ความคิดเห็นที่ 1 มาตรา 67 เขียนไว้เช่นนี้ กรุณาดูที่วรรคสองซึ่งเกี่ยวพันกับกรณีของคดีนี้ จะระบุว่า ให้มีการศึกษาผลกระทบ และให้ชุมชนได้มีส่วนรวมตัดสินใจด้วยนั้นเอง จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:10:17 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ดังนั้น ทางออกที่จะต้องทำให้ได้เพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ คือ การให้ชุมชนได้มีส่วนรวม ในการประเมินผลกระทบและให้มีการรับฟังความเห็นของชุมชน ประกอบการดำเนินโครงการที่เหลืออีก 65 โครงการให้ ได้โดยเร็ว เพราะคำวินิจฉัยของศาลปกครองไม่ได้ห้ามหรือยกเลิกการดำเนินการโครงการ แต่ให้มีการทำตามมาตรา 67 ให้ถูกต้อง เสียก่อน จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:13:50 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 3 กรณีนี้ รัฐบาลนี้คงหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไปไม่พ้นหรอกครับ แต่หากดูจากคำวิจฉัยนั้น ดูเหมือนว่า โครงการเหล่านี้ มีการทยอยอนุมัติมาตั้งแต่ปี 2550 ตั้งรัฐบาลสุรยทุธ์ สมัคร สมชาย และอภิสิทธ์ ตามนี้ จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:25:53 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ..... จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:27:50 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 5 ปาดไว้ก่อน... ขอแสดงตัวก่อนว่าสนใจเรื่องนี้ครับ... แล้วเดี๋ยวรอให้คุณ thyrocyte โพสท์จบก่อน ค่อยคุยกัน จากคุณ : Wobbegong เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:28:01 A:221.128.72.210 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ตามข่าวมติชนเขียนไว้เกี่ยวกับดำเนินการของรัฐบาลดังนี้ ด้านนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ทส.ได้ดำเนินการ มานานพอสมควร เตรียมออกกฎหมายรองรับเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรคสอง แต่ไม่ทันได้เข้าพิจารณาสมัยการประชุมสภา และมีการประกาศ ทส. เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้ เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพไปแล้ว ซึ่งจะ ใช้ในการพิจารณากับโครงการที่เหลืออยู่ให้ปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสอง "ส่วนกรณีคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหามาบตาพุด เสนอให้ ทส.ปรับรายละเอียดเกี่ยวกับองค์การอิสระ ด้านสิ่งแวดล้อม ในประกาศ ทส. ก็พร้อมรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ที่อาจจะมีข้อเสนอแนะที่ถือว่ามีประโยชน์และ สามารถป้องกันแก้ไขได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 เขียนไว้ชัดเจน ก็ปฏิบัติตาม ส่วนกฎหมายที่ประกาศออก ไปก่อนหน้านี้สามารถแก้ไขได้ ขอเพียงแต่แก้แล้วดีขึ้นก็ยินดีทุกเรื่อง" จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:31:29 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 7 นึกสงสัยว่า ถ้าจะพัฒนาประเทศ ตามที่ควรจะเป็น นักลงทุนที่เขาเข้ามาอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง ไม่มีระเบียบที่ชัดเจนบ้างเลยหรือ ว่า คุณต้องทำตามในกรอบโน่น นี้ นั้น.. ถ้าผิดจากนี้ จะกระทบต่อชุมชน, สิ่งแวดล้อม,ผิดม.67 ฯลฯ เชิญไปลงทุนเวียตนาม ศรีลังกา หรือประเทศอื่นๆไปเลย ตราบใดที่ยังคลุมเคลือ พาลคิดไปว่า ข้าศึกถล่มด้วยขีปนาวุธปูพรม จนราบเป็นหน้ากอง จากนั้นก็เรียก มารายงานตัว สงสัยเหมือนผมหรือไม่ จากคุณ : วีระริก เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:32:37 A:112.142.216.182 X:

ความคิดเห็นที่ 8 งานนี้อ้างเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลทีผ่านมาตามเคย  รู้ว่าผิดแล้วทำไมไม่แก้ จากคุณ : รับปรึกษาปัญหาค่าเทอม เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:32:43 A:118.175.201.104 X:

ความคิดเห็นที่ 9 อภิสิทธิ์เองให้สัมภาษณ์ไว้ดังนี้ เวลา 17.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการที่ศาลเห็นว่าไม่มี ผลกระทบและดำเนินการต่อไปได้ คงจะช่วยให้การลงทุนส่วนหนึ่งโดยเฉพาะโครงการที่เคยพูดไว้ว่าน่าจะ เป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมให้เดินต่อไปได้ ส่วน 65 โครงการเมื่อศาลเห็นว่าอาจ มีผลกระทบรุนแรงต่อชุมชน แนวทางที่น่าจะดีที่สุดคือ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนมาตรา 67 วรรคสอง รัฐ ธรรมนูญ 2550 เสมือนว่าเป็นโครงการที่มีผลกระทบอย่างรุนแรง แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลมีความเห็นว่าไม่ มีผลกระทบ เนื่องจากยึดเอาผลการศึกษาของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เป็นหลัก "ดังนั้น น่าจะให้โครงการเหล่านี้เดินหน้าและทำเรื่องโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุม ชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (อีไอเอ กับเอชไอเอ) และ รับฟังความเห็นของประชาชน พร้อมกับให้องค์กรอิสระให้ความเห็นไปในคราวเดียวกัน เพื่อให้สามารถ เดินต่อได้ เนื่องจากตัวระเบียบที่จะทำทางคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมากำลังพิจารณาอยู่ และจะ ขอความร่วมมือว่าหากขั้นตอนไหนเห็นว่าไม่น่าจะมีข้อโต้แย้งแล้วสามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนที่เหลือ อยากให้ได้ข้อยุติจากกรรมการชุดดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินโครงการต่างๆ ต่อไป ดังนั้น แนวทางนี้ก็น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในขณะนี้  และเชื่อว่าคณะกรรมการ 4 ฝ่ายคงยอมรับได้" จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:33:09 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 10 สรุป ฟังดู หลังจากเกิดเหตุนี้ รัฐบาลพยายามให้มีการดำเนินการตามรธน.มาตรา 67 โดยการจัดทำคณะกรรมการ 4 ฝ่ายขึ้นมารับฟังปัญหาและให้ประชาชนมีส่วนร่วม และจะมีการออกกฏระเบียบ กฏหมายเพื่อให้การดำเนินการ เป็นไปตามรธน.2550 มาตรา 67 ขอเบรคแป๊ปหนึ่งครับ จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:34:44 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 11 เนื้อหาจาก    ความคิดเห็นที่ 6 ก็ท่านเป็น รมต. กระทรวงนี้นานที่สุดเท่าที่ประเทศไทยมีกระทรวงนี้มา  จะเอายังไงอีก จะเอาเวลาอีกกี่ปี จากคุณ : รับปรึกษาปัญหาค่าเทอม เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:34:58 A:118.175.201.104 X:

ความคิดเห็นที่ 12 @ ตลาดหุ้นวูบทันทีหลังศาลตัดสิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งดังกล่าว ส่งผลให้ดัชนีหุ้นในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงบ่ายลดลงทันที และปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 693.51 จุด ลดลง 16.50 จุด หรือ 2.232% โดยหุ้นกลุ่ม ปตท.ลดลงเกือบทั้งหมด โดยหุ้น ปตท.ลดลงมากที่สุด 12 บาท เช่นเดียวกับหุ้นปูนซิเมนต์ไทยลดลง 12 บาท สำหรับภาคเอกชนต่างยอมรับในคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว แต่ก็เป็นห่วงแนวโน้มการลงทุนของประเทศไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการปัญหาโดยเร็วเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะเกรงว่าอาจทำให้กลายเป็นปัจจัยการย้ายฐานการลงทุนไปประเทศ http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0103031252&sectionid=0101&selday=2009-12-03 ผลลัพธ์...ที่เกิดขึ้นทันที...การบ้าน  โจทย์ที่รัฐบาลต้องแก้ให้ได้ มันต้องมีการประสานงานกัน  ให้วิน  วิน...ทั้งคู่ มิฉะนั้น  การว่างงานเพิ่มขึ้นแน่ ๆ  ทีคุยว่าสถิติว่างงานเป็นปกติแล้ว ก็  คงไม่กล้าสำรวจใหม่อีกที  หลังจากนี้ จากคุณ : sao..เหลือ..noi เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:37:20 A:58.8.171.204 X:

ความคิดเห็นที่ 13 คณะกรรมการ 4 ฝ่ายนั้นประกอบไปด้วย 1) ภาคประชาชน  2) นักวิชาการ 3) ภาคเอกชน และ 4) ภาครัฐ ผมลองหารายชื่อคณะกรรมการแล้ว ยังไม่พบ แต่ทราบว่ามีตัวแทนจาก เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก สำหรับลิงค์เพื่อดาวน์โหลดคำวินิจฉัยศาลปกครอง ตามนี้ครับ(เมื่อคืนเข้าผิดจุดเลยเอาลิงค์มาไม่ได้) http://www.admincourt.go.th/attach/news_attach/2009/12/1-3-52-592.pdf (ฉบับเต็ม 81 หน้า) http://www.admincourt.go.th/attach/news_attach/2009/12/data-02122552-mabtaput.doc (ฉบับย่อ press release) แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 52 09:54:45 จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:52:22 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ดูคล้ายๆกับกฎหมายมีผลย้อนหลัง จากคุณ : Nomane เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 09:57:06 A:210.246.182.147 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ฉีกรัฐธรรมนูญไปแล้วก็เขียนใหม่ ถึงแม้เนื้อหาจะดี แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องมีกำหนดระยะเวลาผ่อนผันเพื่อให้ผู้ประกอบการรู้ตัวและมีเวลาปรับตัวทัน แบบนี้เหมือนมัดมือชก แล้วใครเขาอยากเอาเงินมหาศาลเข้ามาลงทุน ถ้าเกิดกฏเกณฑ์เปลี่ยนได้อย่างกระทันหันแบบนี้ จากคุณ : kriengchai เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 10:30:25 A:58.8.48.112 X:

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพกาษามาอย่างนี้แล้วศาลปกครองที่ไม่สูงจะว่าอย่างไรกับคำพิพากษาที่ออกมาก่อนหน้านี้ครับ จากคุณ : สี่งแวดล้อม (สิ่งแวดล้อม) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 10:35:05 A:192.168.201.184 X:127.0.0.1, 203.154.66.94

ความคิดเห็นที่ 17 #16 ก่อนหน้านี้ศาลปกครองทั่วไป สั่งระงับโครงการไว้ทั้งหมดครับ 76 โครงการเลย จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 10:45:26 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ฉีกรัฐธรรมนูญไปแล้วก็เขียนใหม่ ถึงแม้เนื้อหาจะดี แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องมีกำหนดระยะเวลาผ่อนผันเพื่อให้ผู้ประกอบการรู้ตัวและมีเวลาปรับตัวทัน แบบนี้เหมือนมัดมือชก แล้วใครเขาอยากเอาเงินมหาศาลเข้ามาลงทุน ถ้าเกิดกฏเกณฑ์เปลี่ยนได้อย่างกระทันหันแบบนี้ จากคุณ : kriengchai   ....รัฐประหารแล้วออก รธน.มี ม.67มาตั้งแต่ 2550 ปรากฎว่าภาครัฐฯไม่ได้ออกกฎหมายลูกต่างๆตามมาให้ผู้ประกอบการได้ดำเนินการ...เมื่อไม่มีกฎหมาย/กฎกระทรวงฯมาให้แนวทางดำเนินการ.....ภาคเอกชนก็ไม่มีทางเลือก..ต้องเดินหน้าโครงการณ์ไปก่อนให้ทันตามกำหนด......NGO รู้แกวก็ประท้วงหาประโยชน์ฯ..สุดท้ายต้องมาให้ศาลสั่งชลอ........ ....ผมว่า ถ้าระบบราชการไม่เป๋ไปเพราะการเมืองหลังรัฐประหารฯ..เรื่องแบบนี้ไม่เกิดกับประเทศแน่นอน..เพราะ ยังไง ม.67 ก็กำลังดำเนินการเตรียมจะออกอยู่แล้ว ก่อนเกิดการรัฐประหารฯ จากคุณ : แมงบาร์ (MANG BAR) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 11:07:40 A:202.44.7.81 X:

ความคิดเห็นที่ 19 คดีนี้ ถ้าอ่านคำพิพากษา ดี ๆ แล้วจะเข้าใจครับ ในฐานะ นักกฎหมาย ผมเห็นด้วยกับ ความเห็นของศาลครับ ถ้าทุก ๆ คดี มีการชี้แจงที่เข้าใจได้ง่าย ตรงประเด็น และ ไม่มีข้อโต้แย้งแบบนี้ ได้ ผมว่า ประเทศ สงบสุขแน่ครับ ดีนะท่านไปต้องไปอ้าง พจนานุกรม มาตัดสินว่า กระทบแปลว่าอะไร รุนแรงนี่รุนแรงแค่ไหน เอิก เอิก จากคุณ : Natelo เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 11:09:46 A:203.154.112.2 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ผม ไม่รู้กฎหมายมาก แต่ มันมี กฏหมาย นิคมอุตสาหกรรม คุ้มครองอยู่ไม่ใช่เหรอครับ ถ้าทั้งหมด นั้น อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ผมว่า พวกที่ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายนะครับ มันเหมือนกับ รู้อยู่ว่าเป็นนิคม ยังย้ายกันเข้าไปอยู่ใกล้ใกล้ ตอนนิคมมันมีโรงงานไม่กี่โรงก็ อยู่กันไป พอนิคมขยาย โรงงานเยอะขึ้น โดนไล่ที่ ก็หาเรื่องฟ้อง จากคุณ : นายสบายสบาย เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 12:53:46 A:10.1.2.14 X:58.8.73.216

ความคิดเห็นที่ 21 มาต่อ อีกนิด ใน 76 โครงการ มันจะมี โครงการขยายขอเดิมอยู่ ถ้าไม่สามารถขยายได้ เขาต้องไปหาที่สร้างโรงงานใหม่ ถ้าเขาไปนิคมอื่นในประเทศ ก็ดีไปครับ คนเดือดร้อนก็มีแค่คนระยอง ที่จะตกงาน เยอะขึ้น แต่ถ้าเขาย้ายไป ประเทศอื่นปิดโรงงานเดิม มีใครรับผิดชอบมั้ยครับ จากคุณ : นายสบายสบาย เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 12:57:15 A:10.1.2.14 X:58.8.73.216

ความคิดเห็นที่ 22 ตอนนี้นี่ ในทางภาคเอกชนที่เป็นที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อม เขาก็เดินไม่ถูกเหมือนกัน กับเรื่องมาตรา 67 วรรค 2 นี่ เพราะในนั้นเขียนว่า "โครงการที่มีผลกระทบรุนแรง" เอาละถ้ามองเรื่องโครงการที่มีผลกระทบ อย่างน้อยมันมีตัวตั้งคือประกาศกระทรวงวิทย์ฯ ตาม พรบ. สิ่งแวดล้อม 2535 เรื่องกำหนดประเภท ขนาด โครงการที่ต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) (จำปีที่ออกประกาศไม่ได้) (ซึ่งเพิ่งมีประกาศใหม่ปรับเปลี่บนประเภทและขนาดโครงการที่ต้องทำ เมื่อกลางๆ ปีนี่เอง) แต่พอ รฐน. มีคำว่า "รุนแรง" เพิ่มเข้ามา ก็เกิดคำถามว่า "อย่างไหนเรียกว่ารุนแรง" ถ้าจะเอาอย่างที่ นายกสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อนท่านว่า ก็คือ "ทุกอย่างรุนแรงหมด" ซึ่งโดยส่วนตัวผมเห็นว่าไม่ถูกต้อง ถ้ามาดูสิ่งที่กำหนดให้ทำ โดยส่วนตัว ผมแยกออกเป็น 4 ประเด็น คือ 1. ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม 2. ศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพ 3. จัดให้มีการมีส่วนร่วมของประชาชน 4. รับฟังความเห็นจากองค์กรอิสระ ในส่วนข้อ 1 2 และ 3 นั้น กระบวนการของ EIA ในปัจจุบัน มีความครอบคลุมอยู่ โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีแนวทางในการทำการศึกษาผลกระทบ และกำหนดวิธ๊การแก้ไขเอาไว้แล้ว แม้ว่าในประเด็นด้านสุขภาพ ยังไม่มีความชัดเจนนัก แต่ก็ได้มีการดำเนินการบ้าง ส่วนในข้อ 4 นั้น อย่างที่ จขกท ได้เสนอไว้ ว่าองค์กรอิสระนั้นยังไม่เกิดขึ้น แล้วจะให้ผู้ประกอบการทำอย่างไร และจะให้หน่วยงานราชการทำอย่างไร เพราะหน่วยงานราชการเองก็ไม่สามารถดำเนินการเกิดขอบเขตหน้าที่ของตนที่กฎหมายกำหนดไว้ ภาคเอกชนเองถ้าไม่มีข้อกฎหมาย หรือระเบียบที่ระบุให้ชัดเจน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน จากคุณ : Wobbegong เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 13:06:00 A:221.128.72.210 X:

ความคิดเห็นที่ 23 มองในแง่หนึ่ง ภาคเอกชนที่ลงทุนใฯโครงการขนาดใหญ่ ระดับที่ต้องทำรายงาน EIA นั้น ส่วนมากไม่มีใครจงใจที่จะหลบเลี่ยงกฎหมาย เพราะรู้ดีกันว่า การปฏิบัติให้ถูกต้องนั้น ค่าใช้จ่ายมันต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นหากหลบเลี่ยงกฎหมาย แล้วเรื่องแดงขึ้นมามากนัก คงขอละเว้นไม่พูดความเห็นที่หากพูดออกไปก็จะเป็นการหมิ่น/ละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่อยากจะนำเสนอนั้น คือ - การมีส่นวร่วมของประชาชน หรือการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไมไ่ด้หหมายความว่าจะต้องทำตามสิ่งที่มีกาีรเสนอทั้งหมด แต่เป็นการรับฟัง เพื่อนำมาปรับปรุง เพราะในบางครั้ง สิ่งที่ประชาชนนำเสนอขึ้นมานั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโครงการ หรือนอกเหนือขอบเขตที่เอกชน หรือหน่วยงานเพียงหน่วยงานเดียวจะทำได้ เช่น โครงการสำรวจและผลิตน้ำมัน มักจะถูกถามว่า จะทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกที่ใช้ๆ กันถูกลงหรือไม่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่านอกเหนือขอบเขตของโครงการ หรือบางโครงการนั้น ผลกระทบที่ประชาชนคิดว่าจะเกิดขึ้น มันเป็นไปได้ยากมากในทางเทคนิค จากตัวอย่างที่ยกมา ประเด็นเหล่านี้แม้จะอาจได้รับการนำเสนอขึ้นในการรับฟังความเห็นประชาชน แต่ก็จะได้รับการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นประเด็นที่มีนัยสำคัญต่ำ (แต่หากคนอื่นที่ไม่ใช่่ผู้เชี่ยวชาญจะมองว่ามันมีนัยสำคัญสูง ก็เป็นเรื่องของมุมมอง) นอกจากนี้ ระดับความเข้มข้นของการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น มุมมองของภาคเอกชน NGo และภาคราชการ คงจะต่างกัน(มาก) ทำให้หาข้อยุติในเรื่องนี้ไม่ได้เสียที - การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้เริ่มดำเนินการศึกษาการกำหนดแนวทางในเรื่องนี้มาไม่ต่ำกว่า 7 ปี มีการตั้งโครงการศึกษา และร่างแนวทางการปฏิบัติมาแล้วอย่างน้อย (เท่าที่ทราบ) 2 ครั้ง แต่แนวทางที่ได้ออกมานั้นยังเป็นแนวทางในระดับกว้างๆ ครอบคลุมปัญหาทุกประเภท รวมทั้งปัญหาที่ตรวจวัดได้ยาก เช่น สุขภาพจิต - องค์กรอิสระ ใคร จากไหน คุณสมบัติอย่างไร ยังไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น รฐน กำหนดให้สถาบันการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม แต่แล้ว" ตัวบุคคล" คนไหนของสถาบันละ ที่จะเข้ามาร่วมขบวน??? แล้วจะทำอย่างไรถึงจะเป็นที่ยอมรับได้ สภากาชาด ซึ่งก็เป็นองค์กรอิสระในด้านสุขภาพ เข้ามาให้ความเห็นได้ไหม??? ในเมื่อความชัดเจนตรงนี้ยังไม่มี จะให้เดินอย่างไร อันที่จริง เคยได้ยินว่ากฤษฎีกาได้เคยมีการระบุว่า ในระหว่างที่กฎหมายลูกยังไม่เกิดขึ้น ให้ใช้กฎหมายที่มีอยู่ไปก่อนโดยอนุโลม แต่กลับกลายเป็นว่า ให้บังคับใช้ตามรฐน. ทันที แต่ลองนึกสิ คุณต้องการให้ได้บ้าน แต่คุณยังไม่รู้เลยว่าจะต้องลงเสาเข็มลึกเท่าไร เว้นระยะจากเพื่อนบ้านเท่าไร ใช้ปูน ทราย ดิน หิน มากแค่ไหน แล้วบ้านที่สร้างได้มันจะออกมาหน้าตาอย่างไร นี่ยังไม่นับว่า คนที่เกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ ยังมองเห็นภาพบ้านที่สร้างเสณ็จออกมาไม่เหมือนกันอีกต่างหาก... - จากคุณ : Wobbegong เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 13:59:04 A:221.128.72.210 X:

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 20     ผม ไม่รู้กฎหมายมาก แต่ มันมี กฏหมาย นิคมอุตสาหกรรม คุ้มครองอยู่ไม่ใช่เหรอครับ ถ้าทั้งหมด นั้น อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ผมว่า พวกที่ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายนะครับ มันเหมือนกับ รู้อยู่ว่าเป็นนิคม ยังย้ายกันเข้าไปอยู่ใกล้ใกล้ ตอนนิคมมันมีโรงงานไม่กี่โรงก็ อยู่กันไป พอนิคมขยาย โรงงานเยอะขึ้น โดนไล่ที่ ก็หาเรื่องฟ้อง จากคุณ : นายสบายสบาย แต่คนมาบตาพุด เค้าอยู่กันมาก่อนโรงงานพวกนี้ไปตั้งนะครับ หมายถึงชาวบ้านจริง ๆ  ที่เค้าทำอาชีพประมงกัน แต่ถ้าเป็น แถว บ่อวิน เนี่ย มันน่าด่า ครับ แต่ก่อนร้าง ยังกะอะไรดี เดี่ยวนี้ พรึ่บพรั่บเลย หมู่บ้านมาตั้งหลังโรงงาน แล้วก็บอกว่าเจอฝุ่นจากโรงงาน  นี่ครับ แบบนี้มันน่าด่า จากคุณ : Noo_Lek@TheKop เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 15:42:02 A:119.42.98.88 X:

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่าเรื่องนี้ ทางที่ดีที่สุดคือหาทางออกร่วมกัน ฝ่ายราชการและโรงงานที่จะก่อสร้างตามโครงการ ก็ควรจะต้อง รับฟังความคิดเห็นคนในพื้นที่ก่อนจะก่อสร้าง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดไว้เพื่อที่จะ รักษาสิทธิของชาวบ้าน ประชาชน แน่นอนครับ ค่าใช้จ่ายทางฝ่ายผู้ประกอบการหรือโรงงานที่จะก่อสร้างต้องสูงขึ้นมา เพราะจะต้องมีการปรับแบบ เพื่อให้เกิดมลภาวะต่อชุมชนที่ตนไปตั้งอยู่น้อยที่สุด ในระดับที่ชุมชนเขารับได้ แต่เป็นสิ่งที่ยุติธรรมต่อชาวบ้าน ผมว่าชาวบ้านก็คงไม่ถึงกับจะไม่ให้โรงงานไปสร้างเสียทีเดียวหรอกครับ หากโรงงานมีมาตราการที่ดี เขาก็น่าจะ พอใจ เพราะเกิดมลภาวะในขนาดที่เขาอยู่ได้ แต่เขตนั้นเจริญมากขึ้น ลูกหลานอาจได้งานในโรงงาน ข้างของก็ อาจได้ขายให้คนของโรงงาน ฯลฯ จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 16:23:57 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องนี้จะเป็นแบบอย่างคดีสิ่งแวดล้อมในอนาคต ขอมีข้อสังเกตดังนี้ 1.คำว่าผลกระทบที่รุนแรง ต้องมีนิยามให้ชัดเจน เช่นทำให้มีคนตาย หรือพิการ 2.ถ้าโครงการที่เกิดก่อนรัฐธรรมนูญ2550 ต้องรับผิด ก็เหมือนกับการใช้กฎหมายให้มีผลบังคับย้อนหลัง 3.คณะกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาจจะมีความเอนเอียงว่าจะเข้าข้างนายทุนหรือเอ็นจีโอ จึงต้องมีมาตรวัดที่ชัดเจนเรื่องผลได้ผลเสียที่เป็นวิทยาศาสตร์ โดยเปรียบเทียบกับเรื่องทำนองนี้กับต่างประเทศด้วย จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 17:38:13 A:61.19.66.76 X: