 |
ความคิดเห็นที่ 5 |
10 เศรษฐกิจของประเทศฟื้นฟูขึ้นจากวิกฤติได้อย่างไร
การเกื้อหนุนให้ประชากรทางเศรษฐกิจระดับรากหญ้ามีกำลังประกอบอาชีพ สามารถจับจ่ายใช้สอย จะส่งผลต่อๆไปยังประชากรทางเศรษฐกิจที่อยู่ชั้นบนขึ้นไป ทำนองนี้
ประชากรทางเศรษฐกิจระดับรากหญ้าซื้อของจากร้านค้า ร้านค้าซื้อของจากเอเย่นต์ เอเย่นต์ซื้อของจากผู้ผลิต ผู้ผลิตจ้างงานและซื้อวัตถุดิบจากประขากรระดับรากหญ้า
การเกื้อหนุนให้ชนชั้นรากหญ้ามีกำลังประกอบอาชีพ สามารถจับจ่ายใช้สอย เป็นผลให้ชนชั้นทางเศรษฐกิจที่อยู่สูงขึ้นไปยิ่งมีรายได้มากกว่าเป็นทบเท่าทวี เพราะว่าเงินที่จับจ่ายใช้สอยโดยจำนวนมากของประชากรระดับรากหญ้า หมุนเวียนขึ้นไปสู่จำนวนน้อยของประชากรระดับสูงกว่า ดังเช่น
ประชากรระดับรากหญ้ามี 8 คน ประชากรระดับร้านค้ามี 4 คน ประชากรระดับเอเย่นต์มี2 คน ประชากรระดับผู้ผลิตมี 1 คน
ข้อที่สำคัญยิ่งคือการที่รากหญ้าต้องมีกำลังประกอบอาชีพเองได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่การได้รับอย่างต้องพึ่งพาไปตลอดทั้งสิ้น
11 จากประเทศลูกหนี้ IMF กลับกลายเป็นประเทศมั่นคงทางเศรษฐกิจ มีเงินสำรองของประเทศจำนวนมาก ในสมัยรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ บริหารประเทศ ประเทศต่างๆที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโลก ให้เงินกู้แก่ประเทศอื่น เป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยด้วย และมักกำหนดเงื่อนไข ให้ประเทศที่เป็นลูกหนี้ต้องใช้เงินกู้นั้นซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ให้เงินกู้ เป็นการส่งเสริมกิจการต่างๆของประเทศตน และสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ดังเช่นญี่ปุ่นให้เงินกู้แก่ไทยสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ กำหนดให้ไทยต้องใช้บริษัทญี่ปุ่นร่วมก่อสร้าง ดังเช่น IMF กำหนดให้ไทยต้องขายทรัพย์สินแก่ประเทศให้เงินกู้
กรณีไทยให้เงินกู้แก่พม่า เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประเทศไทยมีผลประโยชน์ในทรัพยากรของประเทศพม่า ทั้งเป็นความจำเป็นต่อความสงบสุขเพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน มีพรมแดนติดกัน
ภาครัฐและเอกชนของพม่าหลายหน่วยงาน ได้ซื้อบริการดาวเทียมและอุปกรณ์จากไทยคมมาตั้งแต่ปี 2541 เช่น Myanmar Post and Telecom: MPT เช่น Myanmar Radio and TV: MRTV โดยชำระเงินงบประมาณของตนเอง ไม่เกี่ยวกับเงินกู้ไทย และมีบริษัทเอกชนที่ใช้อุปกรณ์ไอพีสตาร์ตั้งแต่ปี 2546 พม่าซื้อสินค้าจากไทยคมและไอพีสตาร์ตามปกติเช่นที่เคยปฏิบัติมาก่อนแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาซื้อเมื่อได้เงินกู้จากไทย อย่างที่พยายามกล่าวหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ไทยคมและไอพีสตาร์
ไม่ว่ากิจการของคนไทยคนใดจะได้ประโยชน์ ในที่สุดก็จะส่งผลได้สืบเนื่องต่อๆไปสู่คนไทยด้วยกันเองทั้งหมด ไม่ควรที่จะกินแหนงแคลงใจอิจฉาริษยา คนในชาติควรร่วมมือร่วมใจส่งเสริมกัน ต่างก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ย่อมต้องดีกว่าต่างก็ขัดขวางกัน
12 กลุ่มอำมาตยาธิปไตย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพวกอภิสิทธิ์ชนธิปไตย คือกลุ่มคนผู้ต้องการระบอบอภิสิทธิ์ชน-อำมาตยาธิปไตย คือระบอบการปกครองที่เป็นของอภิสิทธิ์ชน โดยอภิสิทธิ์ชน เพื่ออภิสิทธิ์ชน เฉพาะกลุ่มของตน อันต้องไม่มีการพัฒนาใดๆไปสู่ความเป็นของราษฎร โดยราษฎร เพื่อราษฎร เป็นอันขาด ต่างก็เข้ารวมหัวกัน เป็นตัวการเบื้องหน้า ผู้สนับสนุน ตัวการเบื้องหลัง และไอ้โม่งในมุมมืด ร่วมมือกันโค่นล้มนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เพื่อที่จะคงไว้ซึ่งการยึดกุมควบคุมอำนาจทางการเมือง คงอภิสิทธิ์กดขี่เหนือประชาชนธรรมดาปกติทั่วไป และการเกาะสูบเอาผลประโยชน์ต่างๆแก่ตนไว้
13 ศาลผู้พิจาณาตัดสินคดี เป็นผู้ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม สมควรแก่การเคารพในคำตัดสินพิพากษา แต่ผู้ที่ถูกจัดสรรมา โดยการเอาพรรคพวกที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์เป็นศัตรูกับทักษิณ มาดำเนินกระบวนการตัดสิน เอาผิดกับทักษิณ ถูกบอกว่าสมควรแก่การเคารพในคำตัดสินพิพากษาเช่นกัน ความจริงคือ ต่างกระบวนการ ต่างคณะ ต่างบุคคล ซึ่งต่างกันกับผู้ตัดสินและกระบวนการตัดสินอย่างยุติธรรม
ในเวลานี้กระบวนการพิพากษามีสองภาค แฝงร่างซ่อนเร้นอยู่ หนึ่งเป็นกระบวนการอันยุติธรรม อีกหนึ่งเป็นกระบวนการแอบแฝงหลอกลวง ดังเช่น กระบวนการพิพากษาส่วนหนึ่งถูกจัดตั้งโดย คมช. เต็มไปด้วยบุคคลอคติ บุคคลเป็นศัตรู บุคคลมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้อง บุคคลขัดแย้งผลประโยชน์ ทำไปได้ถึงขนาด ออกกฎหมาย...ย้อนหลังไปให้มีความผิดมีโทษในอดีต ไม่เพียงเท่านั้น ยังออกกฎหมาย...ล่วงหน้าไปยกเว้นการกระทำผิดของพวกฝ่ายตน ที่หากจะกระทำความผิดในกาลข้างหน้า ให้เป็นไม่มีความผิดใด
14 จัดรายการชิมไปบ่นไป อ้างพจนานุกรมว่าเป็นลูกจ้าง ได้เงินตอบแทน เอาโทษถึงปลดนายกฯ สมัคร จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ผู้ร่วมกระบวนการพิพากษา ไปบรรยายเลคเชอร์เป็นงานพิเศษ ไปจัดรายการวิทยุ ได้เงินตอบแทน บอกว่าไม่เป็นลูกจ้าง แต่เป็นการประสิทธิ์ประสาทให้วิชาความรู้
ถูกยุบพรรค อย่างไม่เลิกรา หาทางจะยุบอีกครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างชวนพิศวง แต่อีกฝ่ายคือพรรคเก่าแก่ ที่เปรียบเทียบตนเองเหมือนแมลงสาบ ในความสามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาได้อย่างยาวนานนั้น ลอยนวลอย่างน่าสนเท่ห์
15 กฎหมายที่บัญญัติด้วยอคติ โดยองค์กรที่ถูกบิดเบือนล่อลวงให้ยอมรับเป็นรัฐาธิปัตย์ เช่น คมช. แท้จริงคือองค์กรโมฆะ ไม่อาจยอมให้ถือเป็นรัฐาธิปัตย์ได้ด้วยที่มาจากการขู่เข็ญ ที่ต้องชำระล้างการกระทำไม่บริสุทธิ์ให้หมดสิ้น
16 กรณีซื้อที่ดินที่ถนนรัชดาภิเษก
.........หากดูที่การกระทำอย่างเปิดเผยบริสุทธิ์ คุณหญิงพจมานกระทำการซื้อขายโดยเปิดเผยสุจริต โดยได้มีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับยืนยันว่าสามารถกระทำการซื้อที่ดินผืนนี้ได้
.........หากดูที่อำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง กองทุนฟื้นฟูอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกเหนืออำนาจใดๆของนายกรัฐมนตรี ซึ่งการเบิกความของศาลให้อดีตนายกรัฐมนตรี 3 ท่านชี้แจง อดีตนายกฯ บรรหาร อดีตนายกฯ ชวน และอดีตนายกฯ ชวลิต ต่างให้การเช่นเดียวกันหมดว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจสั่งการใดเหนือธนาคารแห่งประเทศไทยได้
.........หากดูที่การก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศหรือไม่ จากเดิมที่ประกาศขาย ไม่มีใครสนใจจะซื้อ จนกระทั่งคุณหญิงพจมานแสดงความประสงค์เสนอซื้อ ได้เสนอซื้อในราคา 772 ล้านบาท สูงกว่าที่กลุ่มโนเบิลเสนอ 750 ล้านบาท สูงกว่าที่กลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์เสนอ 730 ล้านบาท แม้มีการพยายามสร้างเรื่องว่าราคาประเมินคือ 840 ล้านบาท แต่รวมเอาส่วนพื้นที่เป็นถนนและคลองสาธารณะไว้ด้วย โดยที่ต้นทุนของกองทุนฟื้นฟูทั้งหมด 107 ล้านบาท ความจริงคือไม่มีสิ่งใดเป็นความเสียหาย ตรงข้ามกลับมีส่วนช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติ
.........หากดูที่เจตนา จากที่กล่าวมาข้างต้น ย่อมเห็นได้ชัดเจนว่า การซื้อที่ดินที่ถนนรัชดาภิเษก ไม่ได้มีการฉ้อโกงใดๆ และไม่มีเจตนาฉ้อโกงใดๆ การที่ถูกพิพากษาความผิดในแง่มุมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็เป็นการกระทำตามกฎระเบียบที่คู่สมรสต้องให้ความยินยอมในการทำนิติกรรม
โทษที่พิพากษาถึงจำคุกสองปี ไม่รอลงอาญา รุนแรงมากจนเกินกว่าความยุติธรรมไปหรือไม่
17 เปรียบเทียบกับการซื้อที่ดินที่ถนนรัชดาภิเษกกับการแอบแจกที่ดิน สปก. โดยพรรคการเมืองเก่าแก่ ให้แก่ผู้มีฐานะมั่งคั่งระดับเศรษฐี ถูกบอกว่าเป็นการแจกให้ฟรีตามสิทธิอันสมควร
18 การขายหุ้นของกลุ่มชินฯ ในราคาสูง แก่ต่างชาติ ด้วยเจตนาเพื่อพยายามให้ครอบครัวของตนปลอดจากธุรกิจให้มากที่สุดของทักษิณ ชินวัตร และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกโจมตีจากกลุ่มคนที่ต้องการโค่นล้มให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกบอกว่าเป็นการขายสมบัติชาติ การขายหุ้นที่เป็นเจ้าของสัมปทานสิทธิในธุรกิจโทรศัพท์มือถือและสัมปทานสิทธิในดาวเทียม ไม่ใช่การขายสมบัติชาติ เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ เหมือนให้เช่าที่ดินไปสร้างตึกหาผลประโยชน์ เมื่อหมดเวลา ก็จะต้องกลับคืนมา โดยที่ผู้ซื้อรับช่วงต่อจากกลุ่มชินฯ มีภาระต้องสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพิ่มขึ้นเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ รัฐได้ทั้งค่าสัมปทาน ได้ทั้งระบบโทรศัพท์มือถือและดาวเทียมเป็นสมบัติของชาติเมื่อหมดสัญญา
19 การขายหุ้นของกลุ่มชินฯ เป็นจำนวนเงิน 76, 000 ล้านบาท จากต้นทุน 29,000 ล้านบาท ที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2.6 เท่า เป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ ทั้งยังเป็นการให้ต่างชาติมาลงทุนสร้างความเจริญแก่ประเทศ ต้องสร้างและพัฒนาเครือข่ายระบบโทรคมนาคมต่อไป เพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ คนในชาติควรชื่นชม และช่วยกันสนับสนุน ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันส่งเสริม ไม่ใช่อิจฉาริษยา จงเกลียดจงชัง กีดกันกลั่นแกล้งขัดขวางทำลายล้าง อย่างหน้ามืดตามัว
น่าเสียดายโอกาส ที่เงิน 76,000 ล้านบาท จะได้สร้างดอกผล ทั้งจากการลงทุนในประเทศ หรือไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้งอกเงยต่อๆไปกลับเข้ามาสู่ประเทศไทย
จากคุณ |
:
วษณ
|
เขียนเมื่อ |
:
20 พ.ย. 52 18:14:36
A:58.8.227.102 X:
|
|
|
|
 |