ความคิดเห็นที่ 1 คคห.1  บทแสดงความคิดเห็นทั่วไป ชื่อหนังสือ..ทำไมต้อง เศรษฐกิจสร้างสรรค์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบาย CREATIVE ECONOMY ของรัฐบาลที่ประกาศไปเมื่อเร็วๆนี้ จำนวน 131 หน้า มีเนื้อหาสาระทรงคุณค่า  มีลักษณะที่เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งเพียง 1 ส่วนที่ลอยโผล่พ้นผิวน้ำ ยังมีอีกตั้ง 10 ส่วนที่อยู่ในน้ำ ซึ่งล้วนน่าติดตามเพื่อค้นหาทั้งสิ้น แม้จะออกตัวว่ายังไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแม้จะไม่ใช่แผนยุทธศาสตร์ฉบับย่อ แต่ก็เป็น High Light ที่ควรจับตา ถ้าจะให้ได้ภาพรวมของหนังสือเล่มนี้ชัดเจน จำเป็นต้องอ่านทบทวนหลายๆครั้ง พยายามจับประเด็นความคิดและความสอดคล้องของนักคิดทุกท่าน บูรณาการหลอมรวมให้เป็นเอกภาพ แล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวผู้อ่านเองว่าอยู่ตรงส่วนไหนในผังภาพนี้ มีบางส่วนที่หนังสือกล่าวถึงประเด็นน่าสนใจคือ 1. คนพันธุ์ C ( Creative Generation)   2. อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry) 3. พื้นที่สร้างสรรค์(Creative City and Creative Space) 4. การร่วมมืออย่างมีเอกภาพ (Creative Cooporation) ผมเห็นด้วยในทุกประเด็นทั้ง 4 ข้อ  ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ  รอโอกาสมานาน ขอระบายความในใจเสริมแทรกหน่อย ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นนักประดิษฐ์ เป็นคนทำงาน เรื่องขีดเขียนอะไรก็พอทำได้ แต่ไม่ค่อยถนัด ไม่อัดอั้นตันใจจริงๆ ไม่เขียนนะเนี่ย...ขอบอก ที่ผ่านมานั้น ผมและเพื่อนๆก็ได้ทำตัวเป็นคนพันธุ์ C มานานแล้ว และก็เห็นพ้องต้องกันกับแนวคิดนี้มาตั้งนานแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันยาวนานนั้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามนโยบาย Creative Economy นี่แหละ  อย่างอื่นคิดเป็นเสียที่ไหน? สมมุติว่า Creative Economy คือแผนเดินทางไปทิศเหนือ  ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางเป็นอะไร? เชียงใหม่ พม่า ธิเบต หรือขั้วโลกเหนือ ผมและเพื่อนๆซึ่งเป็นฝ่ายเอกชน กับหน่วยงานต่างๆของรัฐ ต่างก็ตั้งใจจะเดินไปในทิศทางเดียวกัน ใจเดียวกันว่างั้นเถอะ แต่ก็รู้สึกตลอดมาว่าเราเดินกันคนละฝั่งคลอง เริ่มที่รังสิต คลองหลวง คลองหนึ่ง คลองสอง ไปเรื่อยๆ มุ่งมั่นจะไปทิศเหนือลูกเดียว ลูกอื่นไม่สน เพราะไม่มี ตอนแรกๆก็ดี พากันมาสัมมนาร่วมกัน เท่ากับได้สบตากัน ได้แต่เพียงส่งยิ้มให้กัน พอนานๆเข้า ก็ห่างหายไปทีละคนสองคน พอออกแม่น้ำเจ้าพระยา เหลืออยู่กระติ๊ดนึง พอไปเรื่อยถึงต้นน้ำทางตอนเหนือ  ชักจะไม่ค่อยดี เหลียวซ้ายแลขวา เหลือตูอยู่คนเดียว ต้องตะโกนดังๆ " เฮ้ย! มีใครอยู่แถวนี้ม้าย? ใครก็ได้ช่วยบอกที ตูอยู่ที่หนาย? มาถึงตุงนี้ได้งาย?" จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 00:53:44 A:124.121.89.20 X:

ความคิดเห็นที่ 2 คคห. 2   กระทู้และอีกหลายๆคคห.ที่จะทะยอยตามมาเรื่อยๆ นี้ ผมตั้งใจฉีกแนวต่างจากกระทู้ในบรรยากาศทั่วไป ถือว่าอ่านคลายครียดละกัน  หรือจะเครียดหนักยิ่งขึ้นก็ไม่รู้ ขอเรียนเชิญ ขอเชิญนักคิดทั้ง 6 ท่าน ผู้รังสรรค์ตัวอักษรได้ช่วยกรุณาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม รวมทั้งผู้ปิดทองหลังพระอย่าง คุณพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ถ้าจะกรุณาสละเวลาแนะนำความคิดเห็น จักเป็นพระคุณยิ่ง ขอบคุณด้วยไมตรีจิต จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 00:54:20 A:124.121.89.20 X:

ความคิดเห็นที่ 3 มาจองคนแรกเลยวุ้ย  อิอิ พร้อมให้กิฟคุณปู่สามอัน  เพราะเป็นกระทู้แรกที่ผมเห็น  บุญตาของไอ้คนชายมันจริงๆ  อิอิ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 52 00:57:52 จากคุณ : คนชาย คนชาย คนชาย (คนชาย) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 00:56:26 A:115.67.58.227 X:

ความคิดเห็นที่ 4 นอนดึก ขอเข้ามารอด้วยคน ครับ อิอิ จากคุณ : แค่คนผ่านทาง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:08:28 A:117.47.11.235 X:

ความคิดเห็นที่ 5 มาลงชื่อด้วยคนค่ะ จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:09:48 A:58.9.115.101 X:

ความคิดเห็นที่ 6 โหปู่ มาดึกเลยนะ... ปู่จ้ะ จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ มีอีกเล่มหนึ่งที่พิมพ์นำร่องมาก่อน... เล่มนี้จ้ะ... หนังสือ เศรษฐกิจสร้างสรรค์: เขามั่งคั่งจากความคิดกันอย่างไร (THE CREATIVE ECONOMY: How people make money from ideas) โดย จอห์น ฮาวกินส์ เศรษฐกิจสร้างสรรค์คืออะไร สำคัญอย่างไรกับประเทศไทย และเกี่ยวข้องอย่างไรกับชีวิตคุณ เมื่อลิขสิทธิ์กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่สุดของสหรัฐอเมริกา และอุตสาหกรรมดนตรีของอังกฤษสร้างรายได้สูงกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก หรือสิ่งทอ ตลอดจนรายชื่อสิทธิบัตรใหม่เข้าไปปรากฏในตารางความสามารถด้านการแข่งขันของชาติต่างๆ ซึ่งเคยแสดงปริมาณผลผลิตทางเกษตรกรรมหรือความยาวของรางรถไฟ ปรากฏการณ์เหล่านี้นอกจากจะสะกิดให้คิดว่า การสร้างความมั่งคั่งของประเทศซึ่งอยู่บนพื้นฐานของอุตสาหกรรมการผลิตนั้นไม่เพียงพอเสียแล้ว มันยังแสดงให้เห็นถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจอันมหาศาลของความคิดสร้างสรรค์ หนังสือTHE CREATIVE ECONOMY: How people make money from ideas หรือในชื่อภาษาไทยว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์: เขามั่งคั่งจากความคิดกันอย่างไร โดยจอห์น ฮาวกินส์ จะพาคุณสำรวจแนวคิด “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ประเทศชั้นนำต่างๆ อย่างสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา จีน รวมถึงประเทศต่างๆ ในยุโรป ให้ความสำคัญถึงขั้นผลักดันให้เป็นยุทธศาสตร์หลักในการพัฒนาประเทศ ============================ ทั้ง 2 เล่มนี้ ใครไปมีตติ้งวันศุกร์นี้ ถ้าอยากได้ฟรี... ก็ถูกใจให้กิฟ คห. นี้เลยนะคะ คริคริ คนชาย อยากได้ลายเซนต์ชิมิ...? งั้นเอาหนังสือเล่มนี้ พร้อมลายเซนต์ของ คุณอภิสิทธิ์ ไปก่อนไหม? แต่เป็นอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล นะ อิอิ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:23:06 A:124.121.117.242 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณปู่ที่สนใจติดตามในเรื่องนี้ เพราะว่าจะได้เป็น feed back ไปที่รัฐบาล คอยติดตามผลงาน... เอาหน้าปกมาเพิ่มให้สำหรับ หนังสือเล่มที่ปู่พูดถึง จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:28:10 A:124.121.107.193 X:

ความคิดเห็นที่ 8 อ้าว  เป็นเศรษฐกิจเสรีนิยมแบบใหม่หรอกรึคุณปู่ แหม  คุณ SassyKate  แบบผมคงได้แค่ไปยืนแอบอ่านแถวร้านนายอินทร์แหละ  เล่มละร้อยแปดสิบบาท  ลดแล้วเหลือหนึ่งน้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาท คงเก็บเงินหลายวัน   ถ้าได้ลายเซ็นของทุกคนก็ดีซิ  (อยากได้ๆ) อิอิ แต่...ผมสงสัยนิดเดียว   ผมว่าต้องมีอะไรเกี่ยวกับทักษิณแน่ๆเลย  คุณปู่ถึงเอามาแนะนำให้อ่าน  อิอิ จากคุณ : คนชาย คนชาย คนชาย (คนชาย) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:34:56 A:115.67.57.136 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เคยอ่านหนังสือประเภทนี้ค่ะ   เรื่องเศรษฐกิจนี่  จะได้อ่านก็ต่อเมื่อมีคนตัดแปะมาให้ดู แล้วมีให้อ่านฟรีหรือเปล่าคะ ปล.เบื่อ คห.ที่ 3  ชอบปาดหน้า จากคุณ : Jampoon เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:41:47 A:125.27.207.158 X:

ความคิดเห็นที่ 10 คห. 3  ที่ผมจะตั้งคำถามคือ การเตรียมคนพันธุ์ C 1. เตรียมสร้างกันอย่างไร? Specifications เป็นอย่างไร? 2. สร้างมาแล้ว มีงานอะไรรองรับในแต่ละส่วนของ Creative Career? 3. อะไรคือ Creative Product? 4. มีความสัมพันธุ์อย่างไรกับเศรษฐกิจพอเพียงที่หลายคนอ้างถึงบ่อยๆ? ผมขอละข้อ 1 ถึงข้อ 3 ไว้ ขอรออ่านคคห.ของผู้อื่นก่อน ขอพูดถึงเฉพาะข้อ 4 เท่าที่อ่าน รู้สึกว่า Creative Economy จะกว้างมาก ส่วนที่จะเกี่ยวข้องกับรากหญ้าก็เห็นจะเป็นเรื่องอาหาร ซึ่งแน่นอนจะต้องเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การแปรรูป สอดคล้องกับการแบ่งเขตการปลูกพืช การลงทะเบียนการปลูก การประกันราคาผลิตผลการเกษตรเฉพาะส่วนที่ลงทะเบียนปลูก ซึ่งถ้าภาคส่วนสังคมรากหญ้าเข้มแข็ง เศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นคือ Safety Net สำหรับการรองรับผู้ตกจากการปีนป่ายไปสู่ที่สูงของคนบางกลุ่ม แต่ไม่ใช่สำหรับจุดหมายปลายทางของคนทุกกลุ่ม ประเทศไทยจำเป็นต้องเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน สนับสนุนส่งเสริมนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ที่พรรคไทยรักไทยปลูกต้นกล้าเอาไว้ ต้องขอชื่นชม คุณพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ผู้ที่ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นมันสมองในยุครัฐบาลคุณทักษิณ ถ้าเข้าใจผิด...ขออภัย ถ้าจริงแต่ผิดจริยธรรมอันอาจจะทำให้คุณพันศักดิ์เดือดร้อน..ก็ขออภัย และถ้ากระทู้และคคห.ของผมทำให้ WM เดือดร้อนเพราะปล่อยให้ผมสำแดงคคห.แบบผิดจริยธรรม ก็ขออภัย แต่ผมจะไม่ให้อภัยรัฐบาลชุดนี้ถ้ามารังแกบุคคลที่ผมกล่าวถึง อย่าถือตนว่าเป็นผู้กุมอำนาจจริยธรรมแต่ฝ่ายเดียวนะ นึกจะกล่าวหาใครก็ทำได้ตามใจชอบ จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:43:09 A:124.121.89.20 X:

ความคิดเห็นที่ 11 คนชาย...คุณเชียร์ รัฐบาลชุดนี้หรือเปล่า? ทำไมไม่รู้เลยเหรอว่า นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์เนี่ย รัฐบาลชุดนี้เขารับไปทำแล้ว และเป็นโครงการใหญ่เสียด้วย จริงอยู่ว่าจุดเริ่มต้น มาจากรัฐบาลทักษิณ แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาของรัฐบาลอภิสิทธิ์ คิดเหรอว่า เขาจะยอมให้มีเรื่องดีๆ ของทักษิณ ปรากฎในหนังสือเล่มนี้... ลืมทักษิณ ไปบ้างสักชั่วขณะก็ได้นะคะ เผื่อจะช่วยให้พวกเราเดินไปข้างหน้าด้วยกันได้ง่ายขึ้น....อิอิ ที่ต้องจับตามอง เพราะว่า..... รัฐโปรโมทโครงการนี้อย่างมาก และตั้งงบประมาณจำนวนเยอะ เราก็ต้องตื่นตัวได้แล้วนะคะ ถ้ายังคิดว่าจะแข่งกับจีน อินเดีย เวียดนาม และ "เขมร" เราพอเข้าใจคำว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่เราไม่แน่ใจคำว่า เศรษฐกิจเสรีนิยมแบบใหม่ ของคนชาย ===================== 175 บาท ก็ซื้อไปเถอะค่ะ ไม่อยากช่วยให้รัฐบาลอภิสิทธิ์มีรายได้เหรอคะ? เดี๋ยวตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจ ในเรื่อง "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" ตกนะ เอาเถอะ..ถ้าลำบากจริงๆ หลังไมค์มาบอกที่อยู่นะ จะส่งไปให้ อิอิ แต่ถ้าอยากอ่านแบบด่วนๆ เพื่อมาถกกระทู้นี้... พรุ่งนี้ไปที่ ห้องสมุดกลาง ม.ราชภัฏสงขลานะ แล้วขอยืมเขาอ่าน อิอิ http://tcdclibrary.wordpress.com/2008/08/17/openskru/ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:47:55 A:124.121.117.242 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 9     ไม่เคยอ่านหนังสือประเภทนี้ค่ะ   เรื่องเศรษฐกิจนี่  จะได้อ่านก็ต่อเมื่อมีคนตัดแปะมาให้ดู แล้วมีให้อ่านฟรีหรือเปล่าคะ ปล.เบื่อ คห.ที่ 3  ชอบปาดหน้า จากคุณ : Jampoon   ......................................................................................... แต่ผมดันชอบ  คห.เก้า  อยู่ใกล้กันทุกที  อิอิ จากคุณ : คนชาย คนชาย คนชาย (คนชาย) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:50:30 A:115.67.57.136 X:

ความคิดเห็นที่ 13 สร้างสรรค์เพื่อศิลปะวัฒนธรรมความบันเทิงเริงรมย์ต้องมีฐานะดีกระจายรายได้ทั่วถึงก่อนถึงจะทำได้ ไม่งั้นก็เหมือนเป็นการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยกับเพื่อนรวยสักวันแล้วกลับมากินแกลบกับครอบครัวที่บ้านทั้งเดือน อยากให้มาเน้นสร้างสรรค์ในเรื่องปากท้องก่อนมายา เช่น นวัตกรรม วิทยาการ เกษตร หรืออุตสาหกรรม เป็นต้น พอได้ดีเหล่าเรื่องนี้แล้วค่อยมาฮิต Creative Economy ในไทยครับ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 52 01:56:55 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 52 01:56:00 จากคุณ : noiris เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 01:54:50 A:118.174.10.229 X:

ความคิดเห็นที่ 14 คห.4  เรื่องคนพันธุ์ C นั้น ความจริงก็คือพวก Creator ซึ่งเป็น Spaecialist มากว่าจะเป็นนักธุรกิจ เมืองไทยนี้ขาดแคลนนักธุรกิจ ขาดแคลนนักการตลาด ขาดข้อมูลแบบรู้เขารู้เรา มีแต่ข้อมูลรู้ไม่เขา-รู้ไม่เรา คือรู้อะไรก็ไม่รู้ JTRO รู้ข้อมูลเราดีมาก ขนาดคุณคนชายดีใจที่ได้ถนนคอนกรีต เขาก็รู้หมด ถ้าใครคุณจำปูนคนสวยอยู่ศรีษะเกษ เขาก็จะบอกว่าไม่ใช่ ถ้าใครบอกว่านู๋น้ำมิตรยังไม่มีแฟน JTRO เถียงคอเป็นเอ็นเลย ส่วนของไทยเราเนี่ย นิคารากัวอยู่ตรงส่วนไหนของโลกยังไม่รู้เลย บางคนคิดว่าอยู่แถวๆเขมร แสดงว่าการตลาดของเรายังอยู่ในระดับเอ๊าะๆ Nursery เงินทุนจีนมากว้านซื้อที่ในประเทศไทยไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ตัว ยังมัวสนุกกับการวิ่งตี่ไล่จับคุณทักษิณกันอยู่เนี่ย แล้วมันเป็น Creative Economy ตรงไหนมิทราบ? เอางี้..รัฐบาลควรใช้มันสมองของคุณพันศักดิ์ให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง มาช่วยทำให้เกษตรกรมีเงินเดือนประจำและมีโบนัสงามๆจากการขายผลิตผลการเกษตรแบบ Creative Economy กันดีมั้ย นี่ไม่ได้พูดเล่นนะ ขอบอก ใครไม่เชื่อลองไปถามคุณพันศักดิ์เองดิ ดีกว่าเล่นวิ่งไล่ตี่จับคุณทักษิณอีกเป็นไหนๆ จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 02:10:10 A:124.121.89.20 X:

ความคิดเห็นที่ 15 คห.สิบเอ็ด เชย...เขาเรียก "สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา" เชยๆ  อิอิ http://arit.skru.ac.th/index.php ไม่ต้องลำบากหรอกครับ  พรุ่งนี้ผมจะไปแอบอ่านที่ร้านนายอินทร์ ผมว่ามันน่าจะใกล้เคียงกับ "เศรษฐกิจเสรีนิยมแบบใหม่" เพราะดูๆแนวคิดน่าจะมาจากฝั่งตะวันตกอีกละ เฮ้อ...ไม่รู้พวกฝรั่งจะเอาอะไรมาบังคับคนเอเชียให้ทำตามอีกเนอะ  แต่ยังก็จะหามาก่อนก่อนแล้วกัน  อิอิ จากคุณ : คนชาย คนชาย คนชาย (คนชาย) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 02:18:42 A:111.84.13.38 X:

ความคิดเห็นที่ 16 คห.13 คุณ noiris ขอบคุณที่แสดงคคห.  ผมเองก็เข้าใจผิดๆมาก่อน คุณช่วยไปซื้อหนังสือที่ว่านี้มาอ่านเหอะ เดี๋ยวก็กระจ่างเองแหละ ดูรูปปกหนังสือ สังเกตโลโก้ห่อขนมใส่ใส้ สวยและแปลกดี ผมเห็นด้วยกับคุณที่จะเน้นเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน เสนอเรื่องเอาใจคุณคนชายหน่อย การพัฒนายางพาราเป็นเครื่องใช้ในบ้านเรือน เป็นพื้นผิวถนน สามารถทำได้ครับ ปัญหาอยู่ที่ใครจะทำ? ทำอะไร?อย่างไร? ขอบคุณนู๋ SassyKate ที่แนะนำหนังสือดีๆให้อ่าน ทราบว่าที่ TCDC มีหนังสือดีๆเยอะ ปู่เข้าใจเกี่ยวกับ TCDC ผิดไป ตอนแรกยังคิดว่าอยู่แถวๆมาบุญครองเสียอีก ตอนคุณแคมฯบอกว่าไปเที่ยวเอมโพเรี่ยม ก็พอจะคาดเดาและรู้แล้วว่าปู่เข้าใจผิด จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 03:06:00 A:124.121.89.20 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยเพียงแต่เล่นคำ จากกระทรวงพาณิชย์ในการนำเอาสิ่งที่เป็นผลงานในการสร้างสรรค์มาสร้างรายได้ จากคุณ : ไทยเดิ้ง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 03:14:06 A:117.47.118.170 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ขอพูดถึงเรื่องการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทยบ้างตามสมควร ในหนังสือเล่มนี้และในอีกหลายๆแห่งพูดถึงงบประมาณวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าในต่างประเทศใช้งบประมาณสนับสนุนมากกว่าเราหลายสิบเท่า ซึ่งเป็นความจริง แต่ไม่ควรลืมว่าในต่างประเทศเป็นงบประมาณจากสถานประกอบการเอกชน ส่วนของเรานั้นส่วนมากอยู่ในหน่วยงานของรัฐ เพิ่มงบฯให้ขึ้นอีก 10 เท่า ก็เท่ากับเพิ่มผลงานวิจัยในลิ้นชักให้มากกว่าเดิมเท่านั้น โครงสร้างธุรกิจและอุตสาหกรรมการผลิตของเราเป็นเหมือนรับจ้างผลิต คือซื้อเครื่องจักรผลิต และวัตถุดิบมาเพื่อเพื่อส่งออก ตัวอย่างเช่นรองเท้าแบรนด์เนมทั้งหลาย ประเทศไทยไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยีทางวัสดุ อย่างที่บอก เราขาดแคลนนักธุกิจการตลาดที่จะกำหนดเป้าหมายการผลิตสินค้า โดยเฉพาะในระดับ SME หรือระดับ OTOP เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เครื่องอำนวยความสะดวกสบาย ซื้อมาแล้วใช้นานจนกว่าจะหมดอายุการใช้งาน ส่วนอาหารนั้นบริโภคได้ทุกวัน วันละ 3 มื้อ จะทำอย่างไรให้ระดับรากหญ้าได้อานิสงค์จากการผลิตวัตถุดิบ และการแปรรูปการเกษตรอุตสาหกรรมขนาดย่อม ความจริงก็พอจะมีวิธีกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม และการใช้เวลาส่วนเกินของเกษตรกรเพื่อสร้างประเภทผลผลิตให้หลากหลาย นั่นคือการบริหารจัดการผลิตด้วยระบบและแผนปฏิบัติที่จะไม่ให้เกิด Over Supply จนทำให้ราคาตก และยังใช้วัสดุส่วนเหลือให้เกิดประโยชน์ แต่ไม่ว่าจะผลิตอะไร ต้องอาศัยการตลาดเป็นเป้าหมายกำหนดอยู่ดี จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 03:38:11 A:124.121.89.20 X:

ความคิดเห็นที่ 19 หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงเรื่องธุรกิจบริการทางการแพทย์บ้างเล็กน้อย คือเป็น Hub ของการบำบัดฟื้นฟูของผู้ป่วยและผู้สูงอายุในลักษณะ Home Stay ในชนบท ซึ่งจริงๆแล้วเหมาะสำหรับคนไทยที่มีวัฒนธรรมด้านจิตบริการที่ดีโดยพื้นฐาน เรื่องอย่างนี้อยู่ในวิสัยที่สามารถจะทำได้ ไม่ได้ยากอะไร ผมไม่พูดถึงโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลแบบรพ.บำรุงราษฎร์ หรือ รพ.กรุงเทพ ปัจจุบันเขาทำอยู่แล้ว ผมหมายถึงการสร้างงานในชนบท การสร้างเครือข่ายบริการทางการแพทย์ และการดูแลการบำบัดฟื้นฟู จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 03:48:06 A:124.121.89.20 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ขอหยิบประเด็นหนึ่งในหนังสือและที่หลายๆคนเคยพูดเอาไว้นานแล้วว่าเอเซียจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในยุคต่อไป ใครจะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่ ผมว่าประเทศไทยยังพัฒนาไปไม่ถึงไหนก็ยังมีส่วนดีอยู่บ้าง คือมีเวลาหายใจหายคอตั้งหลักพัฒนาอย่างมีสติสัมปชัญญะ ขอย้ำให้อ่านหนังสือนี้ดีๆ ตั้งคำถาม บางทีจะได้คำตอบจากนักคิดทั้ง 6 ท่านก็ได้ สำหรับผมซึ่งไม่เหมาะจะเป็นนักคิดเพียงอย่างเดียว กลัวเป็นคนเพ้อเจ้อ ผมชอบปฏิบัติไปด้วย จะขอแทรกเป็นช่วงๆ สนุกดี ฝากถึงน้องจำปูนคนสวย ว่างๆจะเขียนนิยายมนต์รักในป่ากล้วยให้อ่าน กะลังเล็งชื่อนางเอกเอาไว้ ไม่น้ำมิตร ก็จำปูนนี่แหละ เหมาะมาก น่าเสียดาย เลือกได้ชื่อเดียว เลือกทั้งคู่ไม่ได้ ผิดจริยธรรม 5555 อีกอย่าง ปู่อภิวัฒน์เป็นชิมแปนซี ไม่ใช่ขุนแผนแสนสะท้านเป็นระยะๆ ด้วยไข้จับสั่นเพราะติดเชื้อมาลาเรีย จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 04:19:08 A:124.121.89.20 X:

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 15 เก่งนี่ ตอนแรกว่าจะใช้ ชื่อจริง แต่กลัว คนชายจะไม่รู้ว่า สำนักวิทยบริการและดทคโนโลยีสารสนเทศคือ ห้องสมุด อิอิ อิอิ แล้วอย่าลืมอธิบายคำว่า เศรษฐกิจเสรีนิยมแบบใหม่ ให้ฟังหน่อยสิ มันคืออะไร? ======================== ความคิดเห็นที่ 13 เข้าใจผิดแล้วค่ะ คำว่า Creative Economy หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ก็พัฒนามาจาก Value creation นั่นแหละค่ะ คือ "การสร้างสรรค์มูลค่า" ไม่ใช่ "สร้างมูลค่าเพิ่ม" (Value added) เพราะคำว่า การสร้างสรรค์มูลค่า มูลค่าที่ว่า คือ มูลค่าทางจิตใจ ทางความรู้สึก เศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ การมุ่งเน้นผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณค่า เช่นของ 1 ชิ้น ที่มีต้นทุน เพียง 10 บาท แต่ทำอย่างไร คุณถึงจะให้คนอยากซื้อของชิ้นนั้น ในราคา 300 บาทได้? เช่น กล้อง Lycra ตัวนึงราคาเป็นแสน.. มันแพง ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทำไมก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่ง ซื้อมัน... ทำไมรถเบนซ์ราคาเป็นล้าน กับรถโตโยต้า ราคาเป็นแสน รถเบนซ์ก็ยังขายได้? ทำไมเก้าอี้บางตัว ราคาเป็นแสน กับเก้าอี้บางตัวราคาไม่กี่ร้อย เก้าอี้ตัวเป็นแสนก็ยังขายได้? ทั้งๆ ที่ ของสองสิ่งที่ยกมานั้น ราคาต้นทุน อาจต่างกันไม่มาก ถ้าเรารู้จุด ไม่วิ่งตามชาวบ้าน มีความคิดสร้างสรรค์ ในการสร้างผลงาน เราก็จะพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ ลองอ่านกระทู้นี้เพิ่มก็ได้ค่ะ http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2009/09/P8322650/P8322650.html แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 52 06:44:52 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 52 06:40:27 จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 06:39:41 A:124.121.107.193 X:

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณท่านปู่อภิวัฒน์ที่แนะนำสิ่งดีๆมาสู่กัน ผมจะรีบไปหามาอ่านโดยพลัน เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจพอดี จากคุณ : แอบมาซุ่ม เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 07:36:09 A:117.47.192.54 X:

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นกระทู้สร้างสรรค์ที่จะติดตามให้ถึงที่สุดครับ "ท่านปู่" อย่างไรก็ตามขอร้องท่านปู่ว่าอย่าเพิ่งเสียเวลาเข้าป่ากล้วยไปสร้างมนต์รักเลยครับ ขอวิทยาทานเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ก่อน สำหรับคู่แข่งว่าที่นางเอกทั้ง 2 นั้นปล่อยให้เขาไปตกลงกันเองให้เสร็จก่อนก็ยังไม่สายครับ จากคุณ : สัมมาชน เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 07:45:41 A:124.122.183.112 X:

ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อวันก่อน  คุยกับเพื่อนลูกสาว  เขาบอกว่านักวิชาการไม่ชอบอดีตนายก ฯ ทักษิณ  เพราะงาน วิจัยสมัยนั้น  โดนตัดเรียบ  อดีตนายก ฯ สนับสนุนงานวิจัย  ที่สามารถ นำไปพัฒนาการเพิ่มผลผลิต ในเชิงพาณิช.....เขาเรียกว่า  คุยกันคนละภาษา...  เออย่างนี้เขาเรียกว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ไหม...หลุดจากแวดวงธุรกิจมานานแล้ว  แถมความรู้เศรษฐศาสตร์ก็..ต้องเรียกว่า  หางอึ่ง เรียนมา course เดียว  สมัยเป็นสาวน้อย...น่าจะคืนอ.จ.ไปหมดแล้ว ปู่..อ่านหนังสือ  แตกฉาน ขึ้นใจหมดเล่ม  เมื่อไหร่  จองไว้ยืมต่อก็แล้วกัน แหม..ลืมเรื่องนางเอกไปได้  เรื่องนิยายนี่  มีนางเอก 2 คนก็ได้นะคะ  หนับหนุนทั้ง 2 คนนะ นิยายเรื่องแรก  นางเอกคนเดียว  ใช้เวลาแต่งตั้ง 1 ปี เรื่องใหม่หากนางเอา 2 คน แบบนี้  ปู่จะใช้เวลาแต่ง กี่ปีดี  หวังว่าจะได้อ่านก่อนที่ตาจะฝ้าฟาง จนมองไม่เห็นนะคะ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 52 09:06:45 จากคุณ : sao..เหลือ..noi เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:02:25 A:58.8.171.204 X:

ความคิดเห็นที่ 25 การเดินเรื่องนี้ในไทยก็คล้ายการเดินเรื่องในอีกทฤษฎีนึง อะไรที่แตะแล้วโดนแล้วใช่ คือมันเป็นเรื่องทฤษฎีเราแนวคิดเรานี่แหละ คนพันธุ์ C เมืองไทยมีเยอะเกินสัดส่วนที่พึงมีแล้ว และออกแนวแฟนตาซีก็มาก ผมว่าเมืองไทยต้องการคนพันธุ์ D (Doer) ในสัดส่วนที่มากขึ้นมากๆ หากพื้นฐานของประเทศยังไม่ไหว อย่าเพิ่งดันไปให้ถึงฝันหวานครับ ตอนนี้เราน่าจะเน้นไปที่กินอิ่มนอนสบายให้ได้ก่อนครับ แต่คนมีความพร้อมก็ไปตามแนวคิดนี้ด้วยตนเองโดยค่าใช้จ่ายตนเองไปก่อนได้เลยครับ อย่าเอางบประมาณแผ่นดินไปใช้กับเรื่องนี้ก็แล้วกันครับ อย่างไรก็ตามหนังสือจะลองไปเปิดอ่านดูครับ หากเนื้อหาดีจะซื้อมาอ่านให้ละเอียดครับ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 52 01:51:50 จากคุณ : noiris เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 14:07:35 A:118.174.35.255 X:

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นแล้วเหนื่อยครับ มีคนไทยทำรถออกมาวิ่ง โดนตำรวจจับ ผลิตปืนเอง โดนจับ (แทนที่จะสับสนุนให้ต้องโรงงานแข่งกับ colt) เมืองนอก ทำรถเองในโรงรถ ผลิตเครื่องบินเล็กบินเองได้ ทั้งสองรายการ เห็นใน discovery channel และทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง ... นอกจากกฎหมายที่ต้องเปิดกว้างและยอมรับการประดิษฐ์ต่างๆ ยังมีแนวคิดยกย่องคนอื่นที่ยังฝังหัวคนไทยอยู่ (ซื้อของคนอื่นดีกว่าทำเอง) ยกตัวอย่างเช่นหุ่นยนตร์กู้ภัยของคนไทยที่ไปคว้ารางวัลระดับโลก ทำไมยังไม่มีคำสั่งเข้าประจำการในหน่วยงานทางการทหารของไทย ๑.พัฒนาเป็นหุ่นกู้ระเบิด ๒.พัฒนาเป็นเป็นหุ่นลาดตระเวณ ฯลฯ ผมว่า ดีแต่พูดไปวันๆ เซง .............................. ในเมืองนอกเขาส่งเสริมให้ประดิษฐ์อยู่แล้ว (ซึ่งการประดิษฐ์ จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว) แต่เมืองนอก ก่อนหน้า (และตอนนี้) ที่เขาพูดถึงตอนนั้น คือ knowledge base society คือการส่งต่อความรู้ ไม่เก็บไว้คนเดียว ซึ่งเข้ากันกับความคิดแบบ ISO และ CMMI (มาตราฐานการจัดการ) เพือแนวคิดสู่ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผมมองว่า พอมารัฐบาลนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กิจกรรมการตั้งชื่อใหม่ ซึ่งก็มีชื่อนี้(knowledge base society)รวมอยู่ด้วย ก็เลยต้องตั้งชื่อ  Creative Economy โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร และจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วก็มีพวกนักวิชาการปัญญาอ่อน บ้าๆบอๆ เออๆออๆ ไปกับเขาด้วย จริงๆแล้วการสร้าสรรค์ถูกนำเสนอเป็นหัวข้อย่อยๆใน OTOP ตั้งแต่แรกแล้ว (เพราะเราอยู่ในตลาดที่แข่งขันเชิงแรงงานราคาถูกไม่ได้ตลอดไป) แต่พูดกันตอนนั้น ไม่มีใครยอมฟัง (เพราะผู้ใหญ่บ้านหาว่าดูถูกกัน (ฮา)) เซง(กำลัง๒) ปล. คุณ SassyKate  ความคิดเห็นที่ 21 กล้อง Leica ครับ Lycra อันนี้ ผ้าสังเคราะห์ ครับ จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 17:12:35 A:58.10.152.224 X:

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ ^ แหะๆ ขอบคุณค่ะ เขิลลลล จัง จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 52 22:44:16 A:124.121.113.18 X: