+ + + + โ ก ง อ อ ก แ บ บ ไ ด้ + + + +

โกงออกแบบได้

คอลัมน์ เดินหน้าชน

โดย ภาคภูมิ ป้องภัย



พฤติการณ์เตรียมทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ในโครงการไทยเข้มแข็ง (เอสพี 2) ช่างละม้ายคล้ายคลึงพฤติการณ์ทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงอย่างมาก จนคล้ายกับว่า ผู้เกี่ยวข้องในสองโครงการก๊อบปี้วิธีการเดียวกันมาโดยมิได้นัดหมาย

มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ดังนี้ > > > >

1.การใช้งบประมาณกลางสำหรับโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน กับการใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินนั้น ไม่มีรายละเอียดโครงการให้รัฐสภา และสังคมร่วมตรวจสอบ

2.การจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์เน้นประเภททางเลือกใหม่ ครุภัณฑ์นอกกรอบ เช่น ครุภัณฑ์ซึ่งยังไม่เป็นที่นิยม ครุภัณฑ์ประยุกต์ ฯลฯ ผู้สรรหารายการครุภัณฑ์ในลักษณะนี้มีเจตนาส่อไปในทางหลีกเลี่ยงการตรวจสอบราคากลาง เพราะสำนักงบประมาณไม่มีวันจะกำหนดได้ หรือไม่มีปัญญาสุ่มตรวจสอบได้ทุกชนิด

เราถึงได้เห็นการนำสินค้าทั่วๆ ไปมาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การนำรถบรรทุก 6 ล้อมือสองมาติดตั้งเครื่องนวดสีข้าว แล้วเพิ่มราคาให้สูงขึ้นกว่าเท่าตัวเพื่อมาขายในโครงการชุมชนพอเพียง โดยไม่อาจประเมินราคากลางได้ง่ายนัก

3.การเน้นจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์จากต่างประเทศ ยากต่อการตรวจสอบราคากลาง ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ในเอสพี 2 กว่า 90% ที่เสนอจัดซื้อเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ

4.การจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์แบบเสริมแต่ง ต่อเติม หรือเพิ่มเฟอร์นิเจอร์ ภาษารถยนต์เรียก "ไมเนอร์เชนจ์" เพื่อโก่งราคาขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 30% ทั้งๆ ที่ของเดิมใช้ประโยชน์ได้ดีอยู่แล้ว ในขณะที่ส่วนต่อเติมเสริมแต่งนั้น หาได้ช่วยเพิ่มอรรถประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญไม่

เราจึงได้เห็นการเสนอรายการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศด้วยแสงอัลตราไวโอเลตระบบเปิด (ยูวี-แฟน)ซึ่งเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์มากกว่าจะเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำตำบลจำเป็นต้องมี

เราจึงได้เห็นการเสนอรายการจัดซื้อเครื่องกระตุ้นหัวใจ เครื่องช่วยหายใจ แบบติดตั้งต่อเติมอุปกรณ์เสริมพ่วง ทั้งๆ ที่ใช้ยาก และไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่ในโรงพยาบาลประจำตำบล

เราจึงได้เห็นการล็อคสเปคให้โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลต่างจังหวัดมีชั้นใต้ดิน ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลไม่มีข้อจำกัดในแง่พื้นที่เช่นในเมืองหลวง

เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ช่วงนั้นผู้นำรัฐบาลมีอำนาจเบ็ดเสร็จในฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ จึงอาศัยรูปแบบคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายแสวงหาผลประโยชน์ก้อนโตเป็นหลัก
(ยังคงเป็นข้อกล่าวหา.....ที่....รอแล้ว....รอเล่า....รอการพิสูจน์มา ๓ ปีแล้ว....ตรงนี้ผมเติมเองนะครับ)

แต่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยสภาพรัฐบาลผสมมากพรรค ด้วยภาพลักษณ์ "คุณชายสะอาด" ของผู้นำรัฐบาล การที่กลุ่มใดจะหาผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ หรือการคอร์รัปชั่นในเชิงนโยบายนั้น เป็นไปได้ยาก เพราะถูกติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด

บรรดาคนรอบข้างนักการเมือง ข้าราชการกังฉินในกระทรวงต่างๆ รวมไปถึงล็อบบี้ยิสต์ที่เชื่อมโยงนักการเมืองกับบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ จึงอาศัยโครงการยิบย่อยที่แทรกอยู่ในนโยบายใหญ่และเงินจำนวนมหาศาล เป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ ผ่านโครงการใน 4 ลักษณะข้างต้น

ผมไม่แน่ใจว่า แกนนำรัฐบาลผู้คิดค้นนโยบายชุมชนพอเพียง และไทยเข้มแข็ง 1, 2 รู้เห็นเป็นใจกับขบวนการทุจริตด้วยหรือไม่ หรือคลอดนโยบายมาหวังเปิดช่องให้ทำมาหากินทางอ้อมหรือไม่

แต่ผมเชื่อว่า คนรอบข้างรัฐมนตรี นายทุนแวดล้อมคนในรัฐบาลหรือแม้กระทั่งในพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมรู้ดีว่าการดำเนินนโยบายซึ่งมีเม็ดเงินมหาศาลนั้น ช่วยให้พวกเขามีโอกาสเข้าถึงกำไรจากส่วนต่างได้สะดวกและเร็วกว่ากลุ่มอื่นๆ ส่วนกำไรที่ได้มาจากสิทธิพิเศษนั้น ก็แบ่งเปอร์เซ็นต์ไปให้หลังปิดดีล

ดูเหมือนเรากำลังเผชิญอีกรูปแบบหนึ่งของการโกงแล้วหาตัวคนผิดมาลงโทษได้ยาก หนำซ้ำเงินแผ่นดินก็สูญเปล่าไปโดยใช้เหตุ

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act06111052&sectionid=0130&day=2009-10-11

ม๊าก ม.๗  วันๆเอาแต่ออกไปบรรยายปาฐกถา  เต้นฟุตเวอร์ค
ล่อหลอกให้ชาวบ้านหลงคารม งงจนเคลิ้ม
จนลืมสนใจการโกงกินแบโจ๋งครึ่มของพลพรรคแบบนี้


น า ย แ น่  ม า ก.......! ! !


.
.
.
.

จากคุณ	: เรือธง
เขียนเมื่อ	: 12 ต.ค. 52 18:27:14 A:202.176.138.203 X: