PANTIP.COM : P8727473 สุดอั้น! ปตท.เตรียมปรับขึ้นน้ำมันทุกชนิด 80 สตางค์ พรุ่งนี้ [การเมือง]

ความคิดเห็นที่ 22

ตอบคุณ Snowwine

ตอบคุณที่ว่าผมทั้งหลาย ผมถามหน่อย
ถ้าคุณถือหุ้นใน ปตท. คุณต้องการกำไรหรือเปล่าครับ
คุณยอมได้มั๊ยล่ะหาก ราคาน้ำมันถูกแต่ว่าคุณขาดทุน คุณต้องเอาเงินไปโปะเอง

ตอบ ปตท. ต้องการกำไรครับ คุณคิดไม่ผิดหรอก และจะบอกว่า ไม่ว่า เป็นของรัฐหรือไม่ ก็ต้องการกำไรทั้งนั้น ถ้าทำแล้วขาดทุนอย่าทำดีกว่า ซื้อจากต่างประเทศดีกว่า ครับ จะเสียเงินเสียทอง จ้างพวกไร้คุณภาพมาทำงานทำไมครับ ซื้อน้ำมันจากต่างประเทศเลย โปร่งใสดี ตรวจสอบง่าย จริงไหมครับ

ไม่มีธุรกิจไหนหรอกครับ ที่ขาดทุน แล้ว ก็ตั้งราคาขายให้แพงขึ้น เพื่อให้ได้กำไร แล้วสามารถอยู่รอดได้ครับ ถ้ามีช่วยบอกหน่อยครับ จะได้ทำบ้าง จะได้รวยกับเขาบ้าง

คุณลองมองในความเป็นจริงบ้าง
คุณบอกรัฐขึ้นภาษีน้ำมัน ถ้ารัฐไม่ขึ้น ราคาน้ำมันก็เท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ
คิดหรอว่าคุณจะยอมกำไรน้อยลง

ตอบ นั่นหนะคือสิ่งที่คุณคิดเองโดยไม่มองความเป็นจริงต่างหาก ตกลงคุณใช้น้ำมันทุกวันไหมครับ ถึงไม่รู้อะไรเลย ในความเป็นจริง คือ ถ้ารัฐไม่เก็บภาษี 10 บาท ราคาน้ำมันตอนนี้ 20 บาท แน่นอนครับ จำตอน คุณสมัครเป็นนายกได้ไหมครับ ประกาศ ไม่เก็บภาษี ราคาน้ำมันลด 3 บาท ในวันเดียว เล่นเอา พวกธุรกิจใบโอดีเซล รายเล็กๆ ล้ม กันเป็นแถว ถ้าแถวบ้านคุณมีพวกขายไบโอดีเซล คุณก็จะเห็นว่า รายเล็กๆ (กำลังผลิต ไม่เกิน วันละ 200 ลิตร) หยุดกิจการ หรือคุณจะเถียงว่า ตอนนั้นน้ำมันไม่ได้ลดราคาเพราะ รัฐไม่เก็บภาษี ครับ บอกหน่อย อันนี้ เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ได้คิดเองนะเนี๋ยะ

เอกชนถือหุ้นเพราะหวังผลกำไร ไม่นึกถึงส่วนรวมหรอกครับ เเชื่อผมสิ เป็นเพราะเอกชนเข้ามามีบทบาทจริงๆ

มีเอกชนที่ไหนทำงานไม่หวังกำไร

คุณขายข้าวแกง ไม่มีกำไรคุณจะขายมั๊ย
กำไรลดลง คุณจะยอมมั๊ย

ตอบ จริงครับ คุณไม่ผิด เรื่องนี้บอกไปแล้ว แต่ที่คุณผิดคือ การได้มาซึ่งกำไรครับ ถ้าคุณคิดว่า การได้มาซึ่งกำไรคือการ ขึ้นราคา หละก็ คุณไม่มีทาง ประสบความสำเร็จได้หรอกครับ ธุกรกิไม่มีทางอยู่รอดบนเส้นทางการแข่งขัน ถ้าคุณขายข้าวแกง 30 บาท แล้ววันหนึ่ง รัฐบอกว่า คุณต้อง จ่ายภาษี จานละ 10 บาท ผมเชื่อว่า คุณต้องขาย ข้าวจานละ 40 แน่นอน ถึงแม้ลูกค้าจะบ่น คุณก็บอกว่า รัฐเก็บจานละ 10 บาท คุณไม่มีทางเลือก ไม่งั้น ก็อยู่ไม่ได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าราคาค่าเช่าที่ แพงขึ้น 500 บาท เฉลี่ยแล้ว คุณต้อง ขายข้าวแพงขึ้นจานละ 5 บาท แต่ในขณะที่ เจ้าอื่น ที่อยู่ข้างๆ คุณ ขาย 30 บาท เท่าเดิม แล้วคุณขาย 35 เพราะไม่อยากขาดทุน อันนี้ ก็ทำไม่ได้ เพราะคงไม่มีลูกค้าเข้าร้านแน่ๆ คราวนี้ ต้องมองถึง การลดต้นทุนแล้ว หรือจะขาย 35 แต่ต้องมีอะไรพิเศษกว่า ร้านอื่นๆ นี่จะบ่งบอกถึง การบริหารแล้วครับ

ดังนั้น ถ้าคิดว่า การขึ้นราคาแล้วก็จบ นั่น หมายถึง คุณไม่เข้าใจการตลาดโดยสิ้นเชิงครับ ระวังนะครับ การที่เราไม่รู้เรื่อง แล้ว ไปแสดงวิสัยทัศ ดูถูกคนอื่นมันเหมือนเราโง่นะครับ เงียบ แกล้งโง่ พูดน้อย อาจทำไห้เรารับอะไรมากขึ้นก็ได้ จากความเป็นจริง คุณต้องหาข้อมูลก่อนว่า ค่าการตลาดของ ปตท. ตอนนี้ กับ ตอน ราคาน้ำมันแพงกว่านี้ เขามีค่าการตลาดต่างกันเป้น 10 บาทเลยเหรอครับ ถึงไปว่าเขาอย่างนั้น (อย่างลืมหาด้วยว่า ค่าการตลาดคืออะไร ไม่ใช่กำไรนะครับ) ตั้งแต่ ปตท. แปรรูปมา เขาทำอะไรบ้าง ขึ้นราคาน้ำมัน แล้วก็ได้กำไรเป็นหมื่นล้านเหรอครับ

ถ้าพูดเรื่องราคา เขาอ้างอิง สิงคโป ครับ ซึ่ง ถ้าขายแพงกว่า กลใกตลาดก็จะสอน ปตท. ว่า อย่าแสดง น้ำมันเถื่อนจะเยอะ แถม จะมี บริษัท จาก สิงค์โปร มาเลเซีย มาเปิดขายน้ำมันแข่งมากขึ้นครับ แต่ถ้าขายถูกกว่า ยิ่งดีครับ ปตท. กำไรน้อย แต่ ปริมาณเยอะ ส่งขายต่างประเทศได้อีก แต่ทำไม่ได้ เพราะราคาน้ำมันขึ้นอยู่กับ ตลาดโลกด้วย แล้วราคาสิงคโป ก็ไม่ได้อยากตั้งก็ตั้ง แต่เป็นการประเมินหลายๆ ด้านแล้วต่างหากครับ

แล้วสิ่งที่ ปตท. ทำคืออะไร ทำไมกำไรเป็น หมื่นล้าน จากขาดทุนทุกปี (คำถามนี้ คุณ Snowwine น่าจะถามนะครับ มากกว่า คิดเองเออเองว่า ขึ่นราคาน้ำมันก็จบ จบจริงเหรอ กำไรจริงเหรอ ต้องถามต่อครับ)

ปตท. พัฒนาปั้มน้ำมัน ให้น่าเข้า และเพิ่ม ปริมาณป้ำให้มากขึ้น (ถ้าราคาขายเท่ากัน ก็เลือกปั้มที่มี ออปชั่นมากกว่า)

ปตท. ควบ กิจการ หลายบริษัท คงไม่ต้องยกตัวอย่างนะครับ หาเอง พวกโรงงานปิโตร ประโยชน์ที่ได้รับเลย ก็ลดต้นทุนครับ (ถ้าเทียบกับ ร้านข้าวแกงที่ยกตัวอย่างมา ก็คือ แทนที่จะเช่าที่ หรือเพิ่มราคาข้าว ก็เสี่ยง ซื้อที่ดินผืนนั้นซะ อาจแพงกว่า เช่าที่ แต่ก็ยังได้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น และจะลดต้นทุนในอนาคต)

ปตท. ตีตลาดต่างประเทศ ขยายตัวเพื่อเป็นผู้นำด้าน ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีของอาเซียน

นี่หละครับ ที่เราเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งไม่ได้คิดเอง เออ เอง ครับ

คุณลองกลับไปหาข้อมูล การตลาด ดีๆก่อนครับแล้วค่อยพูด ไม่ใช่ฟังข่าวว่า ปตท. กำไร ราคาน้ำมันแพง ก็เหมารวมว่า เพราะมันเห็นแก่ตัว ถ้าเป็นรัฐจะไม่เป็นแบบนี้ ปตท. มีกำไรเพิ่มขึ้นจากการขายน้ำมัน หมื่นล้าน นั่นเพราะเขาขายน้ำมันได้มากขึ้น ด้วย หรือขายน้ำมันได้เท่าเดิม แต่กำไรต่อลิตรเพิ่มขึ้นครับ

และตอนเป็นรัฐวิสาหกิจ ปตท. ขาดทุน เพราะขายน้ำมันขาดทุนจริงเหรอครับ หรือเพราะระบบ บริหาร ครับ จ้างคน 10 คน ทำงาน 5 อย่าง ปัจจุบันนี้ จ้างคน 2 คนทำงาน 10 อย่าง ราคาขายไม่ได้ขาดทุนหรอกครับ แต่ไม่มีการลดต้นทุนขององกรณ์ ไม่มีการทำตลาดแข่งกับคู่แข่งต่างหาก ผู้คนในองกรณ์ ก็ไม่ต้องเรียนสูง อาศัยเส้นสายก็นอนกินไปตลอดชีวิต

ถ้าพูดถึงเสือนอนกิน ในการทำธุรกิจ คนจะรู้จัก เจ้าพ่อ อสังหา ซึ่งเขาต้องใช้ความรู้ และวิศัยทัศน์ กว้าง กว่าจะเป็นเสือนอนกินได้ แต่ถ้า พวกศักดินา ฝากลูกฝากหลาน ก็ พวก งาน รัฐวิสาหกิจนี่แหละครับ ที่อยู่ดีๆ ตอกบัตร นั่งเรื่อยเปื่อย ก็เงินเดือนขึ้น มีกินไปตลอดชีวิต

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ เปลี่ยนเป็น เอกชนแล้ว ชาวบ้านลำบากขึ้น รัฐยังถือหุ้นใหญ่ กำไรมาก ก็เข้ารัฐมาก กำไรมาก เสียภาษีมาก ก็เข้ารัฐมากอีก ผมว่า ถ้า ตอนเป็นรัฐวิสาหกิจ แล้ว มีการแข่งขัน มีการควบกิจการ มีการ พัฒนาแข่งกับ ต่างประเทศ คงไม่มีใครอยากให้เปลี่ยนหรอกครับ เสื้อแดงทั้งหลายเขาไม่ได้มองแค่ว่า เปลี่ยนถึงจะดี แต่เขามองเห็นว่า ที่ผ่านมาตั้งนานมันล้มเหลว ต้องมีการเปลี่ยนแปลง และผลจากการเปลี่ยนแปลง ก็ประจักให้เห็นถึงความก้าวหน้า (ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่คือรัฐ ไม่ได้หมายความแค่ว่ามีสิทธิมีเสียง แต่หมายความว่า กำไรส่วนใหญ่ อยู่ที่รัฐบาล) หุ้น ปตท. และหุ้นลูกๆ ทั้งหลาย เปิดขายเสรีในตลาดหุ้น ถ้ารัฐจะเก็บเพิ่มก็ทำได้ กว้านซื้อมาเป็นของรัฐให้มากกว่านี้ก็ทำได้ครับ อย่าไปยึดติดว่า เขาจะขึ้นราคาน้ำมันมากนัก เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว มันทำไม่ได้ ไม่งั้น คนทำธุรกิจค้าขาย รวยกันหมด ไม่งั้นเราคงได้ใช้ค่าโทรศัพท์นาทีละ 10 บาท ขึ้นรถตู้ 200 บาท รถสองแถว 50 บาท กินข้าวจานละ 100 บาท แล้วมั้งครับ ถ้าการทำธุรกิจง่ายขนาดนั้น

การแข่งขันมีแต่จะลดราคา เพิ่มคุณภาพครับ ไม่งั้น วิศวกร ตกงานครับ เทคโนโลยี ไม่ก้าวหน้า ผมฝากคุณไปคิดดูครับ

จากคุณ : gotthepower

เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 07:20:33 A:220.233.200.117 X: