าไหร่ ความเข้าใจมันคนละเรื่อง คนละชุด ทำให้เกิดความรู้สึกว่า อีกฝ่ายไม่ใช่พวกของเรา ซึ่งมันเกิดแล้ว มีแต่พวกฉันกับพวกเขา พอตรงนี้ปั๊บ อะไรโยนเข้าไปนิดเดียว มันเป็นเชื้อไฟของความขัดแย้งได้ นำไปสู่ความรุนแรงได้ ตรงนี้เปราะบางมาก เขาถึงพยายามเตือนกัน ดูตัวเลขระหว่างช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็ได้ ซึ่งก็ยิ่งห่างไปเรื่อยๆ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีตัวเลขชี้ว่า คนรวย 10% ของประเทศ แต่ครองทรัพย์สิน 56% กว่าๆ ของประเทศ ส่วนคนจน 10% ครอง 3.9% ส่วนคนชั้นกลาง 60% ครองทรัพย์สิน 30% กว่าๆ ซึ่งมันห่างกันเกินไป แต่ประเทศอื่น อย่างสิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ตัวเลขมันใกล้กัน นอกจากนี้ เราไม่ได้ปลูกฝังมาเหมือนบรรพบุรุษ สมัยก่อนคนเราไปวัด ความแตกต่างทางเศรษฐกิจก็หายไปค่อนข้างมาก ทุกคนนั่งพนมมือฟังเทศน์ มีกิจกรรมร่วมกันมันยังบังคับได้ แต่สมัยนี้ มันแยกได้เลย เสาร์อาทิตย์คนรวยมากไปฮ่องกง รวยน้อยหน่อยไปพัทยา ภูเก็ต คนจนก็ดูทีวีอยู่บ้าน คือไอ้ความที่จะมารวมกันมันไม่มีแล้ว ยิ่งชุมชนเมืองคนไทยจัดการชุมชนเมืองไม่เป็น เพราะไม่มีกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งมันทำให้เกิดความเป็นพวกเรา ฉะนั้น ความเป็นพวกฉันพวกเธอจึงมีสูงมาก ยกเว้นใส่เสื้อสีเดียวกันนะ (หัวเราะ) สองนคราหรือสามนคราก็ตาม ที่มันทำให้แบ่งชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลช่วง 10 ปีที่ผ่านมาด้วย ก็อย่างที่เรารู้กัน ก็เรื่องนโยบายประชานิยม...คือ ถึงแม้จะมีความแตกต่างทางการศึกษา เศรษฐกิจ โอกาสชีวิต แต่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยคือ ทุกคนมี 1 เสียง ความศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน ตรงนี้เมื่อยิ่งมีความแตกต่างก็ยิ่งดี สำหรับพวกที่จะซื้อสิทธิขายเสียงยิ่งการศึกษาน้อย แล้วเรื่องอื่นๆ ยิ่งต่างกันมาก 500 บาทกับ 1,000 บาท ก็ยิ่งมีค่ามากสำหรับ คน 10% ที่ถือทรัพย์สิน 3.9% สมมุติ เทศบาลหนึ่งมีสิทธิออกเสียง 3 หมื่นคน เราไปหาไว้หมื่นสองพันคนก็พอแล้ว เลือกกี่ร้อยครั้ง เรายึดแต่หมื่นสองพันเสียงของ 10-20% ล่าง ตรงนี้จึงอยากให้นักรัฐศาสตร์มาช่วยศึกษากันดูว่าจะแก้ไขกันอย่างไร ในแง่บริหาร นักรัฐศาสตร์บอกว่าต้องการคนที่เป็นนักการเมืองซึ่งไล่ได้ ถอด ถอนได้ ไม่ใช่ต้องการคนดี ที่จริงๆ ก็ไม่รู้ว่า ดีแบบไหน ดีอย่างไร คำว่านักการเมืองในต่างประเทศคือคำว่า Politician เขาพยายามใช้น้อยมาก เขาอยากจะพูดถึงว่า กิจกรรมการเมือง เป็น public service หรือเป็นกระบวนการรับใช้สาธารณะคือ เมื่อคิดว่าชีวิตฉันพอแล้ว ความรู้มากพอแล้ว ความมั่งคั่งต่างๆ พอแล้ว ฉันจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือมารับใช้ประเทศของฉัน นี่เป็นกระบวนการเข้าสู่การเมืองของประเทศทางตะวันตก ซึ่งผมคิดว่าต่างกับทางแอฟริกา, เอเชียหลายประเทศ อเมริกาใต้ เขาอาจคิดว่า อาชีพการเมืองเป็น การสร้างอาชีพ สร้างฐานะ วิธีคิดการเข้าสู่การเมืองมันต่างกัน จึงควรนำความคิดพื้นฐานเรื่องการรับใช้สาธารณะไปสู่ประชาชนให้มาก แล้วอาจมีคนที่เขาอยากเข้ามารับใช้บ้านเมือง แต่อย่างว่า พอมาเจอคนที่จองที่ไว้แล้วก็สู้ไม่ได้ ก็เลยหนีกันหมด แต่การเมืองเป็นการจัดสรรผลประโยชน์ที่ในสังคมมีกลุ่มผลประโยชน์ของคนร้อยพ่อพันแม่ มันอยู่ที่ใครมี ส.ส.กี่คน พลังอยู่ตรงนั้น อยู่ที่โหวต (หัวเราะ) อย่าไปพูดเรื่องการเมืองเลย แต่ขอเชิญชวนนักรัฐศาสตร์อีกครั้ง ให้มาช่วยวิเคราะห์ระบบการเมือง และระบอบประชาธิป ไตยบ้านเรา เปิดกว้างให้มีการนำหลักการมาสู่ประชาชนบ่อยๆ ทุกประเทศต้องรับภาระในการออกแบบประชาธิปไตยของตนเอง แต่ละประเทศเขาก็ออกแบบของเขาเอง เราก็ต้องออกแบบของเรา แต่หลักการใหญ่สากลก็มีอยู่เช่น หลักเสมอภาค หลักเสรีภาพ หลักภราดรภาพ แต่เราจะเอาหลักสากลแล้วมาออกแบบตุ๊กตาสักตัวเป็นประชาธิปไตยไทย ก็ต้อง ช่วยกันคิด ถ้าจะออกแบบใหม่จะช้าไปหรือไม่ เพราะต่างฝ่ายต่างไปทำให้เกิดขั้วในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าหรอกอังกฤษใช้เวลาหลายร้อยปี ตอนนี้ยังกระฟัดกระเฟียดกันอยู่บ้าง เราเริ่มประชาธิปไตยเมื่อปี 2475 ประชาธิปไตยสำคัญและจำเป็น ทุกคนต้องยอมรับ เหมือนต้องปลูกข้าวกินข้าว แล้วเราจะหาพันธุ์ข้าวอย่างไรดี จะปลูกอย่างไร จะกินกี่มื้อ ก็ต้องช่วยกันคิด ต้องอดทนรอได้ จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 13:52:32 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 3 (ต่อ...) ตั้งต้นอย่างไร เพราะเวลานี้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยคนละทาง ต้องแบ่ง 2 ส่วน คือ ผู้ที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในรัฐสภา ก็ให้เขาทำงานไป แต่ในส่วนนักวิชาการ สื่อ ภาคประชาชนก็ต้องช่วยออกความเห็น เผื่อผู้แทนจะนำความเห็นของส่วนรวมเข้าไป จริงๆ แล้ว ความเห็นสาธารณะสำคัญที่สุดคือ การที่ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารแล้วคิดด้วยตนเอง แล้วแสดงความคิดออกมาเป็น กลุ่มก้อน แล้วนำกลุ่มก้อนเหล่านั้นไปออกแบบ แต่กระบวนการตรงนี้เรายังไม่ค่อยมี ยังไม่มีพื้นที่สาธารณะให้คุยกันมาก แต่ตอนนี้ก็รู้สึกมีมากขึ้น // เป็นไปได้หรือว่าการอ้างเรื่องความสมาน ฉันท์ขึ้นมาเพื่อปกปิดความเห็นที่ไม่ตรงกัน หรืออีกนัยหนึ่งคือไม่ยอมรับความจริง เรื่องสมานฉันท์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องเอาหลักการประชาธิปไตยมาเผยแพร่ให้ประชาชนในภาพกว้างเพื่อให้เขาเกิดความคิดของเขาเอง ก็อีกเรื่อง คือไม่ได้บอกว่า ต้องทำอย่างนี้ ต้องเชื่ออย่างนี้ แต่เราแสดงให้เขาเห็นว่า หลักการที่ทั่วโลกเขาถือมันเป็นอย่างนี้ เราจะเอามั้ย ก็ต้องถกเถียง แต่ต้องมีจุดหรือมีกลไกยุติว่า ส่วนใหญ่เห็นอย่างไร จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 13:53:32 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 4 นำมาฝากจ้า จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 13:54:12 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 5 เจอ รถถังกับปืน เข้าไป ก็ใบ้รับประทานกันทุกคน จากคุณ : JohnHenry เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:08:25 A:222.123.163.238 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ยาวจัง จากคุณ : จ๊าง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:12:15 A:110.164.17.55 X:

ความคิดเห็นที่ 7 .."ประชาธิปไตยไทย อยู่ในภาวะใกล้ตาย".. แต่ผมว่ามันตายตั้งแต่เกิดรัฐประหาร 19 กย 49  แล้วครับ และปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแม้แต่น้อย รธน. ก็เกิดจากเผด็จการที่ออกมาหลอกชาวบ้านให้รับๆไปก่อน องค์กรอิสสระก็เกิดจากคำสั่งคณะปฎิวัติ  และยังดำรงตำแหน่งมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นประชาธิปไตยตรงไหนครับ??????? จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:16:31 A:124.122.134.130 X:

ความคิดเห็นที่ 8 Well said sir, at least the doctor has woken up and smelled the coffee. จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:24:55 A:192.168.200.198 X:125.24.165.30

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นที่ 7     .."ประชาธิปไตยไทย อยู่ในภาวะใกล้ตาย".. แต่ผมว่ามันตายตั้งแต่เกิดรัฐประหาร 19 กย 49  แล้วครับ และปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแม้แต่น้อย รธน. ก็เกิดจากเผด็จการที่ออกมาหลอกชาวบ้านให้รับๆไปก่อน องค์กรอิสสระก็เกิดจากคำสั่งคณะปฎิวัติ  และยังดำรงตำแหน่งมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นประชาธิปไตยตรงไหนครับ??????? จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน     เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:16:31 A:124.122.134.130 X:   ถูกใจ : Springfield >>>ประชาธิปไตยอยากจะกลับบ้านตนเองเต็มทนแล้ว เห็นประกาศออกจะบ่อย ๆ   ช่วยกรุณานำกลับมาด้วย   ก่อนที่ประชาธิปไตยจะตายยัง ต่างแดนในที่สุด         แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 14:37:14 จากคุณ : TuMan เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:36:07 A:119.31.52.24 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ดีแต่พูดสร้างภาพ จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:37:57 A:61.19.66.7 X:

ความคิดเห็นที่ 11 นั่นสินะ   จะมีที่ใดในโลก จะสามารถสร้างประชาธิปไตยจากปลายกระบอกปืน จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:52:00 A:58.9.108.94 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ส่วนตัวแล้ว เห็นด้วยกับนพ.เกษมค่ะ ------------------------------------------------------------- ขอถามนอกประเด็นนิด.. ช่วงที่ท่านอยู่ในรัฐบาลทักษิณ 1 แต่อยู่ได้ไม่กี่เดือนก็ลาออก สาเหตุคืออะไร ใครพอทราบมั้ยคะ จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 14:52:48 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 13 ประชาธิปไตยไทย อยู่ในภาวะใกล้ตาย".. ประเทศนี้มันเคยมีประชาธิปไตยอย่างจริงๆจังๆ ด้วยหรือ ดีแต่สร้างภาพว่าเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย แต่มียึดอำนาจทุกๆครั้งที่เริ่มเห็นว่าประชาธิปไตยกำลังจะเข้มแข็ง นายกที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกมา ถ้าไม่ถูกใจคนบางกลุ่ม ก็อาจจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ปรเทศที่ปกครองด้วยกฎหมาย 2 มาตรฐาน ถ้าเส้นไม่ใหญ่ก้ติดคุกเร็ว ถ้าเส้นใหญ่คับฟ้า ต่อให้ปิดสนามบิน ก็ลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ ตำรวจก็ไม่กล้าออกหมายจับ ... สตอเบอร์รี่แลนด์จริงๆ จากคุณ : มารีนา เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:05:32 A:203.146.137.232 X:

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน ประชาธิปไตยที่เป็นแค่คำสวยหรู มีใช้เพื่อเป็นเกราะกำบังตำแหน่งรัฐบาล ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยโดยประชาชน  และที่สำคัญที่สุด "เพื่อ" ปชช.ที่แท้จริง   มีก็เหมือนไม่มี หากลดคติมีที่มีต่อ คมช.ลงบ้าง  ลองมองที่มาและความเป็นมาของคนในองค์กรอิสระ มองเจตนา น่าจะเข้าใจได้ว่า ปชต.หลัง19 กย.มีมากกว่าช่วงรัฐบาลไทยรักไทยเสียอีกนะ อย่ายึดติดรูปแบบนักเลย ลองพิจารณามองความเป็นจริงของปชต.แบบไทยๆดู จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:05:34 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบประโยคนี้จัง   ท่านประธานน่าจะสำเนียกไว้บ้างนะ "  "มติชน" ได้รับโอกาสในการถ่ายทอดมุมมองขององคมนตรีท่านนี้   แม้จะออกตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่สามารถพูดเรื่องการเมืองได้...." แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 15:18:13 จากคุณ : นัทตี้ เขียม เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:15:56 A:203.172.194.213 X:

ความคิดเห็นที่ 16 หากลดคติมีที่มีต่อ คมช.ลงบ้าง  ลองมองที่มาและความเป็นมาของคนในองค์กรอิสระ มองเจตนา น่าจะเข้าใจได้ว่า ปชต.หลัง19 กย.มีมากกว่าช่วงรัฐบาลไทยรักไทยเสียอีกนะ อย่ายึดติดรูปแบบนักเลย ลองพิจารณามองความเป็นจริงของปชต.แบบไทยๆดู จากคุณ : stand with a fist   ............................................................................... ไหนคุณลองอธิบายสิว่าที่คิดว่า ปชต. หลัง 19 กย.49 มันดีกว่ายังไง  ไม่สิ คุณต้องอธิบายมาก่อนว่า ปชต. ในความหมายของคุณที่จริงแล้วมันคืออะไร การที่คุณบอกว่าให้ลดอคติกับ คมช. ลง หวังว่ามันคงไม่ใช่เพราะความเกลียดคนๆหนึ่งแล้วก็พลอยให้คุณเห็นดีเห็นงามกับการที่ทหารลากรถถังออกมาฉีกรัฐธรรมนูญพร้อมกับปู้ยี่ปู้ยำกระบวนการยุติธรรม จนบ้านเมืองเละอย่างที่เป็นอยู่ ถ้าแยกระหว่างอารมณ์ กับความถูกต้องไม่ออกแล้วล่ะก็มันถึงไม่เห้นภาพความจริงซักทีไง จากคุณ : มารีนา เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:18:34 A:203.146.137.232 X:

ความคิดเห็นที่ 17 "คำนี้แหละ  ประชาธิปไตยแบบไทยๆ"   มันถึงล้าหลังไง  ล่อมา 77 ปีแล้ว ยังต้องมาตีความกันอยู่อีก  เพราะเป็นแบบไทยๆ  ทำอะไรไม่ดีก็โทษรัฐธรรมนูญ    ถ้ารัฐธรรมนูญพูดได้คงบอกว่า  ตรูผิดอะไรวะ เอะอะก็ฉีกตรูทิ้ง พวกเองเขียนแล้วก็ฉีก เขียนแล้วฉีก  ไม่ได้หันไปมองตัวเองกันดูเลยว่า ที่น่าฉีกน่ะ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ  แต่เป็นสมองและปัญญาพวกเองน่ะ  ฉีกไอ้ความเป็นไทยๆกันออกไปซะแล้วลืมตาดูชาวบ้านเค้าบ้าง แค่คำว่าสิทธิและหน้าที่  มันสะกดและอธิบายกันยากเย็นนักหรือไง  ถึงได้ไม่รู้จักกันเลยว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไร และมีหน้าที่อะไร ขอบคุณคุณ stand ที่นำบทความมาให้อ่าน  แต่ผมอ่านแค่ข้ามๆเพราะรู้สึกว่ามันมีนัยยะแอบแฝง    ทั้งตัวบทความและผู้นำบทความมาเผยแพร่ จากคุณ : ภูเขาทะเล เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:19:43 A:61.90.123.76 X:

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ 14   หลักการที่สำคัญของประชาธิปไตยที่สำคัญคือความเสมอภาคเท่าเทียมกัน    ที่ท่านว่าหลังปฎิวัติเป็นประชาธิปไตยมากกว่าสมัยทักษิณ   คุณได้เอาหลักการแห่งความเสมอภาคเป็นที่ตั้งหรือไม่   อย่าหลอกตัวเองเลย   ประชาธิปไตยแบบไทยๆหรือแบบไหนๆ   ถ้ามันไม่ได้ยืนอยู่บนความเท่าเทียมกัน   เขาไม่เรียกประชาธิปไตยนะจ๊ะ จากคุณ : นัทตี้ เขียม เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:21:34 A:203.172.194.213 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ประชาธิปไตยแบบไทยๆหนะล้มลุกคลานมา พอจะเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ซะหน่อยก็ดันเอารถถังและปืนมาปฎิวัติเสียนี้ เฮ้อออประชาธิปไตยแบบไทย หนะมีไรนิดมีไรหน่อยก็เอารถถังมายึดเซ็ง แบบนี้เขาไม่เรียกประชาธิปไตย หรอกจ๊ะ จากคุณ : พิงค์นคร49 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:26:35 A:202.129.34.213 X:

ความคิดเห็นที่ 20 คห.16-19 ขอบคุณค่ะที่แลกเปลี่ยนอย่างยินดี เอางี้ถามว่าประชาธิปไตยในความเห็นของเรา ขอยกเป็นบทความที่ตรงใจและควมคิดเราที่สุดนะ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ วาทะธรรมทางการเมืองว่าด้วยประชาธิปไตย : พุทธทาสภิกขุ เป็นข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือ  วาทะธรรมทางการเมือง ของพุทธทาสภิกขุ  ซึ่งเรียบเรียงโดย ไพโรจน์ อยู่มณเฑียร  จัดพิมพ์โดย บ้านลานธรรม ------------------------------------------- ระบบประชาธิปไตย  มันเป็นระบบครองโลกหรือเกี่ยวถึงกันไปหมดทั้งโลก  ถ้าว่าระบบนี้มันมืดมิดแล้วก็  ทั้งโลกมันจะมืดมิด  แล้วมันก็กำลังมืดมิดเพราะว่าความเป็นประชาธิปไตยมันไม่ค่อยจะมี ทางประชาธิปไตยนั่นฟ้าสางอย่างไร  พูดสั้น ๆ ก็ว่า  คือการทำให้ศีลธรรมกลับมาเป็นรากฐานของประชาธิปไตย  ประชาธิปไตยนี้มันดีต่อเมื่อมีศีลธรรมเป็นรากฐาน  ถ้าไม่มีศีลธรรมเป็นรากฐานมันก็เป็นประชาธิปไตยโกง ประชาธิปไตยโกงนั่นมันร้ายกาจอย่างไร  คือประชาชนทั้งหลายไม่มีศีลธรรม แต่ถือระบบประชาธิปไตย  มันก็มีโอกาสที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเสรี  แต่ละคน ๆ มีเสรีภาพที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเต็มที่  แล้วจะทนไหวหรือ  ในเมื่อทุกคนใช้กิเลสของตนอย่างเต็มที่ เมื่อประชาชนทุกคนมันไม่มีศีลธรรม  มันโกง  มันก็เลือกผู้แทนโกง ระวังให้ดี  อย่าเป็นประชาชนโกง  เลือกผู้แทนโกง  มันจะเป็นการทำลายเกินไป เมื่อประชาชนเลือกผู้แทนโกง  ก็ได้ผู้แทนโกง  ผู้แทนโกงทั้งหลายไปประกอบกันเป็นรัฐสภา  ก็เป็นรัฐสภาโกง  รัฐสภาโกงไปตั้งคณะรัฐบาล  ก็เป็นคณะรัฐบาลโกง  เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เป็นคนโกง  โกงกันทั้งบ้านทั้งเมือง  จนกระทั่งพระเจ้าพระสงฆ์ก็ไม่เว้น  หรือจะโกงขึ้นไปถึงเทวดา  เพราะว่าคนโกงมันทำบุญทำกุศลไปเกิดเป็นเทวดา  มันก็เป็นเทวดาโกง  โกงกันหมดทั้งจักรวาล  แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร ประชาธิปไตยต้องมีศีลธรรมเป็นรากฐาน  ไม่อย่างนั้นจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้  ที่พูดกันว่า  ประชาธิปไตยดีกว่าระบบใดนั้น  หลับตาพูด  คนไทยนับถือฝรั่งเป็นอาจารย์  เมื่อฝรั่งเขาว่าอย่างไร  ก็พูดตามกันไปอย่างนั้น  ว่าประชาธิปไตยนี้เพื่อประชาชน  ของประชาชน  โดยประชาชน  แต่ลืมพูดไปว่าที่นี่มีศีลธรรม เมื่อไม่มีศีลธรรมเป็นพื้นฐานแล้ว  ระบบประชาธิปไตยนั่นแหละ  จะเป็นระบบที่เลวร้ายที่สุด ------------------------------------------- จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:32:52 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 14     คุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน ประชาธิปไตยที่เป็นแค่คำสวยหรู มีใช้เพื่อเป็นเกราะกำบังตำแหน่งรัฐบาล ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยโดยประชาชน  และที่สำคัญที่สุด "เพื่อ" ปชช.ที่แท้จริง   มีก็เหมือนไม่มี หากลดคติมีที่มีต่อ คมช.ลงบ้าง  ลองมองที่มาและความเป็นมาของคนในองค์กรอิสระ มองเจตนา น่าจะเข้าใจได้ว่า ปชต.หลัง19 กย.มีมากกว่าช่วงรัฐบาลไทยรักไทยเสียอีกนะ อย่ายึดติดรูปแบบนักเลย ลองพิจารณามองความเป็นจริงของปชต.แบบไทยๆดู จากคุณ : stand with a fist ------------------------------------------------ ประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองที่มีที่มาจากประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน การใช้กองกำลังยึดอำนาจ แล้วไปซุกๆแบ่งกันเอง จะมาอ้างว่า " ทำเพื่อประชาชน " แค่ไหน... มันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแม้เพียงเศษเสี้ยวครับ... ผมไม่รู้ว่า ประชาธิปไตย ของคุณมันมีรูปแบบอย่างไรบ้าง... แต่ตราบใดที่มันไม่มีคำว่า " โดยประชาชน " นั่นไม่อาจได้รับการยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตยได้ครับ... เป็นเพียงระบอบดัดจริตบิดเบือนของคนที่ต้องการเสวยอำนาจโดยมิได้ผ่านการยินยอมของประชาชน แล้วมาอ้างว่า " ทำเพื่อประชาชน " เพื่อสร้างความชอบธรรมแก่ตัวเอง แค่นั้น... แล้วถ้ารัฐบาลที่มา " โดยประชาชน " อย่างรัฐบาลทักษิณ มีความผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากได้รับมอบอำนาจ คุณก็ฟ้องสิครับ... องค์กรอิสระก็มีคุณก็ยื่นเรื่องสิครับ... เพราะในเวลานั้นมีแต่ " ข้อกล่าวหา " แต่ไม่มี " คดีตัวอย่าง " ที่แสดงให้เห็นว่า ทักษิณ นั้นซื้อศาลหรือองค์กรอิสระ ( แถมคนในวงการนี้บางตัวยังไปนั่งประชุมกับพวกยึดอำนาจก่อนรัฐประหารหน้าตาเฉยอีก ) ถ้า... ทักษิณในเวลานั้น " ผิดจริง " คุณก็ฟ้องได้เลย... ทำไมคุณไม่ฟ้องล่ะ... ทำไมให้รถถังออกมายึดอำนาจ แล้วรวมหัวกันเล่นงานโดยใช้กระบวนการยุติธรรมเป็น " เครื่องมือ " เพราะกระบวนการยุติธรรมที่มีที่มาจากอำนาจเผด็จการมันไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆได้เลย... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:37:22 A:58.8.184.228 X:

ความคิดเห็นที่ 22 ประชาธิปไตยมิใช่หมายถึงการเลือตั้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ประเทศไทยถูกฝังหัวมานานว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง เมื่อท่าน สส.ได้รับเลือกตั้งแล้ว ก็ทำตัวเหิมเกริมเป็นนายของประชาชน ส่วนประชาชนก็ได้แค่นั่งมองดู ไม่มีอำนาจในการต่อรอง ประชาธิปไตยแท้จริงในไทยคงต้องอีกนานกว่าจะนิยามได้ถูกต้อง ประชาธิปไตยต้องมี 3 ส่วน คือ 1.ปัญญาธรรม คนในสังคมต้องมีปัญญาในการคิดพิจารณา 2.สามัคคีรรม ปรองดองและสามัคคีของเสียงส่วนมากและเสียงส่วนน้อย 3.คุณธรรม ผู้นำมีธรรมมะในการปกครองเพื่อให้ผู้ตามได้รับประโยชน์สุข จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:37:48 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ Savor คุณทราบหรือไม่ว่าองค์กรอิสระในขณะนั้น "อิสระ"อย่างชื่อหรือเปล่า มีหลายฝ่ายพยายามแล้วผลเป็นอย่างไร หากมันง่ายแบบนั้น มวลชนในเวลานั้นคงไม่อัดอั้นขนาดรวมตัวกันได้อย่างที่เห็นในบอร์ดรดน.ช่วงก่อน19 กย. จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:41:32 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ : stand with a fist   ครับ ถามจากใจจริงๆ ฉบับย่อมีป่ะครับ จากคุณ : rikpfa เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:42:27 A:118.174.25.137 X:

ความคิดเห็นที่ 25 บทวิเคราะห์ไม่ว่าใครเป็นผู้เขียนก็จะเขียนแต่สิ่งดีๆของตนเอง ไม่เคยเห็นว่าจะพูดถึงตนเองในทางเสียหาย บุพการีสอนว่าต้องรักศํกดิ์ศรีและผู้เขียนก็จะยกตัวอย่างตนเองว่าทำตามบุพการีคือรักศักดิ์ศรีไม่ทำอะไรที่เสียศักดิ์ศรี น่าขันและน่าเบื่อยามได้อ่านบทวิเคราะห์เหล่านั้น คนทุกคนเอาดีใส่ตัวและเอาชั่วใส่คนอื่นทั้งนั้นเลย จากคุณ : Okata เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:43:07 A:10.36.1.56 X:10.1.5.21, 58.137.129.220

ความคิดเห็นที่ 26 ขอเพิ่มเติม จากบทความบ่งตอนของ อ.วิทยากร เชียงกูล ตอบคำถามคุณมารีนา (ต้องขออนุญาตอาศัยบทความที่ได้มีคนเรียบเรียงมาให้แล้วอย่างตรงใจ มาอธิบายความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ) """" ประชาธิปไตยในแง่เนื้อหา ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้หมายถึงแค่ระบบการเลือกตั้ง หากต้องประกอบไปด้วยสภาวะความเป็นประชาธิปไตย อย่างน้อย 6 ข้อ คือ 1. การเลือกตั้งผู้แทนจะต้องเป็นอิสระและยุติธรรม ไม่มีการใช้อำนาจหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อโกงการเลือกตั้ง ไม่มีการซื้อเสียงขายเสียง และการที่กลุ่มอภิสิทธิชนใช้อำนาจอิทธิพลระบอบอุปถัมภ์ ให้คนต้องเลือกเฉพาะพวกเขาบางคน 2. จะต้องมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจที่ดี เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ องค์กรอิสระ องค์กรประชาชนสามารถตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารได้ และต่างฝ่ายต่างตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกัน รวมทั้งภาคประชาชนสามารถถอดถอนผู้แทนที่มีพฤติกรรมไม่ชอบธรรมได้ 3. การบริหารบ้านเมืองจะต้องโปร่งใส มีเหตุผลอธิบายได้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่มีการคอรัปชั่น การหาผลประโยชน์ทับซ้อน การเล่นพรรคพวก หาประโยชน์ส่วนตัว 4. มีรัฐธรรมนูญและกฏหมาย ขนบธรรมเนียม ที่มุ่งประโยชน์คนส่วนใหญ่ อย่างมี เหตุผล มีความคงเส้นคงวา คนส่วนใหญ่ยอมรับ และรัฐธรรมนูญ กฎหมาย เหล่านั้นมีผลบังคับใช้ด้วย 5. สื่อมวลชนและองค์กรประชาชนมิสิทธิเสรีภาพ, เป็นอิสระ, มีศักดิ์ศรี และเข้มแข็ง ประชาชนมีจิตสำนึกความเป็นพลเมือง และมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง การแสดงความคิดเห็น การสมาคม การชุมนุม การทำประชาพิจารณ์ (เปิดอภิปรายความคิดเห็นประชาชนเรื่องกฏหมายและโครงการต่างๆ) และการลงประชามติว่า ประชาชนจะรับหรือไม่ในเรื่องสำคัญๆ 6. มีการกระจายการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สู่ประชาชน ทำให้เกิดประชาธิปไตยทาง เศรษฐกิจและสังคม และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง สม่ำเสมอ Credit: คุณTanu จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:45:39 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ : rikpfa แหะ ..ไม่มีค่ะขอโทษนะ  อยากให้อ่านทุกคำน่ะคะ่ ขนาดเราสมาธิสั้นยังทนได้เลย  อย่างคุณคงชิลด์ๆ นะนะ จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:48:04 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ stand ครับ รบกวนขึ้นไปอ่าน คห.ที่ 5 อีกทีครับ นั่นแหละ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ เจ็ดสิบกว่าปี "เมื่อไม่มีศีลธรรมเป็นพื้นฐานแล้ว  ระบบประชาธิปไตยนั่นแหละ  จะเป็นระบบที่เลวร้ายที่สุด" ที่คุณ stand อ้างถึงข้อความนี้ ผมไม่เห็นด้วยทั้งหมด เพราะว่าเมื่อไม่มีศีลธรรมเป็นพื้นฐานแล้ว ระบอบไหนๆก็เลวร้ายครับ แต่ระบบอบประชาธิปไตย ที่ให้ความสำคัญคือความเท่าเทียมกันของความเป็นมนุษย์และเคารพต่อมติของเสียงส่วนใหญ่ สามารถบริหารจัดการความขัดแย้งความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธภาพมากที่สุดครับ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:49:36 A:192.168.200.198 X:125.24.107.140

ความคิดเห็นที่ 29 ก่อนไปทำงานต่อ ขอแถมจุดน่าคิด(Credit: คุณTanu) ฮิตเล่อร์ - เยอรมัน มากอส - ฟิลิปปินส์ ซูฮาโต - อินโดนีเชีย ซัดดัม ฮุสเซน - อิรัก รัฐบาลทหาร - พม่า ออกุสโต ปิโนเชต์ - ชิลี เผด็จการ:-)ที่มาจากการเลือกตั้ง เขามาจากการเลือกตั้ง เขาเป็นประชาธิปไตย เขาคือประชาธิปไตย....ใช่มั้ย ??? จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:52:54 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 30 rep 23 แล้วทำไมคุณไม่ทำให้ประชาชนเห็นเป็นตัวอย่างครับ... อย่าง ทักษิณ เขายื่นฟ้องทุกคดี แม้จะรู้ว่า " มันหลุด " แน่นอน จะได้ให้เห็นไปเลยว่า... ต่อไปนี้ gu ด่าคนกลางที่สาธารณะว่า " ไอ้นี่มันอยากล้มเจ้า " ได้ เพราะนี่คือการตักเตือนเฉยๆ ต่อไปนี้จะวิจารณ์ใครว่า " อยากล้มสถาบัน " ก็ทำได้ง่ายๆ เพราะนี่มันคือ บทความทางวิชาการ หรือแม้แต่คดีที่มีการตีความโดยใช้ " หลัก gu " อย่างเดียว ไม่ใช่ตีความตาม " เจตนารมณ์ของกฎหมาย " ก็จะได้รู้ไปว่า เดี๋ยวนี้งานฟรีแลนซ์ ถือเป็นลูกจ้าง แต่งานสอนหนังสือ แม้จะเป็นงานประจำ แต่ถือว่าไม่เป็นลูกจ้าง เพราะเงินที่ได้เป็น " ค่ายกครู " จะได้รู้ว่า เดี๋ยวนี้ รมต. ทำสัญญาอะไรกับรัฐไม่ได้เลย... ขอน้ำ ขอไฟ ไม่ได้ โดนจับเข้าตะแลงแกงหมด หรือแม้แต่จะได้รู้ว่า " ศาลมีอำนาจในการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ โดยแต่งเติมข้อความขึ้นมาเองได้ " นี่... สมัยทักษิณยังครองอำนาจ คุณเคยทำอะไรแบบนี้มั้ยครับ ??? คุณเคยเห็นตัวอย่างกระบวนการยุติธรรมที่มันน่าอัปยศอดสูเช่นนี้มั้ย ??? คุณเคยเห็นคนในกระบวนการยุติธรรม ทำตัวไม่ต่างกับลูกสุนัขวิ่งไปเลียขาทักษิณ เหมือนที่ทำกับ คมช. ไหม ??? เหตุผลเช่นนี้ของคุณ ผมพูดตามตรง " ฟังไม่ขึ้น " ครับ... เพราะคุณไม่มีข้อพิสูจน์ หรือตัวอย่างเลยว่า " ที่คุณกล่าวมานั้นเป็นจริง หรือมีความจริงอยู่ " มันเป็นเพียงข้อกล่าวหาลอยๆ ของคนที่ " ไม่ถูกจริต " กับนายกที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร แต่ไม่อยากยอมรับความจริงในเวลานั้นที่ว่า... " ประชาชนส่วนใหญ่ได้เลือก ทักษิณ มาเองกับมือ และถ้า ทักษิณ จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ก็ต้องทำด้วยน้ำมือประชาชน " จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:53:58 A:58.8.184.228 X:

ความคิดเห็นที่ 31 (จาก คห. 2) สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีตัวเลขชี้ว่า คนรวย 10% ของประเทศ แต่ครองทรัพย์สิน 56% กว่าๆ ของประเทศ ส่วนคนจน 10% ครอง 3.9% ส่วนคนชั้นกลาง 60% ครองทรัพย์สิน 30% กว่าๆ -->  คนรวย      10%      ทรัพย์สิน 56.0% .    คนชั้นกลาง   60%      ทรัพย์สิน 30.0% .    คนจน       10%      ทรัพย์สิน 03.9% ------------------------------------------------------------- .   คนรวย+คนชั้นกลาง+คนจน ประมาณ 80% .   ทรัพย์สินรวม ประมาณ 90% -------------------------------------------------------------- คนชั้นไหนอีก 20%(จำนวนมากกว่าคนจน10%ซะอีก) ที่ครอบครองทรัพย์สินที่เหลือ ประมาณ 10% ???? จากคุณ : King Hades เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:58:15 A:125.26.250.213 X:

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยอย่างยิ่งกับประโยคสุดท้ายใน คห.ที่  30 ของคุณ SaVor จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:59:50 A:192.168.200.198 X:125.24.107.140

ความคิดเห็นที่ 33 ความคิดเห็นที่ 29     ก่อนไปทำงานต่อ ขอแถมจุดน่าคิด(Credit: คุณTanu) ฮิตเล่อร์ - เยอรมัน มากอส - ฟิลิปปินส์ ซูฮาโต - อินโดนีเชีย ซัดดัม ฮุสเซน - อิรัก รัฐบาลทหาร - พม่า ออกุสโต ปิโนเชต์ - ชิลี เผด็จการ:-)ที่มาจากการเลือกตั้ง เขามาจากการเลือกตั้ง เขาเป็นประชาธิปไตย เขาคือประชาธิปไตย....ใช่มั้ย ??? จากคุณ : stand with a fist ------------------------------------------------------ พวกนี้บางคนมาจากการเลือกตั้งจริง... แต่ภายหลังการเลือกตั้งก็ได้ทำการยกเลิกองค์กรต่างๆ รวบอำนาจเข้าสู่ตนเอง และนำพาประเทศไปในทิศที่ตนเองต้องการ โดยไม่ต้องฟังเสียงของประชาชน ถามว่า ทักษิณ ใกล้เคียงแม้แต่เศษเสี้ยวของพวกนี้หรือครับ ??? หลังจากเลือกตั้งชนะ 300 กว่าเสียงแล้ว ทักษิณ ประกาศกฎอัยการศึก ยกเลิกอำนาจตุลาการ อำนาจบริหาร ยกเลิกรัฐธรรมนูญ และเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ให้นายกสามารถดำรงตำแหน่งได้จนถึงแก่อสัญกรรม ทักษิณ ทำเช่นนี้หรือไม่ ? คุณถึงได้นำไปเปรียบเทียบกับบุคคลเหล่านี้น่ะ... และถ้าคำตอบออกมาเป็นว่า... " ทักษิณ กำลังพยายามทำ " มันก็จะย้อนกลับไปที่คำถามเดิมของผมว่า... " แล้วคุณล่ะ... มีข้อพิสูจน์หรือเปล่า ??? " จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:00:20 A:58.8.184.228 X:

ความคิดเห็นที่ 34 คห.ที่ 31 คุณ King Hades ช่างสังเกตจัง คริๆ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:02:22 A:192.168.200.198 X:125.24.101.204

ความคิดเห็นที่ 35 พี่ Springfield คะ เพราะว่าเมื่อไม่มีศีลธรรมเป็นพื้นฐานแล้ว ระบอบไหนๆก็เลวร้ายครับ====> เห็นด้วยค่ะ  ในประเด็นข้างบน ต้องการจะเน้นว่า หากประชาธิปไตย(ที่คิดว่า)มีอยู่ เห็นได้ชัดว่า ได้ละเลยพื้นฐานสำคัญเรื่องนี้ไป มวลชนย่อมรับรู้ได้ถึงความเลวร้าย และนั่นอาจเป็นที่มาของกระแสการยอมรับ การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นน่ะค่ะ จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:07:26 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 22   ประชาธิปไตยมิใช่หมายถึงการเลือตั้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ประเทศไทยถูกฝังหัวมานานว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง จากคุณ : stand with a fist   เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 15:37:48 A:58.11.31.147 X ************************************************************** ชอบจังประโยคแรกของคุณ...แล้วประชาธิปไตยที่ไม่มีการเลือกตั้งมีไหม ? การเลือกตั้ง  คือปฐมบทของประชาธิปไตย  มิใช่หรือ ? ที่ประชาธิปไตยเราไม่พัฒนาซะที่น่ะ  ก็เพราะเราต้องเว้นวรรคบ่อย ๆ เดี๋ยว  ๆ ก็ปิดเทอมการเรียนรู้ประชาธิปไตยของปชช.ซะที นี่คือปัญหาใหญ่  ของประเทศไทยค่ะ จะผิดถูก  ดีเลว ของนักการเมือง  ปชช.ต้องเรียนรู้ผ่านการเลือกตั้งค่ะ ของเราผ่านมาไม่ถึง 100 ปี  อังกฤษแม่แบบนั้นทราบว่า ใช้เวลาหลายร้อยปี   อย่าใจร้อน  ประชาธิปไตยไม่ใช่อาหารจานด่วนค่ะ จากคุณ : sao..เหลือ..noi เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:13:38 A:58.8.170.81 X:

ความคิดเห็นที่ 37 ความคิดเห็นที่ 22     ประชาธิปไตยมิใช่หมายถึงการเลือตั้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ประเทศไทยถูกฝังหัวมานานว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง เมื่อท่าน สส.ได้รับเลือกตั้งแล้ว ก็ทำตัวเหิมเกริมเป็นนายของประชาชน ส่วนประชาชนก็ได้แค่นั่งมองดู ไม่มีอำนาจในการต่อรอง ประชาธิปไตยแท้จริงในไทยคงต้องอีกนานกว่าจะนิยามได้ถูกต้อง ประชาธิปไตยต้องมี 3 ส่วน คือ 1.ปัญญาธรรม คนในสังคมต้องมีปัญญาในการคิดพิจารณา 2.สามัคคีรรม ปรองดองและสามัคคีของเสียงส่วนมากและเสียงส่วนน้อย 3.คุณธรรม ผู้นำมีธรรมมะในการปกครองเพื่อให้ผู้ตามได้รับประโยชน์สุข จากคุณ : stand with a fist ------------------------------------------------ ขอเสริมอีกนิด ผมว่า ทุกคนรู้ครับ ประชาธิปไตย ไม่ได้มีแต่การเลือกตั้งเท่านั้น เพราะหัวใจของมันคือ " โดยประชาชน และเพื่อประชาชน " จะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้ ไม่ต้องหาคำจำกัดความอะไรให้ยุ่งยากครับ... นี่คือประโยคที่สื่อถึงประชาธิปไตยได้ดีที่สุดแล้ว และเป็นประชาธิปไตยที่เป็นแบบสากลจริงๆ ไม่ใช่ระบอบดัดจริต:-) " ครึ่งใบ " " ประชาธิปไตยแบบไทยๆ " อย่างที่ชอบอ้างกัน... แต่ถามว่า ที่มันเกิดปัญหา ต้องให้นิยามประชาธิปไตยในไทย ต้องจำกัดความอะไรมากมาย เพราะอะไรครับ ??? ก็เพราะหลายๆบุคคลต้องการจะบิดเบือนหัวใจของประชาธิปไตยน่ะสิ จาก " โดยประชาชน และเพื่อประชาชน " ก็พยายามบิดเบือนไปว่า จะทำอย่างไรก็ได้ ขอให้มีข้ออ้างว่า ทำเพื่อประชาชน เท่านี้ก็ถือว่าเป็น ประชาธิปไตย แล้ว ซึ่งนี่ถือเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์ เพราะประโยคที่ว่า " โดยประชาชน " นั้น ไม่ได้มีไว้โก้ๆเฉยๆ แต่เป็นกลไกหลักอย่างหนึ่งของการตรวจสอบในระบอบประชาธิปไตย เป็นพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค ที่มีในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่สามารถหาได้ในรูปแบบการปกครองแบบอื่นๆ ตัวอย่างเช่น " รัฐบาล คมช. " นั้น จึงไม่อาจเรียกได้ว่า ประชาธิปไตย ได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยว เพราะมันผิดตั้งแต่แรกเริ่มที่มาแล้ว ที่ไม่ได้มาจากประชาชน ใครก็ตามที่พยายามจะบิดเบือนไม่ให้เห็นความสำคัญของคำว่า " โดยประชาชน " ในนิยามของประชาธิปไตย ก็ขอให้รู้ว่า ระบอบการปกครอง ที่คุณกล่าวถึงนั้น ได้ขาดหัวใจสำคัญของความเป็นประชาธิปไตยไปเสียแล้ว... และไม่สามารถยอมรับได้ว่า ระบอบการปกครองที่บิดเบี้ยว นี้คือ ประชาธิปไตย แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 16:20:13 แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 16:19:06 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:15:17 A:58.8.184.228 X:

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณค่ะ มาถึงจุดที่เรียกว่า มองต่างมุม และให้น้ำหนักความสำคัญกับขั้นตอนไหนของประชาธิปไตย :จะวิธีการที่ได้มา  หรือ ผลและเจตนา :จะเน้นที่ โดย หรือ เพื่อ แล้วต้องมาสะดุดที่ ความน่าเชื่อถือได้ของผลพิสูจน์ -ขอบคุณมากค่ะ คุณSaVor,พี่Springค่ะ ชัดเจนดี ลำพังในบอรดคงได้แค่แลกเปลี่ยนกันผิวๆ ให้ยอมรับข้อสรุปให้ตรงกันคงอีกนาน จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:40:11 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 39 การที่คุณบอกว่าให้ลดอคติกับ คมช. ลง หวังว่ามันคงไม่ใช่เพราะความเกลียดคนๆหนึ่งแล้วก็พลอยให้คุณเห็นดีเห็นงามกับการที่ทหารลากรถถังออกมาฉีกรัฐธรรมนูญพร้อมกับปู้ยี่ปู้ยำกระบวนการยุติธรรม จนบ้านเมืองเละอย่างที่เป็นอยู่ ถ้าแยกระหว่างอารมณ์ กับความถูกต้องไม่ออกแล้วล่ะก็มันถึงไม่เห้นภาพความจริงซักทีไง ^ ^ ถูกต้องครับ จากคุณ : Athlons เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:44:40 A:58.97.35.116 X:

ความคิดเห็นที่ 40 เสียดายความรู้ ความสามารถของหมอเกษม ชื่นชมท่านตั้งแต่สมัยเป็นอธิการบดี มช จากคุณ : ปลัดหน่อง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 16:45:28 A:118.71.11.2 X:

ความคิดเห็นที่ 41 ประชาธิปไตยที่คนไทยได้รับพระราชทานจาก รัชกาลที่ 7   คือ 1 คน 1 เสียง และให้ยอมรับผลรวมของคะแนนเสียงตรงนั้น เป็นการบริหาร " โดยประชาชน และเพื่อประชาชน " ประชาธิปไตยของเรา คือ ทุกคนได้แสดงออกโดยสิทธิและเสรีภาพอันเท่าเทียม ยอมรับในผลการตัดสินใจของเสียงส่วนใหญ่แม้จะไม่ถูกใจแต่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ปัจจุบันประชาชนถูกบังคับให้ต้องยอมรับการตัดสินจากคนส่วนน้อยด้วยรถถังและปลายกระบอกปืน  หลังจากบังคับให้ยอมรับการตัดสินใจในวันนั้นก็กดหัวประชาชนมาตลอดมิให้แสดงออกโดยเสรีภาพ เพียงแค่การชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ยังต้องประกาศ พรบ.ความมั่นคง จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:39:19 A:58.9.108.94 X:

ความคิดเห็นที่ 42 กระทู้นี้ดีมากเลยครับ ขอบคุณจขกท.ที่นำบทความดีๆและแสดงวิสัยทัศน์ออกมา นับวันยิ่ง มีอะไรดีๆออกมาให้เห็นไม่รู้จักหมดนะพี่สาว และขอบคุณผู้แลกเปลี่ยนทัศนะความเห็นต่างๆ มุมมองแต่ละท่านน่าสนใจ น่าคิดตามจริงๆครับ จากคุณ : peace_life เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:53:10 A:117.47.250.63 X:

ความคิดเห็นที่ 43 ประชาธิปไตยตายเพราะกลุ่มอำมาตย์ และทหาร ปฏิวัติ นี่เป็นเรื่องจริง ที่ใครไม่ยอมรับบ้าง จากคุณ : ล้อเล่นนะ เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:30:06 A:124.122.17.222 X:

ความคิดเห็นที่ 44 ทั้งหมด ทั้งเพ ที่เราอยากจะให้มันเป็น ผลของประชาธิปไตย ในแบบนั้นๆของเรา ..ล้วนต้องการเวลา เพื่อให้เมล็ดพันธ์ที่ดี ได้เติบโต งอกงาม ให้เจ้าของได้ ตัดแต่งกิ่งใบที่เน่าเสีย ใส่ปุ๋ยบำรุง ให้ยาฆ่าแมลงที่มาเกาะกิน เพื่อรอที่จะได้ดอกผล ตามที่เราคาดหวัง... ซึ่งอาจใช้เวลานานบ้าง..เราก็เข้าใจและทนรอได้.... แต่อยู่ๆนักเลงนอกบ้าน ถืออำนาจบาตรใหญ่ เอาขวานมาฟันต้นไม้นี้ทิ้ง โดยบอกว่าไม่ดี ให้ปลูกใหม่โดยใช้เมล็ดพันธ์ที่เขายัดเยียดมาให้ เราปลูกและรอกันใหม่... ..ทำกันแบบนี้ 2-3 ครั้งก็พอทน แต่ล่อกัน เป็นสิบครั้ง ตั้งแต่ 2475 เป็นต้นมา..ไม่รู้ทนกันได้อย่างไร ... ..เราไม่มีโอกาสได้เห็นดอกผลอย่างของ อเมริกา หรือ อังกฤษ ที่ยกตัวอย่างกันมาพูดดอก..หากเรายังไม่กล้าหรือยอมที่จะพูดและต่อต้านเรื่องการรัฐประหารต้นไม้ประชาธิปไตยของบ้านเราโดยนักเลงถือปืน.(อังกฤษหรืออเมริกาไม่เคยทำและไม่มีใครกล้าทำ) ..เราทะเลาะกันเรื่อง ดอกผลที่สมควรจะได้รับ โดยโทษต้นไม้เล็กๆ ที่เพิ่งปลูกใหม่ เป็นครั้งที่ 13ในรอบ 77 ปี ..เราทะเลาะกัน ในเรื่องที่คาดหวังว่าดอกผล มันจะไม่ได้ดี..เนื่องจากโรคภัยและมอดแมลง..โดยไม่เคยทำนุบำรุงและตัดแต่งกิ่งก้าน ในแบบที่บ้านอื่นๆเขาทำกัน ...เราทะเลาะกันโดยไม่เคยพิจารณาเลยว่า เมล็ดพันธ์ที่ นักเลงถือปืน ยัดเยียดมาให้นั้น มันเป็นพันธุ์ประชาธิปไตยหรือปล่าว ...เราก็คงยังต้องทะเลาะกันต่อไป หากเชื่อว่าแบบนี้คือประชาธิปไตยแบบไทยๆที่ยอมรับได้ และ แค่ต้องรอเวลาเท่านั้น ..เราต้องหยุดทะเลาะกันเอง แล้วหันไปต่อสู้กับนักเลงโตถือปืน ที่จะเข้ามาโค่นต้นไม้น้อย อีกครั้งในรอบถัดไป..แล้วเริ่มลงมือคัดเมล็ดพันธุ์ที่ดี ปลูกกันใหม่อีกครั้ง ทำนุบำรุง ตัดแต่งกิ่งใบที่เสียๆ ใช้ยากำจัดแมลง เพื่อรอดอกผลที่ดี ให้กับลูกหลานของเราในอนาคต..ด้วยความหวงแหน..จะดีกว่าไหมครับ? จากคุณ : แมงบาร์ (MANG BAR) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:39:35 A:202.44.7.67 X:

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 38     ขอบคุณค่ะ มาถึงจุดที่เรียกว่า มองต่างมุม และให้น้ำหนักความสำคัญกับขั้นตอนไหนของประชาธิปไตย :จะวิธีการที่ได้มา  หรือ ผลและเจตนา :จะเน้นที่ โดย หรือ เพื่อ แล้วต้องมาสะดุดที่ ความน่าเชื่อถือได้ของผลพิสูจน์ -ขอบคุณมากค่ะ คุณSaVor,พี่Springค่ะ ชัดเจนดี ลำพังในบอรดคงได้แค่แลกเปลี่ยนกันผิวๆ ให้ยอมรับข้อสรุปให้ตรงกันคงอีกนาน จากคุณ : stand with a fist   ................................................................................................ ความคิดของผมนะ คิดอย่างนักวิชาการปวดหัว         คิดอย่างชาวบ้าน ทำความเท่าเทียมให้เท่าเทียมพอ อย่าให้ความเท่าเทียมตั้งอยู่บนความไม่ทเทียม เช่นทุกวันนี้         การให้ควมรู้ประชาชนอาจทำให้เข้าใจประชาธิปไตยมากขึ้นก็อาจเป็นได้ แต่เมื่อคุณภาพชีวิตยังตกต่ำ ประชาธิประไตยก็จะมาที่หลัง ถ้าคนไทย สามารถเลี้ยงตัวเองได้พึ่งพาตัวเองได้ ประชาธิปไตยจะชัดเจนขึ้น นี้แหละสาเหตุที่จะทำให้ประชาธิปไตยใกล้ตาย         การใช้ประชาธิปไตยในสังคงทุกวันนี้เป็นลักษณะ          " ประชาธิปตรู"  มากกว่าใครเห็นต่างไม่เอาด้วย ไม่ว่าสังคมเมืองหรือชาวบ้าน  ชาวบ้านทุกวันนี้ทำอะไรอ้างจะฟ้องศาลอย่างเดียว ทั้งที่แต่ก่อนคุยที่บ้านผู้ใหญ่บ้านทุกอย่างก็จบ ลักษณแบบนี้เรือกว่าพัฒนาไหม๊ !         จะทำ ประชาธิปรตรู  ให้เป็นประชาธิปไตย  ต้องมาจากคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ในสังคม บนความเท่าเทียมเดียวกัน          อ่านไม่หมดหรอก  บ่นๆไปอย่างที่รู้สึก         ทักษิณ มี ประชาธิปไตย กินได้ มาให้ประชาชน  โอกาสที่ไม่เคยเข้าถึง การบริการภาครัฐ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในชาตินี้         มาร์ค มีประชาธิปไตย  กู้ แจกมานำเสนอแบบตาบอด คือไม่รู้เริ่มตรงไหนจบตรงไหน การแก้ปัญหา รอให้มันเกิดปัญหาก่อน หรือรอให้ปัญหามันหายไปตามกาลเวลา   จบการบ่น เรื่องประชาธิปไตยแบบฉันนี้แหละ (ไม่ใช้นักวิชาการเป็นเพียงผู้ใช้ ปชป. จาก รธน.ฉบับปีศาจ) แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 19:01:22 จากคุณ : rikpfa เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:56:39 A:118.174.32.1 X:

ความคิดเห็นที่ 46 rep 38 ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การเน้นจุดไหนหรอกครับ... เพราะมันอยู่คนละขั้นตอนกัน โดยประชาชน - ขั้นแรก เพื่อประชาชน - ขั้นต่อมา ปัญหาที่มันเกิดขึ้นทุกวันนี้ก็เพราะ มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม พยายามจะรวบรัดตัดตอนหัวใจของ ประชาธิปไตย ไปเป็นว่า... ขอให้ทำเพื่อประชาชน ( โดยคิดเองเออเองว่า สิ่งที่ตัวเองนั้นทำดีที่สุดกับประชาชน แต่ไม่ได้ถาม ) นั่นก็คือ ประชาธิปไตย แล้ว... ผมไม่คิดว่า สิ่งนี้จะต่างกับ เผด็จการ คณาธิปไตย หรือ อภิชนาธิปไตย ที่อาศัยการ " โฆษณาชวนเชื่อ " มาช่วยล้างสมองประชาชนเลยครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 19:04:02 A:124.120.12.126 X:

ความคิดเห็นที่ 48 คห47 -1.คุณเดาผิด -2.คำว่าพันธุ์เดียวกัน แรงไปนะ ขอให้ถอนซะ -3.ที่คุณว่าทั้งหมด คิดเองเออเองสรุปเอง อย่าบอกนะว่านี่คือประชาธิปไตยในแบบของคุณ -4.นิสัยพูดติดคำหยาบนี่(ทั้งปี้สิด ทั้งอุบาด )นี่เหลือรับค่ะ จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 19:43:06 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 49 คุณSaVor คุณคงมีเหตุผลของคุณที่ทำให้คุณยึดติดว่า " โดยประชาชน "เป็นหัวใจสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย แต่ั่นั่น..ไม่ได้แปลว่า ที่คุณคิดมันถูกต้องที่สุด เหมาะสมที่สุด จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 19:47:13 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 50 .                  นายเกษมก็เหมือนกับนายปุระชัย นายโสภณ ที่ถืออัตตายึดติดกับอำนาจ ทำงานเป็นทีมไม่เป็น เมื่อถูกเขาเขี่ยทิ้งไป ก็แค้นฝังใจ แดกดันเขาเรื่อยไปทุกครั้งที่มีโอกาส .................... ผมไม่เคยให้ราคาคนกลุ่มนี้ครับ                 อย่ามาโม้เรื่อง CSR ถ้านายเกษมไม่รู้จริง ความจริงมันก็เป็นแค่เครื่องมือของอเมริกันที่ตั้งเงื่อนไขของ ESG ขึ้นมา แล้วลอบบี้ให้เป็นบัญญัติ UN Global Compact Principles สร้างเกณฑ์ปฎิบัติ OECD Guidelines for Multinational Enterprises ขึ้นมา เพื่อกีดกันการลงทุนของกองทุนอื่นในการเข้าลงทุนในประเทศด้อยหรือกำลังพัฒนา                ทั้งที่ในความเป็นจริง พวกไอ้กันไม่เคยสนใจที่จะทำตามเงื่อนไขที่ตัวเองกำหนดขึ้นมา ดูกรณีบริษั GM ในไทยเป็นตัวอย่าง                 ถ้าถามว่า CSR ดีไหม ผมตอบว่าดีครับ แต่ภาครัฐต้องกำกับดูแลกับกองทุนต่างชาติที่เข้ามา ถ้าบริษัทไทยทำสุดโต่งอย่างนั้นบ้าง ต้นทุนจะเบิกบาน กรณี บางจาก ......................... ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการล่มสลาย จากคุณ : บุรุษหน้าเหล็ก เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 19:48:16 A:117.47.160.113 X:

ความคิดเห็นที่ 51 ขออธิบายหลักการให้คุณพี่สะแตนด์คนสวยให้เข้าใจในหลักการประชาธิป ไตยหน่อยนะคะ ระบอบประชาธิปไตย หมายถึง ระบอบการปกครองตนเองของประชาชน ตรงกันข้ามกับระบอบอำนาจนิยม ( เช่น ระบอบราชาธิปไตย , ระบอบ เผด็จการทหาร, ระบอบอำมาตยาธิปไตย ) ซึ่งเป็นระบอบปกครองโดยคน เดียว หรือโดยคนกลุ่มน้อย ผู้มีอำนาจมากกว่าประชาชนทั่วไป (เรียกว่า พวกอภิสิทธิชน) ในโลกยุคเศรษฐกิจตลาดเสรีสมัยใหม่ คนส่วนใหญ่ซึ่ง เป็นพลเมือง ผู้เสียภาษี(ทั้งทางตรงและทางอ้อม) และเป็นเจ้าของสาธารณ สมบัติร่วมกัน เชื่อว่าระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่จะสร้างความมี ประสิทธิภาพ(ในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ) และความเป็นธรรม ได้ มากกว่าระบอบอำนาจนิยม  ในบางสถานการณ์ ใน ระบอบอำนาจนิยม อาจจะมี ผู้ปกครองที่เป็นคนดีหรือคนเก่งอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่า เขาหรือลูก หลาน หรือพรรคพวกเขา ที่ได้ตำแหน่งจากการสืบเชื้อสาย หรือการแต่งตั้ง จะ ปกครองประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมสำหรับคนส่วนใหญ่เสมอ ไป เพราะระบบสืบเชื้อสายและแต่งตั้งเป็นระบบที่ไม่แน่นอน และไม่มี ประสิทธิภาพ และเพราะว่าการให้คนสืบทอดอำนาจโดยไม่มีการตรวจสอบ ถ่วงดุลมักนำไปสู่การฉ้อฉลเพื่อประโยชน์ส่วนตน ระบอบประชาธิปไตยดีกว่า ระบอบอำนาจนิยมในแง่ที่ว่า มีระบบคัดเลือกผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพกว่า และ มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองมีอำนาจมากจน เกิน ไปได้ดีกว่า แต่ทั้งนี้ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชน มีส่วนร่วม อย่างแท้จริง ไม่ใช้สักแค่มีการเลือกตั้ง แต่ยังมีการซื้อเสียงขายเสียง การโกง การใช้อำนาจและระบบอุปถัมภ์ แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 52 20:09:27 จากคุณ : พิงค์นคร49 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 20:07:14 A:118.172.3.197 X:

ความคิดเห็นที่ 52 *20 ขอร้องเถอะ..อย่าเอาคำสอนของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติชอบอย่างท่านพุทธทาส มาอ้างอิงหรือสนับสนุนทิฎฐิมืดบอดของพวกคุณเลย.. ..[^_^]จะกินหัวเอา.. จากคุณ : stockmachine เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 20:26:17 A:58.64.58.123 X:

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ stand with a fist " ขอถามนอกประเด็นนิด.. ช่วงที่ท่านอยู่ในรัฐบาลทักษิณ 1 แต่อยู่ได้ไม่กี่เดือนก็ลาออก สาเหตุคืออะไร ใครพอทราบมั้ยคะ " - เพราะกำลังจะได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เลยลาออกจากรมต. แต่เพราะไม่สามารถนำมาบอกกล่าวได้ล่วงหน้า เนื่องจากเป็นการไม่สมควร จึงทำให้เกิดข่าวลือต่างๆ นานาว่าผิดใจกับทักษิณเลยขอลาออก ทั้งที่เขาลาออกจากรมต.ไม่กี่วัน ก็มีประกาศแต่งตั้งเป็นองคมนตรีตามมา จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 20:42:41 A:124.122.5.243 X:

ความคิดเห็นที่ 54 ประชาธิปไตย คือ การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ดังนั้น ประชาธิปไตยของไทยมันตายไปนานแล้ว นับจากมีการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 20:44:53 A:124.122.5.243 X:

ความคิดเห็นที่ 55 -คุณ : TSC ขอบคุณมากค่ะ ช่วงนั้นข่าวลือแบบที่คุณว่าจริงๆ จากคุณ : stand with a fist เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 20:48:22 A:58.11.31.147 X:

ความคิดเห็นที่ 56 ความคิดเห็นที่ 49     คุณSaVor คุณคงมีเหตุผลของคุณที่ทำให้คุณยึดติดว่า " โดยประชาชน "เป็นหัวใจสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย แต่ั่นั่น..ไม่ได้แปลว่า ที่คุณคิดมันถูกต้องที่สุด เหมาะสมที่สุด จากคุณ : stand with a fist   ------------------------------------------------- ไม่ใช่ครับ... ความคิดของผมคือ ทั้ง โดยประชาชน และ เพื่อประชาชน นั้นต้องไปด้วยกัน... แต่ที่ผมจับใจความจากที่คุณสื่อออกมาในบาง rep เช่น การยกตัวอย่างรัฐบาล คมช. ว่ามีความเป็นประชาธิปไตย ผมคิดว่าคุณกำลังพยายามละเลยคำว่า " โดยประชาชน " และหาเหตุผลต่างๆนานา เพื่อชูคำว่า " เพื่อประชาชน " ออกมาแบบเดี่ยวๆ ซึ่งผมบอกไปแล้วว่า " นี่เป็นความคิดที่ผิดอย่างสิ้นเชิง " และความคิดเช่นนี้ เป็นมายาคติที่หลอกลวงสังคมไทยมาเนิ่นนาน ว่า จะปกครองด้วยระบอบใดก็ได้... ขอเพียงให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แล้วถามว่าระบอบการปกครองใดล่ะครับ... ที่จะให้หลักประกันแก่ประชาชนว่า เขาจะได้ผู้บริหารที่ " ตรงใจ " พวกเขามากที่สุดในขณะนั้นจริงๆ และผู้บริหารนั้นต้องรับฟัง " เสียงสะท้อน " จากประชาชนอยากเลี่ยงไม่ได้ แล้วประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ผู้บริหารบ้านเมืองในเวลานั้นทำ " เพื่อประชาชน " จริงๆ ถ้าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกหรือไม่เลือกผู้บริหารคนนั้นได้... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 22:24:47 A:124.120.12.126 X:

ความคิดเห็นที่ 57 ขออนุญาตปาดหน้านิดนึง "ระบอบดัดจริตบิดเบือนของคนที่ต้องการเสวยอำนาจโดยมิได้ผ่านการยินยอม ของประชาชน แล้วมาอ้างว่า " ทำเพื่อประชาชน " เพื่อสร้างความชอบธรรมแก่ตัวเอง แค่นั้น..." ชอบประโยคนี้ของความคิดเห็นที่ 21 จริง ๆ เลย จากคุณ : Ailong เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 10:28:37 A:203.147.4.17 X: