 |
ความคิดเห็นที่ 10 |
พอดีผมเป็นนักจิตวิเคราะห์(...ฮา)
ผมสังเกตุเห็นว่าท่านนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันจะมี"ความสุขสุดยอด"อย่างมากหากได้พูด ปราศรัย ปาฐกถา คุย โทรศัพท์ ฯลฯ สรุปคือได้ใช้การแสดงออกถ่ายทอดทางปาก
ผลงานเด่นที่ๆได้ก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ก็คือการกลั่นกรองคำพูด การพูด การโต้ตอบ โดยไม่เคยมีผลงานทางการบริหาร
เดิมคิดว่าท่านคงมีฝีมือบ้างแต่ที่ยังไม่เคยปรากฏมาในยุคสมัยเป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชวน ๒ อาจจะเพราะยังไม่มีโอกาส ยังไม่ได้ควบคุม ดูแลงานใหญ่
กล้อมแกล้มได้ว่าคงจะเก่งแต่ยังไม่เฮง(มีโอกาส) ว่างั้นเถอะ
แต่พอเห็นความสามารถในการเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารทุกวันนี้ ผมนึกถึงท่าน พล.อ.เสริม ณ นคร อดีต ผบ.ทบ.สมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรียุครัฐบาลเปรม ๑ ซึ่งท่านเป็นเจ้านายที่ยังเติร์กสมัยนั้น(คือพวก พ.ท.มนูญ พ.ท.จำลอง พ.ท.วัลลภ ฯลฯ)รักและศรัทธา
เพราะ พล.อ.เสริม ณ นคร ท่านมีนิสัยไม่พูด(ให้คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ภรรยา พูดแทน...ฮา)
คนไม่พูดมากจะรักษาตำแหน่งได้นาน เพราะลูกน้องและผู้เกี่ยวข้องไม่รู้ว่ามันโง่หรือมันฉลาดกันแน่ แต่ท่าทางอมภูมิ ฟอร์มดี จึงมีชัยไปแล้วขั้นหนึ่ง?
เช่น เดียวกันกับนายกรัฐมนตรีปัจจุบันพูดมาก ประดิษฐ์คำพูดหะรูหะราและใส่ศัทพ์แปลกใหม่เข้าไปทุกๆปาฐกถา พยายามให้เป็นเหมือน ซิเซโร โสเครตีต จูเลียส ซีซาร์ คือพวกนักพูดของกรุงโรม เพราะในมโนสำนึกคิดว่านั้นคือการทำงานของผู้บริหารบ้านเมือง
เป็นปรากฏการปรกติของมนุษย์ทุกคนว่ายิ่งพูดมากจะยิ่งผิดมาก ยิ่งพูดมากยิ่งแสดงออกถึงสิ่งที่ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น ทำไม่สำเร็จมาก เพราะการพูดแค่อ้าปาก กระดกลิ้น มันง่ายกว่าการสังเคราะห์ความคิดแล้วสั่งการ ไปติดตามผล ไปตรวจสอบ ฯลฯ เพื่อให้ผลงานออกมาเป็นการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรีคนนี้มีความสุขกับการได้พูด สังคมสอพลอแบบไทยๆพอรู้ว่าคนมีอำนาจชอบแบบไหนก็จะป้อนกิจกรรมแบบนั้นให้ จะเห็นว่ามีรายการเชิญนายกรัฐมนตรีเกาะ Podium ปาฐกถายาวเหยียดเกือบทุกๆงานและทุกๆวัน
คนบ้าอะไรไม่รู้จะมีการแสดงวิสัยทัศน์ได้ทุกเรื่อง ได้ทุกเวลา ได้ทุกสถานที่และได้ทุกวัน แถม-ยังมีหน้ามาบอกด้วยว่างานประจำไม่เสียหาย ทำยังกะคนทำงานประจำแล้วเอาเวลาว่าและเวลาหลังเลิกงานไปทำงานพิเศษอย่างนั้นแหละ????
นายกรัฐมนตรีคนนี้ก็มีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น ไม่ลงไปขุด สั่งการ เรื่องรถไฟหยุดมาเกือบครึ่งเดือนจนชาวบ้านเดือดร้อนชนเริ่มชาชิน ไม่เข้าไปตรวจสอบการโกงกินงบไทยเข้มแข็งของสาธารณสุข การโกงกินงบเศรษฐกิจพอเพียงของรองนายกรัฐมนตรีและคณะ ไม่แต่งตั้งประมุขตำรวจ ไม่ ฯลฯ, ไม่ ฯลฯ,ไม่ ฯลฯ.....
เป็นการบริหารโดยไม่บริหารแบบวิถีเซ็นนั่นเอง ประเทสไทยจึงเสียโอกาส ล้าหลังกว่าเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมโลกไปทุกๆชั่วโมง สมแล้วที่เขากล่าวว่านายกรัฐมนตรีคนนี้เป็นนายกรัฐมนตรีมือใหม่วัยหนุ่มแต่หัวใจ..แก่
เพราะขาดประสบการบริหารองค์การขนาดใหญ่จึงคิดว่าการไปพูดบอกไปแล้ว..การพูดสั่งไปแล้ว..การให้นโยบายไปแล้ว
คือ"การทำงาน"
แต่ความจริงการทำงานจะดูกันที่ผลของการขีดเส้นใต้เส้นสุดท้ายหรือผลลัพธ์เท่านั้น เหมือนเล่นฟุตบอลล์เลี้ยงลูกสวย ส่งลูกต่อกันสวย แต่ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้ ถูกคู่แข่งที่เตะโฉ่งฉ่างทีเดียวพุ่งเข้าประตู ไอ้ทีมเล่นฟอร์มสวย นักเตะรูปงามก็พ่าย ๑-๐ ก็ถือว่าแพ้พ่ายเพราะเขาไม่ให้คะแนนความสวยงาม
คนเคยบริหารงานองค์การใหญ่เขารู้กันว่าทำงานทุกอย่างจะต้องมี Key Performance Indicator(KPI)ที่วัดเป็นตัวเลขได้ หากวัดเป็นตัวเลขไม่ได้ก้ต้องแปลง KPI ให้วัดเป็นตัวเลขให้จงได้ มิฉะนั้นจะประเมินผลงานไม่ได้
การทำงานที่ประเมิน KPI แล้วผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ทุกเกณฑ์ จึงจะถือว่าเป็นการทำงานตามมาตรฐานปรกติ ไม่ได้ถึงขั้นดีหรือขั้นดีเยี่ยม
แต่งานที่อาสามาบริหารบ้านเมือง งานที่ต้องแข่งขันกับโลกหรือโลกาภิวัฒน์เช่ผู้นำประเทศ จะต้องผ่านเกณฑ์ KPI ดีเยี่ยมทุกเกณฑ์จึงจะถือว่าเจ๋ง!!!
พวกมีความสุขกับการยืด การพูด หรือการมีความสุขด้วยการ"ใช้ปาก"อย่างเดียว ทางจิตวิทยาเขาถือว่าเป็นพวกกลัวว่า"แม่"ไม่รักจึงต้องแสดงออกด้วยปาก เหมือนเด็กที่จะต้องเอาโน่นเอานี่มาอมอยู่เสมอเพื่อให้ตัวมีความมั่นใจ
ประเทศไทยเรามีปัญหาที่มีนายกรัฐมนตรีคนนี้วุฒิภาวะต่ำกว่าวัย(อายุ)แม้จะมีอายุน้อยแต่ความสามารถยังน้อยกว่าอายุซะอีก คงเป็นเพราะขาดประสบการณ์ในชีวิต ไม่เคยเป็นลูกจ้าง ไม่เคยทำงานใหญ่ เป็นคุณหนู เรียนโรงเรียนประจำ มีพ่อ-แม่เป็นผู้อุปการะคุณ มีเงินทองให้ใช้ มีคนซักเสื้อผ้า มีคนป้อนนม ป้อนขนม ปอกผลไม้ให้ ฯลฯ
เมื่อมาเจอความจริงของโลกที่โหดหินจึงได้แต่พูดและร่อนไปร่อนมาและคิดว่าอาตมา"ทำงาน"แล้ว
ผมว่าอย่าปล่อยให้เสียโอกาสประเทศเลย ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ควรจะ"ชักโครก"ทิ้งไปซะ?
แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 52 08:46:33
จากคุณ |
:
พาชื่น
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ต.ค. 52 08:20:07
A:124.120.89.35 X:
|
|
|
|
 |