ความคิดเห็นที่ 1 ความคิดเห็นของผมในกระทู้นั้น ---------------------------------------------------------------------------------- คุณ นายแว่นธรรมดา ครับ ประเด็นในความคิดเห็นที่ 53 ของคุณ สามารถนำไปตั้งกระทู้เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับสมาชิกในนี้ได้เลยครับ น่าสนใจดี เหมือนกับการที่บริษัทของไทย ยกตัวอย่างเช่น ปตท.สผ. ไปลงนามทำสัญญาลงทุนขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบในประเทศอื่นๆเพื่อหาประโยชน์จากทรัพยากรใต้ดินจากประเทศเหล่านั้น และที่สำคัญ ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามารถสร้างทดแทนหรือแก้ไขฟื้นฟูปรับสภาพได้ ทรัพยากรนี้ไม่เหมือนพื้นที่หน้าดินในการเพาะปลูกพืชผลเกษตร อีกอย่าง อุณหภูมิและสภาวะแวดล้อมทั้งความชื้น แสงแดด ฝนฟ้าที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก เป็นทรัพยากรอันมีค่าของประเทศเราครับ เราต้องรู้จักใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุด จากคุณ : Springfield ----------------------------------------------------------------------------- ทรัพยากรของประเทศต้องใช้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน เห็นด้วยครับ เรานำทรัพยากรมาใช้/ขาย/พัฒนาเพื่อสร้างความเป็นอยู่ของคนในชาติให้ดีขึ้น การปฏิเสธที่จะทำสิ่งเหล่านี้ โดยเห็นว่าเป็นการล้างผลาญทรัพยากรของชาติ ผมว่าเป็นการมองที่สุดโต่งเกินไป ผมคิดว่า การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างไรให้ยั่งยืนในขณะเดียวกันใช้อย่างคุ้มค่าเพื่อพัฒนาประเทศเป็นหัวใจสำคัญครับ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 21:26:09 A:125.24.219.130 X:

ความคิดเห็นที่ 2 หลักการของโครงการซีฟู้ดแบงค์ ตามที่กรมประมงชี้แจง http://www.fisheries.go.th/prnews/Sea_Food_Bank.html กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอโครงการ ซีฟู้ดแบงค์ (Sea Food Bank) เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ของประชาชน ภายใต้นโยบายโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2547 และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีระยะเวลา ดำเนินการ 4 ปี (2548-2551)            เนื่องด้วยยังมีประชาชนที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับหลักการของโครงการซีฟู้ดแบงค์ ดังนั้น นายสิทธิ บุณยรัตผลิน อธิบดีกรมประมง จึงได้ชี้แจงหลักการที่ถูกต้องของโครงการ ดังนี้            1. เป็นการนำพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในทะเลที่ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่อนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และพื้นที่มีศักยภาพมาจัดสรรให้เกษตรกรผู้ต้องการที่ทำกินด้านการประมง เนื่องจากเดิมในแต่ละจังหวัด มีพื้นที่ซึ่งประกาศเป็นเขตอนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและมีเกษตรกรที่ขออนุญาตใช้พื้นที่ดังกล่าวเพาะเลี้ยง สัตว์น้ำ โดยเสียค่าอากรใช้พื้นที่ในอัตรา 80 บาท/ไร่/ปี ซึ่งพบว่าบางรายได้ขออนุญาตใช้พื้นที่จำนวนมาก (มากกว่า 500 ไร่) ดังนั้นเพื่อให้เกษตรกรรายใหม่มีโอกาสเข้ามาประกอบอาชีพในพื้นที่ดังกล่าวโดยเฉพาะ ผู้ไม่มีที่ทำกินและได้แจ้งความประสงค์ไว้กับทางการ โครงการซีฟู้ดแบงค์จึงเป็นการจัดระบบให้เกิดความ เป็นธรรมและกระจายพื้นที่ทำกินในทะเลให้เกษตรกรรายย่อยมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น            2. เป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ง่ายขึ้น โดยเกษตรกรที่ได้รับ การจัดสรรพื้นที่ในโครงการนำหนังสือรับรองสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่ออกโดย กรมประมงไปเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้ได้โดยตรง ซึ่งไม่ต้องใช้หลักประกันอย่างอื่นเหมือนที่ผ่านมา            3. นำสัตว์น้ำเศรษฐกิจ 5 ชนิด คือ หอย 3 ชนิดได้แก่ หอยแมลงภู่ หอยแครง หอยนางรม และสัตว์น้ำที่นิยมเพาะเลี้ยง 2 ชนิด ได้แก่ ปลากะรัง (เก๋า) ปลากะพงขาว มาสร้างมูลค่าและรายได้ ให้แก่เกษตรกรโดยการนำเข้าสู่ กระบวนการลงทุนเพื่อการพัฒนาอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพาะ เลี้ยงหอยทั้ง 3 ชนิด ซึ่งกินอาหารจากธรรมชาติไม่ต้องให้อาหารเพิ่มเติม จึงไม่ต้องลงทุน ในส่วน ของค่าอาหารแต่อย่างใด เป็นการนำศักยภาพทางธรรมชาติมาเพิ่มผลผลิต            4.  สำหรับสัตว์น้ำที่ต้องให้อาหารจะเน้นอาหารที่ผลิตจากฟาร์มเพาะเลี้ยงในพื้นที่โครงการ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากลอันจะทำให้ผู้บริโภคทั้งในประเทศและนอกประเทศมีสัตว์น้ำบริโภค ที่ปลอดภัยถูกสุขอนามัย            5. ผลผลิตสัตว์น้ำที่ได้ในแต่ละปีประมาณ 3.7 ล้านตัน ส่วนใหญ่ได้มาจากการจับจากทะเลคิดเป็นร้อยละ 76 รองลงมาได้มาจากการเพาะเลี้ยงชายฝั่งคิดเป็นร้อยละ 12 ปัจจุบันความสมบูรณ์ของสัตว์น้ำทะเลในแหล่งประมงของ ไทยได้ลดลงเป็นลำดับ เนื่องจากใช้ทรัพยากรมากจนเกินศักยภาพการผลิตจากธรรมชาติ ดังนั้นการจัดสรรพื้นที่ที่เคย ดำเนินการอยู่แล้ว มาดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและยังเป็นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ ทดแทนผลผลิตที่จับจากธรรมชาติอีกทางหนึ่ง            ในกรณีที่มีผู้สงสัย โครงการซีฟู้ดแบงค์ จะไม่สามารถแก้ปัญหาคนจนและเป็นการสร้างแนวคิดเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบครบวงจรผูกขาด ควบคุมการผลิตและการตลาดโดยเอกชน อธิบดีกรมประมง ได้ชี้แจงข้อสงสัย ดังนี้            1. โครงการมีส่วนช่วยแก้ปัญหาความยากจนของชาวประมงพื้นบ้านได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากชาวประมง ในเขตที่ประกาศให้เป็นพื้นที่อนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสามารถสมัคร เข้าร่วมโครงการและประกอบอาชีพ ตามหลักเกณฑ์โครงการได้ ในขณะเดียวกันการเพาะ เลี้ยงหอยจะช่วยให้สัตว์น้ำอื่นๆ เข้ามาอาศัยหาอาหาร และหลบภัย อันจะส่งผลต่อผลผลิต สัตว์น้ำธรรมชาติเพิ่มขึ้น และทำให้ชาวประมงพื้นบ้านจับสัตว์น้ำได้ เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ พื้นที่อนุญาตดังกล่าวยังเป็นแนวเขตป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย เช่น การทำประมง อวนรุนชายฝั่ง ดังนั้น พื้นที่โครงการจึงเปรียบเสมือนพื้นที่ป้องกันภัยให้สัตว์น้ำอีกด้วย            2. การผลิตสัตว์น้ำของโครงการไม่ใช่เป็นการผลิตรูปแบบใหม่ เพียงแต่จัดระบบให้มีมาตรฐานสามารถควบคุม คุณภาพการผลิตให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ด้วยการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมควบคู่กับ การตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำที่ผลิต และติดตามตรวจมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ            3. ความเข้าใจที่ว่ามีแนวคิดที่จะสร้างการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบครบวงจรและผูกขาด มีการควบคุม ปัจจัยการผลิต การตลาดโดยเอกชน ซึ่งชาวประมงชายฝั่งจะไม่ได้อะไร ขณะที่กลุ่มทุนมีแต่กำไรเป็น ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก เนื่องจากโครงการกำหนดให้องค์การสะพานปลาเข้ามามีบทบาท ในการจัดทำ Contract Farming ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับระบบการผลิตและระบบ การตลาดเพื่อสร้างความมั่นใจที่เกษตรกรจะมีรายได้แน่นอนจากการเลี้ยงสัตว์น้ำ แต่ทั้งนี้ Contract Farming เป็นเพียงอีกกลไกหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกมากขึ้นเท่านั้น ๏   ฝ่ายประชาสัมพันธ์ 24 มิถุนายน 2548 จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 22:08:57 A:125.24.219.130 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ได้ตามไปอ่านที่กระทู้ต้นเรื่อง  จากที่อ่านความเห็นของ "คุณนายแว่นธรรมดา"  ตามที่ จขกท.  ยกมาเป็นประเด็นของกระทู้นี้ อ่านโดยละเอียดแล้วให้รู้สึกว่าเป็นความเห็นที่อิงอคติอยู่บางส่วนหรือเปล่าคะ?  ขออภัยหากเข้าใจผิด พูดถึงเรื่อง "การแปลงทรัพยากรเป็นทุน"  ให้คุณหรือให้โทษ? ลองพิจารณาว่าที่เราท่านทั้งหลายเรียกร้องให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจ เราหวังจะได้อะไรจากการพัฒนาเศรษฐกิจสำเร็จ? 1. เราต้องการเป็นประเทศผู้ผลิตวัตถุดิบรายใหญ่ส่งให้กับนายทุน ไม่พัฒนาไปสู่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อรักษาธรรมชาติ โดยได้รับค่าตอบแทนราคาต่ำเพราะเราขายแค่วัตถุดิบ 2. เราต้องการเป็นประเทศผู้พัฒนาด้านอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลตอบแทนกลับมาสู่ภาคอุตสาหกรรมซึ่งก็คือประชาชนนั่นเอง ต้องถามกลับไปว่า ทุกวันนี้เรายินดีที่ประเทศไทยพัฒนาจากประเทศเกษตรกรรมเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมหรือไม่? เราพอใจกับความเป็นอยู่ในปัจจุบันหรือไม่? มีโครงการในพระราชดำริโครงการหนึ่งชื่อ "โครงการแกล้งดิน" (ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งต่อไปโครงการนี้คงถูกหยิบยกขึ้นมาสานต่อเพื่อพลิกฟื้นบำรุงดินให้มีคุณภาพในการทำการเกษตรเช่นแต่ก่อน กับ "โครงการการทำเมืองไทยให้เป็นครัวของโลก" เป็นโครงการในพระราชดำริที่คุณทักษิณ กำลังพิจารณาจะดำเนินการสานต่อโครงการนี้ก่อนที่จะถูกทำรัฐประหารจนสุดท้ายโครงการนี้ก็ไม่มีใครหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ส่วนตัวเชื่อว่า 1. ด้วยวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณ เมื่อบริหารจัดการแล้วจะให้ผลได้มากกว่าผลเสีย 2. ถึงจะคุณทักษิณ จะเน้นพัฒนาด้านอุตสาหกรรม แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะส่งเสริมภาคการเกษตร   3. โครงการในพระราชดำริดีๆ ที่หยิบมาทำต่อจนเห็นผลชัดเชน คงจำกันได้เรื่อง "สินค้า OTOP"   นี่เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่คนเสื้อแดงรู้สึกว่าถูกทำร้ายจากกลุ่มอำมาตย์เผด็จการ ด้วยการโค่นล้มคนมีศักยภาพไม่ให้พัฒนาประเทศพัฒนาประชาชน แล้วส่งตัวแทนของกลุ่มอำมาตย์มาเพื่อตัดตอนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ+ตัดตอนความกินดีอยู่ดีของประชาชนให้ง่อยเปลี้ยไปตามๆ กัน จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 22:13:58 A:58.9.115.110 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณน้ำมิตรที่ร่วมแสดงทัศนะ เคยได้ยินเกี่ยวกับ "โครงการแกล้งดิน" ในพระราชดำริของในหลวงเช่นกันครับ เกี่ยวกับวิธีการฟื้นฟูสภาพดินเสื่อมโทรมให้สามารถกลับมาใช้เพาะปลูกได้ http://dit.dru.ac.th/ka/a33.php การพัฒนาประเทศเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน เมื่อถึงจุดหนึ่ง ขอบเขตระหว่างการพัฒนา/นำมาใช้ซึ่งทรัพยากรและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ย่อมกระทบกระทั่งกัน อย่างกรณีมาบตาพุด การเปิดโอกาสให้เกษตรไทยที่มีความเชี่ยวชาญและภูมิปัญญาในอาชีพนี้อยู่แล้ว ได้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด โดยการเข้าถึงทุนและ เทคโนโลยี (ซึ่งไม่จำเป็นต้องของต่างชาติ) บวกกับการบริหารจัดการด้านการตลาดที่เหมาะสม ย่อมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้มากขึ้นและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การปลูกพืชผลเกษตรในลักษณะ Contract Farming ที่สามารถรับประกันราคาได้ มีตลาดที่แน่นอน ย่อมดีกว่าการที่รัฐบาลต้องรับจำนำพืชผลเกษตรอยู่ทุกๆปีครับ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 22:48:51 A:125.24.219.130 X:

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่มเติมความเห็นอีกนิดค่ะ "ทรัพยากร" เป็นสิ่งหมุนเวียนโดยธรรมชาติ ต้นไม้ถึงเราไม่ตัดถึงเวลาต้นไม้ก็ตายอยู่ดี เป็นต้น การใช้ทรัพยากร เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง การดิ้นรนหาทรัพยากรทดแทนเพื่อรักษาธรรมชาติจะเกิดขึ้นตามมา   ตย.  "การทำประมง"  การทำประมงอย่างผิดวิธีหรือเร่งผลิตมากเกินไปจนทำลายหรือลดปริมาณผลผลิตลงมากก็ต้องหันมาหาวิธีพลิกฟื้นเพื่ออนุรักษ์ อย่างเช่นการสร้างปะการังเทียม การงดเว้นทำประมงในบางช่วงเวลาหรือบางพื้นที่เป็นการชั่วคราว แต่การเตรียมความพร้อมที่ดี คือ เก็บเกี่ยวไปพร้อมกับสร้างขึ้นมาทดแทนให้พอดีกัน จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 23:02:43 A:58.9.115.110 X:

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่านค่ะ....ไม่ได้ตามไปอ่านกระทู้เริ่มนะคะ นึกถึงวิกฤต 40 วิกฤต ที่คนส่วนนึงล้ม แต่คนที่ตามกระแสโลกาภิวัฒน์ยืนได้ และ ยืนอย่างสง่างาม ในระบบน่ะ สรรพสิ่งมีอยู่ สมดุลเกิดไม่ได้ ระบบก็ไม่นิ่ง ปัญหาการเมือง ปัญหาการจัดสรรผลประโยชน์ กลุ่มทุนใหม่ที่ตามกระแสโลกาภิวัฒน์ทัน ... เรียนรู้ว่า อำนาจรัฐคือความชอบธรรม คุณทักษิณคือตัวแทนกลุ่มนี้ ถึงไม่มีคุณทักษิณ คนกลุ่มนี้ก็เกิดขึ้นมาแล้ว .... การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้มีประโยชน์สูงที่สุด มันสำคัญพอ ๆ กับการจัดสรรให้คนทุกกลุ่มมีโอกาสไม่เหลื่อมล้ำกันมาก...หรือ ไม่มีเลย ทำตรงนั้นได้ ปัญหาความขัดแย้งเห้นว่าเกิดขึ้นยากค่ะ จากคุณ : ความทุกข์ของกะทิ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 23:25:33 A:216.119.4.4 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเคยมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของเรือประมงหลายคน เขาบอกว่า สมัยก่อนคนมีเรือประมงออกไปจับปลา กลับมาทุกครั้งนำปลาไปขายที่ตลาดปลามหาชัย หลังจากหักค่าน้ำมัน ค่าแรงงาน ก็มียังกำไรเหลือเยอะ แต่พอราคาน้ำมันเริ่มแพง ธุรกิจประมงมีความเสี่ยงสูง การออกไปหาปลาแต่ละครั้ง บางครั้งขาดทุนเป็นแสนๆ เพราะราคาปลาไม่ได้ขึ้นรวดเร็วตามต้นทุนน้ำมัน ปลาที่จับได้ก็เป็นปลาที่มีมูลค่าตลาดต่ำ ซึ่งก็ต้องขายให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์ เรือประมงไทยจับปลาเก่งจน ปลาเล็กปลาน้อยก็หายาก จนต้องออกไปจับในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำให้มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายมากขึ้น การสร้างแนวปะการังเทียมและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อเป็นแหล่งอนุบาลปลา ก็ช่วยให้ทรัพยากร "หมุนเวียน" และสามารถนำมาใช้ใหม่ได้เร็วขึ้น จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 23:28:09 A:125.24.219.130 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณ คุณ ความทุกข์ของกะทิ ที่ดึงความเห็นกลับมาสู่ประเด็นของกระทู้นี้ (ที่ผมพาออกทะเลไปแล้ว อิอิ) ใช่ครับ "กลุ่มทุนใหม่" ที่เริ่มพัฒนาและเติบโตขึ้น คนรากหญ้าที่สมัยก่อนด้อยทั้งโอกาสและด้อยทั้งทุน เริ่มตระหนักถึงอำนาจและพลังของพวกเขา ว่าสามารถเลือกผู้บริหารประเทศที่ตอบสนองความต้องการและให้โอกาสแก่พวกเขาได้ผ่านกลไกลของรัฐ และอย่างที่คุณน้ำมิตร กล่าวย่อหน้าสุดท้ายในความเห็นที่ 3 "นี่เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่คนเสื้อแดงรู้สึกว่าถูกทำร้ายจากกลุ่มอำมาตย์เผด็จการ ด้วยการโค่นล้มคนมีศักยภาพไม่ให้พัฒนาประเทศพัฒนาประชาชน แล้วส่งตัวแทนของกลุ่มอำมาตย์มาเพื่อตัดตอนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ+ตัดตอนความกินดีอยู่ดีของประชาชนให้ง่อยเปลี้ยไปตามๆ กัน" พอพูดถึงเรื่อง"ทุน" จริงๆผมก็อยากพูดถึง "ทุนสามานย์" นะ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 53 23:41:52 A:125.24.219.130 X:

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับเพชร อาจจะแสดงความคิดเห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ค่อย ตรงประเด็นของกระทู้นัก ก็คงไม่ว่ากันนะคะ   มุมมองของเพชร เป็นแบบนี้ค่ะ ถ้าเรามองจากภาพเล็ก จะพบว่าเรามีผลผลิตทางเกษตรมากมาย ที่ประเทศเราผลิตได้ในแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็นบนดิน (ข้าว,อ้อย,ยางพารา ฯลฯ) หรือในน้ำ (กุ้ง,ปลา,อาหารทะเล ฯลฯ) หรือแม้แต่การส่งออกอาหารแปรรูปต่างๆ ซึ่งประชาชนชาวไทยเกี่ยวกับกับอาชีพเหล่านี้ทั้งทางตรง และทางอ้อม นับสิบล้านคน ภาพต่อมาคือ คุณทักษิณได้นำวิธีการบริหารจัดการมาทำให้สินค้าเกษตรต่างๆ มีระดับราคาที่ดีขึ้น,มีการทำตลาดจนสินค้าเป็นที่ต้องการ ตัวชี้วัดคือราคาสินค้า เกษตรดีขึ้น,สินค้า OTOP ที่ส่งออกไปทั่วโลก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คงจำกันได้ ราคายาง,ราคาข้าว ฯลฯไม่เคยมีรัฐบาลทำได้ขนาดนี้ ซึ่งในสมัยนั้นก็มีปัญหาและอุปสรรคไม่แพ้รัฐบาลสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรคซาร์,มรสุม , ภัยธรรมชาติ   แต่ถ้าดูให้ดีๆในสมัยนั้น ประเทศเรามีอำนาจต่อรองทางการค้าระหว่างประเทศ กับ สินค้าเกษตรอย่างมากมายและไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน แม้แต่ ปลายรัฐบาล ที่จะมีการต่อรองการซื้อขายอาวุธโดยใช้สินค้าเกษตรเป็นตัวต่อรอง!!! ภาพกว้างกว่านั้น นี่เป็นเรื่องใหญ่โลกเจอภัยธรรมชาติหนักขึ้นทุกปี ตัวอย่างปีนี้ที่ประเทศเมืองหนาวทั่วโลกไม่เคยเจออากาศหนาวมากขนาดนี้ แน่นอน อาหาร-พืชผลเกษตร ที่หลายประเทศที่เจอสภาพอากาศผลิตไม่ได้ แต่ประเทศเราที่ไม่ค่อยมีผลกระทบด้านภัยธรรมชาติ ซึ่งผลิตได้ แต่เราจะทำให้ทรัพยากรที่เรามี ที่เราผลิตได้ ที่เราส่งออกได้ ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม และมีความสำคัญต่อประเทศที่ประสบปัญหานี้ และต่อโลก อย่างไร ?? นี่ต่างหากเป็นสิ่งที่เราต้องคิด สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 4-5 ปีในสมัยท่านทักษิณ ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า เขาทำงานในเชิงโครงสร้าง มองทั้งองค์รวม มองตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าจะเดินไปอย่างไร และผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อยากให้รัฐบาล หันมาสนใจสิ่งต่างๆเหล่านี้ มากกว่ามุ่งคิดที่จะตามล่าตามล้าง คุณทักษิณ และ สร้างภาพให้ดูดี มากกว่าลงมือปฏิบัติเหมือนในปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 53 00:23:19 จากคุณ : เพชรน้ำนิล เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 00:16:59 A:124.121.27.242 X:

ความคิดเห็นที่ 10 คงต้องถามว่า แปลงทรัพย์สินเท่าไหร่ ถึงจะพอ คำตอบคือ ไม่พอ ครับ มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ทุกอย่างถูกตีค่าเป็นเงินหมด คงต้องหาจุดที่สมดุลเกินไป การพัฒนาที่ยั่งยืน คงหมายรวมถึง การพัฒนา "วิถีชีวิต" ควบคู่ไปด้วย เมื่อไรก็ตาม ที่เราแปลง วิถีชีวิต เป็นทุน เมื่อนั้น เราคงสูญเสียจิตวิญญาณ ของคนไทยไปแล้ว จากคุณ : โบวี่ (bovy_zzz) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 00:20:09 A:58.9.18.130 X:

ความคิดเห็นที่ 11 จิตวิญญาณคืออะไร... ? ถ้ามนุษย์ด้วยกัน ต่างตีค่ากัน เพียงเพราะ อำนาจและผลประโยชน์... สังคมอุดมคติ เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าปากท้องยังหิว และ เงินในกระเป๋าไม่มีค่ะ จากคุณ : ความทุกข์ของกะทิ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 00:40:07 A:216.119.4.4 X:

ความคิดเห็นที่ 12 จขกท. คุณ Springfield  ขอบคุณที่แตกกระทู้มาให้อ่าน ก็เลยได้อ่านบางประเด็นที่ถูกใจ น่าสนใจมากทีเดียว 1 กรณีการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน / การแปลงทรัพยากรเป็นทุน 2 งานประชาสัมพันธ์ของกรมประมง ลว. 24 มิย.2548 ทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มหึมาเกินกว่าจะนำมาเสวนากันในห้องนี้ เว้นแต่จะเป็นกระทู้แนะนำ หรือกระทู้ปักหมุด ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เข้ามาแสดงคคห.กันหลากหลาย ปัญหามีอยู่ว่า..อุตสาหะวิริยะเขียนกันราวกับสภาพันทิปราชดำเนินเนี่ย มีใครอ่านกันบ้างไหม? อ่านแล้วเกิดประโยชน์บ้างไหม? จะเกิดอย่างไร? หลายท่านในห้องราชดำเนินแห่งนี้ หลาย Log In ในนี้พอจะประเมินได้ว่ามีคุณภาพดีเยี่ยม บางท่านดี เพียงแต่มีเวลาน้อย และโอกาสก็น้อย ก็เลยไม่ค่อยได้แสดงคคห.กัน ขอแย้งคุณแว่นธรรมดา ประเด็น...ที่ผม Copy มา..... ....ถ้าทักษิณเข้ามาปกครองประเทศ ทรัพยากรของเราจะหายไปเร็วกว่าเดิม เพราะทุกอย่างจะถูกแปลงเป็นทุน.. เพราะต้องการพัฒนา พลิกฟื้นอย่างรวดเร็ว.. ผมว่าคุณแว่นกล่าวเหมารวมๆอย่างนั้นไม่ถูกต้อง น่าจะแยกประเภททรัพยากรว่าอย่างไหนใช้แล้วหมดไปอย่างรวดเร็ว อย่างไหนใช้แล้วสามารถทำให้ย้อนกลับมาใช้ได้อีก หรือสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืน ผมเดาว่าคุณแว่นจะไม่ชอบคุณทักษิณ ก็เลยมีอคติต่อทุกนโยบายและทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะไม่ชอบขี้หน้าผมด้วย..เพราะผมชอบนโยบายคุณทักษิณ ผมจะไม่พร่ำพรรณายาว หากคุณแว่นขับรถออกไปจากกรุงเทพฯ คุณแว่นจะเห็น 2 ข้างมีคูคลองไปตามทาง ซึ่งกรมทางเขาขุดดินเอามาใช้ทำถนน น่าจะเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์ปลาตามธรรมชาติให้แก่ท้องถิ่นนั้นๆ ทำกันเป็นเรื่องราวแค่ไหน คุณแว่นจะเห็นบางส่วนเป็นทุ่งนา บางส่วนเป็นที่รกร้าง บางแห่งมีต้นไม้ต้นพงต้นหญ้าต้นอ้อ คุณแว่นจะเห็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ผมว่าพื้นที่เหล่านี้ยังไม่ได้รับการบริหารจัดการให้เป็นประโยชน์สูงสุด คือการพัฒนาที่ยั่งยืน ขณะนี้ผมเรียกการพัฒนาตามยถากรรม คุณพูดว่า ถ้าไม่มีคุณทักษิณ ก็จะมีทักษิณ2 ทักษิณ 3  ซึ่งผมว่าไม่ว่าจะเป็น 5 เป็น 6 ก็ต้องไปอยู่ดูไบ มองไบ อยู่ดี เพราะอะไร? ก็เพราะเขาอยู่ไม่ได้ คุณแว่นไม่สงสัยบ้างเลยหรือว่า..คนที่ครอบครองคฤหาสน์บนเขายายเที่ยงทำไมไม่ทำอย่างคุณทักษิณ? ก็เพราะไม่มีปัญญาคิด ไม่มีปัญญาทำน่ะซี แล้วเรามาทะเลาะกันทำไม? ผมตอบก็ได้ เพราะอำมาตย์มัวแต่เอาประโยชน์ส่วตนและพรรคพวก ลืมไปว่าคนบ้านนี้เมืองนี้มีคนด้อยโอกาสอีกจำนวนมากที่รอคอยคนที่เข้าใจเขา และพยายามกระจายโอกาสให้เขา แล้วก็ให้มีเหตุอันเป็นไป...มีคนไปขับไล่เขาให้หนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ต่างแดน เขา..ก็คือคุณทักษิณนั่นแหละ แล้วนี่ผมตอบคุณหรือยังว่า เรามาทะเลาะกันทำไม? คุณเป็นอะไรกับสนธิหรือครับ? ขอเรียนว่า..ผมไม่ได้ทะเลาะกับคุณแว่นธรรมดา เว้นแต่ว่า คุณจะมาขับไล่ให้ผมไปอยู่ดูไบอีกคน จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 01:00:05 A:124.121.103.66 X:

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องทุนและผลประโยชน์ เป็นอะไรที่ถูกโจมตีได้ง่ายมาก จากคนที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนหรือไม่มีทุน แต่ถ้าเมื่อไรคนที่พูดโจมตีนายทุนคนอื่นเกิดมีทุนขึ้นมา หลายคนก็หันเหตนเองไปเป็นผู้ลงทุนเสียเองมานักต่อนักแล้ว เข้าทำนอง  "เขาทำผิด แต่ เราทำได้(เพราะเรามีเหตุผลสมควรที่จะทำ)" ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ว่า 1. วัตถุประสงค์ของการลงทุน ลงทุนเพื่ออะไร? 2. มีกระบวนการจัดการโปร่งใส สุจริต ถูกต้องแค่ไหน? 3. ลงทุนไปแล้ว รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม+สังคม อย่างไร? การลงทุนก่อให้เกิดรายได้ ทั้งตัวผู้ลงทุน + ลูกจ้าง   การลงทุนยังเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตอยู่ดี ถ้ามีทุนอยู่ในมือ มีใครบ้างที่จะเก็บเงินนั้นไว้รอกินดอกเบี้ยอย่างเดียวโดยไม่นำไปลงทุนให้เกิดสินทรัพย์อื่นตามมา? จากคุณ : น้ำมิตร เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 01:02:39 A:58.9.115.110 X:

ความคิดเห็นที่ 14 จขกท. คุณ Springfield  ขออนุญาตติดพันต่ออีกนิดเดียว ถ้าคุณทักษิณเป็นนายก และประเทศไทยมีสำนักงานหอการค้าในต่างประเทศ รู้เขารู้เราละเอียดยิบที่เกี่ยวการค้าขายและเศรษฐกิจ แบบ JTRO ของญี่ปุ่น จะช่วยชาติบ้านเมืองได้อีกมหาศาล ผมจำได้ตอนที่นายกทักษิณบอกว่าผมเป็นเซลแมน ก็ยังนึกอยู่ว่าช่างกล้าหาญจริง กระทรวงต่างประเทศต้องปรับตัวครั้งใหญ่เป็น CEO ทูตการค้า คุณกษิตก็เลยเกิดความประทับใจจนจับขั้วจิต จองล้างจองผลาญข้ามภพข้ามชาติไล่ล่าคุณทักษิณด้วยเหตุนี้ จากคุณ : อภิวัฒน์ (Apiwatmnp) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 01:12:40 A:124.121.103.66 X:

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาดู.. ขอบคุณที่นำข้อคิดเห็นของผมมานำเสนอครับ.. ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าคุณทักษิณกลับมารับผิด และสู้คดีอีกครั้ง.. มันก็เป็นความชอบธรรมที่จะกลับมาเล่นการเมืองต่อได้ครับ.. ส่วน ปชช. (บางส่วน หรือส่วนใหญ่) จะยอมรับหรือไม่ และจะก่อให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตอีกหรือไม่? ผมไม่อาจคาดเดาได้ครับ.. เป็นกระทู้ที่ดีครับ.. ผมเริ่มเห็นแสงสว่างแห่งความปรองดองของคนไทยด้วยกันแล้ว.. ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็พัฒนาไปได้ดีทีเดียว.. ขอบคุณทุกท่านที่ไม่ได้มองข้ามความคิดเห็นที่แตกต่างครับ.. ... จากคุณ : นายแว่นธรรมดา เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 09:49:47 A:202.44.8.100 X:

ความคิดเห็นที่ 16 คห.ที่ 10 คุณ : โบวี่ (bovy_zzz) ที่พูดกันอยู่นี่ เป็นทรัพยากรที่สามารถหมุนเวียนและฟื้นฟูกลับมาใช้ใหม่ได้ครับ เช่น ความอุดมสมบูรณ์ของดินพื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ชายฝั่งที่เหมะแก่การเลี้ยงสัตว์น้ำพร้อมกับอนุรักษ์ธรรมชาติ  รวมถึงอากาศ ความชื้น แสงแดดที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกครับ ไม่ใช่ทรัพยากรเช่นก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบที่ไม่สามารถทดแทนได้ ใช้แล้วหมดแล้วหมดเลย การนำทรัพยากรมาแปลงเป็นทุน ไม่ว่าจะนำมาใช้เพื่อพัฒนาหรือขาย จุดประสงค์ก็คือ ความมั่งคั่งและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยรวมของเกษตรกรโดยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ผลผลิตมีราคาอ้างอิงที่เหมาะสมกับต้นทุนการผลิต มีตลาดรับซื้อที่แน่นอน ไม่จำเป็นต้องปลูกพืชผลชนิดเดียว กระจายความเสี่ยงได้ สามารถวางแผนการทำการเกษตรได้ ไม่ต้องให้รัฐมีภาระมารับจำนำทุกๆปี ไม่ต้องถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ วิถีชีวิต และ จิตวิญญาณ ในความหมายของคุณ คืออะไร? ฟังดูดีแต่ช่วยขยายความหน่อย วิถีแห่งความเป็นหนี้ไม่รู้จบ? วิถีแห่งการถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง? วิถีแห่งความเสี่ยงเมื่อผลผลิตออกมาล้นตลาด? วิถีแห่งการพึ่งพาการประกันราคาหรือจำนำพืชผลให้รัฐเป็นภาระทุกๆปี? ที่ผ่านมาวิถีเหล่านี้มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ลองถามตัวคุณเองว่าอยากอยู่ในวงจรหรือวิถีชีวิตนี้หรือไม่ การอยู่วิถีชีวิตที่เป็นหนี้/จน/เสี่ยง/ไร้โอกาสอย่างไม่รู้จบซิครับ ถึงจะสุ่มเสี่ยงต่อการขาย "จิตวิญญาณ" จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 09:51:38 A:118.174.49.140 X:

ความคิดเห็นที่ 17 คห.ที่ 9 คุณ เพชรน้ำนิล พูดถึงการทำงานในเชิงโครงสร้างและมองอย่างองค์รวมว่าจะ "จะเดินไปอย่างไร" (ยุทธศาสตร์) รวมถึงผลลัพธ์ ในสมัยทีมงานรัฐบาลคุณทักษิณ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ สมกับเป็นสาวเสื้อแดงจริงๆ คริๆ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 10:01:18 A:118.174.49.140 X:

ความคิดเห็นที่ 18 คห.ที่ 12 คุณปู่อภิวัฒน์ (ของหลานสาวๆๆ) น่าจะมีกระทู้ปักหมุดหรือกระทู้แนะนำเหมือนเดิมนะครับ มีกระทู้ดีๆหลายกระทู้ไหลลงไปอย่างน่าเสียดาย ผมไปเที่ยวเกาหลีใต้เมื่อปีที่แล้ว ขนาดพื้นที่เล็กๆข้างทางด่วนทางรัฐบาลของเขายังอนุญาตให้ชาวบ้านทำแปลงปลูกข้าวปลูกผักได้เลย ตราบใดที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรอย่างคุ้มค่าและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เกาหลีมีอากาศหนาวจัดเพาะปลูกไม่ได้ต่ำกว่า 3-4 เดือนต่อปี ภูมิประเทศเป็นภูเขา ดินแข็งโป๊ก ผมไปดูแปลงนาแบบใกล้ๆ ดินสีจางๆไม่ดำอุดมสมบูรณ์เหมือนอย่างบ้านเรา จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 10:26:37 A:118.174.49.140 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ คุณ นายแว่นธรรมดา ที่แวะเข้ามาดูครับ จริงๆอยากให้แสดงความเห็นเพิ่มเติมด้วยครับถ้าสะดวก ถ้าเรามองภาพกว้างๆ เหตุการณ์รัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลคุณทักษิณและกระบวนการต่างๆที่ตามมา มันก็คือการเมืองครับ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 10:33:34 A:118.174.49.140 X:

ความคิดเห็นที่ 20 นายแว่นธรรมดา กับคุณ Springfield  เป็นคนชั้นกลาง ที่รอเงินช่วยเหลือจากภาครัฐเหรอครับ  ชอบใจกับ นโยบายแจกเงิน คนละ2000 บาท กับได้เบี้ยผู้สูงอายุผู้พิการเดือนละ500 เหรอครับ แล้วเข้าใจเรื่องการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนผิดไปหรือเปล่าครับ   ก่อนที่จะเข้าเรื่องแปลงสินทรัพย์เป็นทุน  ลองสำรวจดูไหมว่า จริงๆแล้วชาวนาหรือเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศ มีที่ดินเป็นของตัวเองหรือไม่ มีพอทำกินหรือไม่  แล้วเหตุผลที่เขาไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ต้องเช่าที่นาพวกเศรษฐีนายทุน ที่ซื้อที่ ภทบ.5 ไปเป็นร้อยๆพันๆไร่เนี่ย เพราะอะไร   โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ก็เพื่อช่วยพวกเกษตรกรที่มีที่ดินเป็นของตัวเองมีศักยภาพในการทำงาน แต่ขาดแคลนเงินทุน  ทำไมถึงคุณถึงคิดแต่ว่าเกษตรกรจะขายที่ดินให้นายทุนอย่างเดียวล่ะครับ การที่เกษตรกรต้องขายที่ให้นายทุนเพราะอะไร เพราะประเทศไทยขาดการจัดการเรื่องผลผลิตที่ดี คุณอยากให้คิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมเหรอครับ  เอาในหลวงมาอ้างกัน แต่ลืมไปอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อเราพัฒนามากขึ้น เราก็เป็นอุตสาหกรรมได้ แต่ไม่ใช่อุตสาหกรรมเครื่องจักรเพิ่มมลพิษ แต่มันคือประเทศอุตสาหกรรมเกษตรนะครับ รู้จักไหม ว่าอุตสหกรรมเกษตรเป็นอย่างไร   ก็โครงการครัวไทยสู่ครัวโลกนั่นแหละครับ คือเราจะเป็นประเทศที่ผลิตวัตถุดิบให้กับโลก  ผลิตพืชผลทางการเกษตรให้กับโลก   ถ้าเจ้าของกระทู้ดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจะรู้ว่าปัจจัยสี่อันดับแรกก็คืออาหาร  ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ หรือรถแข่งนำเข้าจากต่างประเทศ เจ้าของกระทู้พูดถึงจิตวิญญาต หรือความเป็นไทย จะอยู่ที่ไหนบนโลกมันก็คือคนไทยครับ ถ้าเขารักและหวงแหนวัฒนธรรมประเพณี  ดูคนจีนเป็นแบบอย่างครับ แล้วถ้าเจ้าของกระทู้ไม่ใจแคบหัดมองโลกให้กว้าง ดูอย่างในหนัง 2012 หรือหนังหลายๆเรื่องเดี๋ยวนี้เขาพยายามพูดถึงคนทั้งโลกที่ต้องรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ร่วมกันครับ  การใช้ทรัพยากร หรือการทำลายทรัพยากร ทุกคนบนโลกต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันครับ   ถ้าคิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ เราทำอะไรเพื่อโลกเราหรือยัง   มัวแต่ห่วงเรื่องทุนจากต่างประเทศเข้ามาซื้อที่นา  แต่ลืมไปหรือเปล่า ว่าไทยเราเองก็ไม่ต่างกัน เราก็ไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เอาทุนเอาเงินเข้าไปซื้อที่ซื้อทางผลิตสินค้าส่งกลับมาประเทศของเรา  ลองไปศึกษาบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยหลายๆแห่งก็มีฐานการผลิตอยู่ต่างประเทศหรือมีสาขาอยู่ต่างประเทศนะครับ   เป็นห่วงที่นาหรือพื้นที่เกษตรเราจะถูกขายให้ต่างชาติ  แต่ไม่ได้มองว่า เศรษฐีเมืองไทยหรือนักการเมืองข้าราชการในไทย หลายคนยังมีพื้นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกมากมาย ทำไมไม่เรียกร้องให้พวกคนเหล่านั้นเอาพื้นที่มาให้ชาวนาหรือเกษตรกรได้ทำมาหากินเพาะปลูกพืชเพิ่มผลผลิตล่ะครับ จากคุณ : arthure21 เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 10:40:29 A:192.168.1.24 X:124.121.27.36

ความคิดเห็นที่ 21 คห.ที่ 20 คุณ arthure21 คุณเข้าใจประเด็นของกระทู้พร้อมยกเหตุผลสนับสนุนความคิดเห็นของคุณได้ดีครับ อยากให้อ่านความคิดเห็นของผม (จขกท.) ให้ละเอียดอีกนิดนึง จะได้รู้ว่าผมคิดอย่างไร ก่อนที่จะ"อัด"ผมนะครับ ปล. ผมเปลี่ยนสีแบ็คกราวน์ความเห็นของผมบ่อยอาจทำให้พลาดไปได้ จากคุณ : Springfield เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 10:59:53 A:118.174.49.140 X: