ความคิดเห็นที่ 1 เสียภาษีให้รัฐเอาไปจ่ายเป็นค่าชดเชยหวยบนดิน...เซ็ง จากคุณ : neo (neoad) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 02:35:22 A:58.9.82.75 X:

ความคิดเห็นที่ 2 เอามาฝากค่ะ  สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อ 2 นาทีที่ผ่านมา จากคุณ : Jampoon เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 02:36:34 A:125.27.207.44 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนี้ที่น่าห่วง ครับ กฏหมายบ้านเรา มันเป็นแบบอย่างที่ หากเกิดการเลียนแบบ อย่างเช่นวันนี้ จะอยู่กันยังไงครับ พวกเหลืองก็เอามันจะด่าแดงอย่าเดียว ไม่มองผิดถูกอะไรเลย จากคุณ : ลุงเอเจ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 02:49:22 A:124.157.187.128 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ลดหย่อนภาษีใครก็ทำครับ มันไม่ใช่การเลี่ยงภาษีมันเป็นเรื่องของการใช้สิทธิตามกฎหมาย แต่ถ้าคุณอยากมีอำนาจทางการเมืองแล้วรัฐธรรมนูญเขาห้ามถือหุ้น บ.ที่ทำสัมปทานกับรัฐ คุณควรเอาหุ้นไปซุก  ไปหลบซ่อน  เพื่อเลี่ยงรัฐธรรมนูญ เพื่อได้ก้าวเข้าสู่อำนาจไหม ? และพอสู่อำนาจแล้วก็ใช้ช่องทางต่างๆยักย้ายถ่ายเทหุ้นออกนอกประเทศ เพื่อให้ตรวจสอบไม่ได้ว่า  ตัวเองยังมีหุ้นถือครองอยู่ เมื่อถึงจุดที่มูลค่าของหุ้นมากจนพอใจ / ดีลติดต่อขายหุ้นได้ ก็โอนกลับหุ้นเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งก็ไม่เสียภาษีในขณะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จริงๆครับ แต่หลังจากนั้นแล้วต้องยื่นแบบภาษีเงินได้ด้วยเพราะได้หุ้นมาหุ้นละ 1 บาทจากนอกตลาดหลีกทรัพย์ กรณีนี้กรรมสรรพากรมีตัวอย่างเคยเก็บภาษีนายเรืองไกรเอาไว้แล้วครับ ตอนนั้นแกเป็นนักบัญชีอยู่ ยังไม่ได้เป็น สว.   แกได้หุ้นทางด่วนมาจากคุณพ่อในราคาหุ้นละ 10 บาท ภายหลังก็ขายในตลาดหลักทรัพย์  และถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีส่วนต่างของราคาหุ้นในภายหลัง  แกก็จ่ายไป แต่พอมีกรณีทักษิณยกหุ้นให้พี่ชายคุณหญิงพจมานเป็นของขวัญ / ขายหุ้นให้เทมาเส็ก  อยู่ดีๆคุณเรื่องไกรได้รับเช็คคืนจากกรมสรรพากรโดยมีคำอธิบายว่าไม่ต้องเสียภาษี เคยมีไหมครับกรณีแบบนี้ที่กรมสรรพากรยัดเยียดเงินคืนให้   ถ้าไม่ได้มาจากอำนาจรัฐที่ถูกครอบงำจากนัการเมืองที่ต้องการประโยชน์ แต่คุณเรืองไกรแกไม่รับครับและก็ฟ้องให้ศาลชี้ขาดเป็นกรณีตัวอย่าง ในที่สุดกรมสรรพากรต้องยอมรับเช็คตัวเองคืนและดำเนิกการเก็บภาษีจากตระกูลชินวัตร นี่ผมเล่าเรื่องย่นย่อมากนะครับรายละเอียดตัดทิ้งหมด ถ้าคนสนใจตามเรื่องจริงๆจะเห็นว่ามันมีการโอนถ่ายหุ้นซับซ้อม  มีการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้บริษัทที่ทักษิณอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว มีการบินไปเจรจาขายหุ้นให้ทางสิงคโปร์  ด้วยตัวเองทั้งที่ยังสวมหัวโขนเป็นนายกฯด้วยซ้ำไป เรื่องมันยาวครับยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจมูลความผิด   ดังนั้นเขาถึงต้องมีศาล  มีอัยการ  มีเจ้าหน้าที่สืบสวน  มีผู้เชี่ยวชาญ มีทนาย  ประกอบกันเพื่อตัดสินคดี เอาสามัญสำนึกบ้านๆไปนึกคิดตัดสินเอาเองไม่ได้หรอกครับว่าไม่ผิดใครก็ทำ ถ้าใครก็ทำได้คุณช่วยเอาหุ้น 70,000 ล้านโอนไปเกาะบริทิชเวอร์ยิ่น  หลบหนีการตรวจสอบ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ  แล้วถ่ายเทหุ้นกลับมาขายในตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ยอมจ่ายภาษีให้ดูหน่อยสิครับ ทำไมคุณเรืองไกรเป็นคนธรรมดาเขายังจ่ายได้ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ก็เคยแนะนำว่าให้คุณประยุทธ  มหากิจศิริ ทำแบบเดียวกับทักษิณนี่แหละจะประหยัดเงินไป 1,200 ล้านบาท  แต่ทำไมเขาไม่ทำ เขาก็จ่ายภาษีกันตามปรกติ ผมถามจากหัวใจของคุณเจ้าของกระทู้เลยนะครับถ้าคุณมีเงินเป็นแสนล้าน คุณยังจะซุกหุ้นเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพราะต้องการเป็นนายกฯไหม ?  หรือคุณจะขายหุ้นออกไปก่อนเพื่อก้าวเข้าสู่การเมืองโดยไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วถ้าคุณขายหุ้นได้กว่า 70,000 ล้านคุณจะยอมจ่ายภาษีเงินได้ไหมครับ  ในเมื่อคนอื่นๆเขาก็จ่ายกัน ? ถามใจตัวเองแล้วตอบในใจนะครับไม่ต้องตอบผมหรอก ลึกๆผมเชื่อว่าเสื้อแดงหลายคนก็รู้ว่าทักษิณเป็นคนอย่างไร แต่คุณรักเขาก็เลยลดมาตรฐานของความไม่พอใจลงเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 03:20:49 จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 03:18:13 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วถ้าคุณขายหุ้นได้กว่า 70,000 ล้านคุณจะยอมจ่ายภาษีเงินได้ไหมครับ  ในเมื่อคนอื่นๆเขาก็จ่ายกัน ? ถามใจตัวเองแล้วตอบในใจนะครับไม่ต้องตอบผมหรอก ลึกๆผมเชื่อว่าเสื้อแดงหลายคนก็รู้ว่าทักษิณเป็นคนอย่างไร แต่คุณรักเขาก็เลยลดมาตรฐานของความไม่พอใจลงเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 03:20:49 จากคุณ : ตอสระอือ     เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 03:18:13 A:58.9.216.239 X:   ------------------------------------------------------------------------- น้องครับ รายได้ที่เกิดจากการซื้อขายหุ้น ไม่ต้องเสียภาษีครับ ใครจ่ายช่วยเอาใบเสร็จมาดูหน่อยนะครับ ไปตั้งห้องสินธรก็ได้ครับ ว่าใครขายหุ้นแล้วต้องจ่ายภาษีครับ จากคุณ : ไม่เข้าใจก็ศึกษาก่อนครับ (ถ้าโลกนี้ไม่มี...) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 03:26:09 A:124.121.245.91 X:

ความคิดเห็นที่ 6 บ้านเมืองมันเองกะเท แบบนี้ ประเทศไทย เลี่ยงภาษี ทุกอย่างแหละคะ ซื้อของข้างถนนก็ไม่มีภาษี ลากไปถึงบางห้างใหญ่ ทำไมไม่ออก vat 7 ใหญ่เหมือน แมคโครไม่รู้เน๊อะ แต่อย่างว่า จ่ายภาษีเต็มไปทำไม เอาไปให้พวกโกงกิน หน้าชื่นตาบาน - ได้ถนนดี3 วัน วันต่อมาเป็นบ่อ - ต้องจ่ายเงินให้กับค่าบูรณะ / คำน้ำ ค่าไฟ พวกยึดทำเนียบ ทั้งๆ ที่ไม่อยากจ่าย - จ่ายแทนให้กับคนที่ไม่เคยจ่ายภาษี - อา... ยุทธการถอนขนห่านจะกลับมาอีกแล้ว ครอบครัวฉันจะโดนอะไรอีก แถม ฉันเลือกคนที่เข้ามาทำงานอย่างจริงๆ ก็ดันมาล้มคนที่ฉันเลือก เวลาล้มก็ใช้เงินของฉันปฎิวัติ ไม่รู้ว่า ตอนตายจะมีเงินค่าทำศพไหม จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 03:32:14 A:118.172.132.192 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ลดหย่อนภาษีใครก็ทำครับ มันไม่ใช่การเลี่ยงภาษีมันเป็นเรื่องของการใช้สิทธิตามกฎหมาย -------------------- อยากจะร้องไห้ ถ้ามันเครมกันง่ายๆ แบบที่คุณพูดก็ดี ขอพูดในกรณีภาษี vat อย่างเดียว อย่างอื่นๆ ที่มีไม่พูดมันยาว - ในฐานะฉันทำธุรกิจ เงินทุน เกิน 10 ล้าน จะไม่พูดถึง ลูกจ้าง ขี้เกียจพาดพิง แต่รู้สันดานสรรพากรดี คุณเคยทำธุรกิจจริงๆ ไหม ไม่ใช่พวกแบบ ลูกจ้าง (ทำงานให้กับบริษัทใส่สูทผูกไทร์) หรือ แบบขายก๋วยเตี๋ยวคูหาเดียว กระจอก!! ถึงกวนบาทาหน่อย พี่ท่าน (สรรพากร) จะไปนับชามก๋วยเตี๋ยวตอน 11 โมง - บ่าย 1 แล้วมาคิด ภาษีแบบเบ็ดเสร็จว่าแต่ละเดือนจ่ายเท่าไหร่ เขาไม่ทำหรอก เปลืองเวลาสรรพากร.. ได้เงินก็นิดหน่อย เขาจะเล่นแบบ ธุรกิจขนาดกลาง พวกอย่างดิฉันนี่แหละ ที่แบบไม่มีใครคุ้มกะลาหัว เปิดธุรกิจมาถ้าเห็นคนเยอะหน่อยก็จะมานั่งแล้ว ทั้งๆ เงินลงทุน +ดอกเบี้ยตอนก่อสร้าง และลงทุนซื้อของ ก็ไม่สามารถหักลดได้ในครั้งแรก ถ้าหักขอเคลมเงินภาษีคืน มาแล้วครับ มานั่ง โน้น นี่ นั่น... แล้วก็เริ่มกำหนดภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน ผ่านไปหน่อย  ภาษีที่จ่ายจะต้องขึ้น มาก ขึ้นทุกปี .. ถ้าไม่ให้ก็มาอีกแล้วครับทั้งๆ ที่เศรษฐกิจไม่ดีและการแข่งขันสูงขึ้น ขืนไปเคลมภาษี มีหวัง สิ้นปี โดนปรับ  2-3  เท่า ก็ต้องก้มหน้ายอม.. ดีกว่ามานั่ง ยุทธการถอนขนห่าน เคยได้ยินคำนี้ไหม.. จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 03:48:01 A:118.172.132.192 X:

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่อง เก็บภาษีนายเรืองไกร ดิฉันก็ไม่ได้อ่านข่าว เลยตอบไม่ได้ รู้แต่ว่า อดีตอธิบดีสรรพกร ที่พูดจากลับไปกลับมาเพียงเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องติดคุกนะ น่าทุเรศมากกว่า ดิฉันก็เล่นอยู่บ้างก็ไม่เห็นเสียภาษีนะคะ เสียแต่ค่าที่ให้โบกเกอร์ (หุ้นธุรกิจ)  หรือธนาคาร (หุ้นธนาคาร) คอยเป็นธุระดูแลตอนปล่อยกับตอนซื้อเท่านั้น แบบนี้เรียกเสียภาษีหรือเปล่า จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 03:57:42 A:118.172.132.192 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ถูกต้องครับ เราไม่ได้เลี่ยงไม่ยอมเสียภาษี แต่ เรา ทำอะไรก็ได้ตามกฏหมาย ที่จะเสียภาษีน้อยที่สุด เพราะ อะไร เพราะ ภาษี คือ ต้อทุนการผลิตสินค้า ถ้า เรา สามารถ ประหยัดภาษีีได้เท่าไหร่ เราก็สามารถ ลดราคาสินค้าได้เท่านั้นครับ ไม่ได้ ไม่จ่ายภาษี แต่ ลดให้ได้มากที่สุดที่กฏหมายเปิดทาง จากคุณ : โบกกรัก เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 05:11:37 A:41.191.74.49 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ตือ ถามไรนิด ตอนไปซื้อของอ่ะ เก็บใบเสร็จที่มันบอกว่า+vat 7เปอเซ็นต์ ทุกครั้งป่ะ อย่าตอ นะ ตือ เด้วมันจะกลายเป็นแหล จากคุณ : ออเลเรียส เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 05:41:17 A:125.25.133.248 X:

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แล้วไม่ต้องเสียภาษีนี่ อย่ามาตั้งป้อมเถียงกันโดยไม่ได้อ่าน คห. ของผมก่อนจะได้ไหมครับ ? ผมเองก็มีหุ้นอยู่  ซื้อขายก็เสียค่าคอมฯกับ VAT แล้วก็จบไม่ต้องเสียภาษีอะไร ใครเขาก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละครับ  ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าคุณไปได้หุ้นในราคาต่ำกว่าตลาด  โอนเข้ามาขายในตลาดหลักทรัพย์แบบคุณเรืองไกร หรือทักษิณ น่ะยังไงก็เสียภาษีครับ ไม่เสียไม่ได้เพราะได้หุ้นมานอกตลาด แต่ถ้าบอกว่าขอให้เอาหุ้นมาขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ก็พอ ถือว่าไม่ต้องเสียภาษี  ประเทศจะไปต่อได้อย่างไรครับ ? ตลาดหลักทรัพย์ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นอีกแหล่งทุนหนึ่งของภาคธุกิจจะกลายป็นที่ผ่องถ่ายเงินกันแบบถูกกฎหมายเลย บริษัทใครมีกำไรไม่อยากเสียภาษีก็เอาเงินไปซื้อหุ้น ปตท. ซะ ซึ่งมา 200 กว่าบาท เอามาขายให้ผู้ถือหุ้น 1 สตางค์แล้วไปขายในตลาดหลักทรัพย์เอาเองไม่ต้องเสียภาษี งบดุลบริษัทก็ไม่ต้องมีกำไรไม่ต้องเสียภาษีอีก ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพราะนายกฯทำให้ดูเป็นตัวอย่างไว้แล้ว จะซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อของกันใช้วิธีนี้เลี่ยงภาษีได้ถูกต้องตามกฎหมาย  สบายใจ ชอบแบบนี้กันจริงๆหรือแค่จะแก้ตัวให้ทักษิณเท่านั้นครับที่บอกว่าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี เวลาพูดต้องพูดให้ครบสิครับว่า "ซื้อ-ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้" เพราะมันมีความเสี่ยงครับ  มันอาจขาดทุนก็ได้  รัฐบาลต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์มีผู้สนใจมาลงทุนจึงไม่เก็บภาษีในส่วนนี้ (แต่ขอโทษ  อย่างอเมริกาเขาเก็บภาษีแม้นคุณจะซื้อ-ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็ตามเขาเก็บหมดถ้าคุณมีกำไร  เรียกว่า capital gains tax แต่ขาดทุนเขาก็คืนให้ครับ) บางเรื่องเราเลือกฟังแต่ส่วนที่เราอยากได้ยินนะครับก็เลยจำกันผิด บางที่อัยการยกฟ้องเรื่องใด  หรือศาลมีคำพิพากษากรณีไหน คนที่ไม่พอใจก็โวยวายเสียแล้วว่า 2 มาตรฐาน  โวยวายกันต่อๆมาโดยไม่พิจารณาเนื้อหาที่มาของคำตัดสิน เขาว่าทักษิณขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษีก็ว่าตามกันโดยไม่ได้รู้เรื่องเลย บางคนบอกว่าเรื่องเรืองไกรไม่เคยรู้แต่ก็ยังจะมาช่วยเถียงให้ทักษิณ มันประหลาดดีไหมล่ะครับไม่รู้แต่มาโต้ได้เป็นเรื่องเป็นราวน่ะ ส่วนเรื่องการเสียภาษีในธุรกิจขนาดกลางหรือเล็กผมเข้าใจนะครับส่วนใหญ่หลบๆบ้างแต่ก็เพื่อความอยู่รอดมากกว่าที่จะหลบเพราะร่ำรวย และถ้าเริ่มมีความมั่นคงแล้วก็สมควรจ่ายภาษีตอบแทนประเทศกันบ้างครับ  เดี๋ยวนี้ฐานภาษีกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ พูดได้ว่าคนอยู่ในฐานภาษีอย่างถูกต้องมีมาก  และไม่ต้องหลบเลี่ยงภาษีก็สามารถทำมาหากินจนร่ำรวยได้ ส่วนคนที่ยังลำบากผมเองก็เห็นใจเพราะผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยเช่นกัน  ก็ก้มหน้าก้มตาทำมาหากินกันไปครับ แต่มันก็คนละเรื่องกับภาษีของทักษิณเลย   ผมยื่นแบบภาษีถูกต้องตลอดแต่นายกฯเลี่ยงภาษีได้  สั่งสรรพากรคืนเงินประชาชนเพื่อไม่ต้องเก็บภาษีนายกฯก็ถือว่าทำได้  ถูกต้องแล้วอย่างนั้นหรือ ? พอมีคำพิพากษาเทียบเคียงออกมา  จะมาช่วยกันแถอีกหรือครับว่าใครๆก็เลี่ยงภาษี คนที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายน่ะมีไม่รู้กี่สิบล้านคน เกษตรกร ข้าราชการ  พนักงานบริษัท  คนงาน กรรมกร  คนพวกนี้ไปเลี่ยงภาษีตรงไหนครับ ? บางคนเงินภาษียังไม่เคยจับเลย   เคยเห็นแต่ตัวเลขที่อยู่ในสลิป ส่วนคุณออเลเรียส  อย่ามาทะลึ่งหยาบคายครับ ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ  คุณหรือใครจะแหลผมไม่ไปยุ่งด้วย  ถ้าจะแลกเปลี่ยน คห. ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่นในระดับนึง ไม่ต้องสุภาพหรอกแต่อย่าถอย เรื่องซื้อของร้านค้าพวกสินค้าอุปโภค  บริโภค 99.99%  สินค้ามัน Vat include อยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็ซื้อจากห้างใหญ่ๆไปแบ่งขาย  หรือหน่วยรถจากบริษัทมาส่งบ้าง เช่นพวกบะหมี่สำเร็จรูป  ยาสีฟัน  แฟ๊บ ฯลฯ  อนุโลมกันอยู่แล้วว่าในระดับการซื้อปลีกการไม่ขอใบเสร็จ  ไม่ผิดกฎหมายครับ  ตำรวจไม่จับ ของพวกนี้ไม่ใช่ของหนีภาษี ไม่มีใครซื้อน้ำอัดลม 1 ขวดกินแล้วขอใบเสร็จหรอก  มันคนละเรื่องกับทักษิณเลี่ยงภาษีหลายหมื่นล้านเลย คิดก่อนหรือเปล่าที่เอาเคสนี้มาเปรียบเทียบกัน ? แต่อนาคตกรมสรรพากรจะรณรงค์ให้ใช้ใบเสร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ( อย่างกรณีแท็กซี่รุ่นใหม่ๆ) ส่วนตัวผมว่าสำหรับร้านค้าย่อยน่าจะยกเว้น  เปลืองกระดาษ โลกร้อนเปล่าๆ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 06:24:07 จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 06:12:11 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วถ้าคุณขายหุ้นได้กว่า 70,000 ล้านคุณจะยอมจ่ายภาษีเงินได้ไหมครับ  ในเมื่อคนอื่นๆเขาก็จ่ายกัน ? จากคุณ : ตอสระอือ ความรู้ใหม่นะคะเนี้ย  ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เขาจ่ายภาษีกันเด้วย กฏหมาย ของใครข้อให้  ช่วยยกมาให้ดูหน่อยสิค่ะ จะได้ช่วยด่าอีกแรง จากคุณ : บ้านสวนธน เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 06:13:53 A:125.25.142.35 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ถามคนที่ด่าคนอื่นว่าเลี่ยงภาษี คุณเสียภาษีปีละเท่าไร รายได้เท่าไรบอกมาหรือไม่ได้สียภาษีถึงเอาแต่ว่าคนอื่นว่าเค้าเลี่ยงภาษี แล้วซื้อขายหุ้นทุกวันเนี้ยต้องเสียภาษีเนี่ย  บ้านใครสอนคุณมา ไม่รู้เรื่องก็อย่าอวดโง่นะครับ เดี๋ยวคนอื่นจะรู้ว่ามีเขายาว ถ้ารู้ไม่มากฟังเค้ามาก็อย่า.....แสดงความเขายาวออกมา ศึกษาก่อนที่จะด่าคนอื่น หัดรู้ด้วยตัวเอง อย่าไปอวดรู้เพราะฟังคนอื่นมา อินเตอร์เน็ตมีข่าวสารทั้งสองด้าน คุณหาเอาได้นิ หรือทำไม่เป็น จากคุณ : Choltis เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 06:27:51 A:118.172.171.213 X:

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วถ้าคุณขายหุ้นได้กว่า 70,000 ล้านคุณจะยอมจ่ายภาษีเงินได้ไหมครับ  ในเมื่อคนอื่นๆเขาก็จ่ายกัน ? จากคุณ : ตอสระอือ     ---------------------------------------- ความโง่ไม่เคยปราณีคนโง่อย่างคุณ รู้น้อยอวดว่ารู้มาก เคยเล่นหุ้นป่าว เคยเสียภาษีป่าว จากคุณ : Choltis เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 06:32:50 A:118.172.171.213 X:

ความคิดเห็นที่ 16 คุณตอสระอือ  คงไม่เคยซื้อของจากร้านโชห่วย เลยไม่เคยสมคบคิดกับเจ้าของร้านหลบเลี่ยงภาษี ตามหลักความจริงจะซื้อกี่ทอด  ก็ต้องบวก vat  ไม่ใช่หรือ เพราะอย่าง ซุปเปอร์มาเก็ต  เขาก็ซื้อมาจากร้านขายส่งหรือผู้ผลิตโดย +vat แล้วเช่นกัน ถ้าเขาขายโดยไม่ +vat เขาก็อ้างได้อย่างที่คุณตือบอกซิ  ว่าซื้อมาจากร้านขายส่งก็ +vat แล้วนิ รู้ว่าในการเก็บภาษีบ้านเรายังไม่ไปถึงร้านโชห่วย ซึ่งจริง ๆ การซื้อขายไม่ว่าจะแบบไหนผ่านใบเสร็จรับเงินถูกต้องที่สุด ตรรกะของคุณตือ  ก็หลบเลี่ยงความถูกต้องเหมือน แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 07:02:01 จากคุณ : Jampoon เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 06:40:09 A:125.27.207.44 X:

ความคิดเห็นที่ 18 โพสไม่ได้ Test จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 07:30:37 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ทำไมผมทำ Link คดีคุณเรืองไกรไม่ได้ เป็นคำสั่งศาลที่ให้เก็บภาษีนะครับ WM เทคไซด์หรือเปล่า ? จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 07:32:06 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 21 โพสแล้วหายไปหลาย คห. ทั้งที่ผมไม่ได้หยาบคายเลยนะครับ คำวินิจฉัยของศาลก็ชัดเจนแล้วตาม Link คนที่ชอบด่าว่าคนอื่นโง่ (ซึ่งผมไม่เคยด่าใครว่าโง่) หวังว่าจะคิดได้บ้าง อย่ามัวแต่งมงายแค่กับคำว่า "ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี" มันไม่ใช่ มันขึ้นอยู่กับการได้มาของหุ้น  ตอนขายน่ะไม่เสียภาษีหรอกแต่มันต้องเสียภาษีตอนยื่นแบบภาษีเงินได้ กรมสรรพากรเขาก็เคยเรียกเก็บคนอื่นมาก่อนทักษิณแล้วด้วย ใครที่บอกว่าจะมาช่วยด่าก็อย่าลืมที่พูดนะครับ ผมบอกตั้งแต่ คห.4 ลอกมาให้อ่านกันใหม่ -------------------------------------- เมื่อถึงจุดที่มูลค่าของหุ้นมากจนพอใจ / ดีลติดต่อขายหุ้นได้ ก็โอนกลับหุ้นเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งก็ไม่เสียภาษีในขณะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จริงๆครับ แต่หลังจากนั้นแล้วต้องยื่นแบบภาษีเงินได้ด้วยเพราะได้หุ้นมาหุ้นละ 1 บาทจากนอกตลาดหลักทรัพย์ กรณีนี้กรรมสรรพากรมีตัวอย่างเคยเก็บภาษีนายเรืองไกรเอาไว้แล้วครับ ---------------------------------------------------- ไปอ่านรวมกับ Link ข้างบนหวังว่าคงเคลียร์ ใครที่ยังยืนยันว่าไม่เสียภาษีเอางี้  ไปจ่าย 20,000 แทนให้คุณเรืองไกรก็แล้วกันเพราะเขาถูกเรียกเก็บไปแล้ว แน่จริงไหมครับ? จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 07:41:41 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 22 ทำ Link คำสั่งศาลไม่ได้จริงๆด้วย แล้วทำไม WM ไม่บอกก่อน เอ้าอ่านดูครับทำ Link ไม่ได้  ชักเซ็งแล้ว --------------------------------------------- ศาลภาษีอากรชี้ ต้องเก็บภาษีหุ้น ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลภาษีอากรกลาง วานนี้ ศาลมีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 183/2549 ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักธุรกิจ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องกรมสรรพากร เป็นจำเลย เรื่องละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจสั่งคืนเงินภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการกระทำผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2546 ซึ่งในการชำระโจทก์ยื่นสำเนาสัญญาการโอนหุ้นที่โจทก์รับหุ้นจากบิดา อันเป็นการซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมาเจ้าพนักงานของจำเลย ประเมินแล้วพบว่าโจทก์คำนวณเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง จึงประเมินให้โจทก์ต้องชำระภาษีรายได้และเงินเพิ่มอีก 21,350 บาท โดยโจทก์ชำระแล้ววันที่ 18 มิ.ย.47 พร้อมกับยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพิกถอนการประเมินและให้งดหรือลดเงินเพิ่ม ว่าการเรียกเก็บเงินเพิ่มนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งคณะกรรมการอุทธรณ์ ฯ พิจารณาแล้วให้ยกคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ ซึ่งต่อมาโจทก์ยอมรับในการพิจารณาอุทธรณ์และการเรียกเก็บเงินเพิ่มดังกล่าว ต่อมานายสุเทพ พงษ์พิทักษ์ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพ ฯ 3 กลับมีหนังสือถึงโจทก์ระบุว่า ประโยชน์จากการโอนหุ้นที่โจทก์แสดงไว้ในรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ไม่ถือเป็นเงินพึงประเมินที่ต้องชำระภาษีเงินเพิ่มตามมาตรา 40 (4) (ช) และ (8) แห่งประมวล รัษฎากร ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงผลประโยชน์ การซื้อขาย โอนหุ้นในแบบแสดงภาษีว่าเป็นเงินรายได้ จนกว่าโจทก์จะได้ขายหุ้นนั้นและได้รับผลประโยชน์ที่มีมูลค่าเกินกว่าการลงทุน ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 40 (4) (ช) ซึ่งต่อมากรมสรรพากรได้ส่งคืนเช็คเงินที่โจทก์ชำระไปแล้ว 19,483.96 บาท แต่โจทก์เห็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การพิจารณาประเมินภาษีโดยคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์ต้องชำระเงินภาษีเพิ่ม จำนวน 21,350 บาท ถือเป็นที่สุด ดังนั้น จำเลยหรือเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลการวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฝ่ายบริหารที่ถือเป็นที่สุดแล้วให้เป็นอย่างอื่นได้อีก การที่จำเลยมีหนังสือคืนเช็คพร้อมส่งเช็คคืนเงินภาษีให้แก่โจทก์จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาให้จำเลยรับคืนเช็ค ลงวันที่ 31 ก.ค.48 จากโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ และค่าทนายความแทนโจทก์ จำนวน 2,000 บาท หลังศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นคดีแรกที่ศาลชี้ขาดข้อสงสัย เป็นข้อถกเถียงเรื่องการเก็บภาษีหุ้น ต่อไปคำพิพากษาของศาลภาษีอากรนี้จะทำให้เจ้าพนักงานประเมินของกรมสรรพากรมีความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการประเมินภาษีรายได้ในการรับโอน ซื้อ-ขายหุ้น และคำชี้ขาดน่าจะนำไปเทียบเคียงได้กับการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชินวัตรได้ จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 07:43:40 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็นที่ 11 "บางเรื่องเราเลือกฟังแต่ส่วนที่เราอยากได้ยินนะครับก็เลยจำกันผิด" ผมว่าคุณเองนะครับ ที่เลือกฟังมาว่าคนเสื้อแดงเอาแต่เสฟสื่อด้านเดียว ซึ่งผมว่านั่นส่วนน้อย ประเด็นนี้ทั้งในราชดำเนินหรือห้องสินธร เขาคุยกันไปเยอะ ผมก็เคยไปตามอ่าน แต่ผมก็ไม่เคยเล่นหุ้น คงไม่มีอะไรมาคุยได้แม่นๆ แต่เคยอ่านมาว่า คตส ไปเอาผิดกับลูกทักษิณ ไม่ใช่คุณทักษิณ ที่ว่า ส่วนต่างของราคาซื้อมา(ชินขายให้แอมเพิมริช)กับราคาที่ขายไป ส่วนต่างนี้ต้องเสียภาษี กระทู้นี้ยาวแน่ๆ แต่คุณก็อย่าถอยนะครับ ผมจะรออ่านจนจบ จากคุณ : วิดวะอิเลก เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 07:46:40 A:58.64.51.62 X:

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ Jampoon อย่ามามั่วนิ่มทำนอง กล่าวหาว่าผมหลบเลี่ยงความถูกต้องหรือสมคบร้านโชห่วยเลย การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกรมสรรพากรเขามีกำหนดครับว่ายอดขายต้องเกิน 1,800,000 บาทต่อปีถึงต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.20) คุณรู้เรื่องมั่งรึเปล่า  ร้านข้าวแกงปากซอย  หรือร้านค้าท้ายซอยก็เลยไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  ไม่มีใบเสร็จก็ไม่ผิดกฎหมาย เป็นอะไรไปกันเยอะแยะเนี่ย  เอาเรื่องใบเสร็จร้านค้าปลีกไปเทียบกับทักษิณเลี่ยงภาษี 20,000 ล้าน ช่วยกันแถไปเพื่ออะไร ? งง ? จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 07:56:13 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 25 เฮอออออออออออออออออออ ลดหย่อนแบบถูกกฏหมาย กับ ผิดกฏหมาย จขกท แยก ไม่ออก หรือครับ อ้อ ใครๆ ก็ทำ แล้วไงครับ ถ้าผม จอดรถในที่ห้าม จอด แล้วตำรวจมาเขียน ใบสั่ง ผม ก็ ตอบว่า ใครๆ ก็ จอด พูดแบบนี้ ตำรวจ จะไม่ให้ใบสั่งผมหรือ ใครๆก็ทำ แต่ถ้าถูกจับได้ ก็ต้องรับโทษครับ จากคุณ : โล่ห์แห่งน้ำ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 07:56:51 A:202.139.223.18 X:

ความคิดเห็นที่ 26 โห...โดนยำเละเลย   มีเหตุผลทั้งคู่  แต่ผมว่าคำว่าเลี่ยงภาษีแบบที่ไม่ผิดเนี่ยะคุณสุวรรณเค้าแนะก็ถูก  คือมันเป็นกฏหมายที่เอาไว้เล่นงานนักการเมืองมากกว่า  ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงไม่มีอะไร   แล้วมันผิดปรกติตรงที่เค้าเลี่ยงภาษีส่วนนึง  แต่ไปยึดเค้าทั้งหมดนี่แย่จริงๆ  สมมุติว่าคุณมีบ้านราคา 5 ล้าน  เอาไปจำนอง 3 ล้าน  เวลายึดเค้าก็ให้ขายทอดตลาดแล้วเอาเงินที่ได้มาใช้หนี้  ส่วนต่างก็คืนเจ้าของบ้าน  แต่นี่เล่นไปยึดเค้าทั้งหมดเลย  เป็นการกระทำที่เกิดจากความเกลียดชังและความโลภอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่นมากกว่า  ถ้าใครไม่โดนไม่รู้สึกหลอก  ได้แต่หลอกตัวเองว่าผมก็คงยอมจ่ายยอมให้ยึด จากคุณ : PTKNC เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 07:59:38 A:58.9.191.63 X:

ความคิดเห็นที่ 27 ดีจังคุณตือยังไม่ถอย ยอมรับว่าผมก๊อปมาแปะครับ รบกวนช่วยอธิบายหน่อย 1.การที่นายพานทองแท้และพิณทองทา ยังไม่ยอมเสียภาษี เพราะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าไม่ต้องเสียภาษีจากหนังสือของกรมสรรพากร 2.เรื่องภาษีส่วนต่าง ธุรกรรมนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศไม่เสียภาษีหรอกครับ จากคุณ : วิดวะอิเลก เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:06:58 A:58.64.51.62 X:

ความคิดเห็นที่ 28 #24 ดิฉันไม่รู้กฎหมายที่คุณว่านะคะ  จะขอศึกษาก่อน ถ้าผิดก็ต้องขอโทษ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Jampoon เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:09:10 A:125.27.207.44 X:

ความคิดเห็นที่ 29 ผมไม่พิมพ์ว่าเป็นลูกทักษิณนะครับ คุณวิดวะอิเลก ผมจะพูดถึงทักษิณเท่านั้น แต่เค้าจะใช้ชื่อใครขายผมไม่สน  ผมไม่ต้องการไปกล่าวหาครอบครัวเขา  เขาผิดเขาก็ผิดไม่เกี่ยวกับครอบครัว แต่ภาษีในส่วนนี้ต้องเสียจริงๆ  ทว่าไม่มีใครมาบ้าอธิบายเหมือนผม ทว่าที่จริงคนรู้ว่าต้องเสียกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ที่ คตส. เขาบอกว่าต้องเสียเพราะมีส่วนต่างของราคาเพราะ คตส. เขาไม่ได้เล่นหุ้นเขาสื่อไม่เป็น แต่เขาก็สื่อได้ไม่ผิด  เพราะได้มานอกตลาดต่ำกว่าราคาในตลาดจริงๆ แต่พอสื่อแบบนี้คนที่แกล้งงงก็เลยบอกว่า  อ้าว ซื้อหุ้นกำไรไม่ต้องเสียภาษีนี่นา  ใครๆก็ซื้อหุ้นกันเยอะแยะ นี่ไงครับคนไม่รู้เรื่องแล้วไม่หาข้อมูลถึงได้เชื่อตามๆกันไป ความจริงต้องดูการได้มาของหุ้นครับว่าซื้อจากในตลาดหรือเปล่า  ถ้าได้มาจากนอกตลาดในราคาที่มีส่วนต่างจากตลาด  หากขายมีเงินได้ก็ต้องเสียภาษีทั้งใน ไม่ว่าจะในหรือนอกตลาดด้วยซ้ำ  มันเป็นเงินได้ล่ะเสียหมด   ยกเว้นคุณซื้อ-ขาย หุ้นตัวนั้นในตลาดหลักทรัพย์จึงไม่ต้องเสีย (เพราะกรมสรรพากรยกเว้นภาษีีให้สำหรับผู้ลงทุน) แต่ถ้าเป็น นิติบุคคลถึงจะไม่หัก ณ ที่จ่ายก็ต้องเสียภาษีเงินได้เช่นเดียวกัน (แม้นจะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม) ขอชี้แจงเพียงเท่านี้ครับ จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:13:36 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 30 1.การที่นายพานทองแท้และพิณทองทา ยังไม่ยอมเสียภาษี เพราะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าไม่ต้องเสียภาษีจากหนังสือของกรมสรรพากร ******************************************* แต่ ตอนนี้ รู้แล้วว่า ทำไม่ได้ ก็ ต้อง จ่ายคืนไงครับ จากคุณ : โล่ห์แห่งน้ำ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:13:47 A:202.139.223.18 X:

ความคิดเห็นที่ 31 ขอถามคุณตอ... ว่าของขวัญที่คุณได้รับมานะ คุณเสียภาษีป่าว...... http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O8665217/O8665217.html จากคุณ : เรือนแก้ว เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:15:50 A:124.121.110.169 X:

ความคิดเห็นที่ 32 จขกท ตั้งใจ หาความชอบธรรมให้ ทักษิณ กลายเป็น ทำให้ ทักษิณ โดนแฉ หนักขึ้นอีก จากคุณ : โล่ห์แห่งน้ำ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:22:42 A:202.139.223.18 X:

ความคิดเห็นที่ 33 ตือครับ คุณแกล้งโง่ ได้สะใจ ผมมาก อย่าบ้า เอา i เรืองไกร เคสที่รวมหัวกันเต้า เพื่อมาเทียบเคียงเลย มันทุเรศ ผมขายหุ้นให้เจ็ดหมื่นล้าน ผมก็ไม่ยอมเสียสักบาทครับ ถ้าคุณบอกผมให้หุ้นลูกผมบาทนึง มันมีกำไร ต้องเสียภาษี แล้วถ้าผมให้มัน ร้อยนึง ให้มันไปขายขาดทุน 49 บาท มันเอาที่ขาดทันไปชดเชยภาษีได้ไหม พิลึกฉิบ กล่าวหาเขาว่าเลี่ยงภาษีซื้อขาย แต่ตอนจะเล่นเขา ใช้ข้อว่าเป็นภาษีรายได้( ทั้งที่คนได้ก็ไม่ใช่ลูกจ้างพ่อตัวเองสักหน่อย) จะเพราะอะไร ก็เพราะภาษีที่ต้องจ่ายจากกำไร มันไม่เคยมี คอตอสวย....มันเลยต้องแถ เอาข้อกฏหมายอื่นมาเล่น แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 08:53:25 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 08:40:25 จากคุณ : ชนะมาร เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:39:19 A:125.27.33.153 X:

ความคิดเห็นที่ 34 ใกล้จะถอยแล้วครับผมเบื่อที่จะต้องมาอธิบายอะไรซ้ำๆ จบกระทู้นี้ไปเดี๋ยวอีกวันสองวันก็พูดขึ้นมาอีกว่าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่เสียภาษีนะครับ คนพูดก็ช่างไม่ได้คิดเลยว่าทำไมเราลงทุนผ่านกองทุนแล้วต้องเสียภาษีเงินได้ผ่านกองทุน (ซึ่งเรานำไปเครดิตภาษีได้   หรือแม้นแต่เรารับเงินปันผลจากหุ้น  เค้าจะหักภาษีไปส่วนนี้เราก็ใช้เครดิตภาษีได้) ส่วนที่คุณวิดวะอิเลก ได้ยินมาผมขอแลกเปลี่ยน คห. เท่าที่ทราบดังนี้ 1.การที่นายพานทองแท้และพิณทองทา ยังไม่ยอมเสียภาษี เพราะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าไม่ต้องเสียภาษีจากหนังสือของกรมสรรพากร - เป็นไปได้  แต่ทักษิณต้องรู้ว่านายวราเทพ  คนของตัวเองสั่งให้กรมสรรพากรคืนภาษีคุณเรืองไกร เรื่องนี้มันผิดปรกติมากจุดชนวนให้คนออกไปชุมนุมไล่ทักษิณกันมากมาย ถึงขนาดที่ทักษิณต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ทั้งที่เพิ่งเลือกตั้งกันไปได้ปีเดียว  และเป็นเรื่องส่วนตัวของทักษิณไม่ใช่ความผิดของสภาฯ และหลังจากศาลภาษีอากรวินิฉัยคดีของคุณเรืองไกร ราวๆปลายปี 49 แล้ว (ซึ่งถ้าอ้างว่าเชื่อหนังสือของกรมสรรพากร   ศาลภาษีอากรวินิฉัยออกมาอย่างไรยิ่งต้องเชื่อนะครับเพราะกรมสรรพากรต้องทำตาม ) ทว่าเมื่อถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2550 ทั้งสอง ไม่ได้นำเงินที่ได้มาชำระภาษีเงินได้ฯภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดครับ จึงเป็นความผิด 2.เรื่องภาษีส่วนต่าง ธุรกรรมนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศไม่เสียภาษีหรอกครับ ขายในประเทศไทยครับ เงินได้เกิดขึ้นในประเทศไทยและผู้มีเงินได้มีคุณสมบัติที่ต้องเสียภาษีทุกประการ (ถ้าซุกไว้ต่างประเทศไม่มีใครรู้เห็นตั้งหลายปีที่เอมเพิลริช  ตรวจสอบก็ไม่ได้  ขณะนั้นก็ไม่เสียภาษีครับ ) จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:39:31 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 35 คุณเรือนแก้วของขวัญที่ผมได้รับมาเสียภาษี ณ ที่จ่ายเลยครับ ได้กัน 12 คน  เสียภาษี 800 บาทเศษกันทุกคนครับมีใบเสร็จครบ ถ้าชอบถ่ายภาพเชิญแวะห้องกล้อง 1000ทิปครับ พี่มังกรดำเสื้อแดงไซส์โตๆก็เล่นอยู่ห้องนั้นนะแต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:45:53 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 36 คุณชนะมาร คห.33 ครับคุณหยาบคายนะ  ผมไม่คุยกับคุณ ขออภัยที่ไม่สนอง จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:47:28 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 37 http://sanpaworn.vissaventure.com/shin-corp-deal แดจาวู รอบที่ 108!!! อย่าว่าแต่คุณตือ เลยนะ ที่ขี้เกียจอธิบาย เรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ผมก็คือกันนั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 08:49:59 จากคุณ : Caesar. เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:47:43 A:124.120.15.136 X:

ความคิดเห็นที่ 38 หยาบคาย หรือไม่มีปัญญาตอบ จากคุณ : ชนะมาร เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:50:03 A:125.27.33.153 X:

ความคิดเห็นที่ 39 ผมขายหุ้นให้เจ็ดหมื่นล้าน ผมก็ไม่ยอมเสียสักบาทครับ ถ้าคุณบอกผมให้หุ้นลูกผมบาทนึง มันมีกำไร ต้องเสียภาษี แล้วถ้าผมให้มัน ร้อยนึง ให้มันไปขายขาดทุน 49 บาท มันเอาไปชดเชยภาษีได้ไหมวะ *********************************************** พูด ไม่รู้เรื่อง เขาก็บอกแล้วไงว่า ซื้อ ขาย นอกตลาดหุ้น มันต้องจ่าย ซื้อขายใน ตลาด มันจะขาย หุ้นละ 1 บาท หรือเปล่า เฮออออออออออออออออออออออออออออ จะดันทุรังถึงไหน หยาบคายด้วย จากคุณ : โล่ห์แห่งน้ำ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:58:50 A:202.139.223.18 X:

ความคิดเห็นที่ 40 คห.37 ครับ นั่นบทความอุ้มทักษิณ การเก็บภาษีของสรรพากรก่อนหน้านั้นคือของจริงครับ ความพยายามคืนภาษีเงินได้ให้คุณเรืองไกร  ของกรมสรรพากรคือของจริงครับ สุดท้ายมีคำสั่งศาลภาษีอากร  ให้ต้องเก็บภาษีเงินได้ในนกรณีนี้นั่นคือของจริงสุดๆครับ ! บทความโปรปากานดาจะทำขึ้นมาเข้าข้างฝ่ายไหนก็ทำได้ครับ  เด็ก ม.ต้นก็ทำเป็นแล้ว แต่มันเลื่อนลอยครับอ้างโน่นอ้างนี้ไปเรื่อย  ข้อมูลทางเดียว จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:02:05 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 41 สมองช้า ยังจับประเด็นผมไม่ได้ใช่ไหม เอาๆ งั้นอีกที ถ้าข้อกฏหมายมันชัดเจนว่าทำไม่ได้ ทักษิณยอมเสียค่าโบรค ขายให้ลูกใกล้เคียงหรือมากกว่าที่ขายให้เทมาเส็ก จะเล่นภาษีลูกเขายังไงดี??? แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 09:07:01 จากคุณ : ชนะมาร เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:02:11 A:125.27.33.153 X:

ความคิดเห็นที่ 42 คคห 34 เพิ่งรู้ครับว่า ธุรกรรม ที่ ชินคอร์ปโอนหุ้นให้แอมเพิลริช เกิดในประเทศไทย แต่ก็ยัง งงๆ เพราะไม่รู้เรื่องหุ้นเท่าไร รบกวนถามต่อครับ แล้วถ้าแอมเพิลริชขายให้เทมาเสค เลยที่ต่างประเทศ ไม่ต้องมาขายที่ตลาดไทย หรืออีกกรณีว่า ชินคอร์ปขายให้แอมเพิลริชในราคาตลาดไม่ใช่ต่ำกว่าตลาด (พอทักษิณได้ตัง ค่อยเอาตังไปให้ลูกอีกที) คล้ายแบบที่ คคห 33 เทียบเคียงไว้ 2แบบ ข้างบนนี้  โอ๊ค เอม ต้องเสียภาษีไหมครับ จากคุณ : วิดวะอิเลก เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:03:14 A:58.64.51.62 X:

ความคิดเห็นที่ 43 #40 นายเรืองไกร สว. ลากตั้งนะเหรอคุณตือ อยากเสียภาษีใจจะขาด ถึงกับฟ้องกรมสรรพากรนะเหรอ อยากจะขำตาย มันก็แค่ละครฉากนึง ทุนสร้างแค่ไม่กี่หมื่น แต่สามารถเอามาโจมตีทักษิณได้ ผมว่าคุ้มมาก ๆ เลยนะคุณตอฯ แต่ผมคิดว่ามันไม่ make sense อ่ะนะ ฟ้องสรรพากรเพราะอยากเสียภาษี ผมว่ามีที่เดียวในโลกอ่ะ เอิ้ก ๆ ๆ บทความตาม link นั้น เป็นบทความอุ้มทักษิณ ? แล้วคุณตอบโต้ด้วยข้อมูล เหตุผล กฎหมาย ต่อ บทความที่คุณอ้างว่าเป็น propaganda บทความนี้ได้หรือไม่ ? แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 09:14:16 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 09:12:21 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 09:10:49 จากคุณ : Caesar. เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:09:34 A:124.120.15.136 X:

ความคิดเห็นที่ 44 มีข้อสังเกตุ ดังนี้ครับ 1. หัวหน้าสรรพกร ย้ายเข้ามาใหม่ ทีไร กระเช้าของขวัญ จากบรรดาเถ้าแก่ทั้งหลายแหล่ ในเขตพื้นที่สรรพากรนั้นๆ เต็มบ้านไปหมด.....มันสื่ออะไร ?? เดือนแรก ก่อนเข้าทำงานจริง อาหารมื้อเที่ยง มื้อเย็น ท่านสรรพากรไม่ต้องกังวล มีอาเสี่ย มีเถ้าแก่ อาม่า รับเป็นเจ้าภาพให้ อย่างอิ่มหมีพีมัน.....มันสื่ออะไร ?? 2. ต้นปี ก่อนยื่นแบบ  เจ้านายทั้งหลาย สั่งลูกน้องให้ไปขอใบอนุโมทนาจากวัดดังๆ คนละ 3-4 ใบ ทั้งๆที่ ทั้งปีทั้งชาติ เจ้านายที่ว่า แทบจะไม่เคยเข้าวัดเลย พวกเขา ขอใบอนุโมทนา......ทำหอกไร ?? จากคุณ : sba (sba) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:19:54 A:61.7.131.53 X:

ความคิดเห็นที่ 45 ตอสระอือ ขาดเจตนาฉลาดอย่างแรง เคยเล่นหุ้นไหมครับ เท่าที่อ่านๆมาไปจำเค้ามานะครับ ลองไปหัดเล่นก่อนนะครับ แนะนำ rs1 ก็ดีนะครับ จากคุณ : ลุงเอเจ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:23:02 A:124.157.191.45 X:

ความคิดเห็นที่ 46 ในเมื่กฎหมายเกี่ยวกับไอ้ขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี  แล้วจะให้เสียได้ไงล่ะครับพี่น้องง จากคุณ : toppy199 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:28:47 A:10.218.229.142 X:202.149.25.201

ความคิดเห็นที่ 47 - เพิ่งรู้ครับว่า ธุรกรรม ที่ ชินคอร์ปโอนหุ้นให้แอมเพิลริช เกิดในประเทศไทย ตรงไหนครับที่ผมบอกว่าเกิดขึ้นในประเทศไทย ? ถ้าเบี่ยงประเด็นแบบไม่มีข้อเท็จจริงผมไม่คุยด้วยแล้วนะครับ - แล้วถ้าแอมเพิลริชขายให้เทมาเสค เลยที่ต่างประเทศ ไม่ต้องมาขายที่ตลาดไทย ก็ไม่ต้องเสียภาษีครับ เช่น ถ้าไปขายตลาดหุ้นสิงคโปร์ก็ได้ครับไม่ต้องเสียภาษีให้ประเทศไทย แต่อาจต้องเสียภาษีภาษีที่สิงคโปร์หนักกว่าบ้านเราก็ได้ครับประเทศเขาก็มีกฎหมาย  เทมาเส็กเป็นกองทุนฯของรัฐบาลเขา ถ้าไปซื้อขายกันงุบงิบตามเกาะแก่งที่ไร้ที่มาที่ไปก็ไม่ได้ครับกฎหมายคอรัปชั่นที่สิงคโปร์แรงมาก นั่นเป็นที่มาให้ต้องเอาหุ้นจากเอมเพิ่ลริชกลับเข้ามาฟอกผ่านตลาดหลักทรัพย์บ้านเราครับ แล้วก็ทักษิณคิดว่าไม่ต้องเสียภาษีด้วย  ฝ่ายกฎหมายเขาพลาด - หรืออีกกรณีว่า ชินคอร์ปขายให้แอมเพิลริชในราคาตลาดไม่ใช่ต่ำกว่าตลาด (พอทักษิณได้ตัง ค่อยเอาตังไปให้ลูกอีกที) คล้ายแบบที่ คคห 33 เทียบเคียงไว้ 2แบบ ข้างบนนี้  โอ๊ค เอม ต้องเสียภาษีไหมครับ ถ้าลูกๆคุณทักษิณได้หุ้นมาในราคาที่ใกล้เคียงกับตลาดก็เสียภาษีน้อยมากหรืออาจไม่เสียภาษีเลยด้วยซ้ำครับถ้าเท่าทุน แต่ก็จะมีปัญหาเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นหลักฐานว่าซื้อขายกันราคานั้นจริงๆ เงิน 70,000 กว่าล้านบอกกันปากเปล่าไม่ได้หรอกครับ (กรณีลูกคุณทักษิณได้หุ้นมา  ไม่มีการโอนเงินนะครับ  กี่ร้อยล้านก็จำไม่ได้แล้วที่ซื้อจากแอมเพิลริช  หลักฐานมีแค่ใบกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นในครอบครัวกันเองหรือไงนี่แหละครับจำได้ไม่ชัด ) และผมไม่ตอบโต้กับบทความตัดแปะแบบ 100%นะครับ เพราะผมโต้กระทู้สดๆ  พวกเอาคำถามตัดแปะมาประเคนใส่ผมไม่สนใจครับผมถือว่าก๊อปความเชื่อกันมา คุณไม่ได้คิดจะพิจารณาเรื่องราวให้รอบด้านจริงๆผมจะไปแลกเปลี่ยนกับคุณทำไม ใครอยากเชื่ออะไรก็เชื่อไปสิครับผมไม่ได้ห้าม แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ผมเชื่อมีเหตุและผลรองรับ คุณถามอะไร  ถ้าผมรู้ผมตอบให้ได้ แต่พอผมถามกลับ  อึ้ง  ครับ  แทบไม่เคยมีคำตอบ จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:32:02 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 48 เอา... อย่างนี้ก็ได้ครับ กระทู้นี้เริ่มเบี่ยงเบนไปไกลแล้ว เป็นธรรมชาติหรือไงกันนะประเด็นกระทู้มันจะค่อยๆเบี่ยงเบนไปเรื่อยๆ 555 กลายเป็นผมเล่นหุ้นไม่เป็น  หัวหน้าสรรพากรได้ของขวัญเยอะอะไรไปโน่น ที่ผมนำเสนอเรื่องคุณเรืองไกร  ก็เกิดขึ้นปี 46 ก่อนกรณีทักษิณ การเรียกเก็บภาษีก็เกิดและชำระไปแล้วก็เกิดขึ้นในปี 47 ก่อนกรณีหุ้นทักษิณอีก จู่ๆปี 49 กรมสรรพากรจะไปคืนเงินเค้า  เค้าเป็นนักบัญชีเขาก็งงสิครับ แต่พอเห็นข่าวว่าจะคืนเพราะอะไรเขาก็ไม่รับคืนเท่านั้น เป็นผมก็ไม่รับ  รับไปเกิดใครคิดว่าไปมีส่วนร่วมในกระบวนกการนี้ด้วยเดี๋ยวก็ติดคุกฟรีๆเปล่าๆ ลำดับเวลาไปแล้วนะครับ  ใครยังอยากจะคิดว่าคุณเรืองไกรรู้อนาคตก่อน 2-3 ปีว่าทักษิณจะเลี่ยงภาษีหุ้นต่อก็ไม่ว่ากัน สำหรับกระทู้นี้ผมหมดประเด็นจะชี้แจงเหตุผลแล้วครับ เชิญพวกท่านตามสบาย แต่ที่ผมถามไปท่านตอบในใจตัวเองแล้วกันว่าถ้าท่านมีโอกาสแบบทักษิณท่านจะทำเหมือนเขาไหม ? คำตอบในใจท่านนั่นแหละครับคือความถูกหรือผิดที่ท่านเห็นจริงๆ  ไม่ต้องตอบผม  จงตอบตัวเอง จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:44:14 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 49 คุณตอเล่าเรื่องซะยาว แต่ก็ไม่ระบุวันเวลาการโอนการได้มา แล้วก็คิดเหมารวมเอง ซึ่งก็ผิดเยอะ ปล. ผมไม่ถามและไม่อธิบายนะ จากคุณ : เฉกตะวัน เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 09:57:23 A:118.172.83.241 X:

ความคิดเห็นที่ 50 ธุรกรรม ที่ ชินคอร์ปโอนหุ้นให้แอมเพิลริช ก็คือเกิดคำว่า "ส่วนต่าง" ไม่ใช่เหรอ เพราะซื้อขายกันหุ้นละ 1บาทต่ำกว่าราคาตลาด คคห 34 ของคุณตือ ได้ตอบผมมา ตามที่ผมยกมาข้างล่าง 2.เรื่องภาษีส่วนต่าง ธุรกรรมนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศไม่เสียภาษีหรอกครับ ขายในประเทศไทยครับ เงินได้เกิดขึ้นในประเทศไทยและผู้มีเงินได้มีคุณสมบัติที่ต้องเสียภาษีทุกประการ (ถ้าซุกไว้ต่างประเทศไม่มีใครรู้เห็นตั้งหลายปีที่เอมเพิลริช  ตรวจสอบก็ไม่ได้  ขณะนั้นก็ไม่เสียภาษีครับ ) จากคุณ : ตอสระอือ     เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:39:31 A:58.9.216.239 X:     ************************** คุณบอกมาเองว่าขายในประเทศไทย แต่ธุรกรรมที่ขายให้เทมาเสคน่ะเกิดที่ไทย ใครก็รู้อยู่แล้ว แล้วอยู่ๆคุณตือมาว่าผมเบี่ยงประเด็น มันยังไงหนอ  ถ้าอธิบายไม่ได้ ผมก็ไม่อยากคุยด้วยเหมือนกัน จากคุณ : วิดวะอิเลก เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:03:56 A:58.64.51.62 X:

ความคิดเห็นที่ 51 สุดยอดครับคุณ ตอสระอือ ที่ตอบทุกประเด็น อย่าเพิ่งเบื่อครับไม่ต้องไปสนใจพวกแถที่ไม่เอาเหตุผลมาหักล้างกัน คิดอะไรไม่ออกบอกว่าคนอื่นโง่ ผมก็เล่นหุ้น ผมซื้อมาจากตลาดหลักทรัพย์แล้วขายในตลาดผมไม่ต้องเสียภาษีครับ วันก่อนผมซื้อหุ้น ปตท (PTT) มาราคา 241 บาทต่อหุ้นถ้าขายเมื่อวานราคา 246 ผมได้กำไร 5 บาทต่อหุ้นผมไม่ต้องเสียภาษีครับเพราะผมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้ามีคนโอนหุ้น PTT ให้ผมในราคาพาร์ 10 บาทต่อหุ้นแล้วผมเอาไปขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวานผมจะได้กำไร 236 บาทต่อหุ้น แล้วอย่างนี้ผมต้องเอารายได้ส่วนนี้มาเสียภาษีเงินได้ประจำปีหรือเปล่าลองคิดดูครับ จากคุณ : Mrkokkoo เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:27:58 A:125.24.211.25 X:

ความคิดเห็นที่ 52 นิดเดียวครับจะไม่กลับมากระทู้นี้อีกแล้ว ผมยังคิดว่าคุณวิดวะอิเลก อาจจะพอคุยรู้เรื่องอยู่เลยขอขยายความ ธุรกรรม ที่ ชินคอร์ปโอนหุ้นให้แอมเพิลริช ก็คือเกิดคำว่า "ส่วนต่าง" ไม่ใช่เหรอ เพราะซื้อขายกันหุ้นละ 1บาทต่ำกว่าราคาตลาด - ธุรกรรม ที่ ชินคอร์ปโอนหุ้นให้แอมเพิลริช มีที่ไหนครับ ตรงนี้คุณเอามาจากไหนอยู่ๆก็โผล่มา ชินคอรปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์บ้านเราไม่ได้ไปทำอะไรกับแอมเพิลริชทั้งสิ้น มีแต่คนที่ถือหุ้นชินคอรปมากๆนั่นแหละครับที่อาจไปทำ แล้วก็ตรวจสอบอะไรแอมเพิลริชไม่ได้ด้วยเพราะมันอยู่บนเกาะบริทิชเวอร์ยิ่น  ใครจะไปเก็บภาษีได้  ธุรกรรมในส่วนนั้นถือว่ามืดมนไม่มีใครรู้ มีแต่ที่คุณสุวรรณพูดเองเออเองตรวจสอบไม่ได้บอกว่าเป็นของทักษิณก่อนเป็นายกฯแล้วโอนให้ลูก แต่เมื่อมันไปอยู่ที่ตรวจสอบไม่ได้แล้วจะไปเอามาโยงทำไมครับ   คุณมีหลักฐานอะไรหรือ ?  หรือถ้ามีหลักฐานว่าเอมเพิลริชเป็นของทักษิณมาตลอดทีนี้แหละโดนอีกคดีนึงเลย ที่ว่าส่วนต่างจาก 1 บาทกับ 49.25 บาทนี่มันตอนที่ลูกเขารับหุ้นมาขายให้เทมาเสกครับ เขาบอกว่าซื้อหุ้นจากแอมเพิลริชมา 1 บาท  เขาแจ้งกับ ก.ล.ต. เองเลยครับว่าซื้อมาคนละ 164.6 ล้านหุ้น มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับชินคอร์ป-แอมเพิลริชเลย คคห 34 ของคุณตือ ได้ตอบผมมา ตามที่ผมยกมาข้างล่าง - ตอบตามนั้นแหละครับกลับไปอ่านที่คุณถามมาใน คห. ที่ 27 ดูมีตรงไหนที่คุณบอกว่า ชินคอรป-แอมเพิลริช ถ้าจะเบี่ยงว่าลูกๆคุณทักษินได้หุ้นมาจากต่างประเทศไม่ต้องเสียภาษีผมก็บอกว่าขายในประเทศไทยไงครับ อ่านดูใหม่ ส่วนเรื่องข้อมูลตรงนั้นคุณรู้หรือไม่รู้  ผมจะไปรู้หรือ ก็ที่คุณถามมามันเหมือนคนไม่รู้เรื่องจริงๆนี่นา ถามมาเฉยว่าธุรกรรมเกิดในต่างประเทศไม่ต้องเสียภาษี ทั้งที่หุ้นมันก็ขายกันในตลาดบ้านเราชัดๆ อธิบายได้อยู่แล้วครับแต่ต้องไม่เบี่ยงประเด็นว่าผมไปพิมพ์อะไรที่ผมไม่ได้พิมพ์ จบแค่นี้แหละครับถ้าสงสัยอะไรให้ย้อนกลับขึ้นไปอ่านใหม่ช้าๆครับไม่ต้องรีบ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 10:57:48 จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:39:13 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้าทุกคิดจะเลี้ยงกันหมด ลองคิดดูว่าประเทศไทยจะเป็นไง ผมว่าใครหาได้มากก็ช่วยชาติให้มากแล้วกันครับ หาลดหย่อนเอาดีกว่าครับ ถึงจะไม่ได้กลับมาหาเรามากนัก แต่ถือว่าช่วยๆคนไทยด้วยกันเถอะครับ จากคุณ : neetnoskub เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:42:58 A:unknown X:202.69.141.190

ความคิดเห็นที่ 54 ผมว่าอยู่ที่ อุดมคติของแต่ละน่ะครับ ผมยกประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง ในวัยเด็ก ผมตัวสูงที่สุดในตระกูล ใครต่อใครต่างสนับสนุนให้เล่น บาสเกตบอล โดยมี อาเป็นคนสอนให้ครับ - อาผมตัวเล็ก แต่เล่นบาสเก่งมาก เป็นนักกีฬาของการไฟฟ้า ผมตามไปเชียร์ทุกนัด อยู่มาวันหนึ่ง เราไปดู ฮาเร็มโกลปแทกเตอร์ ด้วยกัน มีนักบาสฝรั่งตัวเล็ก เวลามันกระโดดชู๊ต จะพยายามแอ่นก้น โด่ง ๆ เพื่อผลักหน้าคนที่พยายามบล็อค - ผมถาม อาว่า ทำไมเขาต้องเล่นโกงด้วย อาผมบอกว่า มันเป็น แทคติก ตั้งแต่นั้นมา อาผมเวลาชู๊ต ก็จำท่าแทคติก นั่นมาใช้ นั่นคือเหตุผล ที่ผมเลิก สนใจบาสเกตบอล - โตมา เจอ แฮนด์ ออฟ ก็อด ของ มาราโดนา  เจอนักบอลพรีเมลีค มันพุ่งล้ม หน้าประตู เพื่อเรียกจุดโทษ แล้วบอกว่า มันเป็นแทคติก - ครั้นพอตั้งบริษัท มีกำไร นักบัญชี แนะนำให้ ตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาอีก เพื่อ แบ่งถอนรายได้ จะได้ไม่ต้องเสียภาษีเยอะ โดยบอกว่า มันเป็นแทคติก - ผมก็เลือก แนวคิดเดิมครับ นักบอลคนไหนนิยมพุ่งล้ม ก็ไม่ตามดูมัน นักบัญชีคนนั้น ผมก็เลิกจ้าง มันไม่ได้ทำให้ชีวิตผม ล้มจม แต่ผมกินอุดมคติครับ ส่วนคนอื่นจะไม่ทำ ก็เป็นสิทธิของเขาครับ เพราะเขา ตอบผมว่า มันเป็นแทกติก.........ทางใครทางมัน จากคุณ : จี.ไอ.จ๊อด เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:43:04 A:192.168.0.229 X:58.136.232.205

ความคิดเห็นที่ 55 ความคิดเห็นที่ 5     แล้วถ้าคุณขายหุ้นได้กว่า 70,000 ล้านคุณจะยอมจ่ายภาษีเงินได้ไหมครับ  ในเมื่อคนอื่นๆเขาก็จ่ายกัน ? ถามใจตัวเองแล้วตอบในใจนะครับไม่ต้องตอบผมหรอก ลึกๆผมเชื่อว่าเสื้อแดงหลายคนก็รู้ว่าทักษิณเป็นคนอย่างไร แต่คุณรักเขาก็เลยลดมาตรฐานของความไม่พอใจลงเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 03:20:49 จากคุณ : ตอสระอือ   -------- He ALWAYS answer or share STUPID openions ... จากคุณ : blue_moon เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 10:57:39 A:115.67.107.153 X:

ความคิดเห็นที่ 56 rep 52 แอมเพิลริช เป็นของ ทักษิณ ครับ แล้วก็เป็นของ ทักษิณ มานานมากแล้วก่อนจะเป็นนายก ภายหลังจึงโอนให้ โอ๊ค , เอม กลต. ก็รับทราบเรื่องนี้มานานแล้ว ที่ SH 063/2542 11 มิถุนายน 2542 เรื่อง ขอชี้แจงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ตามแบบ 246-2 ที่ผู้ถือหุ้นได้แจ้งให้สำนักงาน กลต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบแล้วนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อให้ทราบดังนี้ เดิม ใหม่ 1. นางพจมาน ชินวัตร 25.00% 25.00% 2. พ.ต.ท.ดร. คุณทักษิณ ชินวัตร 23.75% 11.88% 3. Ample Rich Investments Limited 0% 11.87% (ถือหุ้นโดย พ.ต.ท. คุณทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมด 100 %) 48.75% 48.75% การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือ พ.ต.ท. ดร. คุณทักษิณ ชินวัตร ได้โอนหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 11.87% ให้กับ Ample Rich Investments Limited ซึ่งผู้ถือหุ้นถือเป็นบุคคลเดียวกันกับเจ้าของเดิม แสดงให้เห็นว่ามิได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด จึงทำให้การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นดังกล่าวไม่มีผลต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นทั้งทางด้านส่วนตัวและบริษัทฯ โดยเฉพาะในส่วนของการบริหารงานบริษัท โดยเฉพาะในส่วนของการบริหารงานบริษัทฯ ยังคงเป็นเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม เพื่อชี้แจงให้เห็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ว่า เป็นการเตรียมการเพื่อสนับสนุนการที่บริษัทฯ มีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินทุนจากต่างประเทศ ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาขยายการลงทุนด้านโทรคมนาคมในประเทศไทย ตามที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2542 ตามหนังสือเลขที่ SH 61/2542 แล้วนั้น เพื่อให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินทุนจากต่างประเทศดังกล่าว บริษัทฯ มีความจำเป็นที่ต้องสำรองหุ้นบางส่วนจากผู้ถือหุ้นปัจจุบันทั้งรายใหญ่และรายย่อย เพื่อทดสอบความสำเร็จและสภาพคล่องของ ADR Level I ก่อนนำหุ้นที่เพิ่มทุนเข้าสู่ ADR Level III หรือจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายบุญคลี ปลั่งศิริ) กรรมการ บมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่นส์ ดังนั้นมันก็เลยเกิดคำถามว่า ถ้าคุณจะเก็บภาษี โอ๊ค , เอม ในขาโอนหุ้นกลับจริงๆ คุณไม่ต้องเก็บขาไปคือ จาก ทักษิณ ไป แอมพ์ ด้วยเหรอ ? เพราะนี่มันก็คือ การทำแบบเดียวกัน อย่ามาอ้างว่าตอนนั้นมันก่อนที่ ทักษิณ จะเป็นนายกนะครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:01:44 A:124.120.18.169 X:

ความคิดเห็นที่ 57 คุณตือ อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ คนที่เขาเก่งๆเริ่มทะยอยมากันแล้ว ผมไม่เคยเล่นหุ้น จะรออ่านให้จบ จากคุณ : วิดวะอิเลก เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:08:39 A:58.64.51.62 X:

ความคิดเห็นที่ 58 ตอสระอือ มั่วตลอด ในเมื่อจะอ้างลำดับเหตุการณ์ก็ลองสังเกตจากคำพิพากษา "คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2546 ซึ่งในการชำระโจทก์ยื่นสำเนาสัญญาการโอนหุ้นที่โจทก์รับหุ้นจากบิดา อันเป็นการซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมาเจ้าพนักงานของจำเลย ประเมินแล้วพบว่าโจทก์คำนวณเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง จึงประเมินให้โจทก์ต้องชำระภาษีรายได้และเงินเพิ่มอีก 21,350 บาท โดยโจทก์ชำระแล้ววันที่ 18 มิ.ย.47 พร้อมกับยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพิกถอนการประเมินและให้งด หรือลดเงินเพิ่ม ว่าการเรียกเก็บเงินเพิ่มนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งคณะกรรมการอุทธรณ์ ฯ พิจารณาแล้วให้ยกคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ ซึ่งต่อมาโจทก์ยอมรับในการพิจารณาอุทธรณ์และการเรียกเก็บเงินเพิ่มดังกล่าว ต่อมานายสุเทพ พงษ์พิทักษ์ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพ ฯ 3 กลับมีหนังสือถึงโจทก์ระบุว่า ประโยชน์จากการโอนหุ้นที่โจทก์แสดงไว้ในรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ไม่ถือเป็นเงินพึงประเมินที่ต้องชำระภาษีเงินเพิ่มตามมาตรา 40 (4) (ช) และ (8) แห่งประมวล รัษฎากร ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงผลประโยชน์ การซื้อขาย โอนหุ้นในแบบแสดงภาษีว่าเป็นเงินรายได้ จนกว่าโจทก์จะได้ขายหุ้นนั้นและได้รับผลประโยชน์ที่มีมูลค่าเกินกว่าการลง ทุน ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 40 (4) (ช) ซึ่งต่อมากรมสรรพากรได้ส่งคืนเช็คเงินที่โจทก์ชำระไปแล้ว 19,483.96 บาท แต่โจทก์เห็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็น ว่า การพิจารณาประเมินภาษีโดยคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์ต้องชำระเงิน ภาษีเพิ่ม จำนวน 21,350 บาท ถือเป็นที่สุด ดังนั้น จำเลยหรือเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลการวินิจฉัย อุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฝ่ายบริหารที่ถือเป็นที่สุดแล้วให้เป็น อย่างอื่นได้อีก การที่จำเลยมีหนังสือคืนเช็คพร้อมส่งเช็คคืนเงินภาษีให้แก่โจทก์จึงเป็นการ กระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาให้จำเลยรับคืนเช็ค ลงวันที่ 31 ก.ค.48 จากโจทก์" 1. ทำไมตอสระอือถึงได้มั่วข้อมูลอย่างนี้ "ที่ผมนำเสนอเรื่องคุณเรืองไกร  ก็เกิดขึ้นปี 46 ก่อนกรณีทักษิณ การเรียกเก็บภาษีก็เกิดและชำระไปแล้วก็เกิดขึ้นในปี 47 ก่อนกรณีหุ้นทักษิณอีก จู่ๆปี 49 กรมสรรพากรจะไปคืนเงินเค้า  เค้าเป็นนักบัญชีเขาก็งงสิครับ" แต่จากคำพิพากษาบอกว่าโจทก์ชำระแล้ววันที่ 18 มิ.ย.47 และพิพากษาให้จำเลยรับคืนเช็ค ลงวันที่ 31 ก.ค.48 จากโจทก์ แปลว่า ประโยคที่ว่าจู่ๆปี 49 กรมสรรพากรจะไปคืนเงินเค้าตรงนี้ของตอสระอือก็มั่วล่ะสิ 2. และที่ตอสระอือบอกว่า "ลำดับเวลาไปแล้วนะครับ  ใครยังอยากจะคิดว่าคุณเรืองไกรรู้อนาคตก่อน 2-3 ปีว่าทักษิณจะเลี่ยงภาษีหุ้นต่อก็ไม่ว่ากัน" ในทำนองเดียวกัน  ใครยังอยากจะคิดว่าสรรพากรรู้อนาคตก่อน 2-3 ปีว่าทักษิณจะมีคดีเลี่ยงภาษีหุ้นต่อก็ไม่ว่ากัน จริงมั้ย และในคำพิพากษาก็มีข้อความนี้ปรากฏอยู่ "ต่อมานายสุเทพ พงษ์พิทักษ์ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพ ฯ 3 กลับมีหนังสือถึงโจทก์ระบุว่า ประโยชน์จากการโอนหุ้นที่โจทก์แสดงไว้ในรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ไม่ถือเป็นเงินพึงประเมินที่ต้องชำระภาษีเงินเพิ่มตามมาตรา 40 (4) (ช) และ (8) แห่งประมวล รัษฎากร" สรรพากรคงไม่ได้ทำไปเพราะสรรพากรรู้อนาคตก่อน 2-3 ปีว่าทักษิณจะมีคดีเลี่ยงภาษีหุ้นหรอกนะ 3. "ใครอยากเชื่ออะไรก็เชื่อไปสิครับผมไม่ได้ห้าม แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ผมเชื่อมีเหตุและผลรองรับ คุณถามอะไร  ถ้าผมรู้ผมตอบให้ได้ แต่พอผมถามกลับ  อึ้ง  ครับ  แทบไม่เคยมีคำตอบ " แต่เท่าที่ติดตามผลงานของ ตอสระอือ มา ยังไม่เคยเห็นคำถามไหนที่เขาอึ้งกันซักที มีแต่ตอบแล้ว ตอสระอือ ก็เฉไฉไปอย่างอื่น รึไม่ก็หายเงียบไปทำเป็นมองไม่เห็น ซึ่งถ้าไม่ยกตัวอย่างก็จะหาว่าพูดลอยๆก็จะขอยกตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเองแล้วกัน http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8734079/P8734079.html ซึ่งภายหลัง ตอสระอือ ก็มายอมรับว่าอยากด่าทักษิณเลยมั่วๆด่าเพื่อไทยแค่นั้นแหละ ! เฮ้อ ความคิด ปล. นางกอบกุล นพอมรบดี ถูกยิงเสียชีวิต วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ตอนนั้นไทยรักไทยยังอยู่อยู่เลย แล้วหลังจากนั้น สมศักดิ์ ก็แยกตัวออกจากไทยรักไทยไปตั้งแต่ กกต.ยังไม่ได้สั่งยุบพรรค และหาข้อมูลไม่ได้ด้วยว่ามานิตลงเลือกตั้งซ่อมแทนกอบกุล จากคุณ : kit_108 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:29:18 A:119.46.55.74 X:

ความคิดเห็นที่ 59 รอกระโหลกหนา ดูสิจะมาตอบอีกมั้ย คนอธิบายให้ฟังเป็นแสน ตอ...ก็ยังยืนหยัดในความคิดตัวเองได้ขนาดนี้ กะลาเค้าหนาจิงจิง ยึดติดสุดสุด ฟังคนอื่นเค้ามั่งสิ ถามยังไม่ตอบเลย เล่นหุ้นหรือป่าวเล่นหุ้นเป็นมั้ยเสียภาษีเท่าไร บอกได้เลยถ้า ตอ..เล่นหุ้นนะ กระทู้นี้ไม่เกิด ดักดาน จากคุณ : Choltis เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:34:04 A:118.172.171.213 X:

ความคิดเห็นที่ 60 อ้ะ มีหลักฐานอยู่แล้ว ไม่ได้มั่ว (ต่อจาก 58) http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8737721/P8737721.html#39 จากคุณ : kit_108 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:41:23 A:119.46.55.74 X:

ความคิดเห็นที่ 61 คุณเสียภาษีให้ประเทศไทยเท่าคุณทักษิณหรือเปล่า พลเอกเปรม เสียงภาษีเท่าคุณทักษิณหรือเปล่า พลเอกสุรยุทธ เป็นตัวแทนแห่งจาริยธรรม แต่ให้เมียซื้อที่ดิน ที่ไม่ม๊สิทธิครอบครอง มาครอบครอง คุณจะเอาอะไรกับประเทศนี้  สมควรที่จะล้างกันใหม่ ศักยภาพมี การศึกษามี แต่ทิฐิมาก ควรเจ็บปวดร่วมกันละเลงเลือดแล้วเริ่มใหม่ จากคุณ : spit the life เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 11:43:43 A:118.172.112.201 X:

ความคิดเห็นที่ 62 เรื่องภาษี ต้องให้รู้ความจริงกันไปเลยว่า ไอ้พวกร้านต่าง ๆ ในตลาด ที่ไม่ได้มีใบกำกับภาษี เลี่ยงทุกคน แล้วดันมาด่า พวกร้านต่างชาติว่าทำลาย สังคม การค้า เค้าเสียภาษี เต็ม พวกคุณไม่เคยเสียเลยบางปี แค่ภาษีป้าย ก็ไม่เสีย หัก ณ ที่จ่าย ก็ไม่เสีย จากคุณ : davinco เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 12:33:57 A:202.28.249.180 X:

ความคิดเห็นที่ 63 555 ผมว่าจะผ่านแล้วแต่มีมือดีๆหน่อยอย่างคุณ SaVor เข้ามาโต้ด้วยผมขออีกโพสเดียวก็แล้วกันครับ ส่วนพวกหยาบคายผมขอผ่านนะ   ชี้แจง 2 จุดดังนี้ เรื่องคุณเรืองไกร ไม่รับเช็คคืนเกิดในปี 2548 จริงครับ  ผมเบลอไปหน่อยพิมพ์ผิดว่าเป็น 2549 ตรงนี้ขอรับผิดทุกประการ เนื่องเพราะเรื่องนี้ที่สิ้นสุดที่ศาลปี 49 ครับเลยพิมพ์ผิด ลำดับเป็นดังนี้ -ปี 46 คุณเรืองไกรยืนแบบโดยไม่ได้เอาหุ้นที่ได้รับนอกตลาดหลักทรัพย์มาคิดรวมในแบบภาษีเงินได้ - ปี 47 คุณเรืองไกรชำระภาษี 18 มิ.ย.47 - ปี 48 ผ่านมาปีเศษกรมสรรพากรส่งเช็คคืนเงินให้คุณเรืองไกร เช็คลงวันที่ 31 ก.ค.48 คุณเรืองไกรไม่รับคืน  เรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลภาษีอากร - ปี 49 ช่วงปลายปีคดียุติกรมสรรพากรต้องรับคืนเช็คที่ส่งให้ไปครับ ดังนั้นเรื่องคุณเรืองไกรเกิดก่อนที่ทักษิฯจะขายหุ้นเทมาเสกจริง ถึง 2-3 ปี คนที่กล่าวว่าคุณเรืองไกรเป็นพวกเดียวกับฝ่ายตรงข้ามทักษิณ  สร้างหลักฐานอะไรทำลายทักษิณนี่ก็ต้องยอมรับนะครับว่าไม่ใช่ ใครกล่าวหาเขาก็ควรมาขอโทษซะหลักฐานชัดเจนนะครับ ส่วนเรื่องที่บอกว่ากรมสรรพากร รู้เรื่องก่อน 2-3 ปีนี่มั่วมากครับเพราะส่งเช็คคืนคุณเรืองไกรก็ กค.48 แล้ว หลังจากเรียกเก็บภาษีคุณเรืองไกรนานเลย (ถ้านับจากปี 46 ที่บอกว่าแบบผิดก็ 2 ปีครับ หรือหากนับจากที่คุณเรืองไกรชำระภาษีก็ปีเศษ) แต่ก็ยังก่อนกรณีหุ้นเทมาเสก  ดังนั้นจะมองได้ไหมครับว่าสรรพากรคืนด้วยความบริสุทธิ์ใจ  ไม่เกี่ยวกับหุ้นเทมาเสก ตรงนี้คงต้องแล้วแต่ความเชื่อล่ะครับใครเชียร์ทักษิณก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ผมไม่ใช่ดังนั้นจึงไม่เชื่อ  ผมไม่เชื่อว่าสรรพากรจะใจดียอมรับว่าตัวเองเก็บภาษีผิดส่งเงินคืนให้ใครง่ายๆยิ่งเวลาผ่านไปแล้วเป็นปี แต่อะไรล่ะทำให้สรรพากรเหมือนรู้ก่อนว่าจะมีกรณีดีลหุ้นกับเทมาเสก  เลยส่งเช็คคืนให้เป็นกรณีตัวอย่างว่าไม่เรียกเก็บภาษี มันจะมีใครรู้ว่าจะดีลหุ้นกันก่อนสักครึ่งปีได้ไหมครับ ? กรณีดีลหุ้นระดับ 70,000 ล้านแบบนี้ผมว่าได้ แล้วหลักฐานล่ะมีไหมไปสงสัยเขาอย่างนั้น ก็ต้องสารภาพว่าไม่มีครับ  แต่ผมมีข้อมูลเล็กๆน้อยๆครับ ข้อมูลว่ามีคนรู้ก่อนที่จะดีลหุ้นชินคอรปให้เทมาเสกกันร่วมครึ่งปีเลย ข้อมูลจากมติชน  และคุณน้ำหลากบล๊อค ok เนชั่นเป็นผู้รวบรวมไว้ครับ ------------------------------------ กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์"มติชน"ยังตรวจสอบพบว่า มีความผิดปกติในทำธุรกรรมครั้งประวัติศาสตร์หลายประการที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ครอบครัวชินวัตรและน่าจะมีการวางแผนและเตรียมการมาเป็นขบวนการ ประการแรก  "มติชน"ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)พบว่า ผู้บริหารระดับสูงในเครือชินคอร์ปหลายคนเริ่มเทขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ป และบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(เอไอเอส)มูลค่ารวมกันหลายร้อยล้านบาทตั้งแต่กลางปี 2548 (มติชนวันที่ 8 และ26 กันยายน 2548 หน้า 18) และในการเตรียมการซื้อหุ้นชินคอร์ปจาก Ample Rich ในราคา 1 บาทนั้น ทางครอบครัวชินวัตรมีการเตรียมการมานาน เพราะ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์  คนสนิทของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้ทำหนังสือหารือกรมสรรพากรลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 (จำได้ไหมครับว่าเช็คของสรรพากรลงวันที่ 31 ก.ค.48 บอกว่าไม่ต้องเสียภาษี  แค่พอถามมาแล้วรีบส่งเงินคืนให้เขาเลย  ผิดปรกติไหมครับ  แล้วก็รู้ก่อนดีลหุ้นกับเทมาเสกไหมครับ ? ถึงได้ถามมาแบบนี้) และกรมสรรพากรทำหนังสือลงวันที่ 21 กันยายน 2548 ตอบข้อหารือว่านายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา ไม่มีภาระภาษีต้องเสียแต่อย่างใด ต่อมา "มติชน" เสนอข่าวเป็นฉบับแรกว่า มีกระแสข่าวว่า ครอบครัวชินวัตรจะเทขายหุ้นชินคอร์ปทิ้งให้แก่บริษัทต่างชาติ (มติชนวันที่ 31 ตุลาคม 2548 หน้า 17) แต่ได้รับการปฏิเสธทั้งจากผู้บริหารชินคอร์ปและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (โกหกตามเคย) ประการที่สาม มีกระแสข่าวว่า ครอบครัวชินวัตรจะขายหุ้นชินคอร์ปในต้นเดือนมกราคม 2549 อย่างแน่นอน แต่ติดขัดปัญหาหลายประการ อย่างไรก็ตาม "มติชน" ตรวจสอบจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาพบว่า มีการตรา พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 แก้ไขบทบัญญัติใน พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ในเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของบุคคลต่างด้าวในกิจการโทรคมนาคม ซึ่งเดิมกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 25 และเป็นกรรมการบริษัทได้ไม่เกิน 1 ใน 4 (มาตรา 8 วรรคสาม)ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่าวด้าว พ.ศ. 2542 ซึ่งหมายถึงบุคคลต่างด้าวสามารถถือหุ้นเพิ่มได้ถึงร้อยละ 49 โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องสัดส่วนของกรรมการบริษัทที่เป็นบุคคลต่างด้าวอีกต่อไป กฎหมายฉบับใหม่นี้ประกาศในราชกิจานุเบกษาเมื่อวันศุกร์ที่ 20  มกราคม 2549 และมีผลบังคับใช้วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2549   ถัดจากนั้นอีกเพียง 2 วันคือวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 ครอบครัวชินวัตรก็ขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็ก (ทีนี้ก็มีกรณีกุหลาบแก้วที่ถูกมองว่าเป็นนอมินีถือหุ้นให้เทมาเสก.... อีกยาว) -------------------------------------- สรุปแล้วว่ากรมสรรพากรคืนเงินให้คุณเรืองไกรอย่างมีเลสนัย และชัดเจนว่ากรมสรรพากรคืนให้หลังจากที่มีการสอบถามมาจากทางทักษิณในเรื่องภาษี ตรงนี้ต้องถือว่าเต็มๆนะครับมีใครจะเถียงแทนอีกไหม ? ส่วนที่คุณ SaVor พิมพ์มาเสียยืดยาวเรื่องการที่ชินคอรปโอนหุ้นให้แอมเพิลริชทักษิณต้องเสียภาษีไหม ตอบง่ายนิดเดียวครับว่ามันเกิดเงินได้ไหมล่ะครับ  ถ้าไม่เกิดก็ไม่รู้จะไปเก็บยังไง แอมเพิลริชก็อยู่ในแดนสนทยา  พวกเลี่ยงภาษี / พวกฟอกเงินมักนิยมไปตั้งบริษัทที่นั่น  ทักษิณก็เคยพูดเองด้วยซ้ำ มันจะไปตรวจสอบยังไงว่าทักษิณมีเงินได้หรือไม่  ขายต่อให้ใครไปเอาเงินไว้ต่างประเทศใครจะรู้ล่ะ ดังนั้นพอผ่านมาอีก 6-7 ปี  พอบริษัทนี้ขายหุ้นกลับมาให้ลูกๆ หุ้นละ 1 บาท มันก็เกิดภาษีเงินได้ส่วนต่างของราคาสิครับ เพราะออกไปเป็นของคนนึง (ทักษิณ)  ไปอยู่ในที่ตรวจสอบไม่ได้  แล้วกลับมาให้อีกคนนึง (ลูก) มันคนละคนกันนะครับ  และถ้านับรวมเป็นคนเดียวกันได้ก็แปลว่าที่ทักษิณเป็นนายกฯอยู่ 4-5 ปีนี่ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตลอดเลยสิครับเพราะเขาห้ามนายกฯถือหุ้นสัมปทาน ตกลงเอาไงครับ ?  ไปตั้งแอมเพิลริชในที่ตรวจสอบไม่ได้แบบนั้นเจตนาเอาหุ้นเข้าดาวน์โจน์แน่หรือครับเคยประชุมผู้ถือหุ้นเรื่องนี้ไหม ? จะเอาชินคอร์ปเข้าดาวน์โจนส์ไม่ต้องแจ้งผู้ถือหุ้นรายย่อยก่อนหรือครับ ? ตอบคำถามพวกนี้ด้วยใจยุติธรรมให้ได้เสียก่อนถึงจะมาโต้กันต่อเรื่องนี้นะครับ  ไม่งั้นมันก็กลายเป็นการแถให้ทักษิณเปล่าๆ ส่วนที่มาถามว่าผมเสียภาษีเท่าทักษิณหรือเปล่านั่นไปกันใหญ่แล้วครับหน้ามืดตามัวไปแล้วคนละเรื่องเลย พวกเราใครมีปัญญามีเงินเท่าขี้เล็บทักษิณครับ เขารวยเขาก็ต้องเสียภาษีแต่ไปดูได้เลยครับตัวทักษิณไม่เคยจ่ายภาษีเงินได้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศไทยเลยสักครั้ง คนไทยเชื่อสายอังกฤษเสียอีกครับที่ติดอันดับ 1 อยู่หลายหน (ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว  แต่ทราบว่าเป็นเจ้าของอาดิดาส  เป็นคนอังกฤษสัญชาติไทยครับ ) ทักษิณน่ะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศไทยหรอกเลิกสุดโต่งกับทักษิณซะทีเหอะครับ เขาก็เป็นคนมีถูกมีผิด ผมเห็นห้องยนี้คลั่งทักษิณซะผมไม่อยากเอาส่วนดีเขามาพูดเลย  ก็ต้องมองคานในแง่ลบมันต่อไปอยู่อย่างนี้แหละ คนที่มาเถียงแทนให้แต่ละคนก็ดูไม่จืด  เงื้อด่ามาแต่ไกลจะเอาสาระอะไรก็ไม่มี เรื่องภาษีนี่มันจะเถียงแทนยังไง  ผมดูยังไงก็ต้องจ่ายไม่รู้จะถูไถไปมุมไหนแล้ว ถ้าอยากเถียงให้ชนะก็ต้องเล่นประเด็นที่ว่าไปยึดทรัพย์เขาทั้งหมดทำไมน่ะครับ  ภาษีมันแค่ไหนก็กันไว้ซี ที่เหลือ 4-50,000 ล้านก็ต้องคืนเขาไป เออนะถ้ามาเล่นประเด็นนี้ผมจะไม่เถียงเลย .. เฮ้อ บ๋ายบายดีกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 13:44:45 จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 13:39:38 A:58.9.216.239 X:

ความคิดเห็นที่ 64 เรื่องภาษีนี้ก็อีกเรื่อง ฝั่งเหลืองเอามาใช้โจมตีทักษิณ ถามหน่อยคนเสื้อเหลือง ชนชั้นกลางทั้งหลาย ผู้มีอันจะกิน มีความรู้ เคยใช้วิธีต่างๆ เพื่อให้ตัวเองจ่ายภาษีให้น้อยที่สุดไหมครับ ถ้าเคย คุณมันก็แปะยิ๊งเหมือนกันล่ะครับ จากคุณ : uno (bluefan) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 14:00:31 A:124.120.20.108 X:

ความคิดเห็นที่ 65 ก่อนอื่นผมว่า คุณต้องลำดับขั้นตอนการโอนหุ้นให้ดีๆก่อน 1. ทักษิณ ขายหุ้นละ 1 บาทให้ แอมพ์ > อันนี้ ไม่เสียภาษี เพราะไม่เกิดรายได้ เป็นเจ้าของเดียวกัน 2. ทักษิณ โอนทั้งหุ้น + บ. แอมพ์ ให้ โอ๊ค > ตรงนี้ให้เพราะเสน่หาโอกาสพิเศษ ไม่เสียภาษีเช่นกัน 3. ต่อมา แอมพ์ ขายกลับมา โอ๊ค มันก็ไม่ต่างอะไรกับ ทักษิณ ขายไป เพราะวิธีคงเดิม ราคาเท่าเดิม ( คือพาร์ 1 บาท ) แอมเพิลริช ไม่ใช่ บริษัทของนอมินีถือแทนให้ ทักษิณ หรืออะไรทั้งสิ้น... เพราะมันคือบริษัทของ ลูกทักษิณ ที่ได้รับโอนต่อจากพ่อแบบ 100% ( คือโอนบริษัทให้ลูกเสร็จไปก่อนหน้าแล้ว ) กรณีนี้มันจะเกิดเงินได้ ได้อย่างไรครับ... ตรงนี้มันต่างกับกรณี เรืองไกร ครับ... กรณี เรืองไกร ต้องเทียบกับขั้นตอนที่ 2. คือ พ่อโอนให้ลูก มากกว่า ( ซึ่งกรณีนี้ ทักษิณ ให้เหตุผลว่า เป็นการให้โดยผู้อุปการะ เนื่องในโอกาสพิเศษ ซึ่งจะไม่เสียภาษี ) มันจึงเทียบกันไม่ได้ เพราะเป็นการขายหุ้นนอกตลาดเหมือนกันก็จริง แต่กรณีหนึ่งเป็นคนละบุคคล ส่วนอีกกรณีเป็นบุคคลเดียวกัน ส่วนเรื่องเหตุผลที่ตั้ง แอมเพิลริช มันก็ย้อนไปที่ หนังสือที่ ชินฯ ส่งให้ กลต. นะครับ... ถ้าคุณยังคิดว่า ผู้ถือหุ้นจะไม่รู้... เรื่องเหล่านี้ไม่เป็นข่าว... ก็ลองไป search google ดีกว่า จะยกเมฆล้วนๆมาแย้งนะครับ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 14:44:22 A:124.120.18.169 X:

ความคิดเห็นที่ 66 #63 ตอสระอือ ไอ้ที่มาชี้แจง 2 จุดน่ะ มันของ#58 ของ kit_108 นี่นา กลัวจนไม่กล้่าระบุเลยหรือ และก็เป็นอีกครั้งที่จับได้ว่ามั่วจริง ตอสระอือก็ยอมรับเองแล้วแต่แถให้ดูดีหน่อยเท่านั้น แถมคราวนี้ใส่จินตนาการเพิ่มลงไปอีก เก็บความคิดสร้างสรรประเภทนี้ไปใช้กับการถ่ายภาพอย่างเดียวเถอะ อย่ามาผสมโรงกับการเมืองเลย รังแต่จะทำให้ถูกคนอื่นเขาดูถูกเปล่าๆ รู้แค่ในกะลา คุยซะครอบจักรวาล แล้วมาสรุปเองเออเองอย่างนี้ เหนื่อยใจจะอธิบาย ที่แรกคิดว่าจะช่วยแง้มให้พ้นจากกะลาออกมาได้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ปล่อยให้ตายคากะลาอย่างนี้แหละ เพราะอธิบายให้ตายยังไงมันก็ไม่ฟังหรอก ก็"บางเรื่องเราเลือกฟังแต่ส่วนที่เราอยากได้ยินนะครับก็เลยจำกันผิด"อยู่แล้วนี่ ความจริงกระทู้นี้เขาก็ไม่ได้พูดถึงทักษิณซักหน่อย เขาแค่ถามว่าเลี่ยงภาษีมันผิดนักรึไง แต่ก็มีคนพยายามเบี่ยงเบนประเด็น ไปถึงทักษิณจนได้ ซึ่งถ้าจะว่ากันไปแล้ว เรื่องมันเกิดเพราะความต้องการกีดกันนักธุรกิจที่ต้องการเข้าไปเล่นการเมืองแท้ๆ เลยสร้างกฏขึ้นมาให้คนที่เล่นการเมืองต้องไม่มีหุ้นทางธุรกิจ ทั้งๆที่ไม่ได้สำเหนียกเลยว่า การบริหารประเทศแบบนักการเมืองมันแค่ทำให้ประเทศอยู่ได้ไปวันๆเท่านั้น แต่ถ้าได้คนที่เคยเป็นนักธุรกิจมาก่อนอย่างทักษิณมาบริหารประเทศ เขาจะรู้วิธีการปริหารจัดการอย่างไรให้ประเทศพัฒนาขึ้น ซึ่งผลงานที่ผ่านมาเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี และที่ว่า "ทักษิณน่ะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศไทยหรอกเลิกสุดโต่งกับทักษิณซะทีเหอะครับ" ตรงนี้ก็เห็นด้วยอยู่ แต่เห็นว่าข้อเสียของทักษิณไม่ได้่อยู่ที่การบริหารประเทศ แต่นั่นมันข้อดีของเขา ก็เลยอยากเอาจุดดีของเขามาใช้ ข้อเสียของทักษิณมีเยอะแยะ เช่น ร้องเพลงไม่ได้เรื่อง ปากไวพูดไม่ค่อยคิด ดูคนไม่เป็น ไว้ใจซะจนไม่รู้ว่านั่นคือหอกข้างแคร่ ฯลฯ ฉะนั้น ถ้าทักษิณมาเป็นนักร้องล่ะก้อ จะตั้งกระทู้ด่าทุกวันให้ดู ไม่ใช่ว่าถ้าทักษิณออกเทปจะรีบไปซื้อคนแรก นั่นสิถึงจะเรียกว่าสุดโต่ง ตอสระอือ จะอยู่คานต่อไปยังไงก็อยู่ไปเหอะ แต่อย่าเอาข้อมูลมั่วๆมาโยง ให้คนเขาด่าเล่น แล้วมาบอกว่าห้องนี้คลั่งทักษิณ เข้าใจด้วยนะ ปล. ความจริงรายละเอียดของหุ้นทักษิณมีอีกเยอะ แต่อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่ากระทู้นี้ไม่ได้ตั้งเพื่อเหตุนี้ คนอื่นเขาก็เลยไม่ได้มาตอบประเด็นนี้กันเท่าไหร่ และก็อย่างที่บางคนว่าไว้ ประเด็นนี้เขาถกกันจนปรุไปหมดแล้ว ยังไงเขาก็ยังเห็นว่ามัน 2 มาตรฐานอยู่ดีล่ะนะ จากคุณ : kit_108 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 15:04:21 A:203.148.200.134 X:

ความคิดเห็นที่ 67 ขณะนี้เวลา15.09 มารายงานตัวว่า ผมยังปูเสื่อดูอยู่ครับ โอมม.... จงมาๆๆๆ จากคุณ : วิดวะอิเลก เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 15:09:11 A:58.64.51.62 X:118.175.0.108

ความคิดเห็นที่ 68 กำลังมัน อย่าพึ่งไปใหน หล่ะ   ถามว่าใครอยากเสียมากที่สุดเท่าที่จะมากได้  ไม่มีหรอกครับ   แล้วขาวบ้านหน้าปากซอยเสียใหม  มันเสียตั่งแค่ ออกจากห้างแล้ว  ถามว่ามีใครมาลดค่าแว็ตออกใหม  ไม่มีหรอกครับ  มันก็ยังคงไว้  แถมบวกเพี่มอีกต่างหาก  ผมว่าคูจำปูนไม่ต้องไปศึกษาอะไรใหม่หรอกครับ  คุณเข้าใจถูกต้องแล้วครับ  แต้คุณตือต้องไปศึกษาใหม่  อย่ามายกเรื่องล้านแปดอะไรเลย  ถ้ายอดขายถึง มันโดนบังคับในตัวของมันเองอยู่แล้ว  โดยเฉพาะกับบริษัทที่ใหญ่ๆ  ยังไงเขาก็ต้องหัก  ณ  ที่จ่าย  3 เปอร์เซ็นต์ไว้อยู่แล้ว   ขี้เกืยจพิมพ์หว่ะ จากคุณ : คนเวียงจันทร์ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 15:27:43 A:111.84.63.236 X:

ความคิดเห็นที่ 69 คุณ ตอสระอือ สรุปว่าผิดเพราะคุณ "คิดว่า" "เชื่อว่า" "ไม่ควร" อะไรคือ ผิด อะไรคือ ถูก คุณก็รู้ว่าทักษิณ ถ้าจะผิดตามที่กล่าวหา ก็เรื่องไร้สาระ แต่คุณเกลียดทักษิณ ก็เลยตามเช็ดทุกเม็ด พลาดแล้วก็ตามขยี้ให้สิ้นซาก เท่านั้นเอง จากคุณ : BugPhu เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 16:51:55 A:124.120.56.121 X:

ความคิดเห็นที่ 70 ^ ^ คคห 68 ผมว่าความเห็นคุณตือประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่มน่าจะถูกแล้วนะครับ เพราะประเด็นที่คุยกัน น่าจะอยู่ที่ว่าพวกร้านโชว์ห่วยที่ไม่แจก บิล vat นั่นเลี่ยงภาษีหรือไม่ ซึ่งคุณตือบอกว่าไม่ผิด เพราะร้านเล็กๆ ยอดขายไม่เกิน 1,800,000 ไม่จำเป็นต้องไปจด Vat (ภพ 20)  และไม่ต้องใบกำกับภาษีถูกต้องแล้ว ไม่ได้เป็นการเลี่ยงภาษี หรืออมภาษี แล้วมันไม่ได้หลบภาษีอย่างไร? ยกตัวอย่างเช่น ร้านซื้อยาสีฟันมาขาย ตกหลอดละ 100 บาท (ราคานี้รวม Vat แล้ว) ร้านเอากำไร 10 ก็ขายหลอดละ 110 บาท ราคานี้ก็ต้องถือว่ารวม Vat แล้ว แต่ไม่ต้องออกใบกำกับภาษีเพราะยอดขายไม่ถึงกำหนดที่สรรพากรกำหนด แล้วร้านเล็กๆ ไม่ต้องเสียภาษีเท่ากับโกงหรือ? ผมว่าไม่นะ ถ้าเอาตัวเลขคุณตือ 1,800,000 ตีว่ากำไร 10% =180,000 ตกต่อเดือน 180,000/12 = 15,000 บาต่อเดือน รายได้ขนาดนี้รวม ค่าใช้จ่ายและดำเนินการแล้ว ผมว่าไม่ต้องไปเสียก็ถูกแล้ว แล้วมีคนรายได้เกินแต่ไม่เสียภาษีไหม? ผมว่าคงมีเยอะแยะ จนตามไปเก็บไม่ไหว อย่างเช่นสรรพากรเขตนึง มีเจ้าหน้าที่ซัก 40 คน มีประชากรในพื้นที่ 1 ล้าน เขาก็ต้องเลือกไปตรวจ คนที่มีกิจการกลางๆ ถึงใหญ่จะคุ้มกว่า จากคุณ : korn-online เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 17:21:06 A:58.9.78.167 X:

ความคิดเห็นที่ 71 ตาย ๆ ยังเล่นประเด็นเดิมอยู่เหรอเนี่ยะคุณตือโป้ยก่าย ต้องขออภัยแว๊บไปเคลียร์งาน วันเสาร์วันทำงาน office ผม เลยต้องเดือดร้อนผู้รู้หลาย ๆ ท่านมาตอบให้เลย ทั้งเรื่องเรืองไกร เรื่องขายหุ้น ถ้ามันเป็นเพราะสรรพากร ทักษิณจะมีความผิดเลี่ยงภาษีได้อย่างไร เมื่อทักษิณปรึกษาสรรพากรแล้ว จะบอกว่า สรรพากรจะตีความเอาใจนายกฯ (เคยเห็น login เสื้อเหลืองชอบใช้ข้ออ้างนี้บ่อย ๆ) หรือจะเพราะอะไรก็ตาม ต้องไปฟ้องร้อง ถามสรรพากร ว่าทำไมจึงตีความว่าไม่ต้องเสีย... หรือประเทศไทย ถ้าสงสัยเรื่องภาษี ต้องปรึกษา ศาล, คตส. ปปช. แทนสรรพากร ??? แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 19:19:20 จากคุณ : Caesar. เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 19:18:08 A:125.25.1.199 X:

ความคิดเห็นที่ 72 คุณตอสระอือ , คุณซาซ่าซาสี่ , คุณฮักกี้ , คุณโพ้นฟ้า " แต่ถ้าคุณอยากมีอำนาจทางการเมืองแล้วรัฐธรรมนูญเขาห้ามถือหุ้น บ.ที่ทำสัมปทานกับรัฐ คุณควรเอาหุ้นไปซุก  ไปหลบซ่อน  เพื่อเลี่ยงรัฐธรรมนูญ เพื่อได้ก้าวเข้าสู่อำนาจไหม ? " - กฎหมายห้ามถือหุ้นเกิน 5%  ทักษิณเลยต้องโอนให้คนอื่น แต่ไม่สามารถโอนให้ลูกเมียได้ทั้งหมด เพราะ... 1. ตอนนั้นลูกๆ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นโอ๊คบรรลุนิติภาวะยัง แต่ที่จำได้คือยัง) และ 2. เมียถือหุ้นชินอยู่เหมือนกัน ถ้าโอนให้ทั้งหมดจะทำให้ถือหุ้นเกินกว่าที่กลต.กำหนดไว้ ซึ่งผิดกฎ บางส่วนเลยต้องโอนไปให้คนรถคนรับใช้ แต่ที่ว่าคนรถคนรับใช้ไม่ใช่แบบที่เข้าใจกัน 2 คนนี้ถือเป็นคนสนิทที่เจ้านายไว้ใจ ช่วยทำงานแทนได้ประมาณนี้ แต่ทักษิณก็พลาดตรงที่ไม่ได้รายงานหุ้นส่วนนี้กับปปช. ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าพลาดเพราะลืมหรือพลาดเพราะคิดว่าไม่ต้องรายงานกันแน่ เพราะหุ้นเมื่อโอนให้คนอื่นแล้วก็จะเป็นชื่อของผู้รับโอน ไม่ได้เป็นของเราแล้ว " และพอสู่อำนาจแล้วก็ใช้ช่องทางต่างๆยักย้ายถ่ายเทหุ้นออกนอกประเทศ " - สงสัยจะจับแพะชนแกะ เขาเคยจะเอาหุ้นไปขึ้นกระดานที่แนสแดก เหมือนกรณี dtac ที่ไปขึ้นกระดานสิงคโปร์ก่อนมาขึ้นกระดานหลักทรัพย์ของไทย หรือเหมือนหุ้นเบียร์ช้างที่ไปขึ้นที่สิงคโปร์เช่นกัน แต่พอมีปัญหาวิฤติการเงินก็เลยทำให้ไม่ได้เดินเรื่องหุ้นส่วนนี้ต่อ " เมื่อถึงจุดที่มูลค่าของหุ้นมากจนพอใจ / ดีลติดต่อขายหุ้นได้ ก็โอนกลับหุ้นเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษี " - เขาโอนหุ้นให้ลูกๆ ก่อนถึงวันขายหุ้นกันเป็นปีๆ เริ่มจากพอโอ๊คบรรลุนิติภาวะ ทักษิณก็โอนหุ้นให้โอ๊ค พอเอมบรรลุนิติภาวะก็ได้รับโอนจากโอ๊ค ซึ่งกระบวนการตรงนี้เขาโอนกันก่อนข้ามปี จนตอนนั้นโอ๊ค-เอมขึ้นชั้นเศรษฐีหุ้นอันดับ 1-2 ของเมืองไทย " แต่หลังจากนั้นแล้วต้องยื่นแบบภาษีเงินได้ด้วยเพราะได้หุ้นมาหุ้นละ 1 บาทจากนอกตลาดหลีกทรัพย์ " - ดูเหมือนว่าการโอนระหว่าง "บุคคลธรรมดา" จะไม่มีภาระการเสียภาษีใดๆ ทั้งสิ้น อย่างตอนที่กฟผ.เปิดขายหุ้น EGCO คนที่เรารู้จักฝากคนในกฟผ.ซื้อหุ้นละ 10 บาท(ถ้าจำราคาพาร์ไม่ผิด) พอได้มาก็แค่ไปเปลี่ยนเป็นชื่อของผู้รับโอน จากเดิมเป็นชื่อของผู้ที่ซื้อหุ้นให้ คนนี้เขาก็จ่ายเงินให้กับผู้ซื้อหรือเจ้าของเดิมตามราคาพาร์(10 -.) โดยไม่มีการเสียภาษี อีกคน พ่อได้หุ้น EGCO ตัวเดียวกันนี่แหละมาตอนเป็นพนักงาน ต่อมาก็โอนหุ้นนี้ให้น้องเขา ก็ไม่มีใครต้องเสียภาษีเหมือนกัน กรณีนี้โอนให้แบบพ่อให้ลูก(เหมือนทักษิณ-โอ๊ค)แต่ไม่มีการเสียเงินค่าหุ้นใดๆ " หรือคุณจะขายหุ้นออกไปก่อนเพื่อก้าวเข้าสู่การเมืองโดยไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน " - มีหลายคนทั้งในรัฐบาลปัจจุบันหรือแม้แต่รัฐบาลสุรยุทธ คนมาเป็นรมต.ก็โอนหุ้นให้คนใกล้ชิดก่อนเข้ารับตำแหน่งทั้งนั้น ไม่มีใครขายทิ้งให้คนอื่น ไม่ใช่ว่ามีเฉพาะทักษิณที่ใช้การโอนแทนการขายหุ้นก่อนเข้ารับตำแหน่งนายก " แล้วถ้าคุณขายหุ้นได้กว่า 70,000 ล้านคุณจะยอมจ่ายภาษีเงินได้ไหมครับ  ในเมื่อคนอื่นๆเขาก็จ่ายกัน ? " - 7 หมื่นกว่าล้านเป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ... ไม่เสียภาษีอยู่แล้ว เหมือนเช่นตระกูลเบญจรงคกุลเจ้าของ tac ต่อมาขายหุ้นในตลาดฯ ให้เทเลนอร์บริษัทสัญญาชาตินอร์เวย์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ปัจจุบัน ก็ไม่ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกัน และที่ทักษิณขายหุ้นให้ลูกราคา 1 บาท จริงๆ เขาจะไม่ขายให้ก็ได้ ยกให้ฟรีๆ เลย แต่เขาก็ขายเพราะไม่อยากให้ลูกได้อะไรมาง่ายๆ และมันเป็นแค่การย้ายเงินจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวาเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 21:19:58 จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 21:13:31 A:124.121.39.138 X:

ความคิดเห็นที่ 73 คุณ Mrkokkoo " แต่ถ้ามีคนโอนหุ้น PTT ให้ผมในราคาพาร์ 10 บาทต่อหุ้นแล้วผมเอาไปขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวานผมจะได้กำไร 236 บาทต่อหุ้น แล้วอย่างนี้ผมต้องเอารายได้ส่วนนี้มาเสียภาษีเงินได้ประจำปีหรือเปล่าลองคิดดูครับ " - ไม่ต้องเสียภาษี เพราะมันเป็นการโอนแบบ "บุคคลธรรมดา" และใครๆ ก็ทำกัน ง่ายๆ คุณซื้อหุ้นมา 10 บาท แล้วขายได้กำไร คุณเคยเสียภาษีไหมล่ะ ถ้าไม่เคย...ก็เหมือนกับกรณีรับโอนนั่นแหละ เพียงแต่ถ้าเป็นกรณีโอนจะเสียค่าอากรแสตมป์เท่านั้น จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 21:16:33 A:124.121.39.138 X:

ความคิดเห็นที่ 74 กลับมาดูไม่มีอะไรใหม่ให้ตอบเลยครับ - ปรึกษาสรรพากรแล้วไม่ผิด ศาลภาษีอากรสั่งแล้วครับว่าสรรพากรผิดต้องรับเช็คคืน  ตรงนี้อ่านหนังสือออกกันหรือเปล่าเนี่ย  ยังจะพายเรือในอ่างกันไม่พอ - มีกรณีนี้เยอะแยะรับโอนหุ้นกันนอกแล้วไม่ต้องจ่ายภาษี อย่าอ้างเลือกลอกครับขอหลักฐาน  เอกสาร  จากกรมสรรพากรว่าไม่ต้องแจ้งภาษีเงินได้ มีคนกลับรถในที่ห้ามกลับในที่ลับตาเยอะแยะไม่ได้หมายความว่าตรงจุดนั้นกลับรถได้นะครับ ยิ่งกรณีทักษิณรถคันโตเบ้อเริ่ม  พ่วงต่อกันยาวเหยียดมากลับรถกลางวันแสกๆจะไม่ผิดได้อย่างไร กรณีเล็กน้อยที่ยกตัวอย่างมาถ้ายื่นแบบภาษีเงินได้โดยแจ้งเข้าไปด้วยกรมสรรพากรก็เก็บภาษีหมดแหละครับ เรื่องแบบนี้เป็นสามัญสำนึกธรรมดา  ทำไมยังต้องมาโต้กันเนี่ย  งง? แถมโต้ไปๆก็มีแต่เสียดสีต่อว่าผม หาว่าอยู่ในกะลาอะไรบ้าง  จินตนาการเรื่องเอาเองบ้าง สมาชิกเสื้อแดงหลายๆคนแถวนี้ก็เป็นแบบนี้เสมอครับผมเจอบ่อยมากโต้กระทู้สู้ไม่ได้ก็ด่า 5555 เรื่องจะเถียงแทนให้ทักษิณน่ะตอบตัวเองได้หรือยังครับ - ถามกรมสรรพากรก่อนมีการคืนเงินภาษีให้คุณเรืองไกรจริงหรือไม่ ------ ผมว่าจริงใครว่าไม่จริงก็แก้มา - เทียบเคียงกับกรณีคุณเรืองไกรได้หรือไม่ -------------- ผมว่าได้ ถ้าไม่ได้จะพยายามคืนเงินเขาทำไม   จะมาอ้างโน่นอ้างนี่ไปใย   อีกทั้งคำตัดสินของศาลถือเป็นที่สุด  ดูคดีนี้เป็นตัวอย่างก็ได้ว่าการให้โดยอุปการะเนื่องในโอกาสพิเศษอ้างได้หรือไม่ --------------------------- ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 จำคุกนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์  อดีตประธานคณะกรรมการชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรีคนละ 3 ปี และนางกาญจนาภา  หงษ์เหิน  เลขานุการคุณหญิงพจมาน 2 ปี ฐานร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงภาษีการโอนหุ้นชินคอร์ป มูลค่า 546ล้านบาท ------------------------------------------------ และขอถามว่าการให้โดยเสน่หาผู้รับต้องเสียภาษีเงินได้หรือไม่ครับ ? ดูกรณีตัวอย่าง ------------------------------------------------- พิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2517 วินิจฉัยไว้ว่า การที่โจทก์(มารดา)ยกที่ดินให้จำเลย(บุตร) เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วปรากฏว่า ขณะโจทก์ยกที่ดินให้จำเลยนั้น จำเลยมีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักฐานแล้ว ไม่อยู่ในสภาพที่โจทก์ผู้เป็นมารดา มีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะ ทั้งที่ดินก็เป็นจำนวนมากราคาสูง จึงมิใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา ----------------------------------------------------- ผมยกกรณีตัวอย่างที่คล้ายคลึงกันและต้องเสียภาษีมาแล้ว ผมขอกรณีตัวอย่างที่คล้ายคลึงกันและไม่ต้องเสียภาษีจากฝ่ายเสื้อแดงบ้างครับ เห็นพวกคุณบอกไม่ต้องเสียภาษี  คงต้องมีกรณีตัวอย่างแน่  ขอดูหน่อยครับ  เอาเป็นคำสั่งสาลออกมาเลยแบบผมเนี่ย ตรงนี้ไม่เคยได้เห็นคำตอบ - ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้เพราะมันคือบริษัทของ ลูกทักษิณ ที่ได้รับโอนต่อจากพ่อแบบ 100% ( คือโอนบริษัทให้ลูกเสร็จไปก่อนหน้าแล้ว ) กรณีนี้มันจะเกิดเงินได้ ได้อย่างไรครับ... -------------------- เงินได้เกิดตอนขายให้เทมาเสกครับแล้วมีส่วนต่างจากราคาที่รับมาครับ จะมาอ้างว่ารับมาจากตัวเองนี่ขั้นตอนเกิดขึ้น ณ เกาะบริติชเวอร์ยิ่น  ซึ่งมีใครรู้ความจริงครับ ไปตั้งแอมเพิลริชแล้วหุ้นไปกองอยู่6-7 ปี เกิดอะไรขึ้นบ้างผมไม่รู้  มีแต่ที่ทักษิณให้ชินครอปแจ้ง กกต. ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร เพราะตรวจสอบแอมเพิลริชไม่ได้ หรือถ้าคุณคิดว่าแอมเพิลริชโปร่งใส  ตรวจสอบได้ก็ให้เอาเอกสารของแอมเพิลริชมาให้ดูหน่อย  เอากฎหมายของประเทศไทยมารองรับอำนาจการตรวจสอบแอมเพิลริชครับ ขนาดทำรัฐประหารยังไม่มีปัญญาไปตรวจสอบแอมเพิลริชเลย  ทุกวันนี้มีอยู่ไหมแล้วทำอะไรใครรู้ครับ ? กรุณาตอบด้วย  ผมไม่เคยได้คำตอบตรงอีกเหมือนกันเจอแตแถ - ถ้าจำเลยแก้ตัวอะไรต้องเชื่อตามหรือครับแบบนี้โลกนี้ไม่มีคนผิดแล้วกระมัง เรื่องที่ว่าจะเอาหุ้นชินคอร์ปเข้าดาวน์โจนส์เหมือนกัน ถ้ามีจริง  ขอหลักฐานการประชุมผู้ถือหุ้นด้วยครับ  ผมไม่เคยเห็นเอกสารเลย ขอรายชื่อผู้ถือหุ้นคนอื่นที่โอนหุ้นไปแอมเพิลริชหรือเกาะบริติชเวอร์ยิ่นเพื่อเตรียมเข้าตลาดหุ้นอเมริกาครับ การจะเอาชินคอร์ปไประดมทุนที่ดาวน์โจนส์หรือแนสเดกต้องได้รับการอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นด้วย ขอเอกสารส่วนนี้ครับ   คุณใช้ Google เก่งคุณไปหามาสิ  อย่าอ้างเลื่อนลอย อย่าลืมนะครับขอคำตอบที่ผมถามกลับชัดๆบ้าง ถ้าไม่มีเนื้อมีแต่น้ำอย่างเคยผมคงไม่กลับมาแล้วล่ะครับ  เชิญพวกคุณสุมหัวด่าว่าคนที่คิดแตกต่างต่อไปตามสบาย 5555 จากคุณ : ตอสระอือ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 22:15:16 A:58.11.59.171 X:

ความคิดเห็นที่ 75 - ปรึกษาสรรพากรแล้วไม่ผิด ศาลภาษีอากรสั่งแล้วครับว่าสรรพากรผิดต้องรับเช็คคืน  ตรงนี้อ่านหนังสือออกกันหรือเปล่าเนี่ย  ยังจะพายเรือในอ่างกันไม่พอ ---------------------------------------------- มันก็อยู่ในคำตอบของคุณแล้วนิ ตือโป๊ยก่าย ? จากคุณ : Caesar. เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 22:40:18 A:125.25.1.199 X:

ความคิดเห็นที่ 76 rep 74 คุณเถียงแบบนี้ก็ตายซิครับ... เอาคำพิพากษาในคดีอื่นมาใช้กับ คดีภาษีหุ้นชินฯ ได้อย่างไร... องค์ประกอบ ปัจจัยต่างๆมันคนละเรื่อง เอาง่ายๆแค่ว่า ใครๆก็รู้ว่า พานทองแท้ ตอนนั้นพึ่งจะจบ ป.ตรี แล้วก็ยังร่อนไปร่อนมา แถมยังมีกรอบที่ผมบอกไว้ว่า " ในโอกาสพิเศษ " อีกต่างหาก ซึ่งถ้าศาลจะไม่เชื่อ ตรงนี้ก็ค่อยว่ากันทีหลัง... ( ซึ่งกรณีนี้ยังไม่ตัดสิน ) แต่ไอ้การเอาคำพิพากษาคดีอื่น ( ที่เป็นของบุคคลทำงานมีครอบครัวแล้ว ) มาเทียบกับคดีนี้ เหมือนกับคดีหนึ่ง นาย ก. ทำคนเสียชีวิต โดนตัดสินประหาร จะเอามาเทียบว่า นาย ข. ทำคนตายเหมือนกัน ต้องถูกประหารเหมือนกัน ผมว่ามันตลกมากนะ... ส่วนเรื่องเงินได้ตอนโอนมาจาก แอมเพิล ริช ผมว่าคุณเข้าใจผิดหลายอย่างนะครับ... ผมขอแปะที่ อ.สุวรรณ เคยออกมาแถลงไว้ก่อน... " 1.ทางครอบครัวชินวัตร โดยนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2549 เพื่อชี้แจงลำดับความเป็นมาในการซื้อขายหุ้นทั้งหมด ส่วนสาเหตุที่ชี้แจงล่าช้า เพราะต้องใช้เวลาในการค้นหาและรวบรวมเอกสารที่สามารถยืนยันได้ เพื่อให้เกิดความถูกต้องชัดเจน เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2542 ที่ผ่านมา 6 ปีแล้ว และเป็นเรื่องเก่าที่เป็นข่าวแล้วทั้งสิ้น 2. กองทุนแอมเพิล ริชฯ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2542 โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือหุ้น 100% เพื่อรับโอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 32.92 ล้านหุ้น (ต่อมามีการลดพาร์จาก 10 บาทเป็น 1 บาท จำนวนหุ้นจึงเพิ่มเป็น 329.2 ล้านหุ้น) เพื่อเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดแนสแด็ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหุ้นที่นำไปซื้อขาย จะต้องเป็นหุ้นในกระดานต่างประเทศ จึงต้องใช้บริการบริษัทต่างประเทศ คือ แอมเพิล ริชฯ เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งทางแนสแด็กได้ออกเอกสาร เอดีอาร์ (America Drawing Right) เพื่อใช้เป็นตราสารในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นแนสแด็ก แต่ด้วยสภาพตลาดแนสแด็กในปี 2543 ตกต่ำมาก บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จึงยกเลิกแผนการเข้าตลาดหุ้นแนสแด็ก ทำให้หุ้นค้างอยู่ที่แอมเพิล ริชฯ จนถึงปัจจุบัน 3.เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2543 พ.ต.ท.ทักษิณได้ขายหุ้นแอมเพิล ริชฯให้นายพานทองแท้ทั้งหมด ก่อนการเลือกตั้งในปี 2544 เรื่องนี้ ก.ล.ต.เคยสอบถามเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2544 และแอมเพิล ริชฯ ได้มีหนังสือตอบยืนยันเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2544 4.เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2548 ได้มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในแอมเพิล ริชฯ โดย น.ส.พิณทองทาได้เข้าถือหุ้น 20% ส่วนนายพานทองแท้ถือ 80% จนถึงปัจจุบัน 5. เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 กองทุนแอมเพิล ริชฯ ที่ถือหุ้นโดยนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ได้ขายหุ้นชินฯนอกตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 329.2 ล้านหุ้นให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา คนละ 164.6 ล้านหุ้น เนื่องจากไม่ประสงค์จะเก็บเงินที่ได้จากการขายหุ้นไว้ในต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้ซื้อและผู้ขายถือเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน จึงไม่มีประเด็นการใช้ข้อมูลภายในในการนำหุ้นมาขายให้กับผู้ถือหุ้นรายใหม่ ในวันที่ 23 มกราคม 2549 6.ในการรายงานการขายหุ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 ให้กับ ก.ล.ต.ได้มีการกาเครื่องหมายผิดพลาดในช่องของแบบรายงาน 246-2 ว่าเป็นการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ และได้มีการแก้ไขรายงานต่างๆ ให้ถูกต้องเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2549 7.ประเด็นเรื่องภาษีนั้น ได้มีการหารือกับกรมสรรพากร และกรมสรรพากรได้มีหนังสือตอบข้อหารือที่ กค.0706/7896 ลงวันที่ 21 กันยายน 2548 ว่า การขายหุ้นจากแอมเพิล ริชฯ ให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ในราคาทุนที่ซื้อมาพาร์ 1 บาท เป็นการขายในราคาทุน ไม่มีกำไร จึงไม่ต้องเสียภาษี และต่อมาบุคคลทั้ง 2 ได้นำหุ้นจำนวนดังกล่าวไปขายผ่านตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งหนึ่งนั้น เข้าเงื่อนไขไม่ต้องเสียภาษีตามกฎกระทรวงฉบับที่ 126 ออกตามประมวลรัษฎากร ซึ่งใช้บังคับมากว่า 20 ปี " ธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน แอมเพิล ริช ไม่ใช่ไปซุกๆทำกันอย่างที่ คุณยกเมฆมาครับ... เขาแจ้งตลอดเพราะ ธุรกรรมทุกอย่างมีผลต่อ ชินฯ ด้วย ไม่ใช่แค่ แอมเพิล ริช สรรพากรรู้ กลต. รู้ แต่คุณไม่รู้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องเลย เพราะ โอ๊ค กับ เอม ไม่ใช่บุคคลสาธารณะ แต่แค่นี้มันก็โต้คำกล่าวหายกเมฆของคุณได้หมดแล้วครับ... มันก็มาถึงคำถามเดิมของผมว่า " ขายให้ราคาทุน คุณจะไปเอาเงินได้มาจากไหน ? " แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 00:34:32 แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 00:34:31 จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 00:33:35 A:124.120.18.169 X:

ความคิดเห็นที่ 77 ตอบคุณ ตอสระอือ  หน่อยนะคะ ตาม คห  บางคนบอกว่าเรื่องเรืองไกรไม่เคยรู้แต่ก็ยังจะมาช่วยเถียงให้ทักษิณ มันประหลาดดีไหมล่ะครับไม่รู้แต่มาโต้ได้เป็นเรื่องเป็นราวน่ะ ----------------------------------------- เพิ่งกลับเข้ามาอ่าน 1. เรื่อง เรืองไกร ดิฉันได้ฟังแต่ข่าวอย่างที่คุณอ้าง โดยไม่เคยอ่านเนื้อข่าวทั้งหมด " รายได้ยื่นสำเนาสัญญาการโอนหุ้นที่โจทก์รับหุ้นจากบิดา อันเป็นการซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมาเจ้าพนักงานของจำเลย ประเมินแล้วพบว่าโจทก์คำนวณเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง " (ตามคำของคุณที่แปะให้อ่าน) นั้นที่มาที่ลึกลงไประหว่าง พ่อ- ลูก / จำนวนเงิน /และ ผลประโยชน์อะไรอีก (คุณจะหาว่าฉันแถ ก็ได้) ดิฉันจึงตอบว่า "ไม่รู้" ซึ่ง ดิฉันไม่รู้จริงๆ ว่าข้อมูลเชิงลึก นั้น เป็นอย่างไหร่ ที่สำคัญ "คำว่า ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2546 มันรวมทั้งหมดของรายได้ที่คุณจ่ายต่อเดือน  หาใช่ ภาษีหุ้น อย่างเดียว ซึ่งดิฉันมีข้อสงสัยว่า - ตอนแรกรายได้ที่สรรพากรคิดว่า คุณเกรียงไกรต้องจ่ายเพิ่มนั้น  มันเป็นรายได้ตัวอื่นหรือเปล่า เพราะคุณเกรียงไกรเป็น กรรมการอิสระ ???  (อันนี้ต้องโทษสรรพากร) เลยตอบ ไม่รู้ดีกว่า แต่ข้อมูลของพตท ทักษิณ นั้น ดิฉันฟัง - อ่านข่าว /ในนี้ และศึกษา ทั้ง แนวของคุณแป๊ะลิ้ม /ข่าว / ตลาดหุ้น / สรรพากร และ ศาล กรุณาอย่าเสียดสีดิฉัน แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 01:18:59 แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 01:17:22 จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 01:16:08 A:125.25.196.194 X:

ความคิดเห็นที่ 78 ทีนี้ถ้าลองมองมุมกลับ ถ้ารายได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นรายได้ที่ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น? โดยเฉพาะกับตลาดหลักทรัพย์ และเจ้าหน้าที่สรรพากร จากคุณ : BOMPS เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 01:32:55 A:222.123.167.130 X:

ความคิดเห็นที่ 79 ส่วนเรื่องพตท ทักษิณ เรื่องหุ้น ดิฉันขี้เกียจพิมพ์ แล้ว มีหลายๆ คนตอบแล้ว เรื่องจะเชื่อหรือไม่สุดแล้วแต่ แต่เรื่องที่ คุณทั้ง สอง เข้าใจผิด เรื่อง Vat นั้น ขอแสดงเรื่องจริงหน่อย ทุกคนในประเทศถ้ามีรายได้ ต้องเสียภาษีทุกคนคะ จะเป็นภาษีvat 7  หรือ ภาษีเหมา คะ ไม่ใช่.. อย่างที่คุณเข้าใจ ว่า เกิน ล้านแปด ต่อปี ต้องทำ vat แต่ถ้าต่ำกว่าไม่ต้องทำ ร้านข้าวแกงปากซอย  หรือร้านค้าท้ายซอย ตามที่คุณอ้าง ต้องเสียภาษีเหมาคะ รวมถึงแม่ค้าแผงลอย / รถเข็น /ก๋วยเตี๋ยวป๊อกๆ ... จริงๆ แล้วถึงคุณไม่มีป้ายแสดงชื่อร้าน (เสียภาษีป้าย / โรงเรือน ที่ดิน /ภาษีบำรุงท้องที่)  สรรพากรเขาจะประเมินมาเลยว่า เดือนหนึ่งคุณจะต้องเสียเท่าไหร่ ---> สามารถออกใบเสร็จเงินสด ได้!!!  (จริงๆ ตามกฎหมายต้องออกด้วย เพื่อแสดงหลักฐาน) เพียงแต่ 98% ของผู้ที่จะต้องเสียภาษีเหมา นั้น ไม่เสียภาษีเลย (ส่วนvat นั้นส่วนมากเลี่ยงภาษี จ่ายน้อยกว่ารายได้จริง)  ถ้าสรรพากรจับได้ก็จะปิดร้านแล้วเปิดร้านใหม่ในอีก 3-5 วันโดยบอกสรรพากรว่า มีเจ้าของคนใหม่ มาทำ --- (เทียบได้เลย  7/11 จะมีป้ายใส่กรอบเสียภาษีแสดงโชว์อยู่ ส่วน ร้านโชห่วย ส่วนมากไม่มี..  ลองเข้าไปดูกัน .. แถวบ้านดิฉัน 2 ร้านนี้รายได้ไล่ๆ กัน (รู้จักเป็นการส่วนตัวกับเจ้าของทั้งสองร้าน) เพราะฉะนั้น ที่คุณพูดว่า "คุณรู้เรื่องมั่งรึเปล่า  ร้านข้าวแกงปากซอย  หรือร้านค้าท้ายซอยก็เลยไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  ไม่มีใบเสร็จก็ไม่ผิดกฎหมาย" นั้น ผิด คะ ต้อง ไม่มีใบเสร็จ ผิดกฎหมาย... และ ถ้ามีรายได้ ไม่เสียภาษี ก็ผิดกฎหมาย เช่นกัน แต่บ้านเมืองเรา ดำรงความอิลักอิเลื่อ เอียงกระเท คนจ่ายภาษีก็จ่ายหน้ามืดไป ส่วนคนที่ไม่จ่ายก็เลียงได้ ดิฉันขอพูดดักไว้ก่อน หุ้น -การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาก่อน เพราะถ้าคุณเจ๊ง คุณจะกำแต่ตด แบบมือก็เหลือแต่ลม ที่ดิน - การลงทุนมีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย นโนบายเปลี่ยนตลอด แต่ถ้าเจ๊งไป (มาตาพุต) คุณก็จะกำ อุนจิ (ยังมีที่ดิน ทรัพย์สิน พอขายได้) เพราะฉะนั้น หุ้น ไม่ต้อง เสียภาษี แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 02:06:26 แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 01:48:22 จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 01:43:34 A:125.25.196.194 X:

ความคิดเห็นที่ 80 ส่วนอีกคูหาที่คุณอ้าง อีกทั้งคำตัดสินของศาลถือเป็นที่สุด  ดูคดีนี้เป็นตัวอย่างก็ได้ว่าการให้โดยอุปการะเนื่องในโอกาสพิเศษอ้างได้หรือไม่ --------------------------- ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 จำคุกนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์  อดีตประธานคณะกรรมการชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรีคนละ 3 ปี และนางกาญจนาภา  หงษ์เหิน  เลขานุการคุณหญิงพจมาน 2 ปี ฐานร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงภาษีการโอนหุ้นชินคอร์ป มูลค่า 546ล้านบาท ------------------------------------------------ และขอถามว่าการให้โดยเสน่หาผู้รับต้องเสียภาษีเงินได้หรือไม่ครับ ? ดูกรณีตัวอย่าง ------------------------------------------------- พิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2517 วินิจฉัยไว้ว่า การที่โจทก์(มารดา)ยกที่ดินให้จำเลย(บุตร) เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วปรากฏว่า ขณะโจทก์ยกที่ดินให้จำเลยนั้น จำเลยมีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักฐานแล้ว ไม่อยู่ในสภาพที่โจทก์ผู้เป็นมารดา มีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะ ทั้งที่ดินก็เป็นจำนวนมากราคาสูง จึงมิใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา ----------------------------------------------------- ผมยกกรณีตัวอย่างที่คล้ายคลึงกันและต้องเสียภาษีมาแล้ว ----------------------------------------------------- คล้ายคลึงกันมากเลยนะคะ 1. ที่ดิน ซึ่งมีแต่ราคาจะสูงขึ้น ทุกวัน หรือ ไม่สูงขึ้น ก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถแปลงค่าเป็นเงินได้ตลอด จะได้มากได้น้อยอีกเรื่อง แต่ หุ้น ค่าความผกผันสูง ถ้าคุณเล่นหุ้น ทำไมคุณจึงจ้องแต่ตัวที่ราคาปรับเป็นบวก ทำไมไม่ถือหุ้นที่นิ่งๆ ทั้งที่บริษัทเจ้าของหุ้นมีหน้าตาในสังคม เพราะค่าความเสี่ยงมันสูงจริงไหมคะ หลายครั้งที่วันนี้หุ้นดีๆ แค่มีข่าวไม่ดี หุ้นร่วง เจ๊งทีเป็นล้าน  (แต่อย่างว่า คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น) ---> มีไหมที่ ข่าวไม่ดีทำให้ที่ดินราคาตก  สีลม ราคาพื้นที่ไม่เคยตกเลยไม่ว่า ปี 40 หรือ 52 และ ดิฉันไม่แน่ใจเรื่องภาษีที่ให้ด้วยความเสน่หา  แต่ซื้อขายก่อให้เกิดรายได้จะเสียภาษีโอน และในการถือครองต่อปี เช่นเดียวกับธุรกิจชินคอร์ปก่อให้เกิดรายได้ ก็นำไปจ่ายภาษีสรรพสามิต แต่ดิฉันไม่อยากให้เทียบเคียงแบบนี้ เพราะ ถึงให้ด้วยความสเนหาเหมือนกัน แต่ลักษณะของสิงของแตกต่างกัน แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 02:28:24 จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 02:03:41 A:125.25.196.194 X:

ความคิดเห็นที่ 81 ว่าจะเข้ามาดูใครที่ แมนๆ มายอมรับว่าเคยเลี่ยงๆ มาเจอหนังเก่าวนมาฉายใหม่อีกแล้ว อะไรกันนักกันหนา จากคุณ : manfa เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 18:40:42 A:114.128.131.160 X:

ความคิดเห็นที่ 82 คุณตอสระอือ " เงินได้เกิดตอนขายให้เทมาเสกครับแล้วมีส่วนต่างจากราคาที่รับมาครับ " - ถูกต้อง และเป็นเงินได้ที่เกิดจากการซื้อขายหุ้น "ใน" ตลาดหลักทรัพย์ แล้วเขาจะต้องมีภาระเสียภาษีอะไรหรือ ในเมื่อการซื้อขายหุ้นในตลาดฯ ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว จากคุณ : TSC เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 20:16:51 A:124.121.44.35 X: