 |
สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร มติชน : พล.อ ชวลิต ไม่จิ๋ว ! ล่อเสือออกจากถ้ำ คำราม เข้าเพื่อไทยทรยศชาติ(ของป๋า)
|
|
ไม่จิ๋ว
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
แม้จะมีการเย้ยไยไพ กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หวนกลับสู่การเมือง "แบบเลือกข้าง" และ "ข้าง" นั้น เป็นข้างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนอยู่ ว่า ไม่มีราคา
แต่เท่าที่ตามข่าวอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งตกเป็นจำเลยการสลายม็อบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2552
ปรากฏว่า มากด้วยสีสัน
และ เห็นความ "วูบไหว" ในการเมืองชัดเจน
ดังนั้น จะสรุปว่า พล.อ.ชวลิตไร้ราคาเลยเสียทีเดียวไม่ได้
งานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่ากันว่า กำลัง "เร่งเกม" ในทุกด้าน เพื่อให้มีคำตอบทางการเมืองสำหรับตัวเองภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า การเลือกเล่นไพ่ใบ "พล.อ.ชวลิต" น่าจะมีเป้าหมายอะไรบางอย่าง
พ.ต.ท.ทักษิณใช้เพื่อไทยรุกในสภา
ใช้แดงกดดันบนท้องถนน
ส่วน พล.อ.ชวลิต ซึ่ง "เก๋ายุทธวิธี" น่าสนใจและน่าพิจารณาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หวังและคิดอะไร
พล.อ.ชวลิตได้ประกาศตั้งแต่วันที่เข้ามาอยู่ใต้ร่มชายคาเพื่อไทยว่า
"วันนี้ไม่ใช่โซ่ข้อกลาง แต่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคู่ขัดแย้ง"
เป็นคำประกาศที่กำกวม มีปริศนา ตามสไตล์ "บิ๊กจิ๋ว" ที่ใครๆ หาว่า ทำอะไร ไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่กระนั้น ก็คงต้องขีดเส้นใต้คำว่า ขอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ "คู่ขัดแย้ง"
เมื่อเป็นคู่ขัดแย้ง ดังนั้น ที่ผู้สื่อข่าวพยายามมองและซักไซร้ พล.อ.ชวลิตว่า ที่เข้ามาเพื่อเป็นคนไกล่เกลี่ย ความขัดแย้งให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น จึงไม่น่าจะใช่
อย่างเมื่อมีผู้สื่อข่าวถามว่า จะช่วยลดระดับความขัดแย้งระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ หรือไม่อย่างไร
พล.อ.ชวลิตตอบว่า "ไปเอาท่านมายุ่งเกี่ยวอีกแล้ว ถ้าผมจำไม่ผิด วันนี้ท่านไม่ได้อยู่กรุงเทพฯแล้ว พล.อ.เปรมไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ"
ตามสไตล์ "บิ๊กจิ๋ว" เปี๊ยบเลย
ถามอย่าง ชิ่งไปอีกอย่าง
แต่ "ชิ่ง" นั้นต้องถือว่า คลาสสิค ยิ่ง
และตอกย้ำว่า คำว่า ขอเป็นคู่ขัดแย้งของ พล.อ.ชวลิตนั้น ไม่ใช่เป็นการพูดตามน้ำ
หากแต่ดูเหมือน "จงใจ" บอก "อะไร" ใครต่อใครตรงๆ เลยเชียว
การที่จู่ๆ บอกขึ้นมาว่า วันนี้ท่าน (พล.อ.เปรม) ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯแล้ว ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่สำหรับคนที่รักบ้านสี่เสาฯ และผูกพันปักหลักอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน การไม่ได้อยู่ "บ้าน" ย่อมเป็นเรื่องที่ "ทุกข์" อย่างยิ่ง
การที่ พล.อ.เปรมไม่ได้อยู่บ้าน ซึ่งจะอาจมาจากทั้งถูกคนเสื้อแดงขู่ว่าจะบุกบ้าน เมื่อ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา
หรือด้วยเหตุข่าวลือต่างๆ นานา
"การไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ" ตามคำพูดลอยๆ ของ พล.อ.ชวลิตจึงมีนัย ที่ลูกๆ-ป๋าๆ เขาเข้าใจกัน
โดยเฉพาะกับ ทหารเก่า นั้น ย่อมรู้ดีว่า การสูญเสียฐานที่มั่น และต้องเป็น "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" เป็นความคับแค้นเพียงใด
คำพูดแบบไม่รู้เรื่องของบิ๊กจิ๋วนี่แหละ เจ็บนัก
เจ็บเหมือนกับคำพูดล่าสุดที่ พล.อ.ชวลิตพูดถึง พล.อ.เปรมว่า "ยังไม่มีโอกาสเข้าไปกราบ พล.อ.เปรมที่บ้านสี่เสาฯเลย จะไปขออโหสิกรรมเมื่อครั้งที่บวช ยังไม่ให้เข้าเลย"
คำพูดแบบนี้ เหมือนยกมือขึ้นไหว้
แต่มองอีกอย่าง สองมือที่ยกประกบกันนั้น เหมือนการตั้งการ์ด เวลานักมวยจะเข้าห้ำหั่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดที่แม้จะข้องแวะไปยังเรื่องกราบๆ ไหว้ๆ แต่สำหรับคนไทยแล้ว คนไปขออโหสิกรรมผู้ใหญ่เพื่อบวชแล้วผู้ใหญ่ไม่ให้
ผู้ใหญ่คนนั้นต้องถือว่า "เย็นชา" อย่างยิ่ง
ดังนั้น คำพูดของ พล.อ.ชวลิตที่ว่า "วันนี้ไม่ใช่โซ่ข้อกลาง แต่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคู่ขัดแย้ง" จึงน่าจะเข้าใจได้แล้วว่า ต้องการสื่อถึงอะไร
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณเลือกไพ่สำรับบิ๊กจิ๋ว จึงไม่น่าจะใช่แค่เพียงทำให้ "ปั้นข้าวเหนียว" เกาะกันแน่นขึ้น
หรือหวังเขย่าพิสดารๆ แบบที่นายเทพไท เสนพงศ์ พยายามออกมาดักคอว่า การที่ พล.อ.ชวลิต และคนใกล้ชิด เข้าไปในพรรคเพื่อไทยนั้น คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิตมีทั้งสายเหยี่ยวและสายพิราบ ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นและไม่อยากให้พวกฮาร์ดคอร์สร้างสถานการณ์เช่นเดียวกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี 2535
แต่อาจจะหวังให้ พล.อ.ชวลิตมาเล่นบทบาท "คู่ขัดแย้ง" กับใครบางคนก็ได้
และนี่หรือเปล่า ไม่ทราบ ที่ทำให้เราได้ยิน พล.อ.เปรมพูดถึง "บิ๊กจิ๋ว" แบบยาวๆ อย่างที่ไม่ค่อยได้ยินมาก่อน
โดยเฉพาะประโยคที่ว่า
"วันนั้นก่อนที่จิ๋วจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยผมก็ให้คนไปบอกเขาว่า จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้รอบคอบ ไตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งผมใช้คำว่า "ไตร่ตรองให้รอบคอบ" ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ นี่เป็นข้อความที่ผมสื่อไป ไปถึงจิ๋ว"
เรื่องของ บิ๊กจิ๋ว จึงไม่ จิ๋ว
ล่อ ป๋า ออกจากถ้ำได้!
(ที่มา มติชนรายวัน , 16 ตุลาคม 2552)
จากคุณ |
:
จำปีเขียว
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ต.ค. 52 17:32:41
A:125.25.23.133 X:
|
|
|
|  |