 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
http://www.pantown.com/board.php?id=15080&area=&name=board4&topic=308&action=view ส่อเจตนาวันเดียวทำทุกนิติกรรม
จากข้อเท็จจริงในการปฏิบัติวันที่ผู้จัดการกองทุน ของกองทุนรวมโกลบอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ (เป็นกองทุนรวมที่ได้รับโอนสิทธิจาก บริษัท เลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ ให้ทำสัญญากับ ปรส.) ได้ออกหนังสือชี้ชวนให้บุคคลภายนอกมาซื้อหน่วยลงทุน เป็นวันเดียวกับวันที่ ก.ล.ต.รับจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการจัดการกองทุนรวมโกลบอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ และมีฐานะเป็นนิติบุคคลในวันนั้น เป็นวันเดียวกับวันที่มีการลงนามในสัญญาการจำหน่ายของ ปรส. เลขที่ FRA02-RM-A ระหว่าง ปรส.กับกองทุนรวมโกล บอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ เป็นวันเดียวกับวันที่ Lehman Brother Special Finance New York โอนเงินผ่าน Standard Chartered Bank Bangkok เพื่อให้จ่ายตรงมายัง ปรส. และเป็นวันเดียวกับวันที่ ปรส.ปิดการจำหน่ายสินทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย คือวันที่ 1 ต.ค. 2541 ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวคือ "ฟาลคอน อินเวสเตอร์ 1 อิ๊ง-10 อิ๊ง" ซึ่งจากการให้ข้อมูลด้วยวาจาจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมวรรณ จำกัด ทราบว่าเป็นนิติบุคคลที่เกิดขึ้นที่เกาะเคย์แมน
รายงานผลการศึกษา กระบวนการและวิธีการ จัดการทรัพย์สินของ ปรส. วันที่ 21 เมษายน 2546 ปีที่ 26 ฉบับที่ 3472 (2672)
รายงานผลการศึกษากระบวนการ และวิธีการในการจัดการทรัพย์สินขององค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) เป็นการศึกษากรณี ปรส.อนุญาตให้บริษัท เลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเกี่ยวพันกับบริษัท เลห์แมนบราเธอร์ส (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท เลห์แมนบราเธอร์ส จำกัด ที่เป็นที่ปรึกษารายหนึ่งของ ปรส.เข้าร่วมประมูลสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ โดยผลการศึกษาแบ่งออกเป็น 4 ประเด็นดังนี้
"Chinese Wall" ใช้ได้หรือไม่ ?
ประเด็นแรก "Chinese Wall" ใช้ได้หรือไม่ กรณีที่ให้บริษัทที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทที่ปรึกษา มาประมูลสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ถูกปิด โดยการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรหรือบุคคล การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ปรส. ตามกฎหมาย ระเบียบ กฎเกณฑ์ เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ
1. ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรหรือบุคคล จากการศึกษาความเกี่ยวพันระหว่างบริษัทที่ปรึกษา บริษัทผู้เข้าประมูล ตลอดจนบุคคลผู้ทำสัญญาซื้อ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง พบว่า
1.1 บริษัทเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ ถือหุ้นในบริษัท เลห์แมนบราเธอร์ส (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ ปรส.อยู่ 99.99% โดยหลังจากประมูลแล้วได้โอนสิทธิให้กับกองทุนรวมโกลบอลไทย พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งจัดตั้งโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เป็นผู้ทำสัญญากับ ปรส. และให้ลูกหนี้จ่ายเงินให้กับกองทุนรวมฯ ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์
1.2 ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโกลบอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ (เป็นกองทุนรวมฯที่ได้รับโอนสิทธิ จากบริษัทเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ ให้ทำสัญญากับ ปรส.กรณีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) คือ "ฟาลคอน อินเวสเตอร์ 1 อิ๊ง-10 อิ๊ง" ซึ่งจากการให้ข้อมูลด้วยวาจา จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด ทราบว่าเป็นนิติบุคคลที่เกิดขึ้นที่เกาะเคย์แมน
1.3 ในการโอนเงินจาก Lehman Brother Special Finance New York ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Lehman Brother จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งได้จ่ายตรงให้กับ ปรส. ตามรายละเอียดดังนี้
เช็คเลขที่ 0039396 ลง 20 ส.ค. 2541 จำนวนเงิน 2,304 ล้านบาท เช็คเลขที่ 0040633 ลง 1 ต.ค. 2541 จำนวนเงิน 8,625,823,971.83 บาท รวม 10,929,823,971.83 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับผู้ถือหน่วยลงทุน คือ ฟาลคอน อินเวสเตอร์ 1 อิ๊ง-10 อิ๊ง ที่ถือในจำนวนสูงสุด 10 อันดับแรก ณ วันสิ้นสุดการเสนอขายหน่วยลงทุนรายละ 109,298,239.7183 บาท รวม 10,929,823,971.83 บาท
1.4 บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์โกลบอลไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ ปรส.จ้างเป็นกลุ่มพิจารณาการลงทุน (principle transaction group) และเป็นผู้ให้บริการการบริหารสิทธิเรียกร้องต่อกองทุนรวมฯ ได้รับค่าธรรมเนียมการบริหารสิทธิดังกล่าว จากกองทุนรวมโกลบอลไทย พร็อพเพอร์ตี้ ทุกปี ตั้งแต่ปี 2542-2544 น่าจะมีความเกี่ยวพันกับบริษัทเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ และกองทุนรวมโกล บอลไทย พร็อพเพอร์ตี้ เนื่องจาก
1) มีการแจ้งกรรมการเข้าใหม่ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์โกลบอลไทย จำกัด เมื่อ 27 ต.ค. 2541 จำนวน 2 คน คือ "นายไบรอัน พรินซ์" กับ "นายคาร์ลอส มานาแลก (Carlos Manalac)" ระบุสถานที่อยู่คือ เลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ ทั้ง 2 คน
2) เมื่อ 10 ก.ค. 2541 บริษัทเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ มีหนังสือมอบหมายให้ "Carlos M.Manalac" เป็นผู้ดำเนินการต่างๆ แทนบริษัทเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ ในประเทศไทย ซึ่งน่าจะเป็นคนคนเดียวกันกับกรรมการของ บงล.โกล บอลไทย
1.5 ผู้ถือหุ้นใน บงล.โกลบอลไทย จำกัด จากจำนวน 9,000,000 หุ้น ปรากฏว่าผู้ที่ถือหุ้นรายใหญ่ คือ "ฟาลคอน โฮลดิ้งส์ โฟร์ อิงก์" สัญชาติระบุว่า "เคย์แมน ไอส์แลนด์" ถือหุ้นอยู่จำนวน 8,745,818 หุ้น หรือประมาณ 97.18% ลงทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2541 ซึ่งชื่อผู้ถือหุ้นรายนี้สอดคล้องและมีสัญชาติเดียวกับผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโกลบอลไทย พร็อพเพอร์ตี้
กระชั้นชิดหรือประจวบเหมาะพอดี ?
การดำเนินงานของปรส.คือ ใบเสร็จ หรือ หลักฐาน ที่ชัดเจนที่สุดที่แสดงให้เห็นว่าการบริหารจัดการเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดที่แล้ว และผู้เกี่ยวข้องในปรส. ทำผิดพลาดจนก่อให้เกิดผลเสียหายแก่ประเทศอย่างร้ายแรง และมีแนวโน้มสูงว่าไม่ได้เป็นความผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ที่ผมแปลกใจคือเหตุไฉนรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในรัฐบาลชุดนี้มีท่าที ป้อแป้ เต็มทีตลอด 2 ปีเศษที่ผ่านมา
ล่าสุด ผลสอบ ศปร. 3 ออกมาแล้วก็เก็บใส่ลิ้นชักเฉยไว้งั้นแหละ ?
อีก 5 6 ปีข้างหน้าหากสถานการณ์การเมืองพลิกผัน แล้วนายกฯทักษิณ ชินวัตรหันกลับมามองการทำงานในรอบ 2 ปีนี้ ต่อให้เสียดายโอกาสแค่ไหน อยากแก้ไขข้อผิดพลาดอย่างไร ก็ไม่อาจย้อนเวลากลับมาได้แล้วนะครับ !
ความไม่ชอบมาพากลและความผิดพลาดของปรส.ตั้งแต่ต้นจนปลาย ผมทั้งเขียนและพูดมาจนเบื่อแล้วตั้งแต่ปี 2541 ทุกวันนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงทุกประการ ลองหาอ่านในหนังสือ เปลือยธารินทร์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ที่เดี๋ยวนี้กลายเป็น "หนังสือหายาก" ไปแล้ว
ขอสรุปสั้น ๆ ด้วยภาษาชาวบ้านดังนี้
1. รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งปรส.ขึ้นมาให้ทำหน้าที่ปฏิรูปสถาบันการเงินให้มีความแข็งแรงและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบเพื่อเป็นกำลังทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป จึงให้หยุดกิจการ 58 สถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว แต่ครั้นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนแปลงไปหมด มีการสั่งปิดตาย 56 สถาบันการเงินทันที และเปิดใหม่เพียง 2 แห่ง เสมือนเป็นการเริ่มต้นของแผนร้ายที่ถูกเรียกขานว่า ปล้นชาติ และ ขายชาติ โดยไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เดิม
2. เมื่อปิดสถาบันการเงินแล้วโอนทรัพย์สินและลูกหนี้ประมาณ 8 แสนล้านบาทไปให้ปรส.บริหารจัดการ โดยรัฐบาลรับใช้หนี้เงินฝากแก่ประชาชน ดังนั้นการบริหารจัดการจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ คือจะต้องจัดการให้ได้รับผลตอบแทนที่ทัดเทียมกัน มิฉะนั้นรัฐบาลก็จะเสียหาย ซึ่งก็คือประชาชนเสียหาย
3. ผู้บริหารปรส. และธปท. จ้างฝรั่งมาเป็นที่ปรึกษา และกำหนดให้ขายทรัพย์สินทั้ง 8 แสนล้านบาทโดยเร็ว แต่ไม่ให้ลูกหนี้เดิมมีส่วนซื้อ และจะขายเป็นกอง ๆ ละประมาณหมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการเปิดทางให้เฉพาะต่างชาติซึ่งเป็นพรรคพวกเท่านั้น
4. ที่ปรึกษาฝรั่งเข้ามาตรวจสอบรายการทรัพย์สินที่เป็นลูกหนี้ทั้งหมด รวบรวมเก็บข้อมูลทั้งหมด แล้วจัดกองลูกหนี้เองทั้งหมด จากนั้นก็กำหนดเงื่อนไขการขาย คือไม่ให้ลูกหนี้เข้าประมูล และเมื่อขายกองละหมื่นล้านบาทขึ้นไปก็เท่ากับกีดกันผู้ประมูลทั่วไปให้เหลือน้อยลง แต่คนที่รู้ไส้รู้พุงก็คือที่ปรึกษาฝรั่งนั้น
5. เมื่อประกาศประมูลก็มีผู้แสดงความสนใจหลายราย ต่อมามีการเปิดให้มีการตรวจกองลูกหนี้เพื่อจะได้รู้ฐานะและจะเสนอราคาได้ถูกต้อง หลังจากเปิดให้ตรวจแล้วมีการสลับกองลูกหนี้ ย้ายลูกหนี้กองนั้นไปไว้กองโน้น ทำให้ผู้สนใจที่มาตรวจดูกองลูกหนี้ไม่แน่ใจว่ากองหนี้ที่ตั้งใจจะประมูลเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จึงทำให้มีผู้สละสิทธิ์ไม่เข้าประมูลหลายราย เหลือแต่พรรคพวกในขบวนการเดียวกันเท่านั้น
6. ในจำนวนผู้สนใจซื้อหนี้ มีบริษัทที่ที่ปรึกษาฝรั่งถือหุ้น 99.99 % รวมอยู่ด้วย และชนะการประมูลเพราะรู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว
ทรัพย์สิน 8 แสนล้านบาทจึงขายได้เงินเพียง 2 แสนล้านบาท
เท่ากับชาติถูกปล้นไป 6 แสนล้านบาท !
เป็นมหาวีรกรรมในการปล้นชาติระดับโลกที่ต้องจารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลาน
7. พอชนะประมูลแล้วยังคิดโกงภาษีต่อไป โดยยกเว้นภาษีให้ แต่ต้องตั้งเป็นกองทุน ดังนั้นเมื่อถึงวันเซ็นสัญญา ผู้ชนะประมูลไม่ได้เซ็นสัญญา คงมีแต่ปรส.เซ็นชื่อข้างเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการทำสัญญาแบบไหน แล้วมีการโอนเงินเข้ามาชำระเงินงวดแรก หลังจากนั้นอีกหลายเดือนเมื่อมีการตั้งกองทุนเสร็จ ก็เอากองทุนเข้ามาทำสัญญา เป็นการโกงภาษีอีกต่อหนึ่ง
ความเสียหาย 6 แสนล้านบาท คนไทยทั้งประเทศต้องรับภาระอยู่จนถึงทุกวันนี้ และต้องรับผิดชอบต่อไปอีกถึง 30 ปี
คณะกรรมาธิการการเงินการคลังของวุฒิสภาชุดอาจารย์มีชัย ฤชุพันธ์ได้เสนอรายงานเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลนี้อย่างชัดเจน วุฒิสภาลงมติให้เสนอรัฐบาลดำเนินการในปี 2543 รัฐบาลชุดที่แล้วลงมติรับทราบ และตั้งคณะกรรมการ ศปร. 2 ขึ้นมาสอบสวน
ผลสอบ ศปร. 2 ออกมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ไม่มีการเปิดเผย อ้างเป็นชั้นความลับ
มาถึงรัฐบาลชุดนี้ ผมเห็นการตั้งบุคลากรเข้าไปเป็นประธาน ศปร. 3 ก็พอทราบแล้วละครับ ว่าตั้งเพื่อให้สอบแล้วเก็บเข้าลิ้นชัก ไม่ใช่เพื่อสอบแล้วดำเนินการ
จากคุณ |
:
ขุนหลวงใจดี
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ม.ค. 53 11:53:13
A:110.49.64.12 X:
|
|
|
|
 |