ล อ ง อี ก ที . . . . .หัวข้อบทความตรงเกินไปมั้งครับ

ภาษาชาวบ้านเขาเรียก "ตอแห_" ไปวันๆ

ไม่ใช่ผมเขียนนะครับ   เป็นบทความจาก"มติชน "

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act01061252&sectionid=0130&day=2009-12-06


ตอแห_ไปวันๆ

คอลัมน์ เดินหน้าชน

โดย ภาคภูมิ ป้องภัย



เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ภาษีทรัพย์สิน (ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง) ออกมาบังคับใช้อย่างที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง พ่นลมปากรายเดือน

หลังจากพวกเขาโดนแรงต้านอย่างหนักจากบรรดาผู้มีจนล้นแต่ไม่อยากแบ่งปัน จากนั้นก็ยกเรื่องโน้นเรื่องนี้มาอ้างเหตุเลื่อนสารพัด ครบ 1 ปีในเดือนหน้าแล้วก็ยังเป็นแค่วุ้น

ยิ่งได้ฟังคำพูดจากปากขุนพลคนสำคัญด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลก็ยิ่งชัดเจนขึ้น นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวในงานสัมมนาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา (ทีดีอาร์ไอ) หัวข้อ "เราจะปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อความเป็นของสังคมอย่างไร" เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า

"ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนโยบายการจัดเก็บภาษีสำหรับทุกรัฐบาล เพราะถ้าประกาศนโยบายนี้ออกไป แน่นอนว่ารัฐบาลก็จะกลายเป็นฝ่ายค้านแน่นอน"

นายกอร์ปศักดิ์ยังอ้างว่า "หลักคิดในการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลคือ คนยิ่งขยัน ต้องสนับสนุนภาษี ไม่ใช่ทำงานมาก ยิ่งเก็บภาษีมาก ก็ไม่จูงใจ"

หลักคิดแบบนี้ใช้ได้ครับ หากทุกคนมีปัจจัย เช่น มีทุน มีความรู้ มีฐานทางสังคมเอื้ออำนวยใกล้เคียงกัน แต่สังคมไทยทุกวันนี้มันต่างกันราวฟ้ากับเหว

ถามว่า ชาวนาไทยจำนวนมากขี้เกียจหรือก็เปล่า ผมว่าขยันมากกว่านักการเมืองหลายเท่านัก เพียงแต่เขาไม่ได้เกิดมารวย หรือมีต้นทุนทางสังคมสูงเหมือนนายกอร์ปศักดิ์ ยิ่งขยันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นหนี้เป็นสิน เพราะขายข้าวไม่ได้ราคา

ส่วนพวกขยันเนี่ย ผมเห็นมีแต่นักการเมืองไทยจำนวนหนึ่งเท่านั้นแหละครับที่ขยันทุจริตคอร์รัปชั่น

เมื่อนักการเมืองไทยยึดหลักคิดชุดดังกล่าว บรรดาผู้รู้ด้านต่างๆ จึงพยายามออกมากระตุกคนพวกนี้ได้ตระหนักถึงสัญญาณอันตรายที่จะตามมาในอนาคต

ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เคยเสนอว่า รัฐบาลต้องจัดสรรโครงสร้างทรัพยากรทางเศรษฐกิจใหม่ ด้วยการปรับโครงสร้างภาครัฐ เพิ่มอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจให้คนชนชั้นล่างมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพารัฐ ซึ่งทำผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้ ต้องปรับภาษีอากร นำเงินจากคนมั่งมีมาช่วยคนจน เช่น ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก เป็นต้น

ก่อนหน้านั้น ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยนำเสนอในวงเสวนาเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าหากรัฐบาลไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย (ปฏิรูประบบภาษี) ได้ สังคมจะไปสู่ความไม่เท่าเทียมกันเพิ่มสูงขึ้น คนมั่งมีมหาศาลและคนชั้นกลางฝ่ายหนึ่ง กับคนจนส่วนใหญ่อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่รอวันปะทุ ขณะนี้ปัญหาการเมืองไทยก็มีต้นตอจากความเหลื่อมล้ำนั่นเอง

ขณะที่ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อดีต รมช.ศึกษาธิการ หนึ่งในผู้ร่วมเสวนางานทีดีอาร์ไอ ยังมองโลกในแง่ดีว่า ช่องว่างของรายได้แม้เป็นเรื่องใหญ่มาก และน่าเป็นห่วง แต่คนส่วนใหญ่ยังเห็นว่ายังเป็นสิ่งที่พอรับได้ โดยยกผลโพลทีดีอาร์ไอมาเป็นที่รองรับ

พร้อมสรุปว่า การแตกต่างของรายได้ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ณ เวลานี้ ยังไม่ใช่ "เชื้อไฟ" ที่ทำให้เกิดปัญหาวิกฤต แต่ก็เตือนสติว่าอย่านิ่งนอนใจ หากทิ้งไว้ไม่แก้ไขอย่างจริงจังแล้ว ในเวลาไม่นานปัญหาจะใหญ่โตเกินเยียวยา

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แล้วว่าจะชั่งน้ำหนักกับเสียงเตือนของกูรูทั้ง 3 อย่างไร

แต่เท่าที่ผมสัมผัสหลักคิดของคนพรรคนี้มาเกือบ 30 ปี ผมมั่นใจว่าผู้นำประชาธิปัตย์จะเลือกเชื่อ ดร.วรากรณ์เพื่อซื้อเวลา แล้วใช้วิธีหว่านเม็ดเงินประชานิยมแทนการปฏิรูประบบภาษี

ระหว่างนี้ก็คุยกับวงนั้นวงนี้ไปเรื่อยเจื่อยว่าจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ภาษีทรัพย์สินเข้าเดือนโน้นเดือนนี้ ทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้

ภาษาชาวบ้านเขาเรียก "ตอแห_" ไปวันๆ


..................................

ตั้งกระทู้ไปแล้ว......โดนอุ้มครับ
ลองดูใหม่


ชื่อบทความนี้ดีมากกกกกกก.....เพราะใช้ได้กับบทความตามกระทู้นี้ด้วยครับ  
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8654811/P8654811.html

จากคุณ	: เรือธง
เขียนเมื่อ	: 14 ธ.ค. 52 16:42:47 A:202.176.136.128 X: